Saturday, 21 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

ราชบุรี - ฮือฮา !! เจ้าของร้านถ่ายรูปโชว์ ‘มอนสเตอร่าด่างมิ้นต์’ ราคานับล้าน

เจ้าของร้านสตูดิโอถ่ายภาพชาวอำเภอปากท่อ โชว์ "มอนสเตอร่าด่างมิ้นต์" ฉายาราชินีแห่งไม้ใบ ต้นไม้ฟอกอากาศที่กำลังเป็นกระแสและมีคนนิยมหันมาให้ความสนใจซื้อไปปลูกกันเป็นจำนวนมาก หลังมีการซื้อขายสูงถึง 1.4 ล้าน ล่าสุดมีคนมาเสนอราคามากกว่าครึ่งล้าน

(7 มิ.ย. 2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลกำลังฮือฮา กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชนัญญา า. ร้านสวนปลูกรัก ภายในตลาดต้นไม้อินโดจีน การ์เด้น ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก ของ นางวรรณา นางบวช และ น.ส.ชนัญญา มีสุวรรณ หรือ น้องนุ่น อายุ 19 ปี สองแม่ลูก เจ้าของร้าน ที่ได้โพสต์ขายต้นไม้มอนสเตอร่า พันธุ์ด่างมิ้นต์ โดยระบุข้อความว่า "มาส่งน้องวันนี้ 1.4 M มารับเงินเต็ม ส่งถึงมือ ขอบคุณคุณพี่ค้าบบบ monstera deliciosa mint" พร้อมแนบสลิปโอนเงินจำนวน 1.32 ล้านบาท หลังจากโพสต์ขายเพียงวันเดียว แต่กลับมีคนสนใจติดต่อขอซื้อไปในราคา 1 ล้าน 4 แสนบาท และโอนเงินมัดจำเอาไว้ 8 หมื่นบาท ก่อนจะขับรถเดินทางไปส่งให้ถึงมือลูกค้าที่ กทม. พร้อมรับเงินโอนเข้าบัญชีธนาคารอีกจำนวนที่เหลือทั้งหมด จนกลายเป็นที่ฮือฮา

ล่าสุดพบการเลี้ยง "มอนสเตอร่าด่างมิ้นต์” อีกที่ 1 กำลังเป็นที่สนใจในสื่อต่าง ๆ หลังมีการออกมานำเสนอ เจ้าของร้านถ่ายภาพ และผู้สื่อข่าวท้องถิ่นหัวเขียว ที่อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ที่นำ "มอนสเตอร่าด่างมิ้นต์” ที่เลี้ยงไว้ดูเล่นภายในสวนเกษตรของตนเอง แต่กลายเป็นกระแสจึงนำมาเลี้ยงดูภายในบ้าน เนื่องจากหวั่นถูกขโมย เพราะต้นไม้กำลังได้รับความนิยมและมีราคาแพง

