Sunday, 15 June 2025
NEWS FEED

สวธ.จัดการประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พุทธศักราช 2566 'รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม' ปลุกเยาวชนร่วมสืบสาน รักษา ต่อยอด เพิ่มมูลค่าให้ศิลปะการแสดง 4 ภูมิภาคของประเทศ

วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานงานแถลงข่าว การจัดประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พุทธศักราช 2566 'รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม' ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้และภาคเหนือ โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้บริหาร ผู้แทนสมาคมศิลปินพื้นบ้าน เข้าร่วมงาน พร้อมด้วยคณะกรรมการตัดสินการประกวด 4 ภูมิภาค เข้าร่วมการเสวนา พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาทักษะและเทคนิคการแสดงเพื่อสร้างสรรค์และออกแบบชุดการแสดงเพื่อการประกวด ณ โถงชั้น 1 อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม

นายอิทธิพล คุณปลื้ม ประธานกล่าวว่า ดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้ ซึ่งแต่ละพื้นที่ แต่ละภูมิภาคจะมีศิลปะการแสดงที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในปัจจุบันดนตรีและการแสดงพื้นบ้านได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก หากไม่ช่วยกันอนุรักษ์ สืบสาน รักษาและต่อยอด อาจเสี่ยงต่อการสูญหาย กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการส่งเสริมสนับสนุน อนุรักษ์และถ่ายทอดภูมิปัญญา วิถีชีวิตและความเป็นไทย  ได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของดนตรีและการแสดงพื้นบ้านซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าของคนไทย
 
นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริม อนุรักษ์ ผลักดันให้ ดนตรี และการแสดงพื้นบ้านทั้ง 4 ภาค ยังคงอยู่กับประเทศไทย ผ่านการสานต่ออย่างสร้างสรรค์ของเด็กและเยาวชน มาตลอด 15 ปี ผ่านการจัดกิจกรรมการประกวดอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่พุทธศักราช 2549 จนถึงปัจจุบัน สำหรับการประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้านในปีนี้ ยังคงจัดภายใต้แนวคิด “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม” ที่จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 4 เพื่อเปิดโอกาสให้คณะนักแสดงได้มีโอกาสในการสร้างสรรค์ชุดการแสดงที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของวิถีชีวิต ความเชื่อ พิธีกรรม วรรณคดี วรรณกรรมพื้นบ้าน ประเพณี ที่สื่อให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค ซึ่งได้มีการเปิดรับสมัครเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2566 ทั้งนี้ 
มีทีมที่สมัครเข้าร่วมประกวดร่วม 40 ทีม

ด้าน นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ดำเนินการจัดประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้านมาแล้ว 15 ครั้ง เริ่มจาก พ.ศ. 2549 และตั้งแต่ พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่ทรงเป็น “วิศิษฏศิลปิน” และเพื่ออนุรักษ์ ส่งเสริม เผยแพร่ดนตรีและการแสดงพื้นบ้านให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง สร้างความสนใจให้เกิดกระแสอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย เปิดพื้นที่ให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชน สร้างมิติใหม่ให้วัฒนธรรมมีความร่วมสมัย ยกระดับขีดความสามารถของดนตรี พัฒนาเทคนิคทางการแสดง ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณฯ พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศ ในการประกวดของแต่ละปีอย่างต่อเนื่อง
    
นายโกวิท กล่าวต่อว่า การจัดประกวดในปี 2566 นี้ มีความพิเศษตรงที่ไม่จำกัดอายุของผู้เข้าประกวด เพื่อมุ่งส่งเสริม รักษา ต่อยอด และเปิดพื้นที่ให้ศิลปินพื้นบ้านในแขนงต่าง ๆ ทั้งเด็ก เยาวชน และประชาชนได้มีโอกาสร่วมถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมการแสดง และมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ไปสู่สายตาประชาชน โดยมีกำหนดจัดการประกวดใน 4 ประเภท ดังนี้ 1) การประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคกลาง ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2) การประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 23 พฤษภาคม 2566 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด 3) การประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคใต้ วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา จังหวัดสงขลา และ 
4) การประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือ วันที่ 7 มิถุนายน 2566 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
       
