Wednesday, 18 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

สตูล - ผู้ว่าราชการจังหวัด ยกระดับมาตรการป้องกัน COVID 19 ปรับจริงผู้ไม่ใส่แมสก์ !! ตั้งด่านคัดกรอง ทุกตำบล , 7 อำเภอ ห้ามข้าราชการออกนอกพื้นที่เว้นที่จำเป็นเท่านั้น

นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เปิดเผยภายหลังประชุม ศบค.จังหวัดสตูล ว่าเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID 19 ในปัจุบันมีการแพร่ระบาดออกไปและจังหวัดโดยรอบของสตูล มีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนจำนวนมาก ซึ่งได้มีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด โดยสิ่งที่จะทำให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคคือต้องไปมาหาสู่ให้น้อยที่สุด มีการเดินทางน้อยที่สุด ซึ่งอาจจะกระทบเศรษฐกิจและสังคมบ้าง แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับขึ้นมา โดยที่ประชุมมีมติดังนี้

1.การยกระดับการบังคับใช้กฎมายเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกเคหสถาน โดยมอบหมายผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลร่วมกับฝ่ายปกครอง ในการดำเนินการเรื่องจับ/ปรับผู้ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ปรับไม่เกิน 20,000 บาท 

2.การจัดตั้งด่านคัดกรอง COVID19 ทุกตำบล รวม 36 ตำบล/ด่าน ซึ่งด่านเหล่านี้จะคัดกรองบุคคลนอกพื้นที่ทุกจังหวัด เพราะตอนนี้ทุกพื้นที่ถือว่าเสี่ยงหมดแล้ว

3.จัดระบบมาตรการเข้าไปสืบสวนโรคแบบเข้มข้น แบบรวงผึ้ง ประกอบด้วย กำนันผู้ใหญ่บ้าน อสม. รับผิดชอบดูและครัวเรือน 10-15 หลัง เพื่อดูว่าบ้านไหนมีลูกหลาน พี่น้อง เข้ามาในพื้นที่โดยไม่แจ้ง หรือไม่สแกน QR หรือไม่ หากไทม์ไลน์มีความเสี่ยงสูง จะนำเข้า LQ แต่ถ้ามีความเสี่ยงต่ำให้เข้า HQ และต้องรายงานผลทุกวัน

4.ข้าราชการห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาด หากไม่มีความจำเป็น แต่ถ้ามีความจำเป็น หลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาและให้เขียนไทม์ไลน์รายงานผู้บังคับบัญชาเมื่อเดินทางกลับมาปฏิบัติหน้าที่ 

5.มาตรการปิดจุดเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น ร้านเกมส์ ร้านสนุกเกอร์หรือบิลเลียด และฟิตเนส และขอความร่วมมือในการงดจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ทั้งหมดและงดการดื่มกิน หรือการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก ยกเว้นกิจกรรมด้านประเพณีวัฒนธรรม เช่น งานศพ งานบวช งานแต่ง เท่าที่จำเป็นและผู้เข้าร่วมน้อยที่สุด

6.มาตรการการเข้าสู่จังหวัดสตูล โดยยกระดับอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อก่อนสามารถเดินทางเข้ามาได้และตอนนี้ให้ล็อคตั้งแต่ต้นทาง คือ คนที่เข้ามาในจังหวัดสตูล ต้องผ่านการตรวจ COVID 19 ไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง หากผลปกติสามารถเข้ามาได้ แต่หากไม่มีผลตรวจ แต่เมื่อเข้ามาในพื้นที่ หากชุดปฏิบัติการควบคุมโรคประจำตำบลตรวจพบเจอก็จะนำไปสู่ LQ ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นขอให้อยู่กับที่ ส่วนเรื่องอื่น ๆ เช่น รถส่งของ ผลไม้ ของสด ก็ไม่มีปัญหา

ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะทดลองใช้ 14 วัน แล้วจะประเมินให้มีความเหมาะสมว่ากระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมหรือไม่  สำหรับวันนี้สตูลยอดเพิ่ม 1 ราย รวม 11 ราย พบในเด็กหญิงไทยอายุ  5 ปี


