Monday, 9 June 2025
NEWS

สถานทูตจีนย้ำ!! จีน-ไทย มิตรภาพยั่งยืน พร้อมหนุนสินค้าไทยบุกตลาดใหญ่จีน

(29 เม.ย. 68) เมื่อเร็ว ๆ นี้ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชาอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกในปีนี้ โดยเน้นแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ส่งเสริมมิตรภาพและความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างจีนกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การเยือนครั้งนี้สร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่น จีนและเวียดนามตกลงเร่งสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันเชิงยุทธศาสตร์ พร้อมเริ่มต้นความร่วมมือทางรถไฟจีน-เวียดนาม ด้านมาเลเซียและกัมพูชายกระดับความสัมพันธ์สู่ประชาคมเชิงยุทธศาสตร์ โดยลงนามข้อตกลงสำคัญหลายฉบับ ส่งเสริมความร่วมมือเชิงลึกทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง

ในบริบทของความตึงเครียดทางการค้าจากนโยบายกีดกันของสหรัฐฯ การเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเน้นย้ำความร่วมมือพหุภาคี การเปิดกว้าง และการไม่แบ่งแยก พร้อมเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยจีนพร้อมเปิดตลาดขนาดใหญ่เพื่อต้อนรับสินค้าคุณภาพจากภูมิภาคนี้

ผู้นำทั้งสามประเทศ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ต่างแสดงการสนับสนุนข้อเสนอของจีนในการปกป้องระบบการค้าเสรีและร่วมกันต่อต้านลัทธิฝ่ายเดียว พร้อมยืนยันการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับจีนเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

ด้านความร่วมมือเศรษฐกิจ จีนมุ่งกระชับการค้าทวิภาคีและการลงทุนกับทั้งสามประเทศ ส่งเสริมการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ อาทิ โครงการรถไฟจีน-เวียดนามและระเบียงพัฒนาอุตสาหกรรมในกัมพูชา

โฆษกฯ ระบุว่า ความสำเร็จในการเยือนครั้งนี้มีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์จีน-ไทย ซึ่งมีพื้นฐานที่แน่นแฟ้นและลึกซึ้ง จีนพร้อมร่วมมือกับไทยในการปกป้องผลประโยชน์ร่วมกัน ร่วมรับมือกับความท้าทายระหว่างประเทศ และส่งเสริมการค้าเสรีที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน

จีนยืนยันความมุ่งมั่นที่จะเปิดประเทศกว้างยิ่งขึ้น แบ่งปันโอกาสการพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะไทย ซึ่งจีนพร้อมสนับสนุนการนำเข้าสินค้าไทยคุณภาพดี และสานต่อความสัมพันธ์ “จีน-ไทยพี่น้องกัน” เพื่อก้าวสู่อนาคตร่วมกันที่สดใสยิ่งขึ้น

รอง ผบ.ตร. ประชุมคณะกรรมการตำรวจที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่ผ่านมา และกรณีเครื่องบินตก เพื่อติดตามเร่งรัดเรื่องสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆ 

(28 เม.ย. 68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตำรวจที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่ผ่านมา และกรณีเครื่องบินตก ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามเร่งรัดเรื่องการขอรับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆ อันเป็นการติดตามช่วยเหลือดูแลข้าราชการตำรวจและครอบครัว เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน ตลอดจนบำรุงและเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ได้อุทิศตนเสียสละในการปฎิบัติหน้าที่ ตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ด้านสวัสดิการ ที่ให้มีการจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ข้าราชการตำรวจพึงได้รับให้มากที่สุด

ในการประชุมมี พล.ต.ท.สมพร สัจพจน์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ รอง ผบช.สกพ., พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช รอง ผบช.สกพ., พล.ต.ต.บริสุทธิ์ นุศรีวอ ผบก.ทพ., พล.ต.ต.เศรษฐศักดิ์ ยิ้มเจริญ ผบก.สก., พล.ต.ต.อำนาจ เดชบุณเหลือง ผบก.บ.ตร., และ ผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) โดยมี พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล พฤกษจำรูญ รอง ผบช.7, พล.ต.ต.ธเนศ แก้วละเอียด รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด, พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผบก.ภ.จว.ลำปาง, พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี, พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา, พล.ต.ต.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผบก.อก.ผบช.น. ร่วมประชุม

พล.ต.อ.กรไชยฯ ได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและสำรวจข้อมูลข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิต หรือ บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมเร่งรัดดำเนินการเสนอเรื่องขอรับสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้ หรือสิทธิบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดโดยเร็ว พร้อมสำรวจข้อมูลข้าราชการตำรวจที่พิการ หรือทุพพลภาพ หรือไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ทั้งกรณีที่เกิดขึ้นเนื่องจากการปฎิบัติหน้าที่ หรือเหตุใดๆ ก็ตาม ให้ครบถ้วนสมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน

นอกจากนี้ กำชับหน่วยที่เกี่ยวข้องดูแลการดำเนินการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพแก่ข้าราชการตำรวจ กองบินตำรวจ ทั้ง 6 นาย จากเหตุเครื่องบินตำรวจตก ขณะปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่ม ในพื้นที่ทะเล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมเกียรติแก่ผู้วายชนม์และครอบครัว

