Sunday, 8 June 2025
LITE

8 ธันวาคม ของทุกปี วันนักศึกษาวิชาทหาร รำลึกวีรกรรมหาญกล้าเยาวชนไทย

จากวีรกรรมอันกล้าหาญของ 'ยุวชนทหาร' ที่ร่วมกับทหาร ตำรวจ และราษฎรอาสา ต่อต้านทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่จังหวัดชุมพร และในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ของไทย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484

เพื่อเป็นการรำลึกถึงความกล้าหาญของเยาวชนดังกล่าว กรมการรักษาดินแดน หรือ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ในปัจจุบัน จึงได้ขออนุมัติไปยังกองทัพบก ในปี พ.ศ.2542 เพื่อกำหนดเป็นวันสำคัญสำหรับนักศึกษาวิชาทหาร ซึ่งในการนี้ กองทัพบก ได้เห็นชอบ และอนุมัติให้ถือเอา วันที่ 8 ธันวาคม เป็น 'วันนักศึกษาวิชาทหาร'

โดยมอบให้ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เป็นหน่วยรับผิดชอบในส่วนกลาง สำหรับในส่วนภูมิภาค มอบให้ ศูนย์การฝึกหรือหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบก เป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้ประกอบพิธีกระทําสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร พร้อมกันทั่วประเทศ

สำหรับการสวนสนามของ นศท. นั้น ได้เริ่มจัดขึ้นในส่วนกลาง เป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2509 ณ พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) โดยมี จอมพล ถนอม กิตติขจร ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี และได้ประกอบพิธีดังกล่าว ในห้วงประมาณ เดือนพฤศจิกายน เรื่อยมา

ถือได้ว่าพิธีกระทําสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารนั้น เป็นพิธีสําคัญและเป็นเกียรติแก่นักศึกษาวิชาทหารทุกคน

๗ ธันวาคม วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของปวงชนชาวไทยอีกวันหนึ่ง โดยเป็นวันคล้ายวันประสูติของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ซึ่งปีนี้ทรงเจริญพระชันษา 45 ปี

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในหลากหลายด้าน ทางด้านกฎหมาย ทรงส่งเสริมหลักการยุติธรรมในสังคม โดยเฉพาะสตรีและผู้ต้องขังหญิง อีกทั้งส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมในระดับนานาชาติ โดยทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันถวไมตรีด้านการส่งเสริมหลักนิติธรรมและระบบงานยุติธรรมทางอาญา สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ

อีกหนึ่งพระราชกรณียกิจอันเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวไทย โดยทรงเป็นองค์ประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ด้วยวัตถุประสงค์ในการบรรเทาความเดือดร้อน ตลอดจนช่วยเหลือประชาชนคนไทย ทั้งในยามประสบภัยพิบัติ และส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

เนื่องด้วยเป็นวันคล้ายวันประสูติ ขอพระองค์ทรงมีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของประชาชนคนไทยสืบไป ทรงพระเจริญ

6 ธันวาคม พ.ศ. 2443 ร.5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

ร.5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตร และพระราชทานสร้อยนาม 'วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม'

วันนี้ เมื่อ 124 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์จำนวน 33 รูป จากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตร และพระราชทานสร้อยนาม 'ดุสิตวนาราม' ต่อท้ายชื่อวัด เรียกรวมว่า 'วัดเบญจ มบพิตรดุสิตวนาราม' 

ทั้งนี้ เดิมวัดเบญจมบพิตรเป็นวัดโบราณชื่อ 'วัดแหลม' หรือ 'วัดไทรทอง' ต่อมารัชกาลที่ 4 ได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า 'วัดเบญจมบพิตร' 

เปิดวาร์ป ‘โบว์ พัชรีย์’ พี่เลี้ยง ‘คุณหนูเอวา’ ดีกรีไม่ธรรมดา!! ‘สวย-เก่ง-ใจกล้า-มีทักษะ’

(5 ธ.ค. 67) ขึ้นแท่นเซเลปสาวสี่ขาประจำปี 2024 สำหรับ ‘น้องเอวา’ เจ้าของฉายา ‘คุณหนูเอวาสุดแกลม’ เสือโคร่งสีทอง-เสือโคร่งสตรอว์เบอร์รี แห่ง เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (Chiang Mai Night Safari) ที่ใครเห็นก็อดใจไม่ไหว ตกหลุมรักในหน้าตาสุดแบ๊ว อยากไปเจอตัวเป็น ๆ