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางได้ที่ร้านถ่ายรูปดังกล่าว ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมสายเก่า สมุทรสงคราม – ปากท่อ ตรงข้ามหน้าที่ว่าการอำเภอปากท่อ เลขที่ 191 หมู่ 8 ต.ปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี จังหวัดราชบุรี พบกับนายสมศักดิ์ สุกเกลี้ยง อายุ 69 ปี เจ้าของสตูดิโอถ่ายภาพเมืองทอง และยังเป็นผู้สื่อข่าวฉบับหัวเขียว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้ทดลองเลี้ยงต้น "มอนสเตอร่าด่างมิ้นต์” โดยดูแลมาเพียง 6 เดือน แรกเริ่มเดิมทีตนเป็นคนทำสวน ทำไร่ ชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว ประกอบกับอายุที่มากขึ้น และลูกโตแล้วพอที่จะดูแลกิจการและทำข่าวแทนได้ จึงได้หันมาเป็นชาวสวนชาวไร่ เพื่อเป็นการพักผ่อน จนกระทั่งเห็นกระแสนิยมของต้น "มอนสเตอร่าด่างมิ้นต์ ราชินีแห่งไม้ใบ มีการซื้อขายกันนับล้านบาท และมีคนนิยมเลี้ยงกันเยอะมาก อีกทั้งยังมีคุณสมบัติพิเศษสามารถฟอกอากาศได้ด้วย ตนจึงมีความสนใจอยากจะลองปลูกและเลี้ยงดู ไม่ได้หวังจะเลี้ยงเพื่อเป็นการค้าอะไร เห็นว่าใบมีความสวยงาม และก่อนหน้านี้เลี้ยงอยู่ในกระถางวางไว้ที่สวน ดูแลรดน้ำตามปกติ พอมีกระแสข่าว กลัวว่าจะมีผู้ไม่หวังดีมายืมแบบไม่บอกกล่าวเอาไป (ขโมย) จึงได้นำกลับมาเลี้ยงที่ร้าน ตั้งอยู่ตรงโต๊ะทำงานในร้านคนผ่านไปผ่านมาก็จะเห็นอย่างเด่นชัด

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การเลี้ยงต้นไม้ชนิดนี้จะมีความสนุกอย่างหนึ่ง คือเราจะได้ลุ้นทุกครั้งที่ใบของมันจะคลายออกจากม้วนว่าจะมีลวดลายด่างสวยงามขนาดไหน ถึงขนาดมีบางคนเคยพูดไว้ว่า ปลูกต้นไม้ชนิดนี้ต้องมีดวงและวาสนาด้วยถึงจะได้เห็นใบด่างของมัน ตนได้ซื้อต้นนี้มาเมื่อ 6 เดือนก่อน มีแต่หน่อและใบม้วนขนาดเล็กเท่านั้น แต่เมื่อตนเลี้ยงดูแลเขามาเรื่อยๆ จนใบเริ่มคลายม้วนและมีลายด่างให้เห็น จนออกมา 5 ใบ ตนก็เฉยๆไม่ได้คาดหวังหรือคิดอะไรดูแลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งออกใบที่ 6 และเริ่มคลายม้วนออกมามีลายด่างมิ้นสวยงามเต็มใบ มีลำต้นและใบสีสันเขียวสดใส ลวดลายของใบเป็นด่างมิ้นสลับขาว มีใบทั้งหมด 6 ใบ ใบใหญ่สุดยาวขนาดประมาณ 60 ซม. กว้าง 40 ซม.

หลังจากมีคนทราบข่าวจากสื่อต่าง ๆ ว่าตนปลูก "มอนสเตอร่าด่างมิ้นต์” แวะเวียนเข้ามาขอชม เพราะให้เหตุผลว่า สวยสะดุดตามาก ล่าสุดมีคนเสนอราคาให้กับตนจำนวน 5 แสนบาท และอีกรายล่าสุดมาเสนอให้เกือบ 1 ล้านบาท ซึ่งตนเองก็ขอดูไว้ก่อน เพราะแต่ตอนนี้ "มอนสเตอร่าด่างมิ้นต์”กำลังออกด่างอย่างสวยงาม หากเจริญเต็มที่ก็จะกางใบหงายขึ้นสวยงามอีก ซึ่งราคาต้องไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านแน่นอน จึงขอตัดสินใจอยู่ว่า จะขายหรือเก็บไว้เพื่อดูแลต่อไปดี เพราะใจหนึ่งตนก็อยากขายแต่อีกใจก็เสียดาย เพราะถือว่าหายากมาก

สำหรับใครสนใจที่จะศึกษา หรือ มาชมความงามก็สามารถเดินทางมาได้ที่ร้านถ่ายรูปพิมพ์ทอง ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมสายเก่า สมุทรสงคราม – ปากท่อ ตรงข้ามหน้าที่ว่าการอำเภอปากท่อ เลขที่ 191 หมู่ 8 ต.ปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี จังหวัดราชบุรี โทร 081-4257166


