Wednesday, 14 May 2025
NEWS

‘ราชบุรี’ จัดเต็ม!! ต้มยำกุ้ง 4 พันตัว ปรุงในกระทะยักษ์ 3 เมตร แจกให้ชิมฟรี ในงาน ‘หอการค้าแฟร์ 2023’ ตั้งแต่ 3-11 ก.ย.นี้

(5 ก.ย. 66) ที่บริเวณเขื่อนรัฐประชาพัฒนา ริมแม่น้ำแม่กลอง เทศบาลเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ได้มีการจัดงาน ‘หอการค้าแฟร์ 2023’ จังหวัดราชบุรี ระหว่างวันที่ 3 – 11 กันยายน 2566

โดยหอการค้าจังหวัดราชบุรี ร่วมกับ ภาครัฐ และเอกชน กลุ่ม YEC (Young Enterpreneur chamber of commerce) นักธุรกิจรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนาเครือข่ายสมาชิกและธุรกิจ โดยนำร้านค้าทั้งในชุมชน และกลุ่มภาคธุรกิจต่างๆ ร้านค้าชื่อดังทั้งสื่อโซลเชียล facebook สื่อ Tiktok และ ร้าน ที่มีชื่อออกผ่านรายการทีวี นำของฝาก ของที่ระลึก สินค้าเครื่องอุปโภค บริโภค ของกินขึ้นชื่อ มาออกร้าน ที่มีมากกว่า 300 ร้านค้า ตลอด 9 วัน 9 คืน เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ และกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดราชบุรี ตลอดจนกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดให้กลับมาคึกคัก

โดยเมื่อวันที่ 4 กันยายน เป็นคืนที่ 2 ของการจัดงาน นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี และนายโกมล ตันติวรนุกูล กรรมการหอการค้าไทย ประธานที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดราชบุรี ร่วมกันเปิดงาน ‘หอการค้าแฟร์ 2023 จังหวัดราชบุรี’ อย่างเป็นทางการ

พร้อมทั้ง ร่วมกันปรุงต้มยำกุ้งกระทะยักษ์ ซึ่งใช้วัตถุดิบจากทั้ง 10 อำเภอในจังหวัดราชบุรี อาทิ กุ้งก้ามกราม จาก อ.บางแพ, ผักชี มาจาก อ.ปากท่อ, พริก มาจาก อ.เมืองราชบุรี, เห็ดฟาง มาจาก อ.บ้านโป่ง, ข้าวสารจาก อ. บ้านโป่ง, ต้นข่า มาจาก อ.ปากท่อ, ใบมะกรูด มาจาก อ.บ้านคา, มะนาว จาก อ.ดำเนินสะดวก, พริก มาจาก อ.จอมบึง, ตะไคร้ มาจาก อ.วัดเพลง และ เห็ดหอม มาจาก อ.สวนผึ้ง นำมาปรุงรสในกระทะยักษ์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร หนัก 3 ตัน พร้อมใช้น้ำจำนวน 600 ลิตร กุ้งสดจำนวน 100 กิโล ประมาณ 4,000 ตัว

โดยร่วมกันใช้ตะหลิวขนาดใหญ่ คนให้เข้ากัน ซึ่งต่างคนต่างก็วาดลีลาในการปรุงต้มยำกุ้งกันอย่างเต็มที่ โดยมี ‘น้องโอลีฟ’ เจ้าของวลีเด็ด “โตเกียวเนยกรอบไหมคะ” แม่ค้าเซ็กซี่โนบราขายโตเกียวเนยกรอบคนดังมาร่วมปรุงรสต้มยำกุ้ง เพื่อสร้างสีสันทำเอาเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนคลับ และหนุ่มๆ ที่มายืนเชียร์

สำหรับการทำต้มยำกุ้งใช้เวลาประมาณ 15 นาที ต้มยำกุ้งกระทะยักษ์สุก ได้รสชาติ พร้อมเสิร์ฟ โดยให้เจ้าหน้าที่ได้ตัดข้าวใส่ถ้วยแจกจ่ายให้กับนักท่องเที่ยว และชาวราชบุรีที่มาเดินเที่ยวงานได้ชิมฟรี สำหรับต้มยำกุ้งกระทะยักษ์ครั้งนี้ หากคิดเป็นตัวเลขมีมูลค่าประมาณ 50,000 บาท นับเป็นการส่งเสริมกิจกรรมในงานหอการค้าแฟร์ให้เป็นที่น่าสนใจ

พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้จักของดี โดยเฉพาะ ‘กุ้งก้ามกรามบางแพ’ เป็นสินค้า GI ของจังหวัด โดยปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามบางแพแล้วกว่าหนึ่งพันราย สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยกว่า 2,500 ล้านบาทต่อปี และการส่งออกมากที่สุดของประเทศไทย

ส่วนบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดราชบุรี และ ต่างจังหวัด เดินทางมาเที่ยวจำนวนมาก ทำให้ร้านค้าต่างๆ หลายร้านสินค้าหมดก่อนตั้งแต่ช่วงค่ำ นอกจากนี้นยังมีร้านค้าที่น่าสนใจหลากหลาย

อาทิ ร้านปังเวอร์ ที่โด่งดังในเรื่องของขนมปังใส้ครีมฮอล และ ขนมปังใส้แน่น , ข้าวเกรียบเห็ดหอม ข้าวเกรียบ โนริสาหร่าย ที่มีลูกค้าต่อคิวซื้อ, กาละแมแม่สุนันท์ กาละแมของดีจาก อ.เขาย้อย เพชรบุรี ที่นำกาละแมรสชาติใหม่มาเปิดตัว รสชาไทย ที่ทานกาละแมแล้วนึกถึงดื่มชานมเย็น และรสกาแฟ ที่ให้รสชาติหอมหวานถึงรสกาแฟ, ร้านทะเลดองซีอิ้ว, ปังแลบลิ้น ขนมปังใส้แน่นนุ่มอร่อยพอดีคำ นอกจากนี้ ยังมีร้านของดีของเด่นอีกกว่า 300 ร้านค้า

นายศักด์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี กล่าวว่า งานหอการค้าแฟร์ 2023 จังหวัดราชบุรี ในปีนี้คึกคักเป็นอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายซื้อของและเดินเที่ยวงานกันจำนวนมาก เกินความคาดหมาย อีกทั้งผู้จัดยังได้ยกทัพร้านเด็ดร้านดังทางโซลเชียล และรายการทีวีมาตั้งภายในงาน ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างก็ให้ความสนใจ พากันเดินทางมาเดินเที่ยวกันจำนวนมาก ส่งผลให้ 2 วันเงินสะพัดจากการจับจ่ายซื้อของภายในงานสูงกว่า 5 ล้านบาท

ตนจึงยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดราชบุรี และ ต่างจังหวัดเดินทางมาเที่ยวในงาน โดยงานจะสิ้นสุดในวันที่ 11 กันยายนนี้

'พงศ์พรหม' เผยภาพประทับใจใน 'กรมสมเด็จพระเทพฯ'  ทรงร่วมงานต่อยอด 'ร.๙-ร.๑๐' ท่ามกลางฝูงชนโดยไม่ถือพระองค์

(4 ก.ย. 66) นายพงศ์พรหม ยามะรัต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Pongprom Yamarat' ระบุว่า...