แต่นอกจากที่หลายคนจะโดน ‘น้องเอวา’ ตกแล้ว งานนี้เหล่าแฟน ๆ ก็โดนพี่เลี้ยงหญิงแกร่ง ‘คุณโบว์’ พี่เลี้ยงประจำตัวคุณหนูเอวาที่โด่งดังจากคลิปจกพุงน้องเอวาตกด้วยอีกคน ด้วยความใจกล้า แถมเก่ง มีทักษะ เพราะต้องอยู่ร่วมโซนแสดงกับสัตว์นักล่าอย่างเสือโคร่ง ทำให้ใครหลายคนอยากทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น

ประวัติส่วนตัว ‘โบว์ พัชรีย์’

นางสาวพัชรีย์ พิพัฒน์วงศ์ชัย (โบว์)

อายุ 25 ปี

จบการศึกษามาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่

ทำงานตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ฝึกและแสดงสัตว์ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง น้องเอวา เสือโคร่งลูกคุณหนูนานกว่า 3 ปี โดยดูแลตั้งแต่เกิด

‘จีซู BLACKPINK’ คว้าตำแหน่ง!! ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก 3 ปีซ้อน

(5 ธ.ค. 67) Nubia Magazine นิตยสารชื่อดังสัญชาติอังกฤษ ได้เผยผลการจัดอันดับ 10 ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ประจำปี 2024 และแน่นอนว่าอันดับ 1 ก็ยังคงเป็น จีซู หรือ คิมจีซู (Kim Jisoo) สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป BLACKPINK วัย 29 ปี

การสำรวจดังกล่าวจัดขึ้นเป็นเวลา 5 เดือน และสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา มีหญิงคนดังกว่า 40 คน จากทั่วโลก ถูกเสนอชื่อเข้าชิง โดยมีผู้เข้าร่วมโหวตกว่า 900,000 คน จาก 126 ประเทศ อาทิ เม็กซิโก จีน เปรู โคลอมเบีย อียิปต์ อาร์เจนตินา บราซิล แอลจีเรีย ไทย ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สเปน และ เกาหลีใต้

จีซู ได้รับคะแนนโหวตล้นหลามกว่า 300,000 โหวต จาก 106 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแฟน ๆ ชาวเม็กซิโก โคลอมเบีย และเปรู และความสวยที่แสนประจักษ์ของ ‘จีซู’ ส่งผลให้เธอคว้าอันดับที่ 1 มาครองได้นานถึง 3 สมัยติดต่อกันแล้ว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจในเหตุผล เพราะเธอทั้งสวยทั้งน่ารักมาตั้งแต่ก่อนเดบิวต์เสียอีก

นอกจากอันดับหนึ่งอย่าง จีซู แล้ว ก็ยังมีไอดอล K-Pop คนอื่น ๆ ที่ติดอันดับเช่นกัน ได้แก่ ‘โจว จื่อวี’ จากวง TWICE เจ้าของอันดับที่ 2 และ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ สมาชิกวงแบล็คพิงค์ อันดับที่ 3

อย่างไรก็ดี ทางนิตยสาร Nubia Magazine ได้ติดต่อไปยัง YG Entertainment ต้นสังกัดของจีซู เพื่อมอบประกาศนียบัตรให้กับเธออย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติครั้งสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่าจีซูสามารถคว้าตำแหน่ง งผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก’ ได้ต่อเนื่องถึง 3 ปีซ้อน

๕ ธันวาคม วันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้

5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และภายหลังการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เรื่อง กำหนดวันสำคัญของชาติไทย มีใจความสำคัญให้วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันสำคัญของชาติไทย ดังนี้ 

1. เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 

2. เป็นวันชาติ 

3. เป็นวันพ่อแห่งชาติ

โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป 

‘5 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร’ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ประชาชนคนไทยยังคงน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันประเสริฐ และเทิดทูนพระองค์ด้วยความรัก ความศรัทธา โดยตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 

