Wednesday, 18 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

ปัตตานี - เลขาธิการ ศอ.บต.พร้อมผู้บริหาร ลงพื้นที่เยี่ยมวัดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วย นายกฤษฎา เคลือบมณี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (สงป.) นายวิสันติ์ ประเสริฐศรี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.(รง.) นายอิสระ ละอองสกุล ผู้อำนวยการกองประสานและเร่งรัดการพัฒนาพื้นที่พิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เยี่ยมวัดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ประกอบด้วย วัดพรหมประสิทธิ์ (เจ้าคณะอำเภอ พระครูสิริพรหมสุนทร) ตำบลบ้านนอก อำเภอปะนาเระ วัดประจันตคาม (พระครูปัจจันเขตบริรักษ์ เจ้าอาวาส) ตำบลบ้านนอก อำเภอปะนาเระ วัดปิยาราม (เจ้าคณะอำเภอ พระครูอุมธรรมาทร) ตำบลปินามุมัง  อำเภอยะหริ่ง และวัดกุสาวดี (วัดตาแกะ) (พระพันธ์ ธมมวิโส เจ้าอาวาส) ตำบลตาแกะ อำเภอยะหริ่ง โดยมี เจ้าคณะอำเภอ เจ้าอาวาส หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ บัณฑิตอาสาฯ และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ

สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อเยี่ยมสร้างขวัญกำลังใจและมอบกระเช้าแก่เจ้าคณะอำเภอ เจ้าอาวาส พร้อมพบปะเจ้าหน้าที่ส่วนงานราชการในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนไทยพุทธในพื้นที่ ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมทางศาสนาทุกศาสนาให้เป็นศูนย์กลางในการปลูกฝังจริยธรรม รวมทั้งเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา จชต. ที่เป็นนโยบายที่ ศอ.บต. กอ.รมน.ภาค 4 สน. และหน่วยงานในพื้นที่ร่วมส่งเสริมสนับสนุนตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาวัดร้าง วัดไม่มีพระสงฆ์ การซ่อมแซมบูรณะวัด การพัฒนาพื้นที่โดยรอบของวัดใน จชต. อีกด้วย

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการเยี่ยมพบปะสร้างขวัญและกำลังใจแก่พี่น้องประชาชนในยามที่วิกฤติสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่และจากสถานการณ์เหตุการณ์ในพื้นที่ จชต. ที่ผ่านมาทุกส่วนได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาซึ่งดีขึ้นตามลำดับ ด้วยการฟื้นฟูให้สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมท่ามกลางความหลากหลายทางศาสนาแต่สามารถดำรงชีวิตกันได้อย่างสันติสุข และขอให้ทุกส่วนราชการเติมเต็มการช่วยเหลือในด้านกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อสาธารณประโยนช์สร้างการมีส่วนร่วมที่ดี รวมทั้งขอให้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 อย่างเคร่งครัด มั่นใจได้ว่าเราจะข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

ลำปาง - "ถวายความจงรักภักดีและรำลึกถึง เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นนักรบยิ่งใหญ่ กล้าหาญ"

มณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2564 เวลา 07.50 น. พลตรี  อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมประกอบพิธีถวายพวงมาลา กล่าวถวายราชสดุดี ต่อเบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องใน  "วันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช"  เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดี และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่และกล้าหาญ  ผู้ทรงได้กอบกู้อิสรภาพของไทยและทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนปกปักรักษาเอกราชของชาติจนทำให้มีประเทศไทยอย่างเข่นทุกวันนี้ โดยมี นายณรงค์ศักดิ์  โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานในพิธีฯ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตำบลศาลา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ ทรงเสด็จพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 2098 ที่ พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชา และพระวิสุทธิกษัตรี ทรงมีพระเชษฐ์ภคิณี คือ พระสุพรรณกัลยา และมีพระอนุชาคือ สมเด็จพระเอกาทศรถ  สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 ขณะพระชนมายุได้ 35 พรรษา ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถ เชี่ยวชาญทางด้านการรบ ซึ่งเห็นได้จากยุทธวิธีการสงครามที่ทรงใช้ อันได้แก่ การใช้คนจำนวนน้อยเอาชนะคนจำนวนมาก  ยุทธวิธีการรบแบบกองโจร การใช้หลักการรุก การออม และการรวมกำลัง ตลอดจนการดำเนินกลยุทธ์ที่เด็ดขาดในการบังคับบัญชา ทั้งการระวัง ป้องกัน และการจู่โจม  สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ขณะทรงกรีฑาทัพไปตีกรุงอังวะ และได้เกิดประชวร เป็นฝีหัวระลอกขึ้นที่พระพักตร์ เกิดเป็นบาดแผลพิษรุนแรง จนเสด็จสวรรคต ณ เมืองหาง ที่ตำบลทุ่งแก้ว ขณะพระชนมายุได้ 50 พรรษา รวมระยะเวลาที่ทรงขึ้นครองราชย์สมบัตินาน 15 ปี


