Wednesday, 18 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

พัทลุง - เหล่ากาชาดจังหวัดพัทลุง และ YEC พัทลุง มอบชุดอุปโภค บริโภค ให้แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 หลังมีผู้ป่วยเพิ่มอีก 14 ราย สะสม 83 ราย

วันนี้ 23 เมษายน 2564 เวลา 13.30 น. ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ เป็นประธานมอบชุดอุปโภค บริโภค โดยมีนางมะลิ วงศ์กระพันธุ์ นายกเหล่ากาชาดได้นำสมาชิกเหล่ากาชาด และ YEC พัทลุง มอบถุงยังชีพและชุดอุปโภค บริโภค ให้แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เพื่อนำไปมอบให้โรงพยาบาลศูนย์น้ำใจคนเมืองลุง(โรงพยาบาลสนาม) ที่จัดตั้งขึ้น ณ สำนักส่งเสริมการบริการวิชาการและภูมิปัญญาชุมชน ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อแจกให้แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ล่าสุดพื้นที่จังหวัดพัทลุงพบผู้ป่วยวันนี้เพิ่มจำนวนอีก 14 ราย และมีผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ประจำเดือน เมษายน 2564 จำนวน 83 ราย และผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม จำนวน 12 ราย

ชลบุรี - โรงพยาบาลชลบุรี ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ไม่พบอาการข้างเคียง มีเพียงปวดเมื่อยแค่ปวดเมื่อยตามตัวบ้าง

วันที่ 23 เม.ย.64 ที่บริเวณฉีดวัคซีน -19 ชั้น 4  โรงพยาบาลชลบุรี อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี นายแพทย์ ธีระ ศิวดุลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี นำทีม บุคลากรทางการแพทย์ ที่อายุไม่ถึง 60 ปี ฉีดวัคซีนโควิด-19 ซิโนแวค ซึ่งจัดสรรจาก สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ในล๊อตแรก โดยจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์  เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยแก่ประชาชน  เป็นเข็มที่ 2 ในการรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในครั้งนี้ โดยผู้ที่มาฉีดหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้วต้องพักดูอาการก่อน 30 นาที ตามขั้นตอนการรับวัคซีนโควิด -19 ซิโนแวค  โดยจากการสอบถามอาการก็เหมือนกับการฉีดยาทั่วไป ยังไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด มีเพียงบางคนที่แสดงอาการปวดเมื่อยตามตัวเท่านั้น

นายแพทย์ ธีระ ศิวดุลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี  ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อว่า วันนี้เป็นการฉีดระลอกที่ 2 เข็ม 2 ที่ รพ.ชลบุรีเราฉีดมาทั้งหมด 4 ระลอกแล้วครับ ระลอกแรกจะเป็นวันที่ 1 มีนา ระลอก 2 จะเป็นวันที่ 2 เมษา วันนี้จะเป็นการฉีดเข็มที่ 2 ของระลอกที่ 2 ส่วนระลอกที่ 3 ฉีดไปเมื่อวันที่ 19 ส่วนระลอกที่ 4 ฉีดไปเมื่อวันที่ 21 ตอนนี้เรามีฉีดไปทั้งหมด 4 ระลอก  ตอนนี้ที่เราฉีดยังเป็นของประเทศนะครับ ก็คือซิโนแวค ในระลอกแรกได้ประมาณ 650 ระลอกที่ 2 ได้ประมาณหนึ่งพัน ระลอกที่ 3 ได้ประมาณหนึ่งพันนิด ๆ ระลอกสุดท้ายที่ฉีดไป เมื่อวันพุธ (วันที่ 21) ได้ 1163 คน

ส่วนเรื่องปัญหาหลังการฉีด นายแพทย์ ธีระ ศิวดุลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี ได้กล่าวเพิ่มเติม ประเด็นฉีดของจังหวัดชลบุรีด้วยความเข้มแข็งของท่านสาธารณสุขจังหวัด ท่านผอ.โรงพยาบาลต่าง ๆ เราตั้งเป้าว่าจะฉีดให้เสร็จภายใน 1 วันของทุกระลอก ส่วนระลอกที่เป็นประเด็นและมีปัญหาคือระลอกเมื่อวันจันทร์กับวันพุธ ทางโรงพยาบาลชลบุรีก็พบอยู่ 1 รายที่มีอาการคล้าย ๆ กับที่เป็นข่าว ก็คืออย่างเมื่อวานก็จะพบมีเจ้าหน้าที่ 1ราย หลังฉีดไปแล้ว 1 ชั่วโมง บ่นเรื่องอาการชา ก็ไปตรงอุบัติเหตุและฉุกเฉิน แต่ตอนไปถึงก็อาการดีขึ้นแล้ว จากการสอบถามผู้ถูกฉีดเค้าก็จะมีอาการสักครึ่งชั่วโมงแล้วก็ดีขึ้นเอง เฉพาะฉะนั้นคิดว่าน่าจะยังปลอดภัยนะครับสำหรับการฉีด