เช้านี้มีนัดคุยงานที่ EmQuartier พึ่งเห็นว่ามีงาน 'เทศกาลน้ำมันเมล็ดคามีเลียภัทรพัฒน์' ที่ 'สมเด็จพระเทพ' เสด็จมาดูงานพอดี

ที่ประทับใจมาก วันนี้ท่านมาขบวนใหญ่กว่าปกติครับ เหตุเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ในโครงการของท่าน ผมเห็นนักวิชาการเดินมาด้วยเยอะ และแน่นอน ก็ต้องมีฝ่ายรักษาความปลอดภัยมาด้วย แต่…

ก็ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว เดินไปมาในงานตามปกติ

เห็นลูกเล็กของนักท่องเที่ยววิ่งเข้ากลางงาน

พี่ทหารที่ผู้ใหญ่หน่อย ก็มาเล่นด้วยอย่างเป็นกันเอง พี่ Rider เดินผ่าน

ก็ไม่มีการชี้นิ้ว ให้หลบออกจากทางเสด็จแต่อย่างใด

ตอนพระเทพเสด็จ คนก็ไปยืนรอบ ๆ ผมก็ยืนห่างท่านราว ๆ 5 เมตรเอง นักท่องเที่ยวที่ไม่ทราบ เดินดูงานอยู่ก็ยังให้อยู่ในงานได้

พระเทพท่านน่ารักสม่ำเสมอจริง ๆ
เหมือนที่คนชอบเจอท่านระยะประชิด
เดิน ๆ อยู่สยาม มองหันมา เฮ้ย!! พระเทพอยู่ข้าง ๆ 5555

ขอแถมนิดนึงครับ
โครงการเหล่านี้ของพระเทพท่านเป็นโครงการ 'ต่อยอด' จากในหลวง ร.9 อีกที
เหมือนที่ ร.10 ท่านก็กำลังเร่งทำ

คือ พัฒนาสินค้า ด้วยการพัฒนาชุมชนรายได้น้อย หรือเกษตรกรให้ยั่งยืน

ท่านเหล่านี้ ยืนสู้กับนักการเมืองท้องถิ่น และทุนผูกขาดแบบหลังชนฝามาหลายสิบปี แบบไม่พูดอะไร ไม่ด่าใคร

แต่ช่วยประชาชน ด้วยการลงมือทำ

ยิ่งเห็น ก็ยิ่งรัก
รักเพราะเห็น รักเพราะเข้าใจ

หนุ่มเจ้าของรถไฟฟ้า BYD ป้ายแดง ไม่ติดใจ หลังบริษัทดูแลอย่างดี ได้รถสำรองมาใช้ รอสืบสาเหตุ

(4 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุไฟไหม้รถไฟฟ้าขณะจอดชาร์จแบตเตอรี่ บริเวณจุดจอดชาร์จหน้าห้างแห่งหนึ่ง ถนนนิตโย เขตเทศบาลนครอุดรธานี พบเป็นรถทะเบียนป้ายแดง มีควันลอยออกมาจากฝากระโปรงรถ โดย นายวิ เจ้าของรถ เผยว่าซื้อรถคันนี้มาได้ 1 สัปดาห์ ในราคาประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ปกติจะชาร์จแบตเตอรี่อยู่ที่บ้าน และตามจุดชาร์จที่มีบริการ

ล่าสุด พ.ต.ท.กุศล สิทธิขันแก้ว ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นสอบปากคำเจ้าของรถเอาไว้แล้ว และให้เจ้าของรถนำเอารถเข้าไปที่ศูนย์ เพื่อรอเจ้าหน้าที่วิศวกรของบริษัทมาตรวจสอบหาสาเหตุของไฟไหม้ครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบสักพัก

ด้าน นายวิ เจ้าของรถ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า ตอนนี้บริษัทนำรถเข้าไปที่ศูนย์ เพื่อให้ทางวิศวกรของบริษัทตรวจสอบ ตนยังไม่ทราบว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบนานขนาดไหน ต้องรอบริษัทติดต่อมาอีกครั้ง ส่วนประกันของรถจะต้องรอการตรวจสอบของบริษัท เพื่อจัดการรับผิดชอบ

นายวิ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวาน ทางบริษัทเอารถเข้าศูนย์ แล้วให้ตนเอารถสำรองมาใช้ไปจนกว่าจะทำการตรวจสอบ และซ่อมบำรุงเสร็จสิ้น โดยรถที่บริษัทเอามาใช้ก็ยังเป็นรถไฟฟ้าหมือนเดิม ความรู้สึกตนไม่ได้กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบเดิมขึ้นอีก ตนรู้สึกพอใจที่บริษัทมาดูแลเบื้องต้นเป็นอย่างดี รอเพียงการตรวจสอบหาสาเหตุที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน ก็จะรู้ว่าบริษัทจะทำยังไงต่อไป

‘4 หนุ่มสายไอที’ คว้า 2 เหรียญทองแดง-2 เกียรติบัตร จากการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิก ที่ประเทศฮังการี

ผลการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2566 (35th IOI 2023) ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม – 4 กันยายน 2566 โดยมีสาธารณรัฐฮังการีเป็นประเทศเจ้าภาพ
ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 351 คน จาก 88 ประเทศ ผู้เข้าแข่งขันจากประเทศไทย จำนวน 4 คน มีผลการแข่งขัน ดังนี้

1.)  นายภัครินทร์ ลีไตรรงค์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้รับรางวัล เหรียญทองแดง 🥉
2.)  นายธีธัช ธำรงลักษณ์ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ได้รับรางวัล เหรียญทองแดง 🥉
3.)  นายภัทรกร สุทธจรรยา โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน
4.)  นายปุญญพัฒน์ ศรีรอต โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน

และคณะอาจารย์ผู้ควบคุมทีม ประกอบด้วย
1.) ผศ.ดร.นัทที นิภานันท์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (หัวหน้าทีม)
2.) ดร.พิชญะ สิทธีอมร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รองหัวหน้าทีม)
3.) ดร.ธนะ วัฒนวารุณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ผู้ช่วยหัวหน้าทีม)
4.) อ.วาโย ปุยะติ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ผู้ช่วยหัวหน้าทีม)
5.) นายจักรพรรดิ สุวรรณกูฏ สสวท. (ผู้จัดการทีม)

เนย - ปภาดา กลิ่นสุมาลย์ ราชินีนักบู๊ดีกรีไทยซูเปอร์โมเดล 2015 อัปโฉมใหม่สุดปัง!!