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

ขอนแก่น - พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่อีก 22 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 313 ราย พุ่งสูงเป็นอันดับ 2 ของภาคอีสาน

ขณะที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดย้ำชัด มาตรการป้องกันยังคงบังคับใช้อย่างเข้มงวดไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยปรับไม่เกิน 20,000 บาท

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่น ได้มีการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ในกรณีของกฎหมายบังคับใช้ตามประกาศจังหวัดขอนแก่นในส่วนของการสวมใส่หน้ากากอนามัย โดยระบุว่า ให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ก่อนออกจากบ้าน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.2563 จนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และอาจได้รับโทษตามมาตร 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยทาง ศบค.ได้อัปเดตให้เป็นจังหวัดที่ 44 ที่มีบทลงโทษกรณีประชาชนไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่นอกเคหะสถานและสถานที่สาธารณะ

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จ.ขอนแก่นวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีกจำนวน 22 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 313 ราย รักษาหายแล้ว 34 ราย อยู่ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลต่าง ๆ 279 ราย ทำให้ขอนแก่นเป็นอันดับสองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19รองจาก จ.นครราชสีมา และยังคงมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกหลายราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อในวงที่ 2 ซึ่งเป็นครอบครัวของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19ก่อนหน้านี้

ด้านโรงพยาบาลขอนแก่น ประกาศประชาสัมพันธ์หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเจ้าหน้าที่เวรเปลของโรงพยาบาลขอนแก่น จำนวน 1 คน ปฏิบัติงาน ณ ห้องผ่าตัด โดยเป็นการติดเชื้อมาจากนอกโรงพยาบาล ส่งผลให้บุคลากรอื่นๆต้องถูกกักตัว 14 วันเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัด 16 คน หน่วยจ่ายกลาง 3 คน ผู้สัมผัสร่วมบ้าน 4 คน โดยจากการตรวจหาเชื้อผลเป็นลบทั้งหมด ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางโรงพยาบาลขอนแก่นจึงมีการปรับแผนในการให้บริการโดยปรับลดการให้บริการผ่าตัดผู้ป่วยศัลยกรรมบางส่วน ยกเว้นรายที่จำเป็น เร่งด่วน ฉุกเฉิน ในสถานการณ์ที่บุคลากรต้องถูกกักตัว และสงวนบุคลากรทางการแพทย์สำหรับดูแลผู้ป่วยที่มีความจำเป็น จึงขอความร่วมมือผู้รับบริการที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน เลื่อนการเข้ารับบริการ สำหรับผู้ป่วยที่มีนัดรับยาเดิมต่อเนื่องและมีอาการคงที่ไม่มีอาการผิดปกติ สามารถแจ้งความประสงค์ขอรับบริการส่งยาทางไปรษณีย์ตามช่องทางต่าง ๆ ที่โรงพยาบาลขอนแก่นกำหนด

นราธิวาส - ผกก.สภ.สุ ไหงโก-ลก เยือนถิ่นเก่า มอบข้าวสาร อาหารแห้ง พร้อมผลอินทผลัม ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้ในเขตพื้นที่อำเภอแว้ง

พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สุ ไหงโก-ลก อ.สุไหลโก-ลก จ.นราธิวาส นำเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสุ ไหงโก-ลก เยือนถิ่นเก่า นำข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำดื่ม อินทผาลัม อาหารแห้ง  และ หน้ากากอนามัย พร้อมเจลแอลกอฮอล์ ไปมอบให้ผู้พิการและผู้ยากไร้ในเขตพื้นที่อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เนื่องในเดือน “รอมฎอน” เดือนอันประเสริฐ และเดือนแห่งการทำความดี  เป็นการสร้างความอบอุ่นใจ สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นและลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 ระลอกใหม่ พร้อมแนะให้ประชาชนป้องกันตนเอง โดยยึดหลัก D-M-H-T-T หากกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงให้รักษาระยะห่างจากสมาชิกในครอบครัวและคนในชุมชน และสังเกตอาการตนเอง

 


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

สระบุรี – จัดพิธีวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช 2564

วันนี้ 25 เมษายน 2564 เวลา 08.30 น. ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี ตำบลตะกุด อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี  นายสมภพ สมิตะสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานวางพวงมาลาถวายราชสักการะ และจุดธูป เทียนเครื่องทองน้อย อ่านประกาศถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถ กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว สร้างความเป็นเอกราชให้แก่ชาติไทย โดยในพิธีมีหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด ทหาร ตำรวจ เข้าร่วมพิธี ซึ่งปฏิบัติตามมาตรการป้องกันปัญหาโควิด-19 จำกัดจำนวนผู้ร่วมงาน  ใส่หน้ากากอนามัย วัดอุณหภูมิ  เว้นระยะห่าง

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงพระราชสมภพ ณ พระราชวังจันท์ เมื่อปีพุทธศักราช 2098 ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์สุโขทัย ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระมหาธรรมราชาเมื่อมีพระชนมายุได้ 9 พรรษา พระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่า ทรงขอไปเลี้ยงเป็นพระราชบุตรบุญธรรมเพื่อเป็นตัวประกันที่หงสาวดี ซึ่งในขณะนั้น กรุงศรีอยุธยาตกอยู่ในความปกครองของพม่า จนพระชนมายุได้ 15 พรรษา จึงเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา เมื่อวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีวอก พ.ศ.2127 ทรงหลั่งน้ำทักษิโณทก ณ เมืองแครง ประกาศอิสรภาพของชาติไทยโดยไม่ขึ้นกับพม่าอีกต่อไป และทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.2133 ในรัชสมัยของพระองค์ทรงกระทำสงครามขยายพระราชอาณาจักรไทย ให้แผ่ไพศาลไปในจตุรทิศ ทรงเป็นกษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่และกล้าหาญ ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชแห่งกรุงหงสาวดี เมื่อปี พ.ศ.2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ.2148 ขณะพระชนมายุได้ 50 พรรษา รวมเวลาที่ทรงขึ้นครองราชย์นาน 15 ปี​


ภาพ/ข่าว  ดำรงค์​ ชื่นจินดารายงาน

ปราจีนบุรี - แชมป์ไมค์ทองคำ 6 งานเข้าถูกแจ้งความข้อหากระทำชำเรา

นักร้องแชมป์ไมค์ทองคำ ซีซั่น 6 งานเข้า พ่อจูงมือลูกเข้าแจ้งความร้องทุกข์ โดนตั้งสามข้อหาหนัก กระทำชำเรา หมิ่นประมาท และ ผิด พรบ.คอมพิวเตอร์

นายหิรัญ  พิมพ์โพธิ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 999/7 หมู่ 12 ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นำตัว นางสาวพลอย  อินดี้  (นภาพร  พิมพ์โพธิ์ (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง ) อายุ 18 ปี เข้าพบ พ.ต.ท.กฤชฐา  ปทุมแก้ว สารวัตรเวรสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี ในฐานะพ่อ และ ผู้จัดการส่วนตัว เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ภายหลังถูกเจ้าของค่ายเพลงดังที่รู้จักคบหากันมา 1ปี 4 เดือน โดยรู้จักสนิทสนมเมื่อครั้งไปแสดงคอนเสิร์ต ที่ จ.ขอนแก่น นำรูปภาพและข้อความอันเป็นเท็จลงเผยแพร่ในโซเซียลทำให้เกิดความเสียหายและเกิดความเข้าใจผิดกับผู้ที่พบเห็น ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและส่งผลกระทบต่อครอบครัว โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ นางสาว พลอย รับงานถ่ายทำ MV ลักษณะนั่งหันข้างสวมใส่ผ้าถุง     