ทั้งนี้ ทีมผู้ชนะการประกวดจะได้รับเงินรางวัลรวม (๔ ภาค) 1,000,000 บาท ประกอบด้วย -รางวัลชนะเลิศ ได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานฯ เงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร -รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้รับถ้วยรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เงินรางวัล 80,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร -รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้รับถ้วยรางวัลจากปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร และ -รางวัลชมเชย ภาคละ 2 รางวัล ได้รับเงินรางวัล ๆ ละ 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร  โดยสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมการประกวด และข้อมูลทางวัฒนธรรมได้ทาง www.culture.go.th หรือ เฟสบุ๊คกรมส่งเสริมวัฒนธรรมและ line@วัฒนธรรม 

ผบช.ภ.2 มอบทุนการศึกษาผ้าป่าสามัคคี บุตรข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ประจำปี 2566

วันที่ 3 พ.ค.66 ที่ห้องประชุมขันตีอุตสาหะ ศูนย์ฝึกอบรมด้านการป้องกันอาชญากรรม กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 จ.ชลบุรี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาโครงการผ้าป่าสามัคคีทุนการศึกษาบุตร-ธิดาข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ประจำปี 2566 

โดยมี พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.นิทัศน์ แหวนประดับ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.2 พ.ต.ต.สิรภพ เงินดี สว.ฝอ.บก.สส.ภ.2 ร่วมให้การต้อนรับ 

ข้าราชการตำรวจในสังกัด กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 นำบุตร-ธิดาเข้าร่วมรับทุนการศึกษา จำนวน 141 ทุน เป็นทุนเรียนดี จำนวน 47 ทุน และทุนเรียนในระดับปกติ จำนวน 94 ทุน ผู้ที่มีสิทธิ์รับทุนการศึกษาในครั้งนี้ ต้องกำลังศึกษาในระดับอนุบาล จนถึง ระดับปริญญาตรี เท่านั้น  โดยในวันนี้ได้มีบุตรร่วมรับทุนจำนวน 70 คน

เนื่องด้วย พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 ได้มีความห่วงใย ในความยากลำบากของข้าราชการตำรวจ ในสังกัดในช่วงเปิดเทอม เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ส่งเสริมการศึกษาและผู้มีผลการเรียนดี เพิ่มโอกาสทางการศึกษา และสร้างความสัมพันธ์ความสามัคคีในหมู่คณะและในครอบครัว

สวนนงนุชพัทยา เป็นจุดหมายกลุ่มคาราวาน Porsche Club Vietnam Asean Caravan Tour 2023 มุ่งหน้าเยี่ยมชม 1 ใน 10 สวนที่สวยที่สุดในโลก

วันนี้ เวลา 13.30 น. นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ให้การตอนรับกลุ่มคาราวาน  Porsche Club Vietnam มุ่งหน้าจากประเทศเวียดนาม สู่ประเทศไทย โดยการเดินทางข้าม 4 ประเทศใน 10 วัน ระหว่างวันที่ 27 เมษายน – 6 พฤษภาคม 2023  ระยะทางรวม 3400 Km  มีผู้เข้าร่วม จำนวน 15 คัน ซึ่งในวันนี้ กลุ่มคาราวาน  Porsche Club Vietnam ได้มุ่งหน้าจากกรุงเทพฯ มาเที่ยวชมสวนนงนุชพัทยา พร้อมรับประทานอาหารกลางวัน หลังจากนั้นได้นั่งรถชมสวนสวยที่ติด 1ใน10 สวนที่สวยที่สุดในโลกและแหล่งเรียนรู้เพื่อเด็กและเยาวชน ของทางสวนนงนุชพัทยา แวะทานบุฟเฟ่ต์ผลไม้ ก่อนเดินทางกลับ

‘โฟร์ท นฤมล’ อดีตนักร้องยุค 90 สู่ตำแหน่งใหญ่ นั่งผู้บริหารหญิงคนไทยคนแรกของ ‘ธนาคารซิตี้แบงก์’

ซิตี้แบงก์ แต่งตั้ง ‘โฟร์ท นฤมล’ อดีตนักร้องยุค 90 นั่งผู้บริหารหญิงคนไทยคนแรก

(3 พ.ค. 66) ธนาคารซิตี้แบงก์ ประกาศแต่งตั้ง นางสาวนฤมล จิวังกูร ขึ้นดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย (Citi Country Officer for Thailand) ดูแลรับผิดชอบการดำเนินธุรกิจภายในประเทศไทย โดยขึ้นตรงต่อ นายอมล กุปเต ผู้บริหารใหญ่ธนาคารซิตี้แบงก์ ภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียน (Head of South Asia and Asean for Citi) และมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ นางสาวนฤมล เป็นผู้บริหารหญิงและคนไทยคนแรกของธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ที่ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว

นางสาวนฤมล จิวังกูร สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ เอกบริหารการเงิน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้เริ่มต้นทำงานที่ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ.2539 ซึ่งก่อนการแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย นางสาวนฤมลดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตลาดเงินตลาดทุน ของธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย

‘ลุงตู่’ ชื่นชมนายสถานีรถไฟบ้านส้อง ช่วยชีวิตหญิงชรา ยกเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม ขอให้ทำความดีต่อไป

‘พล.อ.ประยุทธ์’ แวะให้กำลังใจนายสถานีรถไฟบ้านส้อง จ.สุราษฎร์ธานีเสี่ยงชีวิตช่วยหญิงชราเป็นใบ้หูหนวก ให้รอดพ้นจากการถูกรถไฟชน พร้อมชื่นชมเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม

(3 พ.ค. 66) ที่สถานีรถไฟบ้านส้อง ต.บ้านส้อง เขตเทศบาลเมืองเวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา บูรพชัยศรี และคณะผู้บริหารพรรคเดินทางให้กำลังใจ นายฐิติพงศ์ พิริพล นายสถานีรถไฟบ้านส้อง อ.เวียงสระ ที่เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยหญิงสูงอายุที่พิการทางการได้ยินและเป็นใบ้ เดินข้ามตัดหน้าขบวนรถไฟล่องใต้ ขบวนที่ 85 กรุงเทพอภิวัฒน์-นครศรีธรรมมราช ที่กำลังแล่นเข้าเทียบชานชาลาสถานีรถไฟบ้านส้อง จนรอดชีวิตจากการถูกชนอย่างหวุดหวิด เป็นการมาให้กำลังใจระหว่างลงพื้นที่หาเสียงในจังหวัดสุราษฎร์ธานี

‘เนติวิทย์’ ยกแม่น้ำทั้งห้า หลังสลัดผ้าเหลือง อ้างติดอ่านสอบบาลี ลั่น!! สู้คดีไม่เกณฑ์ทหาร

(3 พ.ค. 66) ความคืบหน้ากรณีพระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน หรือ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหารกองเกินประจำปี 2566 แต่ไม่ได้เดินทางไปคัดเลือก ทางกองทัพบก แจ้งว่ากรณี ‘พระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน’ ในปีนี้อยู่ในบัญชีคนที่พ้นฐานะยกเว้นผ่อนผันของอำเภอเมืองสมุทรปราการ และจะต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียกในวันที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งพระเนติวิทย์ ไม่ได้ไปรายงานตัวเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียก ทางราชการจะปฏิบัติตามหลักการเดียวกัน คือ เมื่อเป็นผู้ขาดการตรวจเลือกและมีความผิดตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร มาตรา 27 ขั้นตอนต่อไปทางอำเภอจะมีหนังสือเชิญมาสอบสวนและให้ข้อมูล โดยไม่ได้มีการออกหมายจับ
.
ล่าสุด นายเนติวิทย์ โพสต์ภาพ พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Netiwit Ntw ระบุว่า...
.
“ลาสิกขาและสอบได้ประโยค 1-2 ดังที่ผมได้เคยแจ้งขณะเป็นพระเนติวิทย์ ในถ้อยแถลงส่วนตัวว่า…
.
นับแต่รัฐประหาร 2557 ผมก็ตาสว่างเห็นการบังคับเกณฑ์ทหารเป็นเครื่องมือควบคุมคน สร้างความกลัว และระบบนี้เป็นอุปสรรคต่อความเจริญงอกงามของผู้คน ในสังคมและสร้างเสรีประชาธิปไตย แม้โดยส่วนตัวจะมีวิธีหลีกเลี่ยงได้มากมายโดยไม่ผิดกฎหมาย (เช่น เรียน รด.) แต่ก็คิดว่าวิธีนี้คนใช้เยอะแล้ว และเราก็ควรมีสิทธิศักดิ์ศรีชัดในฐานะมนุษย์ว่า เรามีเสรีภาพในการเลือกพัฒนาชาติในแบบของเราได้ เราไม่ควรต้องกลัวกับระบบไม่เป็นธรรม ผมก็ได้มีเจตนามุ่งมั่นและออกแถลงการณ์ตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งก็ผ่านมาถึง 9 ปีแล้วว่า จะไม่เข้าร่วมระบบเกณฑ์ทหาร แม้จะต้องโดนดำเนินคดีหรืออะไรก็ตามที
.
แม้ตอนนี้ ผมก็ไม่เคยเปลี่ยนความเชื่อ ความตั้งใจของตน โดยเฉพาะสิ่งที่เราทำเราต่อต้าน เมื่อพิจารณาอย่างแยบคาย เป็นสิ่งที่ดีกับคนรุ่นหลังจากเรา ที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างปราศจากความกลัว สามารถรักชาติได้ดีขึ้น (เพราะเขามีสิทธิ์คิดสิทธิเลือก ไม่ใช่รักเพราะกลัวเกรง)
.
หากที่ผมไม่ไปที่หน่วยตรวจเลือดเกณฑ์ทหารเพื่อประกาศเจตนารมณ์นี้ด้วยตัวเองก็เพราะติดอ่านสอบบาลีประโยค1-2 ซึ่งตนก็ตั้งใจศึกษาบาลีมาถึง 4-5 เดือน อยากสอบซ่อมให้เรียบร้อยแล้วก็จะสึกออกมาต่อสู้ ไม่ได้ต้องการหลีกเลี่ยงจะใช้ผ้าเหลืองเพื่อหลบหนี แม้อยากจะบวชต่ออีกสักพักก็ตาม
.
ขณะนี้ก็สอบซ่อมเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้ทำผิดที่เคยให้สัตย์ไว้ ก็ได้ลาสิกขาจากวัดญาณเวศกวัน ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา และเมื่อวาน แม่กองบาลีก็ประกาศผลแล้วว่า พระเนติวิทย์สอบได้ประโยค 1-2