พล.ต.อ.กรไชยฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้มีการจัดทำคู่มือการเสนอขอรับสิทธิแจกจ่ายให้หน่วย เพื่อนำไปเป็นแนวทางการเร่งรัดการดำเนินการปูนบำเหน็จความชอบให้แก่ข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ สร้างกลไกการรายงานเหตุ และหนังสือแจ้งสิทธิประโยชน์เบื้องต้นให้หน่วยต้นสังกัด ตลอดจนการลดขั้นตอนและกำหนดแนวทางเพิ่มเติมในส่วนของกระบวนการพิจารณาและบรรจุทายาท เพื่อให้สามารถดำเนินการอย่างถูกต้อง รวดเร็ว สมบูรณ์

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม พล.ต.อ.กรไชยฯ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์อากาศยาน กองบินตำรวจตก ขณะปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่ม ในพื้นที่ทะเล อ.หัวหิน จว.ประจวบคีรีขันธ์ โดยทราบจากรายงานว่านักบินพยายามบังคับเครื่องไม่ให้ตกในชุมชน นับว่าเป็นความเสียสละ กล้าหาญและมีจิตวิญญาณของความเป็นตำรวจ ที่จะต้องนึกถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรก จึงขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของข้าราชการตำรวจ พร้อมนำผู้ร่วมประชุมยืนไว้อาลัยในเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเวลา 1 นาที

เซี่ยงไฮ้ครองใจนักท่องเที่ยวไทย ไตรมาสแรกปี 68 ทะลุ 1 แสนคน โตพรวด 242.8% ดันขึ้นอันดับ 3 นักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด

(28 เม.ย. 68) สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเมืองเซี่ยงไฮ้เผยว่า ในไตรมาสแรกของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปยังเซี่ยงไฮ้ถึง 109,000 คน เพิ่มขึ้นถึง 242.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตเร็วที่สุด และติดอันดับ 3 รองจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่น สะท้อนเสน่ห์ของเซี่ยงไฮ้ที่ยังคงดึงดูดใจชาวไทยได้อย่างต่อเนื่อง

โดยรวมแล้ว เซี่ยงไฮ้มีนักท่องเที่ยวขาเข้ารวมกว่า 1.74 ล้านคนในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 37.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติเกือบ 1.26 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 61.9% ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการเติบโต ได้แก่ นโยบายฟรีวีซ่า ระบบชำระเงินที่สะดวก การสื่อสารภาษาต่างประเทศที่ง่ายขึ้น และการคมนาคมที่เป็นมิตร

สำหรับ 3 อันดับประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเยือนเซี่ยงไฮ้มากที่สุดในช่วงต้นปี ได้แก่ เกาหลีใต้กว่า 200,000 คน (เพิ่มขึ้น 142.4%) ญี่ปุ่น 142,000 คน (เพิ่มขึ้น 60%) และไทย 109,000 คน (เพิ่มขึ้น 242.8%) ขณะที่มาเลเซียตามมาในอันดับ 4 ด้วย 85,000 คน นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ รัสเซีย และออสเตรเลียก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

ความสำเร็จนี้ตอกย้ำบทบาทของเซี่ยงไฮ้ในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งยังคงเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าขยายตลาดในภูมิภาคและเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับนักเดินทางทั่วโลก

‘ภูมิกิตติ์ - เอมาอร’ แชมป์สวิง “บางจาก แชมเปี้ยนชิพ 2025” คว้าตั๋วลุยญี่ปุ่นรายการ “Yonex Junior Golf Championship”

(28 เม.ย. 68) นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ ประธานจัดการแข่งขัน “ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์” มอบรางวัลและร่วมแสดงความยินดีกับ ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ และเอมาอร มณีฤทธิ์ นักกอล์ฟเยาวชนที่คว้าแชมป์รุ่น Super GENZ พร้อมคว้าตั๋วแข่งที่ญี่ปุ่น ในการแข่งขันรายการ “บางจาก แชมเปี้ยนชิพ 2025” ที่สนามกบินทร์บุรี สปอร์ต คลับ จ.ปราจีนบุรี  เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา

“บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด”  ร่วมกับ “บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” จัดแมทช์แข่งกอล์ฟเยาวชน “บางจาก แชมเปี้ยนชิพ 2025” ทำการแข่งขัน 3 วัน (54 หลุม) แข่งขันระหว่างวันที่ 18-20 เมษายน 2568 ที่สนามกบินทร์บุรี สปอร์ต คลับ จ.ปราจีนบุรี  รายการนี้เป็นรายการที่รับรองโดย WAGR (World Amateur Golf Ranking) เก็บคะแนนสะสมเพื่อจัดอันดับนักกอล์ฟเยาวชนโลก และเก็บคะแนนสะสมของ JGS (Junior Golf Scoreboard)  โดยในสนามนี้จะทำการคัดเลือก นักกอล์ฟเยาวชนที่ทำสกอร์ดีที่สุด (Best Score) จากรุ่น Super Genz (15-18 ปี) และ Junior Genz (11-14 ปี) ชาย 1 คน และหญิง 1 คน ที่จะได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟที่ประเทศญี่ปุ่น ในรายการ Yonex Junior Golf Championship 2025

หลังจากการแข่งขันในรอบสุดท้ายจบลง ผลปรากฏว่า ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ ในรุ่น Super GENZ (ชาย) แชมป์เก่าสนามนี้ในปีที่แล้ว ในรอบสุดท้ายฟอร์มยังคงร้อนแรง กดเพิ่มอีก 7 อันเดอร์ จบสามวันที่ 12 อันเดอร์พาร์  ส่วนในรุ่น Super GENZ (หญิง) รอบสุดท้ายเบียดกันมาแบบสูสี สู้กันสนุกจบหลุม 18 สกอร์รวมเท่ากันที่ 3 อันเดอร์พาร์ 213 ถึง 3 คน คือ วิชญาดา แรมเมือง, จิรัชยา ปรีชาสุชาติ  และเอมาอร มณีฤทธิ์ ต้องตัดสินกันด้วยการเพลย์ออฟถึง 3 รอบ โดยการเพลย์ออฟรอบสุดท้ายที่หลุม 12 พาร์ 5 เป็น เอมาอร มณีฤทธิ์ ตีช็อต 2 ลงหลุมไป ได้อีเกิ้ล คว้าแชมป์รุ่นนี้ไปครอง พร้อมคว้าตั๋วแข่งญี่ปุ่น ในรายการ Yonex Junior Golf Championship 2025