‘5 ธันวาคม เป็นวันชาติไทย’ แม้โดยทั่วไปมักจะหมายถึง วันเฉลิมฉลองที่ประเทศนั้น ๆ ได้รับอิสรภาพ เป็นเอกราช หรือเป็นวันสถาปนาประเทศ รัฐ ราชวงศ์ วันพระราชสมภพของกษัตริย์ วันเกิดประมุขของรัฐ หรืออาจจะเป็นวันที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อื่น ๆ แต่มักจะถือเป็นวันหยุดประจำของชาติ ซึ่ง ‘วันชาติ’ ของแต่ละประเทศจะเป็นวันใดขึ้นอยู่กับการกำหนดของประเทศนั้น ๆ โดยความเป็นมาของวันชาติไทยนั้น แต่เดิมกำหนดให้เป็นวันที่ 24 มิถุนายน โดยวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติไทยได้ 21 ปี ต่อมาในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 รัฐบาลในขณะนั้นมีความเห็นว่า เพื่อให้เป็นไปตามขนบประเพณีของประเทศ และเป็นการสมัครสมานสามัคคีรวมจิตใจของบุคคลในชาติ จึงให้ถือวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็น ‘วันชาติ’ มาจนถึงปัจจุบัน

‘5 ธันวาคม เป็นวันพ่อแห่งชาติ’ วันพ่อแห่งชาติ มีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 เนื่องจากพ่อเป็นบุคคลผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม เพื่อให้ลูกได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อ และเพื่อให้ผู้เป็นพ่อสำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน ดังนั้นจึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันพ่อแห่งชาติ’

4 ธันวาคม ของทุกปี ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9 ที่

วันที่ 4 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ กำหนดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทย

วันที่ 4 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ กำหนดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลก เมื่อครั้งเสด็จออกให้คณะบุคคลต่าง ๆ เข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลา ดุสิดาลัย พระตำหนัก จิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2532 เพื่อตรัสเตือนคนไทยให้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และให้ถือว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มีพระราชดำรัสใจความตอนหนึ่งว่า

“วันก่อนนี้เราพูดถึงปัญหาว่า เมืองไทยนี้อีกหน่อยจะแห้ง ไม่มีน้ำเหลือจะต้องไปซื้อน้ำจากต่างประเทศซึ่งก็อาจเป็นได้ แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าถ้าคำนวณดูน้ำในประเทศไทยที่ไหลเวียนนั้นยังมีอยู่ เพียงแต่ต้องบริหารให้ดี ถ้าบริหารให้ดีแล้ว มีเหลือเฟือ มีตัวเลขแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้ไปแยกแยะตัวเลข เหมือนที่ได้แยกแยะตัวเลขของคาร์บอน น้ำนั้นน่ะ ในโลกมีมากแล้วที่ใช้จริงๆ มันเป็นเศษหนึ่งส่วนหมื่นของน้ำที่มีอยู่ อาจไม่ถึง ก็ต้องบริหารให้ดีเท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ก็มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำ น้ำนี้จะต้องใช้ให้ดี คือ น้ำนั้นมีคุณอย่างที่เราใช้สำหรับบริโภค น้ำสำหรับการเกษตร น้ำสำหรับอุตสาหกรรมทั้งหมดนี้ต้องใช้น้ำที่ดี หมายความว่าน้ำที่สะอาด”

“น้ำมีมากในโลก เป็นน้ำทะเลส่วนใหญ่ซึ่งจะใช้อย่างนี้ไม่ได้แล้ว นอกจากนั้นเดี๋ยวนี้ที่กำลังมีมากขึ้นก็คือ น้ำเน่า จะต้องป้องกันไม่ให้มีน้ำเน่า น้ำเน่าจะมีอยู่เสมอ แต่อย่าให้น้ำเน่านั้นเป็นโทษมากเกินไป ฉะนั้น นี่เป็นอีกโครงการหนึ่งที่เราจะต้องปฏิบัติ แล้วก็ถ้าไม่จัดการโดยเร็วเราจะนอนอยู่ในน้ำเน่า น้ำดีจะไม่มีใช้แม้จะไปซื้อน้ำจากต่างประเทศมา ก็กลายเป็นน้ำเน่าหมด เพราะว่าเอามาใช้โดยไม่ได้ระมัดระวัง”