ท่านเจ้าคุณฯ ได้ให้โอวาทตอนลาสิกขา คือ หลักอธิษฐานธรรม 4 ได้แก่

1.) ไม่พึงประมาทปัญญา
2.) พึงมั่นคงและมุ่งมั่นในสัจจะ
3.) พึงเพิ่มพูนจาคะการให้
4.) พึงศึกษาสันติ สันติภาพภายในและโลกไร้สงคราม

ตอนนี้ก็กลับมาเป็นคฤหัสถ์ เป็นผู้ครองเรือน เป็นผู้หนึ่งที่มั่นใจยิ่งขึ้นทุกทีว่า พระธรรมคำสอนสองพันกว่าปีนี้สามารถมีประโยชน์ต่อตนและผู้อื่น และประโยชน์ในการพัฒนาสังคม ได้สัมผัสสุขอิงอามิสและไม่อิงอามิสความไม่เบียดเบียน จะนำเอาธรรมมาประยุกต์และเผยแพร่

ก.แรงงาน จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2566

วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 เวลา 08.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2566 โดยมี ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน

เชียงใหม่ -คณะพัฒนาการท่องเที่ยว ม.แม่โจ้ จัดสัมมนาวิชาการ โชว์เคสผลงานผู้ผ่านการฝึกอบรมการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและนวัตกรรม

คณะพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยแม่โจั จัดงานสัมมนาวิชาการและนิทรรศการเผยแพร่ผลงานผู้ผ่านการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ "Building Experience from Our Journeys" หลักสูตรการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและนวัตกรรม ภายใต้โครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะสูงเพื่อตอบโจทย์การ ผลิตตามนโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษาไทย เน้นผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว เกษตรกร แพทย์ทางเลือกแผนไทย ตัวแทนผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน มุ่งพัฒนาทักษะด้านการคิดเชิงสร้างสรรค์ ต่อยอดธุรกิจด้านนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (ด้านเกษตร อาหาร สุขภาพ) นำไปสู่โอกาสในการพัฒนาผลงานต้นแบบไปสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์ พร้อมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

อาจารย์ ดร.กีรติ ตระการศิริวานิช คณบดีคณะพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่าโครงการการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและนวัตกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าฝึกอบรม มีความรู้ ความเข้าใจ ในองค์ประกอบของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พฤติกรรมการท่องเที่ยวที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงสามารถพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวและออกแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพบนฐานความรู้ความเข้าใจสุขภาวะแบบองค์รวม ให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว โครงการการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 40 คน ประกอบด้วย ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว เกษตรกรแพทย์ทางเลือกแผนไทย ตัวแทนผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน โดยตลอดระยะเวลาการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นเวลา 4 เดือนนั้น นำมาสู่การจัดงานสัมมนาวิชาการและนิทรรศการเผยแพร่ผลงานผู้ผ่านการฝึกอบรม เพื่อนำเสนอผลเรียนรู้ของผู้ผ่านการฝึกอบรมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