รายการต่อไปเป็นการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมรายการที่ 3 “บางจาก มาเตอร์ส 2025” ซึ่งเป็นรายการที่เก็บคะแนนสะสมของ Junior Golf Scoreboard (JGS) แข่งขันระหว่างวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2568 สนามปัตตาเวีย เซ็นจูรี่ กอล์ฟ คลับ จ.ชลบุรี สำหรับผู้ปกครองและนักกอล์ฟที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Official Line : @genzgolf  หรือโทร. 065 696 2229

ทุนเรียน ตปท. ระยะสั้น ‘ODOS Summer camp’ หนุนเด็กไทย ‘1 อำเภอ 1 ทุน’ มุ่งสู่การเรียนรู้ต่างประเทศ ฟรี!

(28 เม.ย. 68) โอกาสดี ๆ ของนักเรียน นักศึกษาไทยเรา ที่อายุไม่เกิน 19 ปี สัญชาติไทย
กับโครงการทุนการศึกษาระยะสั้นในต่างประเทศช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2568
โดยทุนนี้จะได้รับอำเภอละ 1 ทุน (คน)
น้อง ๆ ที่สนใจสามารถสมัครผ่านแอปทางรัฐด้วยตนเอง จนถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 นี้

โครงการทุนการศึกษา “หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน”
โครงการทุนการศึกษา 1 อำเภอ 1 ทุน (One District One Scholarship : ODOS) เป็นโครงการริเริ่มโดยรัฐบาลไทย มีเป้าหมายเพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนไทยจาก ทุกอำเภอทั่วประเทศ รวมถึง 50 เขตของกรุงเทพมหานคร ได้มีโอกาสไปศึกษาต่อในต่างประเทศ โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้สามารถนำ ความรู้และประสบการณ์กลับมาพัฒนาชาติอย่างยั่งยืน

ODOS Summer Camp คือกิจกรรมพิเศษที่เปิดรับเยาวชนไทยจากทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
นักเรียนระดับมัธยมศึกษา
นักศึกษาระดับอาชีวศึกษา
นิสิต/นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
รวมทั้งสิ้น 928 คนต่อปี จาก 878 อำเภอ และ 50 เขตในกรุงเทพฯ
ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพในหลากหลายด้านกับ มหาวิทยาลัยชั้นนำ ของประเทศ เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ
ทุนการศึกษาครอบคลุม ค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก ค่าครองชีพ และค่าเดินทาง ตลอดระยะเวลาศึกษาในต่างประเทศ
ไม่มี ค่าใช้จ่ายในการสมัคร เข้าร่วมโครงการ
ได้รับการสนับสนุนด้านการเตรียมความพร้อม ทั้งภาษา ทักษะดิจิทัล และกิจกรรมพัฒนา Soft Skills
โอกาสในการเข้าร่วม เครือข่ายเยาวชนคุณภาพระดับประเทศ
มีระบบ ติดตามผลและให้คำปรึกษา ตลอดเส้นทางการศึกษา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://odos.thaigov.go.th/
https://www.gcc.go.th/2025/04/11/odos-summer-camp-2025/

‘ธีระชัย’ ชี้การกู้เงิน 5 แสนล้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ยั่งยืน เตือนรัฐบาลหยุดแจกเงินหมื่นเฟส 3 หันปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว

(28 เม.ย. 68) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตือนรัฐบาลเกี่ยวกับแผนการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทที่อ้างว่าเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจจากการหั่นคาดการณ์จีดีพีของไทยโดย IMF โดยเตือนว่าการกู้เงินครั้งนี้จะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 64.21% ของจีดีพี ไปอีกประมาณ 3% ซึ่งจะสร้างภาระให้กับประชาชนที่ต้องรับผิดชอบหนี้สาธารณะจำนวนมาก

นายธีระชัยกล่าวว่า หนี้ที่รัฐบาลกู้ไปก่อนหน้านี้ทำให้แต่ละคนต้องแบกรับภาระกว่า 160,000 บาทแล้ว จึงแนะนำให้ประชาชนคัดค้านการกู้เงินเพิ่มถ้าหากไม่สามารถสร้างผลประโยชน์ที่แท้จริงได้ โดยแนะนำให้รัฐบาลหยุดแจกเงินหมื่นเฟส 3 และเริ่มเก็บกระสุนการคลังเพื่อใช้ในยามจำเป็น เนื่องจากสถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน

พร้อมเสนอว่า รัฐบาลควรลดการกู้เงินเพื่อแจกอุดหนุนอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจชั่วคราวและไม่มีผลต่อการเพิ่มรายได้ในอนาคต รวมทั้งแนะนำให้รัฐบาลเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศในระยะยาว โดยเน้นการพัฒนาการศึกษาและทักษะของแรงงาน