ภาพ/ข่าว  ตาเป้ จ.ราชบุรี

กรุงเทพฯ - นิพนธ์ ลงพื้นที่คลองเตย ร่วมผู้บริหารเนชั่น นำถุงยังชีพมูลนิธิม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และมูลนิธิเนชั่น พร้อมส่งกำลังใจให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิดฯ"

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2564 ที่โรงเรียนสามัคคีสงเคราะห์ นายนิพนธ์  บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมการมูลนิธิหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ร่วมกับคุณฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหารบริษัทเนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตคลองเตย - วัฒนา พรรคพลังประชารัฐ  ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ ซึ่งประกอบไปด้วย ข้าวสารขนาดบรรจุ 5 กก. อาหารแห้ง น้ำดื่ม หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ เครื่องอุปโภค สิ่งของจำเป็นจากมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ให้กับชาวชุมชนโรงหมู เขตคลองเตย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อหวังส่งกำลังใจให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ชุมชนคลองเตย ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดฯ อย่างมาก โดยได้นำสิ่งของเพื่อการบริโภคอุปโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมามอบให้ ซึ่งมูลนิธิเสนีย์ฯ และ มูลนิธิเนชั่น ได้ร่วมกันนำมามอบให้แก่พี่น้องประชาชนถึงพื้นที่อยู่อาศัยอีกด้วย ทั้งนี้สถานการณ์ต่างๆยังคงต้องเฝ้าระวังอยู่อย่างต่อเนื่อง พี่น้องประชาชนต้องให้ความร่วมมือการ์ดต้องไม่ตก โดยรัฐบาลยังคงทำงานอย่างจริงจังเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ให้คลี่คลายและให้เกิดผลกระทบที่สร้างความลำบากต่อพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุดเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว"

ราชบุรี- ชาวมอญนครชุมน์ ปั้นตุ๊กตาเสียกระบาลลอยน้ำ ปัดรังควานโรคโควิด-19

ชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญ ต.นครชุมน์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จัดพิธีเทาะฮะป่านโหน่ก ทิ้งกระบาลใหญ่ โดยปั้นตุ๊กตาเสียกระบานขับไล่โรคห่า (โควิด) และโรคภัยต่าง ๆ นำไปลอยน้ำและทางสามแพร่ง ตามประเพณีความเชื่อหลงเหลืออยู่

ที่ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมอาหารมอญ  ต.นครชุมน์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ชาวบ้านผู้สูงอายุ เป็นชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่ได้มาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำแม่กลองมาแต่สมัยโบราณของบรรพบุรุษ  ซึ่งนำพิธีกรรมและความเชื่อต่าง ๆ มาใช้ในช่วงที่สำคัญของการเกิดสถานการณ์ที่ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจที่ดีให้แก่ชาวบ้านในชุมชนตามประเพณี ทุก ๆ ปีจะมีชาวบ้านมาช่วยกันจัดกิจกรรมในช่วงเดือน 7 ร่วมกันนั่งปั้นหุ่นตุ๊กตาเสียกระบานเป็นรูป ตุ๊กตา คน วัว ควาย สัตว์เลี้ยง   เพื่อนำไปประกอบพิธีกรรม ใส่กระธงทิ้งบริเวณทางสามแพร่ง และสร้างแพลอยน้ำ ตามความเชื่อ เพื่อให้โรคภัยต่าง ๆ โรคเฉพาะโรคโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดรุ่นแรงอยู่ในขณะนี้  หมดหายไปจากแผ่นดิน ถือเป็นประเพณีที่ชาวมอญนครชุมน์ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