ซุ่มเงียบหลังจากคลอดลูกสาวคนแรก (น้องพีโอนี่) เนย - ปภาดา กลิ่นสุมาลย์ ราชินีนักบู๊ดีกรีไทยซูเปอร์โมเดล 2015 เชื่อคำโบราณ  ‘มือก็ไกว (เปล) ดาบก็แกว่ง (สู้)’ นอกจากให้นมลูกด้วยตัวเอง ยังเร่งฟิตหุ่นให้กลับมาเฟิร์มเหมือนเดิมภายในเดือนเดียว ล่าสุดซุ่มเงียบไปอัปหน้าใหม่ หน้าผากใหม่ จมูกใหม่ ปรับโหงวเฮ้งรับทรัพย์ปัง ที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช เพื่อเตรียมตัวกลับคืนวงการแบบเต็มตัว ก่อนมีผลงานใหม่เร็วๆ นี้

‘OKMD’ ผนึก ‘ธรรมศาสตร์’ ปั้นโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัป  พัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษา ยกระดับไทยเท่าทันสากล

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ได้ร่วมกับ 88 SANDBOX มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาองค์ความรู้ สร้างโอกาสในการพัฒนา นวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านการเรียนรู้และการศึกษาไทย เพื่อยกระดับความสามารถและศักยภาพในการประกอบอาชีพของประชาชน ภายใต้ ‘โครงการบ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้นนวัตกรรมเพื่อสังคมด้านการศึกษา (LEARN LAB: OKMD X 88 Learnovation Program)’ พร้อมระดมกูรูในระบบนิเวศการศึกษา และเทคโนโลยีร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ต่อยอดไอเดียตั้งแต่เริ่มต้น สู่เป้าหมาย เชื่อมต่อนักลงทุนคู่ค้า ที่มีศักยภาพต่อไป  

ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD กล่าวว่า “ในยุคปัจจุบันการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้อย่างเต็มที่ ต้องควบคู่ไปกับการลงมือทำ ซึ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เข้ามาช่วยให้กระบวนการเรียนรู้สะดวกขึ้น และทำให้ให้การลงมือปฏิบัติสำเร็จง่ายขึ้นอย่าง Education Technology หรือ EdTech หรือนวัตกรรมการศึกษา จึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญและเหมาะสมกับโลกยุคใหม่ ในสมัยก่อนเรามี EdTech ในรูปแบบการศึกษาผ่านระบบดาวเทียม ต่อมาเป็นการเรียนรู้ผ่านโซเชียลมีเดีย ที่ผู้คนสามารถเรียนรู้ผ่านอินเทอร์เน็ต ถัดมาเป็นเทคโนโลยีใหม่อย่าง Zoom Meeting จนมาถึงตอนนี้นักเรียนนักศึกษาสามารถทำ Report จาก AI กันได้แล้ว OKMD จึงต้องดำเนินงานส่งเสริมและสร้างสรรค์นวัตกรรมการเรียนรู้ ที่ควบคู่ไปกับ EdTech เพื่อช่วยให้การเข้าถึงความรู้และการเรียนรู้เป็นเรื่องง่าย ๆ”  

ดร.ทวารัฐ กล่าวต่อไปว่า “ความร่วมมือระหว่าง OKMD และ 88 SANDBOX ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการบ่มเพาะกลุ่มสตาร์ตอัปด้านนวัตกรรมการเรียนรู้และการศึกษา ให้มีโอกาสได้พัฒนาศักยภาพ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ และเท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ รวมทั้งเกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เหล่านี้ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับประเทศไทย และเป็นก้าวที่สำคัญในการส่งเสริมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และทักษะในอนาคต รวมทั้งการส่งมอบประสบการณ์และการบูรณาการจุดเด่นของทั้ง 2 หน่วยงาน ในรูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพต้นทุนมนุษย์ ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงความรู้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับชาติและนานาชาติต่อไปครับ”

ด้าน รศ.ดร.พิภพ อุดร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยถึงความคาดหวัง ในการร่วม มือในโครงการ LEARN LAB: OKMD X 88 Learnovation Program ว่า เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนได้เข้าถึงความรู้อย่างกว้างขวางและรอบด้าน ด้วยโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านการเรียนรู้และการศึกษาให้กับประเทศไทย โดยการสร้างและส่งเสริมระบบนิเวศของสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีการศึกษาที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ และการศึกษาในสังคมให้มีความเข้มแข็ง รวมทั้งการบ่มเพาะผู้ประกอบการทุกคนที่ต้องการสร้างไอเดียจากศูนย์สู่ความสำเร็จ และพัฒนานวัตกรรมใหม่ให้กับประเทศไทย

“ปริญญาในโลกอนาคตไม่ค่อยมีความหมาย องค์กรยุคใหม่ไม่สนใจว่าเราจบอะไรมา เท่ากับทำอะไรเป็น เพราะฉะนั้นเวลาคัดเลือกคนเข้าทำงาน จะพิจารณาจากความสามารถในการแก้ปัญหา การจัดการสถาน การณ์ที่ยากซับซ้อน การทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ LEARN LAB: OKMD X 88 Learnovation Program จะเป็นพื้นที่เปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ทุก ๆ คน ตั้งแต่นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ไปจนถึงนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และบุคคลทั่วไป ให้ได้รับการสนับสนุนต่อยอดไอเดียธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมและมีศักยภาพในการนำออกสู่ตลาดในระดับนานาชาติต่อไป” รศ.ดร.พิภพ กล่าว