สุดท้าย นายธีระชัยแนะนำให้รัฐบาลยกเลิกการแจกเงินหมื่นเฟส 3 และให้ความสำคัญในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง เพื่อเตรียมรับมือกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งระบุว่าประชาชนควรจับตาดูการกระทำของรัฐบาลในช่วงวิกฤตนี้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศหรือไม่

ลำปาง-ตำรวจลำปางรวบแก๊งฉ้อโกงขายรถมือสอง – ขยายผลจับผู้ต้องหาคดียาบ้า 3.6 ล้านเม็ด

(28 เม.ย. 68) เวลา 13.00 น. ที่หน้าห้องปฏิบัติการสืบสวน สภ.เมืองลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง นำโดย พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง พร้อมด้วย พ.ต.อ.คมสันต์ บำรุงยศ ผกก.สภ.เมืองลำปาง, พ.ต.อ.ประสิทธิ์ หล้าสมศรี ผกก.สภ.แม่พริก และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงขายรถยนต์มือสอง และการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ ยึดยาบ้ากว่า 3.6 ล้านเม็ด

คดีฉ้อโกงขายรถยนต์มือสอง
จากการสืบสวนของชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง พบพฤติกรรมหลอกลวงประชาชนในลักษณะแก๊งอั้งยี่ โดยมี น.ส.อิง และ น.ส.ออย (นามสมมุติ) เป็นผู้ร่วมขบวนการหลัก อ้างรับซื้อหรือรับจำนำรถในราคาถูก แล้วนำไปขายต่อโดยไม่คืนรถให้เจ้าของ แม้จะจ่ายเงินครบตามที่ตกลงแล้วก็ตาม

ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินคดีรวม 19 คดี บางส่วนได้ส่งฟ้องศาลแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณา พร้อมกันนี้ได้ดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 5 คดี โดยหนึ่งในนั้นมีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกหลอกให้โอนเงิน 299,999 บาท เพื่อซื้อรถยนต์ ก่อนถูกแย่งรถคืนไป ทั้งยังพบพฤติกรรมใช้คนกลางหารถเป้าหมาย และหลอกให้ถอนแจ้งความเพื่อล่อลวงซ้ำ เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองในข้อหา "อั้งยี่" และ "ร่วมกันฉ้อโกง"

คดียาบ้า 3.6 ล้านเม็ด
ในอีกคดีหนึ่ง เจ้าหน้าที่ สภ.แม่พริก และ กก.สส.ภ.จว.ลำปาง ร่วมกับตำรวจจังหวัดตาก ขยายผลจากการจับกุมยาเสพติดจำนวนกว่า 3.6 ล้านเม็ดเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ชาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้ที่จุดตรวจท่าเล่ ต.แม่ท้อ อ.เมืองตาก เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา

ผู้ต้องหารายนี้ถูกออกหมายจับในข้อหา "ร่วมกันจำหน่ายและมียาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต" ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า และมีลักษณะขององค์กรอาชญากรรม โดยจากการติดตามเส้นทางรถยนต์ ISUZU D-MAX สีขาว ทะเบียน ยบ 1534 เชียงใหม่ ของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับได้และนำตัวส่งดำเนินคดีที่ สภ.แม่พริก

เจ้าหน้าที่ตำรวจฝากประชาสัมพันธ์ หากประชาชนคนใดตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพในคดีรถยนต์มือสองดังกล่าว สามารถเข้าแจ้งความเพิ่มเติมได้ที่ สภ.เมืองลำปาง ตลอด 24 ชั่วโมง

ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

จเรตำรวจแห่งชาติหารือร่วมอธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น และคณะ แลกเปลี่ยนข้อมูล เดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์

(28 เม.ย. 68) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับ นายเอกุจิ อาริชิกะ อธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นและคณะ ประกอบด้วย นายเรียว ยาสึเอดะ ผู้บัญชาการสืบสวนระหว่างประเทศ กรมปราบปรามอาชญากรรมองค์กร/หัวหน้าตำรวจสากลโตเกียว (NCB TOKYO) , นายเทรุซาโตะ อิโนะอุเอ ผู้กำกับการกองปราบปรามอาชญากรรม , นายอาริกะ คิตาโมโตะ ผู้กำกับการกองปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนระหว่างประเทศ , นายนาโอโตะ วาตานาเบะ เลขานุการเอกและผู้ช่วยทูตตำรวจอาวุโสฯ , นายโยชิโนริ นาราซากิ เลขานุการโทและผู้ช่วยทูตตำรวจฯ , นางสาวแพรวพฤกษ์ จิตสกุลชัยเดช เจ้าหน้าที่ประสานงานและล่ามไทย-ญี่ปุ่น และ นายพิสิฏฐ์ ไม้ประเสริฐ ผู้ช่วยกงสุล ประจำสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น โดยมี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ร่วมต้อนรับ ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จากนั้น พล.ต.อ.ธัชชัยฯ พร้อมด้วยอธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น และคณะ ได้ประชุมหารือความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ โดยในการประชุมได้มีการหารือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในการกวาดล้างจับกุมกลุ่มแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะที่มีชาวญี่ปุ่นเกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้ อธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น กล่าวว่า ขอขอบคุณตำรวจไทยในการร่วมมือสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และช่วยเหลือเหยื่อ จากนี้ไปจะมีการประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการกำจัดกลุ่มแก๊งดังกล่าวมีประสิทธิภาพและประสบผลสำเร็จ