นายคมสรร จับจุ ประธานกลุ่มอนุรักษ์มอญนครชุมน์ และรองประธานสภาวัฒนธรรม ต.นครชุมน์   กล่าวว่า เป็นวิถีทางตามความเชื่อ  1 ปี จัดเพียงครั้งเดียว  ช่วงเดือน 7 ชาวมอญเมืองนครชุมน์  ยังมีความเชื่อแบบดั้งเดิมอยู่ เพราะเชื่อมาแต่ครั้ง ปู่ ย่าตา ยาย แล้วว่า พอถึงเดือน 7 จะต้องมีพิธีกรรมนี้คือ การหนีภัยจากโรคร้าย ทางชาวมอญ จะเรียกว่าทิ้งกระบาลใหญ่ หรือเรียกว่า “ เทาะฮะป่านโหน่ก ”  เทาะฮะป่านก็คือการทิ้งกระบาล ส่วนโหน่ก หมายถึง เป็นพิเศษ ด้วยความกลัวภัยจากโรคร้ายต่าง ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้น จึงมีการปั้นหุ่นตุ๊กตาเสียกระบาลจากแป้งข้าวเจ้า เป็นรูปตัวคน สัตว์เลี้ยง ช้าง ม้า วัว ควาย เพราะเชื่อกันว่า บ้านมีทั้งสัตว์เลี้ยง คน ลูกหลาน  บ้านหลังหนึ่งมีคนกี่คนก็จะปั้นตุ๊กตาตามจำนวน มีสัตว์เลี้ยงกี่ตัวก็จะปั้นเท่านั้น จากการร่วมใจในชุมชนช่วยกันปีละครั้งสร้างแพขึ้นมา 2  ลำ โดยลำหนึ่งจะต้องไปทิ้งตรงทางสามแพร่ง ที่ไปทางทุ่ง ส่วนอีกลำต้องไปลอยทางน้ำ

พิธีจัดขึ้นที่ทางสามแพร่งกลางหมู่บ้าน โดยใช้ผู้ทำพิธีกรรมเป็นคนปัดเป่าภยันตรายต่าง ๆ ทั้งหมดบอกว่า “ พวกเราจะหนีขึ้นแพไปแล้วนะเจ้าโรคร้าย ตามไปกินหุ่นพวกนี้ ตามไปกินคนในแพ  เพราะว่าแพนี้จะไปมหาสมุทร ” เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ ในขณะที่ทุกคนเดือดร้อน เกิดความทุกข์จากความเศร้าจากโรคต่าง ๆ เพราะว่าสมัยก่อนจะมีโรคห่า หรือ อหิวาตกโรค ทำร้ายผู้คนตายในสมัยอดีตที่ผ่านมา เช่น สมัยเมืองหริภุญชัย จ.ลำพูน ชาวมอญที่ลำพูนแทบจะร้างเพราะหนีโรคห่าไปเมืองหงสาวดีกันหมด นอกจากนี้ยังมีสมัยพุทธกาลได้เกิดโรคห่าระบาดเหมือนกัน ต้องมีการปัดเป่าปัดรังควานด้วยพุทธมนต์เป็นบทสวดเฉพาะของเรื่องการกำจัดโรคภัยนี้ ในชุมชนที่นี่ก็เหมือนกัน ปีนี้ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ไม่ได้มีการรวมคนกันมากนัก เอาที่สะดวกพอทำได้เสร็จพิธีกรรม มีการเว้นระยะห่างพอสมควร เพื่อให้ขนบธรรมเนียมประเพณีนี้ยังคงอยู่ต่อไปให้ลูกหลานรู้ว่า นี่คือวิธีการเรียกขวัญให้กับคนชุมชน ให้กับลูกหลาน ในขณะที่กำลังมีภัยจากโรคระบาด หรือภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กลับคืนมา