(สัมภาษณ์นายแพทย์ ธีระ ศิวดุลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี)


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

กาฬสินธุ์ - ป่วยโควิดเพิ่ม3 ฝีมือขาเลาะ-กินข้าวร่วมกันคลัสเตอร์จาก กทม.ยอดพุ่ง 40 ราย

จังหวัดกาฬสินธุ์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 3 ราย สาเหตุเกิดจากกลับจากกรุงเทพฯ กินข้าวร่วมกันแพร่เชื้อให้คนในครอบครัวและติดจากเพื่อนที่ทำงานในกรุงเทพแล้วกลับบ้าน ส่งผลให้ยอดสะสมพุ่ง 40 ราย ขณะที่ สสจ.กาฬสินธุ์ปรับแผนเปิดไทม์ไลน์ละเอียดยิบ เพื่อให้ประชาชนช่วยกันป้องกันตัวเอง

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ศูนย์อำนวยการต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จ.กาฬสินธุ์ ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ ชั้น 2 นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ นพ.ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ รองผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ร่วมกันแถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 และการเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลสนามหลังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 3 ราย ส่งผลให้มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19สะสมในระลอกเดือนเมษายน 2564 รวม 40 ราย

นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดวันนี้ 23 เมษายน 2564 พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 3 ราย ทำให้ในช่วงระลอกเดือนเมษายน 2564 มีผู้ป่วยสะสมจำนวน 40 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 1 ราย ส่วนอีก 39 รายกำลังรักษาที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์จำนวน 22 ราย โรงพยาบาลฆ้องชัย 17 ราย  โดยผู้ป่วยเดิมรายที่ 1-37 ได้มีการแถลงไปแล้ว ส่วนผู้ป่วยเพิ่มรายใหม่ประกอบด้วย

รายที่ 38 เพศหญิง อายุ 51 ปี อาชีพเกษตรกร ภูมิลำเนาบ้านสร้างมิ่ง ม.12 ต.โนนสูง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เริ่มเจ็บป่วยวันที่ 20 เมษายน 2564 ด้วยอาการเจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 29  (ลูกสาว) และรายที่ 36 ปี (ลูกเขย) ซึ่งผู้ป่วยรายนี้จากการสอบสวนโรคของผู้ป่วยรายที่ 29  พบมีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงจำนวน 12 คน เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน 4 ราย และญาติพี่น้องอีก 8 ราย ทุกรายเจ้าหน้าที่ได้ติดตามกักกันตัวในสถานที่พักได้ทั้งหมดแล้ว และเข้ารับการตรวจ พบว่าติดเชื้อ 1 ราย คือรายที่ 39 กำลังรอผลอีก 3 ราย และอยู่ระหว่างการเข้ารับการตรวจอีก 8 ราย

รายที่ 39 เพศหญิง อายุ 33 ปี ว่างงาน ภูมิลำเนาหมู่บ้านเดียวกันและเริ่มป่วยพร้อมกันกับรายที่ 38 ในวันที่ 20 เมษายน 2564 ด้วยอาการไอ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 29 (น้องสาว)  และรายที่ 36 (น้องเขย)

รายที่ 40 เพศหญิง 41 ปี อาชีพรับจ้าง ภูมิลำเนาบ้านค้อ ม.1 ต.หนองช้าง อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 ด้วยอาการลิ้นไม่รับรส เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่ร้านเฮลท์แลนด์ เอกมัย กรุงเทพฯ จากการสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูง 4 ราย  ทุกรายสามารถติดตามกักตัวในสถานที่พัก และนัดตรวจเชื้อในวันที่ 23 เมษายน 2564 ทั้ง 4 ราย 