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างใกล้ชิด ซึ่งต้องขอขอบคุณทางการญี่ปุ่นที่แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และจะสานต่อความร่วมมือในการดำเนินการร่วมกันต่อไป สำหรับในเรื่องข้อมูลแหล่งที่ตั้งฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียวมา และประเทศกัมพูชา นั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยจะมีการตรวจสอบเพิ่มเติม และขยายผลการปฏิบัติ โดยหากจะมีการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และพบว่ามีชาวญี่ปุ่นร่วมอยู่ในกลุ่มแก๊งใด ทางตำรวจไทยจะประสานทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นให้ทราบ เพื่อเตรียมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทันท่วงที ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่ามีคนไทยเกี่ยวข้องกับการพาคนญี่ปุ่นที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยจะขยายผลเพื่อดำเนินคดีโดยเร็ว ย้ำว่าจะต้องทำลายระบบเครือข่ายของแก๊งเหล่านี้ให้หมดไป

ผู้บัญชาการทหารเรือตรวจเยี่ยมการฝึกการดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง (CALFEX) ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2568

(28 เม.ย. 68) เวลา 10.00 น. พลเรือเอก จิรพล  ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ เดินทางตรวจเยี่ยมการฝึก CALFEX ของ นย. ณ สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

การฝึก CALFEX นั้น เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล (FTX) ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2568 ซึ่ง เป็นการฝึกปฏิบัติการจริงของหน่วยกำลังรบประเภทต่าง ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและประสบการณ์ให้กับกำลังพล โดยมีจุดประสงค์เพื่อทดสอบขีดความสามารถในการปฏิบัติการและทดสอบความพร้อมทั้งด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์

สำหรับการฝึก CALFEX จะทำการเข้าตี ยึดครอง รักษาที่หมายและสถาปนาเส้นแนวหัวหาดพร้อมทั้งสนับสนุนการเข้าตีด้วยการยิงอาวุธสนับสนุนของ นย. และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) รวมถึงร้องขอการโจมตีเป้าหมาย High Value Targets จากกองทัพอากาศ ซึ่งได้จำลองสถานการณ์และพื้นที่การฝึกมาที่สนามฝึก กองทัพเรือหมายเลข 16 
   
สำหรับอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกในส่วนของกองทัพเรือประกอบด้วย ยานรบสะเทินน้ำสะเทินบก AAV จำนวน 6 คัน ยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก VN16 จำนวน 3 คัน ยานเกราะล้อยาง BTR -3E1 จำนวน 4 คัน รถ AWAV 7 คัน รถยนต์บรรทุกฮัมวี่ 4 คัน ปืนใหญ่สนามขนาด 155 มม.จาก นย. และ สอ.รฝ. หน่วยละ 2 กระบอก ปืนใหญ่สนามขนาด 105 มม. 2 กระบอก ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 40/60 มม. 2 กระบอก อาวุธยิงสนับสนุนภายในอัตรากองพันทหารราบ ชุดแทรกซึมทางอากาศจากกองพันลาดตระเวน  กองพลนาวิกโยธิน อากาศยานไร้คนขับแบบ M SOLAR-X 1 ระบบ 

โดยมีอากาศยานของกองทัพเรือที่ร่วมการฝึกประกอบด้วย เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลดอร์เนียร์สำหรับการส่งชุดแทรกซึมทางอากาศ เครื่องบินตรวจการณ์ชี้เป้าแบบ T-337 สำหรับการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด (Close Air Support : CAS ) และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ EC-645 สำหรับการส่งกลับสายแพทย์  

ทั้งนี้ กองทัพบกได้จัดรถหุ้มเกราะติดอาวุธแบบ M1126 Stryker ICV 4 คัน เข้าร่วมการฝึกสำหรับการดำเนินกลยุทธ์เข้าตีและยึดครองที่หมาย ในขณะที่กองทัพอากาศจัดเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง สำหรับการขัดขวางกำลังเพิ่มเติมของฝ่ายตรงข้าม โดยมีชุดควบคุมอากาศยานโจมตี (Combat Control Team) จากกรมปฏิบัติการพิเศษหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน แนะนำการติดต่ออากาศยานเข้าพื้นที่การปฏิบัติการ
  
ผลลัพธ์ที่จะได้รับจากการฝึกในครั้งนี้ นอกจากกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกจากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ กองทัพบก และกองทัพอากาศจะได้ใช้ยุทธวิธีหลักนิยมในการรบร่วม และทดสอบแนวทางการใช้กำลังของกองทัพเรือให้เป็นไปตามแผนป้องกันประเทศ เพื่อให้เกิดความรู้ความชำนาญเพิ่มขึ้นจากการฝึกจริงแล้ว ยังทำให้กองทัพเรือได้รับทราบถึงขีดความสามารถและข้อจำกัดของกำลังพลในปัจจุบัน รวมทั้งการปฏิบัติการร่วมกันกับเหล่าทัพต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาขีดความสามารถสำหรับการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือ โดยเฉพาะในการป้องกันประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เลย-มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24 แถลงปฏิบัติการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe  ยึดยาบ้า  5.5 ล้านเม็ด 

(27 เม.ย. 68)  เวลา 13.30 น. ที่กรมทหารพรานที่ 21 ต.ศรีสองรัก อ.เมืองเลย จ.เลย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) พร้อมด้วยนายชัยพจน์  จรูญพงศ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ในพื้นที่อำเภอชายแดน ของจังหวัดเลย  โดยมี  พล.ต.ต.วีระเดช เลขะวรกุล  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย นายกิตติคุณ  บุตรคุณ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย  พันเอก สุพรเทพ ไชยยงค์ ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 3 ( ร.8 )  นางสาวภูมารินทร์  คงเพียรธรรม  ปลัดจังหวัดเลย  พันเอกอินทราวุธ  ทองคำ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21  นายสุชิน จันทร์ป่าน นายอำเภอปากชม และหัวหน้าส่วนราชการ  เข้าร่วมแถลงข่าว