โครงการ LEARN LAB: OKMD X 88 Learnovation Program จะเริ่มบ่มเพาะธุรกิจด้านการศึกษา ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2566 ถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ในรูปแบบของ 1) Training & Workshop เพื่อพัฒนาธุรกิจ ด้านต่างๆ รวมถึงการเพิ่มการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ในการพัฒนาธุรกิจด้านการศึกษาของตนเอง โดยในกระบวนการจะมี Workshop จากวิทยากรทั้งด้านการศึกษา และด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

2) Education Experts เพื่อเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญในด้านการศึกษา ที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของครู นักเรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ในระบบนิเวศการศึกษา

และ 3) Community Activities เพื่อเชื่อมต่อกับนักลงทุน คู่ค้า และลูกค้าที่มีศักยภาพ ช่วยผู้ประกอบการสร้างความสัมพันธ์และทำให้ธุรกิจเติบโต 

โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า 100 ทีม (237 คน) และผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นจำนวน 20 ทีม (76 คน) โดยจะได้รับการบ่มเพาะทางด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและเปิดมุมมองทางด้านการศึกษาอย่างเข้มข้น จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ และนักลงทุนกว่า 30 คน อาทิ รศ.ดร.พิภพ อุดร, ผศ.ดร.อดิศร จันทรสุข (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) วรุตม์ นิมิตยนต์ (Co-Founder,Deschooling Game) โตมร ศุขปรีชา (OKMD) และมีเงินรางวัลรวมกว่า 2 แสนบาท มอบให้กับ 5 ทีมสุดท้ายทีได้รับการคัดเลือก

ในวันร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือใน ‘โครงการบ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้นนวัตกรรมเพื่อสังคมด้านการศึกษา (LEARN LAB: OKMD X 88 Learnovation Program)’ ระหว่าง 88 SANDBOX ภายใต้การดูแลของฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ OKMD ภายในงานยังมีกิจกรรมการเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในประเด็นที่น่าสนใจมากมาย อาทิ

• DMii, For Future Education Model โมเดลการจัดการเรียนรู้ในยุค ‘ความรู้อายุสั้น แต่คนอายุยาว’ โดย รศ. ดร. พิภพ อุดร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

• Learnovation to Learnlab จากนวัตกรรมการศึกษา สู่พื้นที่แห่งการสร้างโอกาสด้านการศึกษาแห่งอนาคต โดยโตมร ศุขปรีชา ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และนวัตกรรมการเรียนรู้, OKMD

• 88 SANDBOX พื้นที่ผลักดันขีดจำกัดการศึกษาไทย ให้มุ่งสู่ Better Life, Better Society

• Discover the Future of Education ค้นหา และค้นพบศักยภาพของการศึกษาแห่งอนาคต

• Innovative Edtech Lab Lab นอกห้องเรียน ที่พาคุณไปทดลอง และทำจริง กับนวัตกรรมการศึกษาแห่งอนาคต

• Integrated Education Platform บูรณาการของ 5 องค์กรนวัตกรรมชั้นนำ เชื่อมโยงการศึกษาเข้ากับนวัตกรรม

• Master from Failure เชี่ยวชาญให้สุด จาก ‘ความล้มเหลว’ แบบเฮียๆ โดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน

 

‘ท่านอ้น’ เข้าร่วมสมาคม ‘Mad Hogs’  ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยในสหรัฐฯ

หลังจาก ‘ท่านอ้น’ วัชรเรศวร วิวัชรวงศ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เดินทางมาประเทศไทยในรอบ 27 ปี และได้เดินทางกลับสหรัฐอเมริกา ซึ่งท่านก็ได้อัปเดตชีวิตให้คนไทยได้ทราบอยู่เสมอ

และล่าสุด ‘ท่านอ้น’ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ได้รับเข้าเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสมาคม Mad Hogs ชาวไทยในอเมริกาที่นิยมรถ Harley-Davidson ขี่รถมอเตอร์ไซต์ไปทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ในสังคมไทยในอเมริกา”

ซึ่งเมื่อโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีประชาชนคนไทยเข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก บ้างก็ว่า ยินดีด้วยนะครับ, ดูแล้วน่าสนุกกันจังเลยค่ะ, Oh yes ผมขอเข้ากลุ่มด้วยนะครับ, เท่มากค่ะท่าน, เปรี้ยว เท่ ละมุน ชาร์ป ครบทุกรสชาติ ‘ชื่นใจ’ จริง ๆ ค่ะ, ยินดีต้อนรับท่านประธานกิตติมศักดิ์ของกลุ่ม Mad Hogs ครับ กราบขอบพระคุณท่านชายอ้นเป็นอย่างยิ่งที่ให้เกียรติกับกลุ่มคนรักสองล้อ Mad Hogs MC ‘Born to Ride’ ครับ

‘บัณฑิตสาว’ ซึ้งใจ หลังมือกราฟิกโซเชียลโชว์ความเทพ สานฝันให้เป็นจริง เนรมิตรูปรับปริญญาคู่กับคุณพ่อที่จากไป

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Siriwan Chumhattha’ ได้โพสต์ภาพลงในกลุ่ม แต่งภาพ ‘lightroom cc’ พร้อมระบุข้อความว่า “อยากให้พ่อมายืนให้ไหว้แบบในรูปค่ะ” และกลายเป็นไวรัลเมื่อชาวเน็ตเข้ามาช่วยตัดต่อรูปเพียบ

ล่าสุดวันที่ 4 ก.ย. 66 น.ส.สิริวรรณ ชุ่มหัตถา หรือ ‘อีม’ อายุ 26 ปี เปิดเผยว่า ตนเรียนจบมาแล้วหลายปี และตนได้เป็นสมาชิกกลุ่ม แต่งภาพ lightroom cc มานานแล้ว และคิดว่าอยากให้สมาชิกในกลุ่มช่วยตัดต่อรูปให้ แต่ก็ไม่กล้าโพสต์เพราะกลัวว่าโพสต์ไปแล้วจะไม่มีคนทำให้จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 66 ตนได้ตัดสินใจโพสต์ลงในกลุ่มดังกล่าว และคอยติดตามโพสต์ทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีใครช่วยตัดต่อให้