ซึ่งนางสาว พลอย กล่าวเสริม ว่าการถ่ายทำได้มีการเซฟอย่างดีมีเสื้อชั้นในและกางเกงขาสั้นอยู่ข้างในที่สำคัญ พ่ออยู่ด้วยตลอดเวลา  โดยนาย คเชนทร์ นำภาพดังกล่าวมาลงเผยแพร่ในโซเซียลและบอกรับไม่ได้ขี้เดียด อุบาทว์ลูกกะตา เกลียด

นอกจากนั้น ทางยายของนายคเชนทร์ แชมป์ไมค์ทองคำ ซีซั่น 6 ยังคอมเมนต์ ว่า “รับไม่ได้ ใช่เมียมึงรึเปล่า เหมือนกระหรี่แท้ ขี้เดียด” จนต่อมามีคนเข้าไปคอมเมนต์มากมายทำให้รู้สึกอับอาย และรับไม่ได้กับการที่ถูกทำเช่นนี้  น้องพลอย ยังบอกด้วยว่า ทั้งที่ก่อนหน้าตนเคยช่วยเหลือ เมื่อคราวคเชนทร์ ไม่มีสตางค์ก็เคยช่วย ที่หลงเชื่อเพราะถูกหลอกว่าจะมาแต่งงานในสิ้นปีนี้ แต่พอไปถ่าย MV มา เหมือนกับจะหาเรื่องเลิกจนทะเลาะกันและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

ทางด้าน นายหิรัญ  พิมพ์โพธิ์ พ่อและผู้จัดการส่วนตัวของน้อง พลอย อินดี้ บอกรับไม่ได้ที่คนที่จะมาดูแลลูกสาวตนพูดจาดูหมิ่นและทำตัวเช่นนี้  พร้อมยืนยันปกป้องศักดิ์ศรีของลูกสาว ขอเอาเรื่องถึงที่สุด เบื้องตนขอแจ้งความกระทำชำเรา หมิ่นประมาท และ ผิด พรบ.คอมพิวเตอร์


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัฒน์  กุลเศรษฐ์สุวภา ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี

นราธิวาส - พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส ติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”

นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ  พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายอนันต์  แสงชาตรี พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนางสาวณัฐชยา  ศรีดำ  ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน  สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนราธิวาส  ติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” และโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล”  เพื่อสร้าง ปรับปรุง และพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชนในรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ณ  พื้นที่อำเภอรือเสาะ  จังหวัดนราธิวาส

ก่อนลงพื้นที่ได้มีการประชุมชี้แจงกับเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน จำนวน 7 คน, นักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ(นพต.) จำนวน 14 คน,นักพฒนารัฐบาลดิจิตอล(นพร.) จำนวน 5 คน ซึ่งอำเภอรือเสาะมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก รวม 56 แปลง มีขนาดทั้งขนาดพื้นที่ 1 ไร่ 3 ไร่ 5 ไร่และ 15 ไร่ ซึ่งทุกรายที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นประโยชน์ เป็นศูนย์เรียนรู้ของหมู่บ้าน และที่สำคัญคือ การได้ทำงานสนองพระราชดำริ โครงการทฤษฎีใหม่ ของในหลวง เป็นความภาคภูมิใจของตนเองและครอบครัว สามารถสร้างความสุขทั้งใจได้

นายอนันต์  แสงชาตรี  พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส  กล่าวว่า  จังหวัดนราธิวาสได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ในพื้นที่ 11 อำเภอของจังหวัด 39 ตำบล 74 ครัวเรือน และดำเนินงานโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง  กิจกรรมการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ในพื้นที่ 13 อำเภอของจังหวัด 66 ตำบล  213  หมู่บ้าน  ซึ่งในการติดตามผลการดำเนินงานในครั้งนี้เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน  ปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ในระดับพื้นที่ และลงพื้นที่เยี่ยมเยือนแปลงครัวเรือนเป้าหมายที่กำลังดำเนินการขุดปรับพื้นที่ตามโครงการฯ 