โดยเมื่อวันที่  25  เมษายน 2568 เวลา  02.00  น. กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2109 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 สืบทราบจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบขนย้ายยาเสพติดเข้ามายังฝั่งไทย บริเวณพื้นที่บ้านปากมั่ง ตำบลหาดคัมภีร์ อำเภอปากชม จังหวัดเลย จึงได้ประชุมวางแผนการปฏิบัติ ร่วมกับ ชป.505 กกล.สุรศักดิ์มนตรี ,จนท.สภ.ปากชม จากนั้นได้วางกำลังซุ่มเฝ้าตรวจพบ เรือกีบ 1 ลำ แล่นเข้ามายังฝั่งไทยมีกลุ่มชายฉกรรจ์ ประมาณ 5 คน  กำลังแบกกระสอบสีดำขึ้นจากเรือมาวางริมถนน จากนั้นได้มีรถยนต์กระบะถอยเข้ามาเพื่อทำการขนกระสอบสีดำขึ้นท้ายกระบะ จนท.ชุดซุ่ม จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ พบเห็นว่าเป็น จนท. จึงได้กระโดดลงน้ำแม่โขงหลบหนีไปได้ แต่จนท.สามารถควบคุมตัวไว้ได้ 2 คน ต่อมาจึงได้ประสานหน่วยที่เกี่ยวมาร่วมทำการตรวจสอบกระสอบสีดำ พบเป็นกระสอบบรรจุยาบ้ารวม ทั้งหมดประมาณ 15 กระสอบ พบเป็นยาเสพติดทั้งหมด 5,566,000 เม็ด  พร้อมทั้งนำส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ให้ สภ.ปากชม เพื่อทำการขยายผลในส่วนที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กรณีที่มีการตรวจยึดจับกุมในครั้งนี้ นบ.ยส.24 ในพื้นที่ 7 จังหวัด 25 อำเภอ พื้นที่ตามแนวชายแดน ในห้วงที่ผ่านมานั้น มีสถิติการจับกุมในพื้นที่อำเภอชายแดนของจังหวัดเลย  จำนวน 186 ครั้ง ผู้ต้องหา 240 ราย โดยมีของกลางยาบ้ามากถึง 14,898,762 เม็ด, ไอซ์ 993 กิโลกรัม และเคตามีน 250 กิโลกรัม การจับกุมในพื้นที่รับผิดชอบของ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งหมด 7 จังหวัด 25 อำเภอ จำนวน 696 ครั้ง ผู้ต้องหา 974 คน โดยมี ของกลางยาบ้ามากถึง 104,955,437 เม็ด, ไอซ์ 4,084 กิโลกรัม, เฮโรอีน 124 กิโลกรัม, เคตามีน 777 กิโลกรัม, และอื่นๆ (ยาอี 3,490 เม็ด,  happy Water 1,156 ซอง, ฝิ่น 1 กรัม) รวมมูลค่ามากถึงเจ็ดพันกว่าล้านบาทเศษ

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรมนำเยาวชนทัศนศึกษาทัศนศึกษาประจำปี 2568  “จากภาคเหนือตอนล่าง สู่ภาคเหนือตอนบน”

(28 เม.ย. 68) เวลา 09.00 นาฬิกา ที่สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลโท กิตติพงษ์  แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย พันเอกหญิง สุชาดา  แจ่มสุวรรณ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3 ให้การต้อนรับเยาวชนกองทัพภาคที่ 3 ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง พร้อมให้โอวาทแก่เยาวชนที่ร่วมกิจกรรมทัศนศึกษานอกพื้นที่ ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 ก่อนจะเดินทางไปยังแหล่งเรียนรู้และสถานที่สำคัญต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน

กองทัพภาคที่ 3  จัดกิจกรรมนำเยาวชนในพื้นที่พื้นภาคเหนือตอนล่าง เดินทางไปทัศนศึกษาภาคเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 28 – 30 เมษายน 2568 ภายใต้แนวคิด “เรียนรู้วิถีคนเมือง สัมผัสวัฒนธรรมล้านนา เสริมสร้างปัญญา พัฒนาเยาวชน” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางสังคม ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ทหารยุคใหม่ รวมถึงการดำเนินงานตามศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ภายในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 3  โดยมีเยาวชนจำนวนทั้งสิ้น 25 คน จาก เยาวชนที่เคยเข้าร่วมและสนับสนุนกิจกรรมของหน่วย / มัคคุเทศก์น้อย / เยาวชนจากโรงเรียนในโครงการทหารพันธุ์ดี “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” / นักเรียนที่สนใจสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนทหารในส่วนของกองทัพบก

โดยระหว่างการทัศนศึกษา เยาวชนจะได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์ของชาติ อาทิเช่น อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย  และประวัติศาสตร์ด้านการทหาร พร้อมทั้งเยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่อยู่ในความรับผิดชอบ ของ กองทัพภาคที่ 3 หรือ โครงการทหารพันธุ์ดี และเดินทางสัมผัสวิธีชีวิตคนเมือง ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ณ จังหวัดเชียงใหม่อดีตศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนา ตลอดจนนิทรรศการเกี่ยวกับการก่อตั้งโครงการในการดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ อันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติโดยส่วนรวม

กองทัพภาคที่ 3 มุ่งหวังให้การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง “พลเมืองรุ่นใหม่” ที่มีคุณภาพ มีความเข้าใจในประวัติศาสตร์และมิติทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย ที่หล่อหลอมจนกลายมาเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีความรู้ควบคู่คุณธรรม และเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