นอกจากนี้ ยังมีแจ้งเตือนกลุ่มแจ้งว่ายังเหลืออีกประมาณ 3,000 คิว จนตนนั้นลืมไปแล้ว ต่อมาได้มีแจ้งเตือนเข้ามาในเฟซบุ๊ก ตนจึงเข้าไปดูก็พบว่ามีคนเข้ามาช่วยตัดต่อรูปให้จำนวนมาก ตนจึงขออนุญาตนำรูปทุกรูปไปลงบนเฟซบุ๊กตนและไม่คิดว่าจะกลายเป็นไวรัลขนาดนี้

น.ส.สิริวรรณ กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่ตนได้มีรูปคู่กับพ่อแล้ว เพราะในวันที่ตนประสบความสำเร็จพ่อไม่ได้อยู่ตรงนั้น ทำได้เพียงแค่ถือรูปพ่อ และตอนแรกที่เห็นภาพตนก็ร้องไห้ พร้อมคิดว่าหากมีพ่ออยู่ตรงนั้นก็คงจะดี ทั้งนี้ในตอนแรกตนอยากได้เป็นรูปครอบครัว แต่ด้วยความเกรงใจ และไม่มีใครทำให้ จึงขอแค่รูปคู่กับพ่อเท่านั้น

เพราะคุณพ่อเสียไปตั้งแต่ตนเอง 8 ขวบ จึงไม่มีรูปคู่กับคุณพ่อเลย แต่ตอนนี้ตนมีรูปกับพ่อแล้ว มีทั้งรูปคู่ รูปอุ้ม ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นโมเมนต์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ทั้งนี้เมื่อก่อนตอนที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยขนาดนี้ ตนได้นำรูปครอบครัวไปสัก เพื่อที่จะได้ระลึกถึงคุณพ่อ และอยากให้รูปนี้อยู่กับตัวตลอด

น.ส.สิริวรรณ กล่าวว่า รูปที่ตนชอบมากที่สุดคือผลงานของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Alen Maretouch ที่ตัดต่อออกมาได้สมจริงมาก ลักษณะรอยยิ้มเหมือนพ่อตนมาก ๆ ชื่นชมเลย พี่เขาเก่งมาก ๆ ทั้งนี้ตนได้ทักไปขอบคุณแล้ว รวมถึงขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่ช่วยสานฝันตน ใจจริงอยากได้รูปเฉย ๆ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้รูปทีได้มาทุกรูปล้วนมีความหมายกับตนทุกรูป

หลังจากนี้ตนจะนำรูปไปใส่กรอบเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีคนเข้ามาให้กำลังใจจำนวนมาก อาทิ เก่งมาก พ่อต้องภูมิใจในตนอยู่แล้ว ที่ประสบความสำเร็จ

‘สมาคมแท็กซี่ไทย’ แนะ 5 ข้อ ‘ผู้หญิงไม่ควรทำบนแท็กซี่’ ด้าน ‘ชาวเน็ต’ จวกเละ ชี้!! สิ่งที่ควรปรับคือจิตสำนึกของคนขับ

(4 ก.ย. 66) กลายมาเป็นกระแสในโซเชียลและถูกชาวเน็ตรุมจวกหนักมาก สำหรับภาพอินโฟฯ ของเพจ ‘สมาคมแท็กซี่ไทย’ ที่โพสต์ไปเมื่อวันที่ 28 ส.ค. โดยมีเนื้อหาประชาสัมพันธ์แนะนำ 5 ข้อห้ามสำหรับผู้หญิง สิ่งที่ไม่ควรทำในการใช้บริการบนรถแท็กซี่ โดยทางเพจระบุข้อห้าม ‘5 ไม่’ เพื่อความปลอดภัย ดังนี้

1. ไม่นั่งหน้า
2. ไม่นั่งหลับ
3. ไม่นุ่งสั้น
4. ไม่ชวนคุย
5. ไม่บอกว่าไม่รู้เส้นทาง
หากพบเห็นคนขับไม่น่าไว้ใจ สายด่วน 1584

อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะข้อ 3 ไม่นุ่งสั้น โดยการนุ่งสั้นมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล สิ่งสำคัญที่ต้องแก้ไขคือ จิตสำนึกคนขับแท็กซี่ที่ต้องมีการอบรมวินัย รู้จักควบคุมตนเอง ทำหน้าที่บริการรับ-ส่งให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย

‘อ.ธรณ์’ ฝากรัฐบาลใหม่ใส่ใจท้องทะเลไทย 7 เรื่อง หวังทำผลงานเกรด A ให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีโลก

(4 ก.ย. 66) ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ฝากถึงรัฐบาลใหม่ ในประเด็นการทำงานกับทะเลไทย โดยมีเนื้อหาต่อไปนี้

รัฐบาลใหม่เข้าทำงาน จึงขอเสนอ 7 ประเด็นใหญ่ในทะเลไทยให้เพื่อนธรณ์ลองคิดตาม

หนึ่ง คือปะการังฟอกขาวที่อาจแรงในต้นปีหน้า ต้องเร่งเตรียมพร้อมสำรวจติดตามและออกมาตรการให้ทันท่วงที รวมถึงมีทางเลือกหากจำเป็นต้องปิดท่องเที่ยวในแนวปะการังบางแห่งที่ฟอกขาวรุนแรง

สอง คือปรากฏการณ์น้ำเปลี่ยนสี (น้ำเขียว) ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อพี่น้องชายฝั่งทะเล เราต้องหายกระดับการเก็บข้อมูลเพื่อการเตือนภัย รวมถึงหาแนวทางในการแก้ต้นเหตุที่เกิดจากมนุษย์

สาม คือการส่งเสริมสนับสนุนระบบนิเวศทางทะเลเพื่อดูดซับ/กักเก็บคาร์บอน เป็นประเด็นใหม่และละเอียดอ่อน ต้องทำความเข้าใจให้ดีและมีมาตรฐานที่ยอมรับได้ รวมถึงกระจายการมีส่วนร่วมไปหาชุมชนให้มากที่สุด

สี่ คือการใช้เทคโนโลยีและแนวทางใหม่ ๆ ในการสำรวจติดตาม ลาดตระเวนปกป้องธรรมชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ เช่น Smart Patrol ทั้งในทะเลและบนบก

ห้า คือความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะสัตว์ทะเลหายาก เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกฎกติกาของโลกในการส่งออกสินค้าประมง อีกทั้งยังเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อการพัฒนาต่าง ๆ เช่น โลมา/สะพานทะเลสาบสงขลา