 โดยมีการจัดแสดงผลงานจำนวน 28 ผลงานในรูปแบบนิทรรศการ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้เพื่อต่อยอดธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากผู้ประกอบธุรกิจโดยตรง อันจะนำไปสู่โอกาสในการพัฒนาผลงานต้นแบบไปสู่ธุรกิจเชิงพาณิซย์ อีกทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายให้กับกลุ่มผู้ประกอบการที่มีความสนใจในการพัฒนาบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ Social Network Analysis ที่ได้จากการเก็บข้อมูลของโครงการ พบว่า ผู้ประกอบการในโครงการได้สร้าง และขยายเครือข่ายการทำงานร่วมกันทั้งภายใน และภายนอกโครงการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

ผู้ช่วยศาสตราจารย์พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประธานในพิธีเปิด กล่าวว่า จาก วิกฤตโควิดที่พวกเราได้พบเจอและได้รับผลกระทบในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงและต้องเร่งฟื้นฟูนั้น แต่เราจะฟื้นฟูอย่างไรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโรคระบาด โครงการการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการฯ นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่จะสามารถนำความรู้ไปต่อยอดธุรกิจ พัฒนาสร้างสรรค์ผลงานของตนเอง ซึ่งหลักสูตรการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและนวัตกรรม เป็นหลักสูตรที่จะสามารถสร้างบุคลากรทางการท่องเที่ยวให้เป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม สามารถตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป 

โดยมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพซึ่งเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่จะสามารถพลิกฟื้นสร้างการเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ผู้ที่จบการศึกษาจากหลักสูตรนี้จะเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในตัวแปรสำคัญของภาคธุรกิจการท่องเที่ยว เข้าใจการพัฒนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะคุณภาพแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวสมัยใหม่ เป็นผู้ที่ผ่านกระบวนการ Up-skilled Reskilled พร้อมต่อการทำงานเพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน

สำหรับงานสัมมนาวิชาการและนิทรรศการเผยแพร่ผลงานผู้ผ่านการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ "Building Experience from Our Journeys" หลักสูตรการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและนวัตกรรม จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3
พฤษภาคม 2566 ณ ห้อง Gallery Room ชั้น 1 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เชียงใหม่ (TCDC Chiang mai) กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย พิธีเปิดโครงการฯ การจัดนิทรรศการแสดงผลงาน การเรียนรู้และต้นแบบผลงานของผู้ผ่านการฝึกอบรม การเสวนาวิชาการ หัวข้อ "การประยุกต์ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 (5 SENSES) สู่การสร้างคุณค่าทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ" โดยคุณณภัทร นุตสติ ผู้จัดการโรงแรม RAYA Heritage และคุณวงเดือน วังวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาระมิงค์ จำกัด และพิธีมอบประกาศนียบัตรสำหรับผู้ผ่านการฝึกอบรมๆ โดยมีผู้เข้าร่วมอบรม คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ร่วมงานกว่า 80 คน ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้
ที่ https://www.facebook.com/TDSMAEJO

พัฒนชัย/เชียงใหม่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางตรวจการดำเนินการตามกระบวนการ NRM กรณีจับกุมขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวที่กาญจนบุรี

วันนี้ (3 พ.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย NGOs และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินการตามกระบวนการกลไกส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) ที่ ภ.จว.กาญจนบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ อาทิ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ,สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด , แรงงานจังหวัด , ประมงจังหวัด, สาธารณสุขจังหวัด, ยุติธรรมจังหวัด และป้องกันจังหวัด ร่วมประชุมชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาและดูแลผู้ถูกคัดกรอง โดยในส่วนของ ภ.จว.กาญจนบุรีนั้น ได้มีการรับดำเนินการตามกระบวนการ NRM จากกรณีระหว่างวันที่ 30 เม.ย. – 1 พ.ค.66 ที่ผ่านมา กองกำลังสุรสีห์ ร่วมกับ สภ.ทองผาภูมิ ภ.จว.กาญจนบุรี ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้จับกุมผู้ต้องหาบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาที่มีการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร รวมจำนวน 115 คน และพบรถกระบะที่ใช้ในการขนบุคคลต่างด้าวถูกจอดทิ้งไว้จำนวน 2 คัน คดีอยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.ทองผาภูมิ ภ.จว.กาญจนบุรี โดยจะต้องนำบุคคลต่างด้าวทั้งหมดผ่านกระบวนการคัดแยกเหยื่อ หลังจากนั้นจะเข้าสู่กลไกส่งต่อระดับชาติ (NRM)