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

กระบี่ – นายกสมศักดิ์ นำชุด ฉก.โควิด ปูพรหม...ฉีดพ้นกวาดล้างเชื้อไวรัส แลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยว ย่านการค้าอ่าวนาง

นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามไวรัสโควิ-19 กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ สนธิกำลังร่วมกับนายพันคำ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง รวม 30 คน ปูพรหมกวาดล้างทำความสะอาดออกฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในย่านธุรกิจอ่าวนางแลนด์มาร์ก หน้าแหล่งท่องเที่ยวชายหาดนพรัตน์ธารา หมู่ที่ 3 บ้านคลองแห้ง และย่านธุรกิจการค้าหน้าชายหาดอ่าวนาง หมู่ที่ 2 บ้านอ่าวนาง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ทั้งใช้รถยนต์และกำลังเดินเท้าออกฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส บนทางเท้าหน้าร้านค้า ตามร้านค้า ตลาดสด ร้านนวด ร้านค้าแผงลอย ลานเอนกประสงค์ และท้องถนน รวมเนื้อที่กว่า 4 ,000 ตารางกิโลเมตร ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแบบเข้มข้นถึง 15,000 ลิตร

สาเหตุที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ต้องปูพรหมทำความสะอาดในย่านธุรกิจการค้าทั้งสองแห่ง เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาได้มีประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งที่มาจากพื้นที่ไม่มีความเสี่ยงและพื้นที่มีความเสี่ยงสูง เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยและพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงได้พักอาศัยค้างคืนเป็นจำนวนมาก จากการสืบสวนการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของคณะกรรมการสืบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง มาแพร่กระจายเชื้อในพื้นที่ดังกล่าวทำให้มีผู้มีความเสี่ยงรวมถึงผู้สัมผัสกับผู้ป่วยเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งผลจากการคัดกรองตรวจเอาสารคัดหลังโพรงจมูก พบกลุ่มบุคคลดังกล่าว มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายคน

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบสามพันธุ์ใหม่ วันที่ 1 – 25 เมษายน 2564 ล่าสุดมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มอีก 2 คนเป็น 55 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 3 คน คงเหลือผู้ติดเชื้อ 52 คน เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 2 คน เป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังบริการ สถานที่เสี่ยง สถานบันเทิง พื้นที่ระบาด 54 คน จาการค้นหาเชิงรุกผู้ที่สัมผัสเสี่ยง สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 1 คน เป็นคนไทย 52 คน ต่างชาติ 3 คน แยกเป็นอำเภอเมืองกระบี่ รักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัด  25 คน โรงพยาบาลเอกชน 5 คน โรงพยาบาลสนาม 16 คน โรงพยาบาลอำเภอปลายพระยา 5 คน โรงพยาบาลอำเภอเหนือคลอง 1 คน ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ และประชาชนที่สมัครใจเข้ารับการฉีดวัคซีน เข็มแรกเพิ่มอีก 538 คนรวม 7,378 คน เข็มที่สองลงทะเบียนฉีดวัคซีน 4,000 คน มารับบริการแล้ว 678 คน ซึ่งจังหวัดกระบี่สามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลสนาม รวม 176 เตียง รับผู้ป่วยแล้ว 52 เตียง เหลืออีก 124 เตียง


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

ลำพูน – นักพนันไก่ชน...แตกกระเจิงในสังเวียน หลังได้รับเรื่องร้องเรียน สนธิกำลังร่วมเข้าจับกุม ผู้เล่น 21 รายพร้อมของกลางจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 64 เวลา 20:40 น. ชุดอำนวยการประกอบด้วย นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผวจ.ลพ. นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รอง ผวจ.ลพ. นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ ปจ.ลพ.