สำหรับการลงพื้นที่เยี่ยมเยือนครัวเรือนเป้าหมายในการดำเนินงานในวันนี้  ได้ลงพื้นที่แปลงของนายอาบ๊ะ  ดาระแม หมู่ที่1 บ้านสะแนะ และนายมูฮำหมัดรุสลัน บือราเฮง หมู่ที่ 7 บ้านตือโละ ตำบลเรียง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส


ภาพ/ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

อยุธยา – เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ปล่อยขบวนรถพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ในพื้นที่เกาะเมือง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน

วันที่ 24 เมษายน ที่วัดศาลาปูนวรวิหาร นายศรัณย์ สุขเกษม ปลัดเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา รักษาการนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นายกฤษณ์ เถี่ยนมิตรภาพ อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ในนามตัวแทนจิตอาสาชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกัน ทำพิธีปล่อยขบวนรถ พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ป้องกันโรคโควิด-19 โดยมีพระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีิยุธยา เจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร มาเป็นองค์ประธานเทน้ำยาฆ่าเชื้อเพืื่อความเป็นศิริมงคลให้กับคณะทีมงานด้วย

นายศรัณย์ สุขเกษม ปลัดเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา รักษาการนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้เพื่อเป็นสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาได้สั่งซื้อรถพ่นน้ำฆ่าเชื้อจำนวน 6 คัน พร้อมทั้งได้มีการดัดแปลงรถดับเพลิงเก่าขนาดความจุขนาด 12,000 ลิตร มาใช้งานพ่นน้ำยาเชื้อฆ่าในครั้งนี้ และได้ระดมเจ้าหน้าที่เทศกิจ เข้าพื้นที่พ่นฆ่าเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจกับแผนดำเนินของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา โดยจะออกพ่นยาฆ่าเชื้อในวันจันทร์วันพุธและวันศุกร์จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนคร กล่าวว่า ตนเองในฐานะตัวแทนจิตอาสาชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจึงได้ประสานงานกับเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาให้เร่งเข้ามาดูแลความเดือดร้อนของพี่น้องชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยเฉพาะในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ต้องดูแล ให้มีความปลอดภัยและห่างไกลจากโรคโควิดและ ได้ประสานกับทางวัดศาลาปูน โดยพระครูอนุกูลศาสนกิจ ในการอนุเคราะห์อาคารโรงเรียนเก่าของวัดศาลาปูนให้เป็นศูนย์พักฟื้น ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นพระสงฆ์หรือผู้สูงอายุ มาพักรักษาตัวด้วย


ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา

ลพบุรี – ทหารรบพิเศษ ระดมช่วยบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาดไทยในยามวิกฤติ

กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ นำกำลังพลจิตอาสา ร่วมใจบริจาคโลหิต แก้วิกฤต COVID-19 เพื่อเป็นโลหิตสำรองในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่

จากวิกฤติของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่ เดือนเมษายนที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ปริมาณโลหิตสำรองของสภากาชาดไทยลดลง อีกทั้งสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัสทำให้ประชาชนไม่สะดวกในการไปบริจาคโลหิต ส่งผลกระทบทำให้ปริมาณโลหิตสำรองไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาลทั่วประเทศ

ด้าน พ.อ.อินทนนท์  รัตนกาฬ ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี ได้จัดกำลังพลจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ ของหน่วยที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เข้าข่ายผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัส “COVID-19” จำนวน 10 นาย สนับสนุนการดำเนินงานของสภากาชาดไทย ตามนโยบายของกองทัพบก ในโครงการ " กองทัพไทย ร่วมใจบริจาคโลหิต แก้วิกฤต COVID-19 ” ณ  สำนักงานภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ที่ 2 จังหวัดลพบุรี เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน ของระบบโลหิตสำรอง ในการรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์ปัจจุบัน ให้มีเพียงพอในการรักษาผู้ป่วย ซึ่งความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องระดมโลหิตเข้าสู่ระบบให้เร็วที่สุด อีกทั้งยังเป็นการปฏิบัติตามนโยบาย ของผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้กำลังพลของกองทัพบกทุกนาย ต้องดูแลห่วงใยและให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ในทุกโอกาส