นายทรงพล กล่าวอีกว่า  จากการสอบสวนโรคของเจ้าหน้าที่พบว่าช่วงระยะหลังนี้ โดยเฉพาะผู้ป่วยรายที่ 38 และรายที่ 39 มีความเกี่ยวเนื่องติดเชื้อมาจากรายที่ 29 และรายที่ 36 คือเป็นผู้ป่วยในครอบครัวเดียวกันที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงกรุงเทพฯ แล้วอาศัยด้วยกัน รับประทานอาหารร่วมกัน และทำกิจกรรมหลายอย่างร่วมกัน ซึ่งกลุ่มนี้ค่อนข้างพบผู้ป่วย และกลุ่มเสี่ยงหลายราย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้าไปติดตามดูภายในหมู่บ้าน เพื่อตรวจคัดกรอง และประเมินสถานการณ์ ซึ่งหากจำเป็นจะมีการมาตรการเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ถือว่าอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค ทางจังหวัดนอกจากจะกำชับให้ทั้ง 18 อำเภอ ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดแล้ว ยังได้กำชับไปในพื้นที่เข้มงวดเกี่ยวกับพฤติกรรมในการเสี่ยงแพร่ระบาด โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมรวมคนจำนวนมาก และการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่  เช่น บ่อนการพนัน บ่อนวิ่ง บ่อนชนไก่ การลักลอบการพนันไก่ชน ซึ่งห้ามไม่ให้มีอย่างเด็ดขาด และทางจังหวัดเอาจริงมาตลอด ทั้งนี้หากพบมีการกระทำในลักษณะดังกล่าวพื้นที่ต้องรับผิดชอบ เพราะกรณีดังกล่าวนั้นเป็นสาเหตุการของการแพร่ระบาด ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วเป็นตัวอย่างในหลายพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ

ด้าน นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ได้ทำการสอบสวนโรค และเผยแพร่ไทม์ไลน์เฉพาะพื้นที่และช่วงเวลาเสี่ยง เพราะส่วนใหญ่สามารถควบคุมโรคและติดตามตัวกลุ่มเสี่ยงได้ แต่เพื่อความสบายใจและให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังมากขึ้น จะมีการปรับเปลี่ยนเผยแพร่ไทม์ไลน์ให้ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้จากการสอบสวนโรคผู้ป่วยทั้ง 40 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงสามารถตรวจสอบค้นหาได้ว่าติดมาจากไหนและจากใคร ไปถึงไหน ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นวงกว้าง เพราะติดเชื้อที่บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงเน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

สุโขทัย - ปตท.สผ. รวมพลังสู้ COVID-19 มอบผ้าห่ม และของใช้ที่จำเป็น เพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนาม แก่จังหวัดสุโขทัย

วันที่ 23 เมษายน 2564 นายวีระวัฒน์ อ่วมสร้อย ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการผลิต โครงการเอส 1 พร้อมด้วย นางแววเดือน ปิงเมือง ผู้จัดการ องค์กรสัมพันธ์ โครงการผลิตบนฝั่ง (ประเทศไทย)  มอบผ้าห่ม จำนวน 50 ผืน หน้ากากอนามัย จำนวน 5,000 ชิ้น และน้ำดื่ม จำนวน 300 โหล เพื่อนำไปใช้สำหรับเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID19) ประจำโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม พื้นที่จังหวัดสุโขทัย และเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลและสนับสนุนการต่อสู้กับวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID19 โดยได้รับเกียรติจาก ดร.นพ.ปองพล วรปาณิ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย

จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID19 ปตท.สผ.โครงการเอส 1 ในฐานะผู้ดำเนินการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียมบนแปลงสัมปทานเอส 1 มีพื้นที่ปฏิบัติงานหลักอยู่ในจังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก และสุโขทัย ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ และขอเป็นกำลังใจให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พลังความร่วมมือและร่วมใจของทุกคนจะสามารถยับยั้งการแพร่เชื้อของไวรัสร้ายนี้ให้จบลงได้โดยเร็วที่สุด

มุกดาหาร - ผู้ว่ามุกดาหารตรวจความพร้อมพร้อมโรงพยาบาลสนาม รองรับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID19 ระลอกใหม่ คืบหน้า 95 % พร้อมสำรองสำหรับผู้ป่วยไม่มีอาการหากมีจำนวนผู้ป่วยในพื้นที่ถึง 30 คน