นายโยธิน ประสงค์ความดี นอภ.เมืองลำพูน ได้นำกำลัง ชุดปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดลำพูน (ศปก.จ.ลพ.) ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดลำพูน "พยัคฆ์เทวี" ชุดปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเมืองลำพูน (ศปก.อ.เมืองลำพูน.) ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำพูน "บัวขาว" เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เหมืองจี้ , สมาชิก อส. สังกัด ร้อย บก.บร. และ ร้อย อส.เมืองลำพูน ที่ 1 ได้ร่วมกันตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณี มีนักพนันรวมตัวกันเล่นพนันไก่ชน หมู่ที่ 6 บ้านสันป่าสัก ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน

นอภ.เมืองลำพูน ได้วางแผนการเข้าจับกุม เข้าตรวจสอบพื้นที่ร้องเรียนดังกล่าว เมื่อถึงพื้นที่ร้องเรียน เจ้าหน้าที่ฯจึงเข้าทำการปิดล้อมพื้นที่สนามประลองไก่(สังเวียนไก่)  พบนักพนันจำนวนมากกำลังเชียร์ลุ้นไก่ชนอย่างสนุกสนาน ชุดจับกุมฯจึงได้แสดงตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุม นักพนันไก่ชนเห็นพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงได้ตื่นตกใจวิ่งแตกกันไปคนละทิศคนละทาง

ชุดจับกุมจึงได้วิ่งติดตามนักพนันไก่ชน ได้จำนวน 21 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก จึงได้แจ้งข้อหาเจ้าของบ้าน และผู้ถูกจับกุมกับพวกที่หลบหนีในข้อหา "เป็นผู้จัดให้เล่นการพนัน และเจ้ามือรับกินรับใช้ และร่วมกันลักลอบเล่นการพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 และฝ่าฝืน "คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน ที่ 39/2564 วันที่ 17 เมษายน 2564 เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรมการมั่วสุม ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แอดอัด หรือสถานที่อื่นใดในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดลำพูน" ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เหมืองจี้ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ผวจ.ลำพูน ได้เข้ามาชี้แจงกับนักพนันชนไก่ ขอความร่วมมือห้ามเล่นการพนันชนไก่ และการพนันอื่น ๆ อีก เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และพื้นที่ดังกล่าวมีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เป็นสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)


ภาพ/ข่าว  กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ  ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน

ลำพูน – จู่โจม !! รวบนักพนันมวยตู้คาวงเหล้า ศปก.จ.ลพ. พร้อม "พยัคฆ์เทวี" หลังรับการร้องเรียน เจ้าของร้านเจอข้อหา จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลา

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 64 เวลา 15:30 น. ชุดปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดลำพูน (ศปก.จ.ลพ.) ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดลำพูน "พยัคฆ์เทวี" ชุดปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเมืองลำพูน (ศปก.อ.เมืองลำพูน.) ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำพูน "บัวขาว" เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมอุตสาหกรรม , สมาชิก อส. สังกัด ร้อย บก.บร. และ ร้อย อส.เมืองลำพูน ที่ 1 ได้ร่วมกันตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณี มีการลักลอบเล่นการพนันมวยตู้ ในร้านขายของชำแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 19 บ้านใหม่เหมืองกวัก ต.มะเขือแจ้ อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน

ขณะเข้าตรวจสอบ พบนักพนันกำลังเล่นการพนันหมวยตู้ และนั่งดื่มสุรา เชียร์มวยกันอย่างเมามัน เมื่อชุดจับกุมได้แสดงตัว นักพนันวิ่งแตกตื่นกันไปคนละทิศคนละทาง ชุดจับกุมฯจึงได้วิ่งติดตามจับกุมนักพนันมาได้ รวมกับผู้ที่นั่งดื่มสุรา เชียร์มวย จำนวนทั้งสิ้น 8 ราย พร้อมของกลางทั้งหมด