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการทั้งหมด โดยความคืบหน้าล่าสุด ได้นำบุคคลต่างด้าวทั้ง 115 คน มาพักอาศัยอยู่ที่ กองร้อย ตชด.136 ซึ่งมีสถานที่กว้างขวางพร้อมรองรับความเป็นอยู่ของบุคคลต่างด้าวทั้งหมด โดยแยกพักอาศัยชาย-หญิง ส่วนเด็กและเยาวชนพักอาศัยร่วมกับผู้ปกครอง หลังจากดำเนินการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์แล้วพบว่า ทั้ง 115 คน ไม่พบผู้ใดเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ โดยบุคคลต่างด้าวเหล่านี้สมัครใจที่จะลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านการจ่ายเงินให้กับเอเย่นคนละ 20,000 – 30,000 บาท เพื่อเดินทางไปหางานทำในประเทศไทยหรือไปต่อยังประเทศมาเลเซีย โดยสามารถลักลอบเข้ามาได้สำเร็จ แต่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเสียก่อน

ผบ.ตร. พร้อมภาคีเครือข่าย มอบรางวัล พลเมืองดีส่งคลิปฝ่าฝืนกฎหมาย ตาม “โครงการอาสาตาจราจร”

วันนี้ (3 พ.ค.66) เวลา 10.00 น.ณ ห้องสารสิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  พล.ต.ท.ประจวบ  วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ รอง จตช.  พร้อมด้วย  นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ คุณพิศเพลิน วิริยะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) คุณนิตยา ลีธีระกุล ผู้บริหารสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ คุณอัจฉรา  บัวสมบูรณ์ ผู้บริหารสถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการมอบรางวัล และเกียรติบัตร โครงการอาสาตาจราจร โดยมอบรางวัลให้กับประชาชนเจ้าของคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกอุบัติเหตุทางถนนหรือการกระทำผิดกฎจราจรที่สำคัญ ประจำเดือน มี.ค. 2566 และ แคมเปญพิเศษ 7วัน 7คลิป 7หมื่น ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 รวมรางวัลทั้งสิ้น 27 รางวัล เงินรางวัลสูงสุด 20,000 บาท รวมเงินรางวัลที่จะมอบในวันนี้ เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 170,000 บาท โดยบริษัท วิริยะประกันภัย และ กองทุนเลขสวย (กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน) กรมการขนส่งทางบก เป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัล 
 
ผบ.ตร.กล่าวว่า การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนกับส่วนราชการเป็นหัวใจของการทำงานเพื่อสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาสังคม รวมทั้งปัญหาการจราจรด้วย ประชาชนสามารถช่วยกันสร้างความสะดวก และปลอดภัยทางถนน โดยร่วมกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่ฝ่าฝืนกฎจราจร ก่อให้เกิดปัญหาสำหรับผู้ร่วมทางทั้งด้านอุบัติเหตุและความสะดวกใน เมื่อสังคมเกิดการรับรู้ว่า บนถนนอาจมีกล้องหน้ารถ หรือผู้ร่วมทางที่อาจใช้กล้องโทรศัพท์มือถือบันทึกการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎจราจร จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตาม  มาดำเนินคดี  จะช่วยยับยั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงบนท้องถนน

โดยคลิปต่างๆ จะเป็นพยานหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ตลอดจนเป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลเพื่อพิจารณาลงโทษผู้ทำผิด โดยประชาชนผู้ที่พบเห็นการทำผิดกฎจราจร หรืออุบัติเหตุ สามารถส่งคลิปมาในช่องทางที่กำหนด ได้แก่ เพจตำรวจทางหลวง  เพจกองบังคับการตำรวจจราจร  รวมถึงเพจเครือข่ายที่ร่วมโครงการ ทั้งเพจมูลนิธิเมาไม่ขับ สวพ.91 และ จส.100  

คลิปที่มีเนื้อหาน่าสนใจที่ได้รับการคัดเลือก นอกจากประชาชนจะได้รับเงินรางวัลแล้ว ยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพลเมืองดี ช่วยส่งพยานหลักฐานเพื่อช่วยคนดีชี้คนผิด เป็นส่วนหนึ่งในการลดอุบัติเหตุทางถนน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top