21 เมษายน 2564  เวลา 10.00 น.นายวีระชัย นาคมาศ  ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย นายประวิตร ศรีบุญรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร นายแพทย์พงษ์วิทย์ วัชรกิตติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมุกดาหาร  และคณะทำงานบริหารจัดการโรงพยาบาลสนาม กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) จังหวัดมุกดาหาร  ตรวจความพร้อม โรงพยาบาลสนามจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งใช้ชื่อว่า ศูนย์ฮักแพงชาวมุกดาหาร  ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารจงวุฒิเวศย์ บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดมุกดาหาร  เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ของจังหวัดมุกดาหารหากเกิดการระบาดวงกว้างและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะรองรับผู้ป่วยได้ 180 คน ในผู้ป่วยที่อาจไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย แต่สามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อโรคโควิด19 ได้นำมาแยกกักตัวเพื่อสังเกตอาการเป็นระยะเวลา 14 วัน จึงจะส่งตัวกลับไปสังเกตอาการต่อที่บ้าน 14 วัน ส่วนถ้าหากผู้ป่วยคนใดมีอาการรุนแรงขึ้นจะส่งตัวต่อไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา มีการติดระบบเสียงเพื่อการประชาสัมพันธ์ การติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งเตรียมพร้อมบุคลากรทางการแพทย์ที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ ณ โรงพยาบาลสนาม  

นายวีระชัย  นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม จังหวัดมุกดาหาร มีความคืบหน้า 95 % ขอให้ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล ในการเตรียมความพร้อม ซึ่งโรงพยายาบาลสนามจะสำรองไว้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนการรักษา โรงพยาบาลในจังหวัดมุกดาหารได้เตรียมไว้สำหรับการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลจำนวน 120 เตียงซึ่งเพียงพอสำหรับจำนวนผู้ป่วย โดยผู้ป่วยของจังหวัดมุกดาหารในวันนี้ มีเพียง 11 คน หากมีผู้ป่วยเกิน 30 คน จึงจะใช้โรงพยาบาลสนาม และในการแพร่ระบาดในจังหวัดมุกดาหารส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากพื้นที่จังหวัดอื่นและจังหวัดมุกดาหารมีทีมสอบสวนโรคดำเนินการได้อย่างรวดเร็วสามารถควบคุมไม่ให้ระบาดในวงกว้างได้ แต่ทั้งนี้ขอให้อย่าประมาท และให้ปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น การรักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ลงทะเบียน ไทยชนะ หมอชนะ


ภาพ/ข่าว  เดวิท โชคชัย มุกดาหาร / ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

ประจวบคีรีขันธ์ - ศรชล.ประสานช่วยเหลือลูกเรือบาดเจ็บสาหัสขณะทำประมงในทะเล ส่ง รพ. อย่างปลอดภัย

เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันนี้ 23 เม.ย.64 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1)  โดย น.อ.ไกรพิชญ์ กรวีร์ปภาวิทย์ หน.ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ศคท.จว.ปข.) ได้รับแจ้ง จากศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง ประจวบคีรีขันธ์

(ศจร.ประจวบคีรีขันธ์) หรือศูนย์ Pi-Po ประจวบคีรีขันธ์ ว่า เรือประมง ส.โชคสงวนชัย 9 ขนาด 29.81 ตันกรอส ประเภทเรือประมงอวนลาก ที่ได้แจ้งออกจากท่าเรือเจริญลาภ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.64 มีลูกเรือ 5 คน มีนายบุญมี สาเกตุ เป็นผู้ควบคุมเรือ มีลูกเรือชื่อนายวงเดือน โนนทิง สัญชาติไทย อายุ 51 ปี ช่างเครื่อง ประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส ขณะทำการประมงถูกเชือกรัดขาขวาจนหักผิดรูปมีบาดแผลฉีกขาด เหตุเกิดบริเวณพิกัด Lat 11 องศา 58 ลิปดา 00 ลิปดา เหนือ Long 99 องศา 58 ลิปดา 00 ลิปดา ตะวันออก แบริ่ง 049 ระยะประมาณ 10 ไมล์ จากท่าเรือเจริญลาภ อ.เมือง จ.ประจวบคิรีขันธ์ จึงขอแจ้งเข้าท่าเรือเพื่อส่งตัวผู้บาดเจ็บ ณ ท่าเรือเจริญลาภ หลังทราบเหตุได้ประสานรถกู้ชีพฯ เข้าให้การช่วยเหลือ นำตัวผู้บาดเจ็บ ส่งเข้ารักษาตัวที่ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ อย่างเร่งด่วน