หก คือการสนับสนุนอันดามันมรดกโลก ติดค้างมาเกือบ 20 ปี ตอนนี้ต้นเรื่องเข้าไปที่ยูเนสโกแล้ว รอแค่เขามาเช็ค เราเตรียมพร้อมแค่ไหน

นี่จะเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญ และจะเกี่ยวข้องตรง ๆ กับการท่องเที่ยวที่รัฐบาลตั้งเป้าจะยกระดับเพื่อหารายได้เข้าประเทศ

เจ็ด คือโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่าง ๆ ที่เราคิดจะลงทุน ผลกระทบจะมีมากไหม ? คุ้มค่าหรือเปล่า ? เป็นเรื่องที่ต้องมีข้อมูลเพียงพอและใช้เหตุผลในการตัดสินใจ

ยังมีอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ขอเน้นย้ำไว้แค่ 7 เรื่องใหญ่ไว้ก่อน

2 ผลงานที่ชี้วัดในระยะ 3-6 เดือนคือบทบาทของไทยในการประชุมโลกร้อน COP28 ธันวาคมปีนี้ และการรับมือเอลนีโญที่มาแล้วและจะแรงขึ้นไปจนถึงสิ้นปี/ปีหน้า

ผมไม่ทราบว่าเขาตัดเกรดกระทรวงกันตรงไหน ? แต่ถ้าวัดจากประเด็นที่ทั่วโลกพูดกันในตอนนี้ นี่คือกระทรวงเกรด A แน่นอน

จึงอยากเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เข้ามารับงานดูแลทรัพยากร/สิ่งแวดล้อมของประเทศชาติ เพื่อทำผลงานเกรด A ครับ

‘โปรพราว’ ผงาดแชมป์ ‘พอร์ตแลนด์ คลาสสิก 2023’ ในวัย 19 ปี จารึกชื่อก้านเหล็กสาวไทยรายที่ 7 คว้าถ้วยแอลพีจีเอมาครอง

การแข่งขันกอล์ฟ ระดับแอลพีจีเอทัวร์ รายการ ‘พอร์ตแลนด์ คลาสสิก’ ที่โคลัมเบีย เอดจ์วอเตอร์ คันทรี คลับ เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในวันสุดท้าย

ปรากฎว่า ‘โปรพราว’ ชเนตตี วรรณแสน ก้านเหล็กสาวดาวรุ่งจากไทยที่เพิ่งเริ่มเทิร์นโปรในปีนี้เป็นปีแรก ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม กวาดเพิ่ม 9 อันเดอร์พาร์ รวมสกอร์ 4 วัน 26 อันเดอร์พาร์ คว้าแชมป์ไปครอง ทิ้งอันดับ 2 อย่าง หลิน ซีหยู จากจีน 4 สโตรก รับเงินรางวัลไปนอนกอด 225,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 7.9 ล้านบาท

จากการคว้าแชมป์ในครั้งนี้ทำให้ ชเนตตี วรรณแสน ในวัย 19 ปี สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 3 ของแอลพีจีเอทัวร์ ที่ผ่านรอบควอลิฟาย และสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ซึ่งยังทำให้เธอกลายเป็นโปรกอล์ฟอายุน้อยสุดอันดับ 2 ที่ได้แชมป์ในปี 2023 ต่อจาก อเล็กซา ปาโน โปรกอล์ฟอเมริกัน

ขณะเดียวกัน ‘โปรพราว’ กลายเป็นก้านเหล็กหญิงจากไทยคนที่ 7 ที่สามารถคว้าแชมป์กอล์ฟระดับแอลพีจีเอมาครอง ต่อจาก เอรียา จุฑานุกาล, โมรียา จุฑานุกาล, ธิฎาภา สุวรรณปุระ, ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, ปภังกร ธวัชธนกิจ และอาฒยา ฐิติกุล

ส่วนผลงานของโปรกอล์ฟสาวจากไทยคนอื่น ๆ ในรายการนี้ เอรียา จุฑานุกาล จบ 18 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 7 ร่วม เช่นเดียวกับ อาฒยา ฐิติกุล รับเงินรางวัล 38,536 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท, ปวริศา ยกทวน จบ 14 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 18 ร่วม รับเงิน 18,333 เหรียญสหรัฐฯ

ด้าน ธิฎาภา สุวรรณปุระ จบ 13 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 21 ร่วม รับเงิน 15,840 เหรียญสหรัฐฯ, พรอนงค์ เพชรล้ำ จบ 11 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 34 ร่วม รับเงิน 9,075 เหรียญสหรัฐฯ, โมรียา จุฑานุกาล จบ 9 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 45 ร่วม รับเงิน 6,183 เหรียญสหรัฐฯ และ ปภังกร ธวัชธนกิจ จบ 8 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 49 ร่วม รับเงิน 5,319 เหรียญสหรัฐฯ

‘กองทุนดีอี’ ติดตามโครงการ Ai ลงรหัสโรค พบเพิ่มประสิทธิภาพเวชระเบียนได้ถูกต้อง – สมบูรณ์

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ติดตามผลการดำเนินงานในโครงการการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการช่วยลงรหัสโรคทางการแพทย์ ของ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีประกาศ พ.ศ. 2564 ตามมาตรา 26(1)

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 กองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำโดยคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลโครงการ ผู้แทนจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาโครงการ และเจ้าหน้ากลุ่มติดตามและประเมินผล ได้ลงพื้นที่ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน โครงการการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการช่วยลงรหัสโรคทางการแพทย์ ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

โครงการมีวัตถุประสงค์ ในการพัฒนาโปรแกรมต้นแบบสนับสนุนการใส่รหัสโรคด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องของการใส่รหัสโรคให้แก่ภาควิชาศัลยศาสตร์ และสามารถนำโปรแกรมต้นแบบไปพัฒนาต่อเพื่อใช้ในระดับโรงพยาบาลและสาธารณสุขของประเทศต่อไป

โดยมีผลการดำเนินโครงการในการพัฒนาต้นแบบสนับสนุนการใส่รหัสโรคด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ ที่ทำงานร่วมกับนักลงรหัสโรคได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จากการทดลองใช้งานระบบทดสอบกับเวชระเบียนจากภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สามารถแนะนำการให้รหัสโรค (ICD-10) และรหัสหัตถการ (ICD-9) ในกระบวนการทำงานของนักวิชาการเวชสถิติผู้ให้รหัส (Coder) แพทย์ และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานต่อจำนวนเวชระเบียนได้อย่างมาก รวมถึงการแนะนำรหัสที่มีความครบถ้วนและสมบูรณ์ตามข้อกำหนดของ สปสช.