“ถ้าเรามีน้ำแล้วมาใช้อย่างระมัดระวังข้อหนึ่ง และควบคุมน้ำที่เสียอย่างดีอีกข้อหนึ่ง ก็อยู่ได้ เพราะว่าภูมิประเทศของประเทศไทย ‘ยังให้’ ใช้คำว่า ‘ยังให้’ ก็หมายความว่า ยังเหมาะแก่การอยู่กินในประเทศนี้ ไม่ใช่ไม่เหมาะ ประเทศไทยนี้เป็นที่ที่เหมาะมากในการตั้งถิ่นฐาน แต่ว่าต้องรักษาเอาไว้ไม่ทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นสวนเป็นนากลายเป็นทะเลทรายก็ป้องกันได้ ทำได้”

จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นจุดเริ่มต้นในการเคลื่อนไหวของทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่หันมาร่วมมือกันริเริ่มโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงเป็นการปลูกจิตสำนึกของประชาชนให้มีจิตสำนึกในการเห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ

จากนั้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ 2534 ในการประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบ กำหนดให้วันที่ 4 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมไทย

3 ธันวาคม ของทุกปี วันคนพิการสากล (International day of persons with disability) สร้างโอกาสในการเข้าถึงสิทธิอย่างเท่าเทียม

วันที่ 3 ธันวาคม ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น ‘วันคนพิการสากล’ (International day of persons with disability) เป็นวันสำคัญระหว่างประเทศที่สหประชาชาติส่งเสริมตั้งแต่ปี 2525 เพื่อส่งเสริมความเข้าใจปัญหาความพิการและการระดมการสนับสนุนสำหรับศักดิ์ศรี สิทธิและความเป็นอยู่ดีของผู้พิการ นอกจากนี้ ยังมุ่งเพิ่มความตระหนักถึงประโยชน์ที่จะได้จากการรวมผู้พิการเข้ากับทุกแง่มุมของชีวิตการเมือง สังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม แต่ละปีจะเน้นปัญหาต่างกัน รวมถึงสร้างโอกาสในการเข้าถึงทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม

นับตั้งแต่องค์การสหประชาชาติ ประกาศให้ปี พุทธศักราช 2526 – 2535 เป็นทศวรรษคนพิการแห่งสหประชาชาติ หรือ UNITED NATION DECADE OF DISABLED PERSONS,1983-1992. ยังผลให้ประเทศต่างๆ รวมไปถึงองค์การต่างๆในทุกภูมิภาคทั่วโลก ได้ตื่นตัวในการส่งเสริมฟื้นฟูสมรรภาพคนพิการอย่างกว้างขวาง มีการติดต่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างประเทศองค์การสมาชิกอย่างเป็นรูปธรรม การเสนอแนะประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ให้ใช้ทรัพยากรเพื่อประโยชน์สูงสุด การป้องกันความพิการ การสนองความต้องการของคนพิการ การให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ ในทุกรูปแบบต่อประเทศกำลังพัฒนา ตลอดจนรณรงค์เรื่องสิทธิ และความเท่าเทียมกันในสังคมเพื่อคนพิการ รวมไปถึงมรการจัดกิจกรรมคนพิการ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนา ทักษะการช่วยตัวเอง การเพิ่มพูนสมรรถภาพทางกาย จิตใจ อารมณ์และสังคมของคนพิการ และเสริมสร้างความเข้าใจอันดีร่วมกัน ระหว่างคนพิการและคนปกติ

2 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ในหลวง - พระราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ องคมนตรีใหม่ เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ

วันที่ 2 ธันวาคม 2566 หรือวันนี้ เมื่อปีที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี นำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล

✨ประจำวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2567

🟢รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6,000,000 บาท : 669843

🔴รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท : 669842  669844

🔴รางวัลเลขหน้า 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 626  559

🔴รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 098  654

🔴รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท : 61

🟢รางวัลที่ 2 รางวัลละ 200,000 บาท : 362623  141669  511822  257611  127223

🟢รางวัลที่ 3 รางวัลละ 80,000 บาท : 007427  412183  988373  361496  632428  
799112  489823  781904  225443  063530 