จากการสอบถาม นายสมัย มานะดี ลูกเรือชาวไทยผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า นายวงเดือน โนนทิง ลูกเรือ ได้ประสบอุบัติเหตุขณะวางอวน แล้วถูกเชือกอวนพันขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงแจ้งกับผู้ควบคุมเรือทราบ และช่วยกันปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ก่อนแจ้งเจ้าของเรือรีบนำเรือเข้าฝั่ง เพื่อส่งตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่ง รพ.ประจวบคิรีขันธ์ โดยมีเจ้าหน้าที่จาก ศรชล.ภาค 1 โดย ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ศคท.จว.ปข.) และ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง ประจวบคีรีขันธ์ หรือศูนย์ Pi-Po ประจวบคีรีขันธ์ ดูแลให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

สตูล - เจ้าท่าสตูลเปิดศึกสู้โควิด- 19 กระจ่ายรถฉีดพ่นฆ่าเชื้อตามท่าเรือ เรือโดยสาร จุดรับส่งเรือข้ามฝาก หวั่นโควิดระบาดกระจ่ายวงกว้าง ยอดสถิติในสตูลเริ่มขึ้น

นายหิรัญวัตติ์  สืบกระพันธ์ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าสตูล เปิดยุทธ์ศาตร์ปฏิบัติการร่วมกับพ.ต.อ.จตุรวิทย์  คชน่วม ผกก.9 บก.รน. ,พ.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. ,และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสตูล, กำลังจิตอาสาตำรวจน้ำสตูล และศรชล.จังหวัดสตูล,ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล นำกำลังคน พร้อมรถยนต์กระบะบรรทุกน้ำยาฆ่าเชื้อแบบหัวฉีด ลงฉีดพ่นสำนักงานราชาการ และบริเวณท่าเรือจุดที่ประชาชนใช้ในการรอเรือ จุดขึ้นลงท่าเรือ ทั้งบริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง ท่าเรือแพปลาจุดขึ้นลงเรือกลุ่มผู้โดยสารข้ามฟาก สกัดกั้นการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด- 19

โดยเน้นย้ำจุดท่าลงเรือไปยังหมู่บ้านตำมะลังเหนือ ตำมะลังใต้ อยู่ในพื้นที่ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นพื้นที่พบผู้ป่วยติดโควิด- 19 จากลูกชายติดแพร่เชื้อสู่แม่ ขณะนี้ส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลสนามแล้ว

นายหิรัญวัตติ์  สืบกระพันธ์  ผอ.สำนักงานเจ้าท่าสตูล กล่าวว่า การฉีดพ่นในครั้งนี้เป็นการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคจุดสำคัญ ท่าเรือต่าง ๆ ในความดูแล ตอนนี้ฉีดพ่นทุกวัน รวมแล้วเกือบ 10 แห่งในจังหวัดสตูล รวมทั้งบริเวณท่าเทียบเรือปากบาราสถานที่รองรับนักท่องเที่ยวลงตามเกาะแก่งต่าง ๆ และมีแผนที่จะลงฉีดท่เรือที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะเช่นกันสำหรับจังหวัดสตูลตอนนี้มียอดติดโควิด- 19 แล้ว 4 ราย


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

“บิ๊กตู่” สั่งเหล่าทัพสแตนบายรถพยาบาลทหารขนย้ายผู้ป่วย กทม.- ปริมณฑล รวม 47 คัน พร้อมสั่งโรงพยาบาลทหารขยายความสามารถรับผู้ป่วยระดับ 1 และระดับ 2 หลังศบค. กังวลเพียงไอซียูเหลือน้อย

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการจัดเตรียมรถทหารเพื่อสนับสนุนภารกิจเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ว่า กระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพเตรียมรถพยาบาลทหารไว้ จำนวน 26 คัน โดยให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ประสานการทำงานร่วมกับศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานครในพื้นที่กทม.และปริมณฑล เพื่อนำส่งโรงพยาบาลสนาม นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมรถพยาบาลทหารเพิ่มเติมพร้อมปฏิบัติการอีก จำนวน 21 คัน รวมทั้งหมด 47 คัน ในส่วนที่ศบค.มีข้อกังวลเหลือห้องไอซียูที่เหลือเตียงเพียง 69 เตียงนั้น วันนี้พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมได้สั่งการในที่ประชุมสภากลาโหมให้โรงพยาบาลทหารขยายความสามารถรับผู้ป่วยให้ได้มากขึ้น เพื่อรับผู้ป่วยในระดับ 1 และ ระดับ 2 ที่แสดงอาการในระบบทางเดินหายใจ รวมถึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