นักพนันทั้งหมดยอมรับว่าได้ร่วมกับพวกที่หลบหนีลักลอบเล่นการพนันหมวยตู้ ชุดจับกุม จึงได้แจ้งให้เจ้ามือ และนักพนันทั้งหมดทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ข้อหา "เป็นผู้จัดให้เล่นการพนัน และเจ้ามือรับกินรับใช้ และร่วมกันลักลอบเล่นการพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 และฝ่าฝืน "คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน ที่ 39/2564 วันที่ 17 เมษายน 2564 เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรมการมั่วสุม ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แอดอัด หรือสถานที่อื่นใดในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดลำพูน" และได้แจ้งข้อหากับเจ้าของร้าน ในข้อหา "จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลากฎหมายกำหนด" ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ชุดจับกุมฯจึงได้แจ้งสิทธิและนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.นิคมอุสาหกรรม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน

แม่ฮ่องสอน - เช้านี้กองกำลังกะเหรี่ยง KNU เปิดฉาก บุกตีฐานพม่าฝั่งตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ ฝ่ายความมั่นคงปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่หวั่นอันตรายจากการสู้รบ

เช้านี้ กองกำลังกะเหรี่ยง KNU บุกตีฐานพม่าซอแลท่า พัน.คร.341 ริมฝั่งน้ำสาละวิน ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ  ต.สบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ด้านฝ่ายความมั่นคงปิดกันพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าบริเวณบ้านแม่สามแลบริมฝั่งสาละวิน เนื่องจากเสี่ยงอันตรายจากการสู้รบ รวมถึงประสาน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการดูแลประชาชนฝั่งไทย

เบื้องต้นมีชาวบ้าน ร้านค้า บางส่วนที่อาศัยอยู่พื้นที่ติดริมน้ำบริเวณท่าเรือแม่สามแลบได้อพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าวไปบ้างแล้ว ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป 


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ปทุมธานี – ผู้ว่าฯ ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ โรคติดต่อจังหวัดปทุมธานี ครั้งที่ 23

เมื่อวันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 1 สำนักสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี  ประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปทุมธานี ครั้งที่ 23/2564 โดยมี พล.ต.ต. ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายแพทย์สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี  นางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ วัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี และคณะทำงานเข้าร่วมประชุม โดยสาระสำคัญประกอบด้วย

        1. การเตรียมความพร้อมสำหรับเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม

       2. การบริหารจัดการวัคซีน COVID-19

       3. การพิจารณาปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า และการห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนมากกว่า ๑๐ คนขึ้นไป เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

       4.การพิจารณาแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดการระบาดของเชื้อ COVID-19 ภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษ


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ

สมุทรปราการ – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปรับเคาน์เตอร์เช็คอินในอาคารผู้โดยสาร จัดเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2564 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 6 ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(โควิด-19) แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า ทั้งพนักงาน ลูกจ้างของ ทอท. เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ตลอดจนสายการบินซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ณ ทสภ.

นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ ทสภ. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน (ศปม.ทย.) ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนให้รวดเร็วและเป็นไปตามเป้าหมายการกระจายวัคซีนแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ ทสภ. และตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทสภ. จึงได้ขยายพื้นที่จุดให้บริการฉีดวัคซีนใหม่ เพื่อให้รองรับจำนวนผู้รับวัคซีนให้ได้มากขึ้น โดยใช้พื้นที่เคาน์เตอร์เช็คอิน แถว U และ แถว W ห้องโถงผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ของอาคารผู้โดยสาร รวมทั้งหมด 42 เคาน์เตอร์เพื่อใช้เป็นจุดบริการสำหรับผู้เข้ารับวัคซีน เช่น จุดลงทะเบียน วัดความดันและอุณหภูมิ ลงทะเบียนเข้าระบบ ซักถามประวัติความเสี่ยง บันทึกข้อมูลการให้บริการ ลงข้อมูลเขาระบบติดตามวัคซีน รับบัตรนัด เป็นต้น ทั้งนี้ จุดให้บริการฉีดวัคซีนจะมีพนักงานของ ทสภ. พร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลบางพลีและโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทสภ. และตัวแทนจากสายการบินต่าง ๆ ร่วมให้บริการ