🟢รางวัลที่ 4 รางวัลละ 40,000 บาท 
412207  954641  556792  276443  086494  
092386  173524  017721  783205  213958  
721991  920410  969664  287059  786108  
612785  110508  621091  310734  635435  
022020  415228  221943  311035  150524  
777702  468693  656044  858067  256247  
711163  523975  060334  529435  661196  
702772  506997  292911  803676  840761  
485229  908080  631207  913697  823603  
865378  251466  244738  019273  042702  

🟢รางวัลที่ 5 รางวัลละ 20,000 บาท
466629  801515  918078  972663  213187  
176011  205941  889207  594170  472981  
129254  193042  515208  247480  660109  
805620  250963  029563  950649  704404  
752228  865280  220724  659735  355059  
891591  754440  958709  264021  908469  
858864  491890  862439  555795  472750  
406805  798613  119815  177886  183717  
295735  437355  062626  225464  262620  
246732  422780  621010  004229  758463  
980858  075074  518718  102006  635061  
767161  340190  224868  972507  329479  
988116  759860  743273  045935  926936  
587103  000444  310173  072992  832512  
159762  847276  719345  824063  394095  
290402  942694  244443  160838  647410  
978088  661043  902108  108046  794753  
998784  425408  165517  094632  894211  
864440  562496  980718  502139  372901  
697223  570477  516740  477673  353846 

1 ธันวาคม ของทุกปี วันเอดส์โลก (World AIDS Day) รณรงค์หยุดการแพร่ระบาดโรคร้าย

ทุกวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น วันเอดส์โลก (World AIDS Day) ตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 แต่ในขณะนั้นจะรู้จักเพียงเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ต่อมามีการแพร่ระบาดโรคนี้ไปอย่างรวดเร็วและทั่วโลก จนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากจนเป็นที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา

HIV ย่อมาจาก human Immunodeficiency Virus เชื้อไวรัสนี้เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ โดยเชื้อเอชไอวีจะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ให้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายเวลาที่เราเจ็บป่วย

ส่วน AIDS ย่อมาจาก Acquired Immunodeficiency Syndrome (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง) โรคเอดส์จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกเชื้อเอชไอวีบั่นทอนให้อ่อนแอลง จนถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ ได้อีก จนเริ่มติดเชื้อ หรือเกิดเป็นโรคต่างๆ

สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทยนั้น เป็นชายอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการในปี พ.ศ. 2526 ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่าปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystis Carinii แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์ จึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2527 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ในปี พ.ศ. 2527 ประเทศไทยเริ่มมีโรคเอดส์เกิดขึ้นตามรายงานครั้งแรก และในช่วง ปี พ.ศ. 2527จนถึงปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเอดส์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ โดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบให้มีคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับโรคเอดส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน

30 พฤศจิกายน 2560 ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ถึงแก่อนิจกรรม จากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ในวัย 68 ปี

ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ที่บ้านตาล ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เรียนจบระดับปริญญาตรีจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเรียนปีที่ 1-2 ก่อนที่จะได้รับทุนการศึกษา Frank Bell Appleby เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีปีที่ 3-4 ด้านรัฐศาสตร์ที่ Claremont Men’s College, Claremont University และศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและเอกที่ Harvard University ด้านรัฐศาสตร์ โดยได้รับทุนจาก Rockefeller

หลังจากจบการศึกษาปริญญาเอกจาก Harvard University ดร. สุรินทร์ กลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตามเงื่อนไขของทุนการศึกษาที่ได้รับ โดยเริ่มทำงานในปี พ.ศ. 2525

ชีวิตการเมืองของดร. สุรินทร์เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2529 เมื่อได้รับการชักชวนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดนครศรีธรรมราช จากพรรคประชาธิปัตย์ แม้ว่าในตอนแรก ดร. สุรินทร์ จะไม่ตอบรับทันที แต่ในที่สุดเขาก็ยอมรับคำชวนและได้รับเลือกตั้งเป็น สส. 