กองทัพเรือ จัดอบรมให้ความรู้แก่ทหารก่อนปลดประจำการ ผลัดที่ 1/2566 พื้นที่สัตหีบ

(28 เม.ย.68) นาวาเอก พนม คมสัน รองเจ้ากรมโรงงานฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นประธานในพิธีเปิดอบรมทหารกองประจำการก่อนปลดเป็นทหารกองหนุน ผลัดที่ 1/66 ในสังกัดพื่นที่สัตหีบ โดยแบ่งออกเป็นรอบเช้า ชุดที่ 1 จำนวน 220 นาย รอบบ่าย ชุดที่ 2 จำนวน 260 นาย รวมจำนวน 480 นาย ณ สโมสรสัญญาบัตร ฐานทัพเรือสัตหีบ

ตามที่กองทัพเรือ ได้อนุมัติให้ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นหน่วยดำเนินการจัดการอบรมทหารกองประจำการก่อนปลดเป็นทหารกองหนุน ที่สังกัดต่าง ๆ ในพื้นที่สัตหีบ ประกอบด้วย กองเรือยุทธการ ฐานทัพเรือสัตหีบ ทัพเรือภาคที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ และโรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ โดยได้กำหนดหัวข้อในการอบรม จำนวน 4 หัวข้อ ได้แก่ การให้ความรู้เกี่ยวสถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย หัวข้อที่ 2 การให้ความรู้เกี่ยวกับโทษและพิษภัยจากยาเสพติด ได้รับวิทยากรจากโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ มาให้ความรู้ หัวข้อที่ 3 การให้ความรู้และการลดความเสี่ยงต่อโรคติดต่อร้ายแรง ได้รับวิทยากรจากโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ มาให้ความรู้ หัวข้อที่ 4 การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่ควรทราบ ได้รับวิทยากรจากแผนกพระธรรมนูญ ฐานทัพเรือสัตหีบ มาให้ความรู้

ภาพข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

พบผู้ว่ากทม. คุณชัชชาติ โดยบังเอิญที่ร้านอาหาร Malibu

(27 เม.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaran Ditapichai’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

พบผู้ว่ากทม. คุณชัชชาติ โดยบังเอิญที่ร้านอาหาร Malibu 
ที่คนไทยเรียก ร้านไก่ดำ เพราะเป็นร้านอาฟริกา 
ท่านมากับคณะบริหาร ถามผมติดคดีอะไร 112 ครับ 
ส่วนผมให้กำลังใจ เป็นหลัก ตามประสาเคยรู้จักกัน

‘นายกฯ อิ๊งค์’ พร้อมลงพื้นที่ อีสานตอนบน ริมแม่น้ำโขง จันทร์นี้ นำ!! คณะรัฐมนตรีสัญจร มั่นใจ!! แก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้ทุกมิติ

(27 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ในวันอังคารที่ 29 เมษายน ที่จังหวัดนครพนม ซึ่งนายกรัฐมนตรี มีดำริให้รัฐมนตรี ทุกกระทรวง ลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามงานในทุกมิติ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัด ภาคอีสานในวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน และวันจันทร์ที่ 28 เมษายน ก่อนการเข้าร่วมประชุม คณะรัฐมนตรีสัญจรอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสกลนครและนครพนม เพื่อตรวจราชการและติดตามผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) ในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568 และนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 ในวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568  ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม จังหวัดนครพนม

“นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการก่อน 1 วัน โดยในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568 เวลา 08.45 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังสนามบินกองทัพบกค่ายกฤษณ์สีวะรา ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร และเดินทางต่อไปยังสวนสาธารณะดอนเกิน อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร เพื่อติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนแผนพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่บึงหนองหารและการบริหารจัดการน้ำ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปศูนย์หัตถกรรมวัดธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า จ.นครพนม เพื่อเยี่ยมชมศูนย์หัตถกรรมวัดธาตุประสิทธิ์ “นาหว้าโมเดล” ตามแนวพระดำริ “Sustainable Fashion : แฟชั่นแห่งความยั่งยืน” จากนั้นจะเป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดข้ามแดนในพื้นที่ ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม อ.เมืองนครพนม และในช่วงเย็นของวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีและคณะจะร่วมสักการะพญาศรีสัตตนาคราช พร้อมจุดเรือไฟบก ที่ลานพนมนาคา   ริมแม่น้ำโขง ในอำเภอเมืองนครพนม

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม หลังเสร็จสิ้นการประชุมนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปที่ด่านศุลกากรนครพนม ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำโขงตรงข้ามประเทศลาว เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนในพื้นที่ เนื่องจากด่านศุลกากรนครพนม มีจุดผ่านแดนถาวรทั้งหมด 2 แห่ง คือ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน ลาว ) ท่าเทียบเรือการท่องเที่ยวเทศบาลนครพนมรวมทั้งจุดผ่อนปรนการค้าอีก 4 แห่ง ได้แก่ จุดผ่อนปรนอำเภอท่าอุเทน จุดผ่อนปรนบ้านดอนแพง จุดผ่อนปรนอำเภอธาตุพนม และจุดผ่อนปรนบ้านหนาด