นายกิตติพงศ์ กล่าวในตอนท้ายว่า การดำเนินการเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ปฎิบัติงาน ณ ทสภ.ในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ ทสภ. และเป็นการรักษามาตรฐานตามที่ ทสภ. ได้รับการรับรอง Airport Health Accreditation จากสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (Airports Council International : ACI) มาตรการด้านความปลอดภัยสุขอนามัยจากการเข้าร่วมโครงการ Airport Health Accreditation (AHA) Programme ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับมาตรการด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานครอบคลุมทุกด้าน


ภาพ/ข่าว  ก๊วก สมุทรปราการ  

19 จังหวัด - 1 สัปดาห์แห่งการให้ “ครัวมาดาม” ส่งข้าวกล่องแทนใจ 19 รพ.สนามทั่วประเทศ

ครัวมาดาม มูลนิธิมาดามแป้ง ขอบคุณทีมอาสาส่งข้าวกล่อง รพ.สนาม, รพ.รัฐ 19 แห่ง ครบ 1 สัปดาห์ เตรียมขยายเวลาความช่วยเหลือต่ออีกเดือน และขยายพื้นที่ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมชวนคนไทยร่วมบริจาคส่งน้ำใจให้ไกลขึ้น

การให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ถูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง “ครัวมาดาม” กับแนวคิด ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ภายใต้มูลนิธิมาดามแป้ง ที่ตั้งครัวชุมชนส่งข้าวกล่องแล้วเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ผ่านกลุ่มอาสากล้าใหม่ไปยัง 19 พื้นที่ทั่วประเทศ อาทิ อยุธยา, นครราชสีมา, ภูเก็ต,  เชียงใหม่, นราธิวาส ฯลฯ หลังเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดระลอก 3 ซึ่งเดิมวางเป้าหมายตั้งครัวถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่แย่ลงทำให้มีโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นมาก และบุคลากรทางแพทย์ต้องทำงานหนักขึ้น มูลนิธิฯ จึงมีแผนขยายเวลาและปรับขยายพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤตให้มากที่สุด

ด้าน มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณน้ำใจของกลุ่มคนอาสาทุกคนทั้งจากทุกชุมชนในแต่ละพื้นที่ ที่แม้รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี แต่ก็เสียสละส่งต่อน้ำใจของมูลนิธิฯ นี้ไปยังคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทุกคนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เราเชื่อว่าน้ำใจแห่งความตั้งใจนี้จะเป็นพลังให้คุณหมอที่ทำหน้าที่อย่างหนักในทุก ๆ วัน ซึ่งภารกิจของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะยังต้องทำต่อไปตามเป้าหมายคือ 28,500 กล่อง ในสิ้นเดือนเมษายนนี้”

“จากการประเมินสถานการณ์และแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงขึ้น คณะกรรมการมูลนิธิฯ จึงกำลังวางแผนการขยายระยะเวลาทำครัวมาดามออกไปอีก เพื่อแบ่งเบาภาระของคุณหมอ อีกทั้ง ยังมีความเห็นว่าควรปรับและขยายพื้นที่ความช่วยเหลือออกไปอีก โดยขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมาช่วยกัน นอกจากการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยง อันจะเป็นการช่วยป้องกันบุคลากรทางแพทย์ และหากคนเราแข็งแรงและมีกำลัง ก็สามารถเอากำลังกายและใจนั้นออกมาแบ่งปันช่วยเหลือกันต่อไป” มาดามแป้ง กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ “มูลนิธิมาดามแป้ง” ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางแพทย์ ผ่านกิจกรรมครัวมาดาม ด้วยการส่งข้าวกล่องเติมพลังให้ด่านหน้าผู้เสียสละในทุกวัน ด้วยการร่วมบริจาคสมทบทุน กล่องละ 50 บาท เลขบัญชี 092-2-61340-0 ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

 

 

สมุทรปราการ - ชื่นมื่น ! รับนายกคนใหม่ ”อรัญญา สุวรรณบุตร” นั่งนายกเทศมนตรี ลั่น...งานแรกเร่งพัฒนาด้านการศึกษา

ที่อาคารเทศบาลตำบลแพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เดินทางเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาเป็นวันแรก พร้อมด้วยคณะสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา โดยในช่วงเช้าได้นำคณะสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา (สท.) เข้ากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเป็นวันแรก หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้มีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล ที่มีการเลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม

โดยในวันนี้เป็นการเข้ารับตำแหน่งวันแรกของนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา และสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา นับว่าเป็นนายกหญิงคนแรกที่ได้นั่งตำแหน่งนายกเทศมนตรี และเป็นนายกเทศมนตรีลำดับที่ 2 ต่อจาก ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาที่ได้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สมุทรปราการ ในนามพรรคพลังประชารัฐ กระทั่งชนะการเลือกตั้งได้เข้าไปนั่งในตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ นับว่าการทำงานที่ผ่านมาของ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส. สมุทรปราการ ในขณะที่เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นับว่ามีผลงานที่โดดเด่น กับวิสัยทัศน์ที่กว้างใกล พัฒนาท้องถิ่นในเขตแพรกษาให้มีความเจริญก้าวหน้า รวมถึงการพัฒนาในด้านการศึกษา จนเป็นที่ประจักษ์และได้รับการไว้วางใจของประชาชนโดยทั่ว

กระทั่งมีการวางตัวนางอรัญญา สุวรรณบุตร (ภรรยา)ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เพื่อขับเคลื่อนและสานต่องาน จนได้รับการไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนในเขตแพรกษา กับวิสัยทัศน์ที่โดดเด่นจนได้รับตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา กระทั่งล่าสุดได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้โอกาสเข้ามาทำหน้าที่นายกเทศมนตรี และพร้อมที่จะขับเคลื่อนแผนงาน และพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป อีกทั้งยังมุ่งเน้นในการพัฒนาด้านการศึกษา เป็นอันดับแรก รวมถึงการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่แพรกษาเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

อยุธยา - ผู้ว่าฯ ตรวจเยี่ยมการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก เร่งตรวจหาผู้สัมผัสในตลาดวังน้อยเมืองใหม่ พร้อมขอความร่วมมือชาวอยุธยา ให้สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ยืนยันจับปรับแล้ว 2 ราย ไม่สวมหน้ากากเข้าตลาดสดบางปะหัน

วันที่ 26 เมษายน ที่ตลาดวังน้อยเมืองใหม่ อ.สังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้แทน สปสช และผู้เกี่ยวข้อง เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทีมแพทย์จากโรงพยาบาลศุภมิตร เสนา และทีมสาธารณสุขที่ออกตรวจ ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (Active Case Finding) ตลาดวังน้อยเมืองใหม่ หลังจากที่พบแม่ค้าในตลาดดังกล่าว เป็นผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 จึงปิดตลาดพร้อมจัดจุดค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (Active Case Finding)ในครั้งนี้ เพื่อควบคุมและจำกัดการแพร่ระบาด โดยมีเป้าหมายผู้ค้าและลูกจ้าง จำนวน 600 ราย

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 25 เมษายน ว่าที่ร้อยตำรวจตรีหญิง สายสุนี ยมานันท์ นายอำเภอบางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ให้ข้อมูลว่า เมื่อเวลา 13.30 น.  ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขณะปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พบเห็นชาย 2 คน ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ที่บริเวณตลาดสดบางปะหัน ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้เข้าไปแสดงตัวจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะหัน เปรียบเทียบปรับ  ตามความผิด ข้อหา ไม่สวมหน้ากากอนามัย อันเป็นความผิดตามคำสั่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 1779/2563 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2563 ประกอบมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558  พนักงานสอบสวน สภ.บางปะหันได้ทำการเปรียบเทียบปรับไป คนละ 500 บาท

ทั้งนี้ นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีคำสั่งที่ 1496/2563 ลงวันที่ 5 พ.ค. 2563 สั่งให้ประชาชนทุกคนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งก่อนออกจากเคหสถาน หรือขณะอยู่นอกเคหะสถาน หรือต้องติดต่อกับบุคคลอื่นหรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ใดๆ ที่ต้องติดต่อกับบุคคลอื่น ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าด้วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2548


ภาพ/ข่าว  สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา / สุจินดา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top