เมื่อเข้ารับตำแหน่ง สส. ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ชักชวนให้ ดร. สุรินทร์ มารับหน้าที่เป็นเลขานุการประธานสภาฯ หลังจากนั้น เมื่อมีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ในปี พ.ศ. 2531 ดร. สุรินทร์ ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งและได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการของ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

จากประสบการณ์การศึกษาด้านรัฐศาสตร์ ทำให้ ดร. สุรินทร์ ถูกมองว่าเหมาะสมในการทำงานในกระทรวงมหาดไทย และในปี พ.ศ. 2535 เมื่อชวน หลีกภัย ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ดร. สุรินทร์ จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลชวน หลีกภัย 1 (พ.ศ. 2535-2538)

ในปี พ.ศ. 2540 เมื่อประเทศไทยเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ ต้มยำกุ้ง และรัฐบาล พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ชวน หลีกภัย กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ดร. สุรินทร์ ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลชวน หลีกภัย 2 (พ.ศ. 2540-2544) และมีบทบาทสำคัญในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ รวมถึงการผลักดันบทบาทของอาเซียนในการแก้ปัญหาภายในกลุ่มสมาชิก

ในปี พ.ศ. 2551 ประเทศไทยได้รับสิทธิในการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอชื่อ ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นเลขาธิการอาเซียน ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ถึง 2555 ในระหว่างนั้น ดร. สุรินทร์ ได้ดำเนินการให้ประเทศสมาชิกอาเซียนให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียน และรณรงค์ให้ประชาชนในประเทศสมาชิกตระหนักถึงความสำคัญของอาเซียน

หลังจากหมดวาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน ดร. สุรินทร์ ยังคงทำงานเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับอาเซียนต่อไป ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มอบตำแหน่งธรรมศาสตราภิชาน ประจำคณะรัฐศาสตร์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ ดร. สุรินทร์

29 พฤศจิกายน 2506 ในหลวงรัชกาลที่ 9 - พระราชินี เสด็จฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทรงปลูกต้นนนทรีจำนวน 9 ต้น ที่หน้าหอประชุมของมหาวิทยาลัย

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มาทรงปลูกต้นนนทรี ๙ ต้น อันเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ณ บริเวณสระน้ำด้านหน้าหอประชุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ทรงดนตรี ร่วมกับวง อส. วันศุกร์ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2506 เวลา 15.30 น.

สำหรับต้นนนทรีถือเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2506 สืบเนื่องจากการประชุมสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2506 มีมติเลือกต้นนนทรี เพราะเป็นไม้ยืนต้น มีอายุยืน มีใบสีเขียวแก่ อันหมายถึง สีเขียวขจีของเกษตร และมีดอกสีเหลืองทอง อันหมายถึง สีเหลืองของคณะเกษตร ดังปรากฏในคำกราบบังคมทูลของคุณหลวงอิงคศรีกสิการ (อินทรี จันทรสถิตย์) ในฐานะอธิการบดี มีใจความสรุปดังนี้

“ต้นนนทรี เป็นไม้ยืนต้น มีอายุยืนยาวนาน มีใบเขียวตลอดทั้งปี ลักษณะใบเป็นฝอยคล้ายใบกระถิน ดอกสีเหลืองประปรายด้วยสีขาว ช่อดอกเป็นพวงระย้า ฝักไม่ยอมทิ้งต้น ทนทานในทุกสภาพอากาศของเมืองไทย สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงได้เลือกให้เป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อแสดงว่า นิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น มีใจผูกพันอยู่กับมหาวิทยาลัยตลอดมา และสามารถจะทำงานประกอบอาชีพได้ทั่วทุกหนทุกแห่ง ทั้งในไร่นาป่าเขา ทั่วทั้งประเทศไทย”

ในคราวเสด็จพระราชดำเนินครั้งนั้น มีพระมหากรุณาธิคุณทรงดนตรีที่หอประชุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นครั้งแรกด้วย อันนำมาสู่การเสด็จ 'เยี่ยมต้นนนทรี' ที่ทรงปลูก และ 'ทรงดนตรี' สืบเนื่องอีก 9 ครั้ง นับจากปี พ.ศ. 2506 ปัจจุบันต้นนนทรีทั้ง 9 ต้น นับว่าเป็นต้นนนทรีขนาดใหญ่ที่หาพบได้ยากในกรุงเทพมหานคร และสร้างความร่มรื่นให้แก่พื้นที่บริเวณหน้าหอประชุมเป็นอย่างยิ่ง