“การลงพื้นที่ภาคอีสานของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ทุกมิติ ทั้งการค้าขายระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว การพัฒนาเมืองเนื่องจากจังหวัด นครพนม และมุกดาหาร เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศลาวที่มีเส้นทางการคมนาคมหลักที่สามารถเชื่อมโยงไปยังประเทศเวียดนามตอนกลางที่เมืองดานังได้ ทั้งนี้ การลงพื้นที่ ของคณะรัฐมนตรี จะทำให้รัฐบาลสามารถเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาต่อยอดทุกมิติ และแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้จังหวัดสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ ไม่ว่าเป็นการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้เมื่อปัญหายาเสพติดลดลงคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ก็จะดีขึ้น” นายจิรายุ กล่าวทิ้งท้าย

‘ชูศักดิ์ ศิรินิล’ ผู้แทนพิเศษรัฐบาลไทย ร่วมถวายเกียรติ ในพิธีพระศพของ สมเด็จพระสันตะปาปา ณ นครรัฐวาติกัน

(27 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทย ได้เข้าร่วมพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกและนครรัฐวาติกัน ณ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน ที่จัดขึ้นวานนี้ (วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568) เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นนครรัฐวาติกัน ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย เป็นเวลา 5 ชั่วโมง  

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนรัฐบาลไทย พร้อมด้วยนางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ (ว่าที่) เอกอัครราชทูตประจำนครรัฐวาติกัน และนายธเนศ กิตติธเนศวร เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสที่จตุรัสเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน ขณะที่นายธัชสิทธิ์ ประสิทธิรัตน์ อุปทูตฯ ประจำนครรัฐวาติกัน เข้าร่วมในส่วนของคณะทูตานุทูต

เมื่อคณะเดินทางถึงมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล และคณะได้เข้าพบพระคาร์ดินัล ปิเอโตร ปาโรลิน (Pietro Parolin) เลขาธิการสันตะสำนักในสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส

พิธีปลงพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส จัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติบริเวณจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ โดยเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น. และเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 12.10 น. โดยมีพระคาร์ดินัลโจวานนี บัตตีสตา เร (Carinal Giovanni Battista Re) ประธานพระคาร์ดินัลทั่วโลก เป็นประธานในพิธี

พิธีพระศพเริ่มต้นด้วยการเคลื่อนย้ายโลงพระศพจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ออกมายังหน้าวิหาร บริเวณลานด้านหน้า เพื่อประกอบพิธีปลงพระศพ จากนั้นเป็นพิธีกรรมทางศาสนา โดยมีการสวดมนต์เป็นภาษาละตินและภาษาหลักต่าง ๆ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของพระสันตะปาปา ผู้ทรงยึดมั่นในความเมตตาและความยุติธรรม โดยไม่มีเครื่องประดับหรือการตกแต่งที่หรูหราเกินจำเป็น ตามพระประสงค์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม ที่ต้องการให้งานศพสะท้อนความถ่อมตน ให้เน้นความเรียบง่ายและการมีส่วนร่วมของสาธารณชน ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายพระศพไปฝังที่วิหาร Santa Maria Maggiore Basilica ในกรุงโรม

พิธีในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากกว่า 150 ประเทศ/องค์การระหว่างประเทศ รวมถึงเชื้อพระวงศ์ ประมุขของรัฐและผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลจำนวนมาก และยังมีประชาชนผู้ศรัทธาอีกกว่า 2 แสนคนเข้าร่วม อาทิ สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งสเปนเจ้าชายแห่งเวลส์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประธานาธิบดีฝรั่งเศสประธานาธิบดีบราซิลประธานาธิบดีอาร์เจนตินาประธานาธิบดียูเครนประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรีสวีเดน และนายกรัฐมนตรีฮังการี เป็นต้น

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกและนครรัฐวาติกัน พระสันตะปาปา องค์ที่ 266 ได้สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 ณ ที่ประทับ (Casa Sabta Marta) ในนครรัฐวาติกัน ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษา โดยทรงเป็นผู้นำทางศาสนาที่ได้รับการเคารพอย่างสูงจากประชาคมระหว่างประเทศ ทรงอุทิศพระองค์ในการส่งเสริมสันติภาพ ความเมตตา และการสร้างความปรองดองและส่งเสริมสันติภาพในทั่วทุกมุมโลก จนได้รับการยกย่องว่า เป็นพระสันตะปาปาของผู้ยากไร้ (Pope of the Poor) โดยทรงปฏิบัติภารกิจจนถึงช่วงสุดท้าย เพื่อประทานพรให้แก่ประชาชนที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ได้เคยเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20 – 23 พฤศจิกายน 2562 และได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี รวมถึงได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

โดยในโอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสสิ้นพระชนม์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มีสารแสดงความเสียใจถึงประธานคณะพระคาร์ดินัลทั่วโลก เพื่อแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ผู้เป็นดั่งดวงประทีปแห่งความเมตตากรุณา ความอ่อนน้อมถ่อมตน และจริยธรรม พร้อมกับนับถือความมุ่งมั่นของสันตะสำนักแห่งนครวาติกัน ภายใต้การนำของสมเด็จพระสันตะปาปาในการส่งเสริมสันติภาพ และความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยการเสด็จเยือนประเทศไทยของพระองค์เมื่อปี 2562 ยังคงเป็นความทรงจำที่มีค่าของประชาชนไทย

อนึ่ง ในช่วงเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 คณะผู้แทนพิเศษได้พบกับ พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ที่นครรัฐวาติกันด้วย 

โดยภารกิจในครั้งนี้มีผู้แทนจากนครรัฐวาติกันมารับที่สนามบิน และมีรถตำรวจนำขบวน อำนวยความสะดวกคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทยตลอดภารกิจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top