โครงการภายใต้การพัฒนา นำโดยคณะแพทย์ จากภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ นักพัฒนาระบบ จากคณะเทคโนโลยีสารสนเทศฯ มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และคณะที่ปรึกษาจาก สปสช.
 

‘บึงโขงหลง’ ทัวร์ท้องถิ่นวิถีชาวบ้าน ตอบโจทย์ ‘สายกรีน-สายมู’ พาล่องเรือชมธรรมชาติ พร้อมเยือนถ้ำนาคา กราบ ‘พ่อปู่อือลือ’ 

ผืนน้ำกว้างใหญ่ขนาด 13,800 ไร่ ที่ปรากฏเกาะเล็กๆ 3 เกาะ นี่คือเอกลักษณ์ของ ‘บึงโขงหลง’ จังหวัดบึงกาฬ พื้นที่ที่สำคัญทั้งในแง่มุมธรรมชาติทรัพยากร รวมไปถึงความเชื่อและแรงศรัทธา ที่นำพาคนจากทั่วประเทศให้เข้ามาเยี่ยมเยือนตลอดปี

ตลอดริมบึงโขงหลง เราจะพบป้ายทางเข้าท่าเรือที่ตั้งติดๆ กัน บางป้ายโฆษณาแผนการท่องเที่ยวไว้ให้พร้อม ทั้งเรื่องการรับทำพิธีบวงสรวง บายศรี หรือบริการเรือนำเที่ยวครบวงจร

“พื้นที่บึงโขงหลงถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของชาวบ้านที่นี่ ทั้งเรื่องการท่องเที่ยวและการประมงด้วย” อาร์ท สุรัก แหลมจันทึก ประชาสัมพันธ์สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวบึงโขงหลง และเจ้าของเพจที่นี่บึงโขงหลง คลุกคลีกับชาวบ้านในพื้นที่และรู้จักเรื่องราวต่างๆ ของบึงโขงหลงเป็นอย่างดี จะนำพาเราท่องเที่ยวในมุมมองที่ลึกมากกว่าเดิม

“ปกติจะมีนักท่องเที่ยวมานั่งเรือข้ามไปเกาะดอนโพธิ์เพื่อไปไหว้ปู่อือลือตลอดครับ ยิ่งวันหยุดคนก็ยิ่งเยอะครับ” คำบอกเล่าของ สิงโต ด.ช.ถนอมชัย เมฆคูณ หลานชายเจ้าของท่าเรือแม่กำนัน ซึ่งจะเป็นลูกทัวร์ไปเที่ยวพร้อมกับเราในวันนี้ด้วย

เริ่มต้นทริปด้วยการนั่งเรือชมธรรมชาติบึงโขงหลง สายตาที่ทอดยาวออกไปพบความเขียวชอุ่มตลอดริมบึง บนผิวน้ำปรากฏกลุ่มบัวแดงชูดอกชมพู เห็นความสดใสยามเช้าแสนสดชื่น มีนกอีโก้งตัวใหญ่ เดินบ้าง วิ่งบ้าง บนพืชน้ำที่แผ่คลุมผิวน้ำเอาไว้ เป็นธรรมชาติที่งดงามจนไม่แปลกใจเลยที่บึงโขงหลงแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลกอันดับที่ 1,098 และเป็นอันดับ 2 ของประเทศ

นอกจากธรรมชาติที่พบเจอตลอดทางที่เรือแล่นไป เราจะเห็นวิถีของชาวบ้านที่ออกเรือกู้มอง ใส่กุ้ง เป็นวิถียามเช้าที่หาเลี้ยงปากท้องของชาวบ้านมานานและยังคงดำเนินไปอย่างดี ไร้ปัญหาทรัพยากรเสื่อมโทรม เพราะชาวบ้านรักและดูแลบึงโขงหลงแห่งนี้อย่างดีเสมอมา

หลังจากวนรอบเกาะพบธรรมชาติที่ชวนทึ่งก็จบทริปล่องเรือที่เกาะดอนโพธิ์ เกาะแห่งตำนานเจ้าปู่อือลือที่ชาวบ้านศรัทธาและมีผู้คนจากทั่วไทยหลั่งใหลเข้ามาตลอดไม่เว้นวัน

บางคนนำของบวงสรวงมาไหว้ ทั้งผลไม้หลากสี บายศรียิ่งใหญ่อลังการ รวมไปถึงคณะรำบวงสรวง ซึ่งทำให้เกาะดอนโพธิ์แห่งนี้ทั้งครึกครื้นและมีสีสัน ชวนให้หลงเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก “หลายคนมาบวงสรวงขอให้ธุรกิจสำเร็จ บางคนก็มาบวงสรวงเพราะขอแล้วสำเร็จก็มีครับ” สิงโตเล่าเพิ่ม

“เกาะในบึงโขงหลงทั้ง 3 เกาะ คือดอนโพธิ์ ดอนแก้ว และดอนสวรรค์ เป็นส่วนหนึ่งของตำนานเจ้าปู่อือลือที่เชื่อกันว่าเมื่ออดีตที่เจ้าปู่อือลือเป็นเจ้าเมืองเมืองรัตพานคร มีเรื่องทำให้เกิดการสู้รบกับพญานาคราช พญานาคราชถล่มเมืองรัตพานครจนกลายเป็นบึงโขงหลง ซึ่งเมื่อก่อนพื้นที่นี้เรียกว่าบึงของหลง หมายถึงสมบัติต่างๆ ของเมืองรัตพานครกระจัดกระจายในบึงนี้จนหลง หาไม่เจอ แต่เพี้ยนคำมาเรื่อยๆ กลายเป็นบึงโขงหลงในปัจจุบัน”

“ส่วนเจ้าปู่อือลือถูกพญานาคราชสาปให้เฝ้าบึงโขงหลงแห่งนี้ไว้ ความเชื่อและตำนานนี้จึงเกี่ยวโยงสัมพันธ์กับบึงโขงหลง ทำให้แรงศรัทธาของชาวบ้านค่อนข้างเข้มแข็งและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือน” อาร์ทประชาสัมพันธ์เรื่องราวบึงโขงหลงอย่างน่าสนใจ

'บอย เอ็นเตอร์เทน' เตือน!! ดาราไทยเสี่ยงตกงาน ค่าตัวแพงสวนคุณภาพ รายการทีวีเริ่มขอลดค่าตัว

ไม่นานมานี้ 'บอย เอ็นเตอร์เทน' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'boyentertain' ระบุว่า...