28 พฤศจิกายน 2063 เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน ค้นพบมหาสมุทรแปซิฟิก 'แปซิฟิก' ในภาษาละติน หมายถึง 'ความสงบและสันติ'

28 พฤศจิกายน ค.ศ.1520 หรือตรงกับพ.ศ. 2063 ร่วมสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แห่งอาณาจักรอยุธยา กองเรือโปรตุเกสที่ควบคุมโดย เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน นักเดินเรือชาวโปรตุเกส ได้เดินเรือจากเมืองเซบียา ประเทศสเปน เข้าสู่มหาสมุทรแอตแลนติกผ่านช่องแคบอเมริกาจนเข้าสู่มหาสมุทรแห่งใหม่ คือ มหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นมหาสมุทรที่กว้างใหญ่และมีคลื่นลมสงบ ซึ่งสาเหตุที่ตั้งชื่อว่า มหาสมุทรแปซิฟิก เพราะคำว่า แปซิฟิก ในภาษาละติน มีความหมายว่า ความสงบและสันติ

มหาสมุทรแปซิฟิกเป็นมหาสมุทรที่ใหญ่และลึกที่สุดในโลก มีอาณาเขตติดกับมหาสมุทรอาร์กติกตอนเหนือ และจรดทวีปแอนตาร์กติกาตอนใต้ ติดกับทวีปเอเชียและทวีปออสเตรเลียทางทิศตะวันตก และติดทวีปอเมริกาทางทิศตะวันออก

มหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่กว่า 165,250,000 ตารางกิโลเมตร กลายเป็นมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลกครอบคลุมพื้นที่ผิวโลกทั้งหมด 32% และคิดเป็น 46% ของพื้นผิวน้ำบนโลก นอกจากนี้ มหาสมุทรแปซิฟิกยังมีขนาดมากกว่าพื้นดินทั้งหมดบนโลกรวมกันอีกด้วย มหาสมุทรแปซิฟิกมีความลึกเฉลี่ยที่ 4,000 เมตร มีจุดที่ลึกที่สุดคือแชลเลนเจอร์ดีปในร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา โดยมีสถิติความลึกอยู่ที่ 10,928 เมตร  

นอกจากนี้ช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แห่งอาณาจักรอยุธยา ยังเป็นครั้งแรกที่อาณาจักรอยุธยาติดต่อกับชาวโปรตุเกสซึ่งถือเป็นชาติตะวันตกชาติแรกด้วย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรอยุธยาและชาติตะวันตก

27 พฤศจิกายน 2461 รัชกาลที่ 6 ทรงประกาศตั้ง 'กรมสาธารณสุข' ต่อมายกระดับเป็น ‘กระทรวงสาธารณสุข’ และถือเป็นวันสาธารณสุขแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้รวมหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กองบัญชาการ, กองสุขศึกษา, กองสาธารณสุข, กองยาเสพติดให้โทษ, กองโอสถศาลารัฐบาล และกองบุราภิบาล เข้าด้วยกัน และเปลี่ยนชื่อเป็น ‘กรมสาธารณสุข’ ซึ่งในเวลานั้นมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสาธารณสุขคนแรก ถือเป็นการใช้คำว่า 'สาธารณสุข' เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย จึงได้กำหนดให้วันที่ 27 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็น ‘วันสาธารณสุขแห่งชาติ’ เพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งกรมสาธารณสุข

ก่อนหน้านี้ในสมัยรัชกาลที่ 5 กิจการทางการแพทย์ในประเทศไทยยังคงแบ่งออกเป็นหลายหน่วยงาน เช่น กองบัญชาการ กองสุขศึกษา กองสาธารณสุข กองยาเสพติดให้โทษ กองโอสถศาลารัฐบาล และกองบุราภิบาล โดยในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กระทรวงมหาดไทยได้มีความประสงค์ที่จะปรับปรุงกิจการด้านการแพทย์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อจากกรมประชาภิบาลเป็นกรมสาธารณสุข และทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นชัยนาทนเรนทร ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมมหาวิทยาลัย เป็นอธิบดีคนแรกของกรมสาธารณสุข

ต่อมาในปี พ.ศ. 2485 กรมสาธารณสุขได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นกระทรวงสาธารณสุข จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งทางราชการยังได้กำหนดให้วันที่ 27 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันสาธารณสุขแห่งชาติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top