โดยมีจำนวนโลหิตที่ได้รวม ทั้งสิ้น 4,500 ซีซี ซึ่งการบริจาคโลหิตในครั้งนี้ ถือเป็นไปตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด มีการคัดกรองและเฝ้าระวังการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัส COVID -19 ในสถานที่รับบริจาคโลหิต เพื่อป้องกันการถ่ายทอดโรคติดเชื้อ COVID-19 ทางโลหิต และเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่ต้องรับโลหิตจากการรักษาพยาบาล

ซึ่งสำนักงานภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ที่ 2 จังหวัดลพบุรี ได้เปิดรับบริจาคโลหิตทุกวัน โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ สำหรับโลหิตที่ได้ จะถูกนำไปใช้เป็นโลหิตสำรอง เพื่อส่งต่อโลหิตที่ปลอดภัย สำหรับใช้ดูแลรักษาผู้ป่วย ในโรงพยาลต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ในพื้นที่รับผิดชอบ รวม 8 จังหวัด ของสำนักงานภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ที่ 2 ในโอกาสต่อไป


ภาพ/ข่าว  กฤษณ์  สนใจ

ตราด – คุมเข้มชายแดนหาดเล็ก สกัดโควิด-19 จากต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง

ข่าว ที่ชายแดนไทยกัมพูชาบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 บ้านหาดเล็ก ด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองใหญ่ ด่านศุลกากรคลองใหญ่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกันตรวจเข้มการผ่านเข้าออกของรถขนส่งสินค้าที่อนุโลมให้ขนส่งสินค้าผ่านเข้าออกชายแดนได้ อีกทั้งยังจัดกำลังทหารออกทการลาดตระเวนตามแนวชายแดนเส้นทางธรรมชาติชายแดนไทยกัมพูชาด้านเขาบรรทัดต.หาดเล็ก ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราดด้วย

ทั้งนี้ด้วยผู้บัญชาการกองกําลังหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 สั่งคุมเข้มตลอดแนวชายแดน ในการสกัดแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าประเทศหวังป้องกันโควิด-19 ที่กลับมาระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันประเทศไทยมาเริ่มมียอดผู้ป่วยรายวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทางการไทยได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดบริเวณด่านชายแดนบ้านหาดเล็กเนื่องจากเกรงว่าจะมีแรงงานต่างด้าวลักลอบหนีเข้าประเทศไทย และทำให้เกิดการแพร่เชื้อโควิด-19 ในประเทศ ส่งผลให้เกิดการระบาดระลอกที่ 3 ที่กําลังมีความรุนแรงมากกว่าเดิม โดย น.ต.ปรัชญ แสงแก้ว ผบ.ฉก.นย.182 บ้านหาดเล็ก เปิดเผยว่า ได้สั่งการกําลังพลและให้ทุกหน่วยขึ้นตรงกองกำลังหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 ให้เพิ่มมาตรการและการวางกำลัง จุดตรวจ/จุดสกัด ตลอดแนวชายแดนฝั่งเขากวดขันสกัดกั้น การลักลอบนำยาเสพติดและลักลอบขนแรงงานต่างด้าวตามช่องทางธรรมชาติ จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตลอดทุกวันในการเดินราดตะเวรตามเทือกเขา จากนั้นตามด่านชายแดนจุดเข้าออกก็ได้ร่วมกันตรวจเข้มงวดยิ่งกว่าเก่าเพื่อเป็นการควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตามชายแดนหาดเล็ก

โดยแฉล้ม อิ่มอุไร เจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลการตรวจโรคโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยของคนขับรถส่งสินค้าเข้าออก พร้อมด้วย พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ต.ม.จว.จ.ตราด ได้ตรวจคันหนังสือเดินทางเข้าออกระหว่างชายแดนร่วมกับด่านศุลกากร ทหาร ตํารวจ และหน่วยควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป/ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตราด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top