“ประยุทธ” สั่งเหล่าทัพ เร่งปฏิรูปกองทัพ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและอนาคต 

วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 ไปยังห้องประชุมต่าง ๆ ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

ภายหลังการประขุม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯ และรมว.กลาโหม กำชับให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ติดตามเร่งขับเคลื่อนการปฏิรูปกองทัพ ให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนสภาพแวดล้อมภัยคุกคามด้านความมั่นคง

ทั้งนี้ ให้แสวงความร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอก กห.และต่างประเทศ นำสู่การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสองทางมากขึ้น คือ ทั้งด้านความมั่นคงและการประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะให้นำเทคโนโลยี มาปรับใช้กับระบบบริหารจัดการให้มากขึ้น ควบคู่กับเร่งพัฒนาบุคลากรด้านทักษะด้านดิจิทัล เพื่อรองรับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ด้านความมั่นคงและการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการของกองทัพในอนาคต และรองรับการปรับลดกำลังพลและโครงสร้างกองทัพที่มีขนาดเหมาะสมและคล่องตัว กับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ

นอกจากนี้พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯและรมว.กลาโหมนรม. กล่าวถึงปัญหาโรคระบาดจากโควิด-19 ปัจจุบัน ถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่กองทัพต้องนำศักยภาพและความพร้อมที่มีอยู่ เข้าไปช่วยสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขและทุกส่วนราชการ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้ประชาชนมีความปลอดภัยและใช้ชีวิตตามมาตรการควบคุมที่กำหนดในสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินปัจจุบัน การระดมพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมีความสำคัญยิ่ง เพื่อขับเคลื่อนแก้ปัญหาในทุกมิติไปพร้อมกันตามความเร่งด่วน มีความสำคัญยิ่ง

นรม.และรมว.กห. ิแสดงความขอบคุณการทำงานของทุกเหล่าทัพและตำรวจที่ผ่านมา ทั้งการสนับสนุน ศบค.ดูแลความมั่นคงโดย ศปม.ต่อเนื่องที่ผ่านมา พร้อมกำชับให้ดำรงความต่อเนื่องสนับสนุนดูแลประชาชน ในด้านต่าง ๆ อาทิ การคัดกรองคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ ผ่านสถานกักควบคุมโรคแห่งรัฐ, การเตรียมการรองรับคนไทยจำนวนมาก ที่ทยอยเดินทางกลับจากมาเลเซีย, การเตรียมอพยพคนไทยเดินทางกลับจากเมียนมา หากสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น, การสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหรือหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ รองรับจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อจำนวนมาก

พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า การขยายขีดความสามารถของโรงพยาบาลทหาร ให้รองรับผู้ป่วยระดับแดงและเหลือง, การสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ทำหน้าที่ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข, การบริหารจัดการรถ เพื่อรับและส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษา, การช่วยกวดขันมาตรการควบคุมตามที่รัฐกำหนด ในกลุ่มเสี่ยงและพื้นที่เสี่ยง และการบริหารจัดการวัคซีน ให้กับกำลังทหารและตำรวจ ที่ต้องปฏิบัติงานใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งการบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาด ที่ยังอยู่ในสภาวะขาดแคลนในปัจจุบัน

ชลบุรี - ฐานทัพเรือสัตหีบ ร่วมกับ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดชลบุรี ตรวจสถานประกอบการตลาด (เช้า) สัตหีบ กวดขัน ตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

เมื่อวันที่ 23 เม.ย.64 ฐานทัพเรือสัตหีบ ร่วมกับ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสถานประกอบการตลาด (เช้า) หน้าเทศบาลเมืองสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อกวดขัน ตรวจสอบการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ผลการตรวจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการปฏิบัติถูกต้องครบถ้วน ตามมาตรการที่กำหนด โดยได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการประชาสัมพันธ์ให้กับลูกจ้าง ปฏิบัติตามมาตรการตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กำหนดโดยเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top