ดาราไทยกำลังตกงาน ล่าสุดละครลดการผลิต รายการทีวีขอลดค่าตัวดาราหันไปหาอาชีพใหม่หนีตายแล้ว ไม่ดังอยู่ยาก เรื่องเยอะก็ไม่จ้าง

ดาราไทยมูลค่าการตลาดสูงลิ่ว ค่าตัวแพงสวนทางคุณภาพ พัฒนาแค่เรื่องหล่อสวย แต่ขาดความยั่งยืนเรื่องฝีมือ หรือจะเรียกว่ามีตัวจริงไม่กี่คนก็ได้

'นพ.กวิน' สำรวจ!! นโยบายสาธารณสุขของพรรคเพื่อไทย เห็นด้วย!! สร้างรพ.รัฐขนาด 120 เตียงขึ้นไปประจำทุกเขตในกทม.

(3 ก.ย. 66) นายแพทย์กวิน ก้านแก้ว แพทย์ผู้อุทิศตนให้กับการรักษาคนไข้โดยไม่เคยย่อท้อ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Kawin Kankeow' ระบุว่า...

หนึ่งในนโยบายด้านสาธารณสุขของพรรคเพื่อไทยที่ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งคือ กทม.ต้องมีโรงพยาบาลรัฐขนาด 120 เตียงขึ้นไปประจำทุกเขต

หลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับนโยบายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ยิ่งในช่วงหลังมีการพูดถึงว่าเป็นต้นเหตุทำให้ภาระงานของบุคลากรสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้น ผมไม่คิดเช่นนั้นครับ 

ผมคิดว่านโยบายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ 30 บาทรักษาทุกโรค คือการปฏิวัติระบบบริการสุขภาพที่เป็นประโยชน์อย่างมากกับคนไทยอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้คนยากจนมีโอกาสเข้าถึงการรักษาโรคได้โดยผ่านการสงเคราะห์ และด้วยนโยบายดังกล่าวทำให้คนไทยทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนมีโอกาสเข้าถึงการรักษาโรคได้อย่างเท่าเทียมกันและเสมอภาคกัน

ฉะนั้น ผมจึงไม่เห็นด้วยเลยกับนโยบายการร่วมจ่ายของประชาชน เพราะเมื่ออยู่ในท้องถิ่นทุรกันดารเงินหลักร้อยบาทขึ้นไปก็ไม่ใช่เงินจำนวนที่ทุกคนมีพร้อมจะจ่าย

ทุกวันนี้ผมคิดว่าทุกจังหวัดของประเทศไทยยกเว้นกรุงเทพมหานคร ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาโรคได้อย่างเหมาะสมแล้วผ่านการให้บริการของโรงพยาบาลรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข

แต่สำหรับกรุงเทพฯ โรงพยาบาลที่ให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลเอกชน เพราะโรงพยาบาลรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในกรุงเทพฯ มีน้อยมากๆ

ความแตกต่าง คือ การพิจารณาการใช้ทรัพยากรในการรักษาและการส่งต่อผู้ป่วยสำหรับโรงพยาบาลรัฐย่อมมีข้อจำกัดน้อยกว่าโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมีปัจจัยเรื่องเงินเป็นตัวตั้ง

จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมพบว่าผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เข้าถึงการรักษาในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ด้อยกว่าผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด บางกรณีการลงทุนย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐในต่างจังหวัดสำหรับคนกรุงเทพฯ อาจจะคุ้มกว่าด้วยซ้ำ

ดังนั้น การที่จะมีนโยบายสร้างโรงพยาบาลรัฐในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น ย่อมทำให้คนกรุงเทพฯ เข้าถึงการรักษาโรคต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนตัวผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องสร้างทุกเขต ควรจะสร้างโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่เป็นจุดๆ ดีกว่า เพราะการเดินทางในกรุงเทพฯ สะดวกสบายอยู่แล้ว และการสร้างโรงพยาบาลเล็กๆ หลายๆ แห่งมีความสิ้นเปลืองในแง่ของการกระจายทรัพยากรที่มากกว่า

นอกจากนโยบายการสร้างโรงพยาบาลรัฐในกรุงเทพฯ แล้ว การเปลี่ยนแปลงในระบบสาธารณสุขที่ผมอยากเห็นอีกประการหนึ่งคือ การกำหนดโครงสร้างให้โรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขของรัฐในแต่ละจังหวัดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อยู่ภายใต้ผู้บริหารที่สามารถกำหนดนโยบายและทิศทางการทำงานได้ทั้งจังหวัด

...และไม่เห็นด้วยเลยกับการนำโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การที่โรงพยาบาลแต่ละแห่งในจังหวัดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลเป็นเอกเทศไม่ขึ้นแก่กัน ทำให้ทิศทางการพัฒนาเป็นไปอย่างสะเปะสะปะและไม่เกิดการแชร์ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดร่วมกัน

โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งไม่จำเป็นต้องพยายามเพิ่มศักยภาพให้เท่าเทียมกันหมด ตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลที่อยู่ในอำเภอเล็กๆ ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลจังหวัดมากๆ อาจไม่จำเป็นต้องมีการรักษาที่ซับซ้อน เช่น การผ่าตัดหรือการคลอดบุตร เลย การที่มี CEO ของจังหวัดในการวางแผนการให้บริการสาธารณสุขทั้งจังหวัดจะทำให้การจัดสรรทรัพยากรกระจายได้อย่างเหมาะสมกว่า

นอกจากนี้สิ่งที่ผมอยากเห็นอีกอย่างคือ การควบรวมสิทธิการรักษาหลักทั้งสามคือ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, ระบบประกันสังคม และระบบสวัสดิการรักษาของข้าราชการ เข้าด้วยกัน

ถ้าเรามั่นใจว่าปัจจุบันระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทำได้ดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีระบบอื่นอีก เพราะการดูแลรักษาคนไทยทุกคนควรมีมาตรฐานเดียวที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน และระบบประกันสังคมควรจะดูแลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรค เช่น การออมเงิน การชดเชยรายได้ ในขณะที่ข้าราชการอาจได้สิทธิบางอย่างเพิ่มเติม เช่น ค่าบริการห้องพิเศษ

...เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นแพทย์ ก็หวังว่าจะได้เห็นนโยบายดีๆ เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top