นายคมสรร จับจุ ประธานกลุ่มอนุรักษ์มอญนครชุมน์ และรองประธานสภาวัฒนธรรม ต.นครชุมน์ กล่าวอีกว่า  สำหรับปีนี้สถานการณ์ยิ่งชัดเจน ชาวบ้านได้นำเงินมาร่วม เพราะทุกคนกลัว ได้เงินแต่ละบ้านช่วยกันบ้านละ 10 - 20 บาท ได้เงินกว่า 2,000 บาท ช่วยค่าแป้ง ค่าขนมจีน  ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ช่วยเครื่องคาวต่าง ๆ เพื่อนำมาประกอบพิธี ให้งานสำเร็จลุล่วงไป  และยังมีการทำอาหารไปเลี้ยงพระด้วย เป็นงานบุญที่ชาวบ้านร่วมด้วยช่วยกัน  เรื่องนี้ถือเป็นวิถีดั้งเดิมของชาวมอญ และเป็นความเชื่อ เช่น หากเกิดทุกข์ภัยเล็ก ๆ  ก็จะบอกว่าผีมาเข้า ผีมาสิง  ก็จะทิ้งกระบาลเล็ก คือการเรียกขวัญให้ขวัญนั้นกลับมาไม่ให้ตกใจ  ยิ่งในตอนเด็กจะเล่นตุ๊กตาแบบนี้ไม่ได้ เขาบอกว่าจะมีสื่อทางวิญญาณ หรือสื่อที่มองไม่เห็นอยู่ในรูปปั้นที่เหมือนคน หรือเหมือนสัตว์ต่าง ๆ เด็กมอญจะไม่มีโอกาสได้ปั้นเล่นแบบนี้  แต่หากเกี่ยวกับความเชื่อจริง ๆ เพื่อหนีโรคร้าย โรคภัยจากโรคระบาด สามารถมาปั้นได้ โดยตั้งแต่เกิดโรคโควิด-19 มานั้น ในชุมชนนครชุมน์ยังไม่มีใครติดโรคโควิด -19  ในหมู่บ้านเลย จากการได้พบเจอ น้อยนักที่จัดทำพิธีกรรมแบบนี้ อาจจะเหลือไม่กี่ที่แล้วในประเทศไทย เพราะชุมชนมอญนครชุมน์ มีรากเหง้ากันมาในสมัยหงสาวดี มีต้นตระกูลหรือบรรพบุรุษได้นำเอาสรรพวิชาความรู้ และภูมิปัญญากลับมาทางนี้หมดแล้ว โดยการย้ายถิ่นขนานแท้ ได้ทั้งเรื่องของความเชื่อ รวมทั้งพิธีกรรมต่าง ๆ ได้ทั้งการนับถือผี ยังมีการนับถือพุทธ ที่ยังชัดเจนอยู่ และยังยึดมั่นอยู่อย่างมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้

สำหรับการจัดพิธีกรรมปั้นหุ่นตุ๊กตาเสียกระบาล คน สัตว์เลี้ยง ขับไล่โรคภัย ของชาวบ้านนครชุมน์แห่งนี้ สื่อให้เห็นความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจ การแสดงออกถึงวัฒนธรรมประเพณีที่ยังคงมีการสืบทอดต่อจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งการทำอาหาร การละเล่นของชาวมอญ และการจัดพิธีกรรมตามความเชื่อ โดยความมุ่งหวังเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจของชาวบ้านให้กลับคืนมา และหวังให้โรคร้ายหมดไปจากแผ่นดินโดยเร็ว


ภาพ/ข่าว  ตาเป้ จ.ราชบุรี

ผบ.ฉก.นราธิวาส รุดลงเรือลาดตระเวนทางน้ำ สั่งคุมเข้มตามแนวชายแดน เพิ่มมาตรการควบคุมพื้นที่ เน้นย้ำ ชป.จรยุทธ์ ต้องตื่นตัวอยู่เสมอ ป้องกันผู้หลบหนีเข้าเมือง ในห้วงมาเลเซียสั่งล็อกดาวน์ประเทศ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศมาเลเซีย ที่ยังคงมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 43 ของโลก และอันดับที่ 3 ของอาเซียน ผู้ติดเชื้อสะสม จำนวน 565,533 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2,729 ราย ส่วนรัฐที่ติดกับชายแดนไทย ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส คือ รัฐกลันตัน มีผู้ติดเชื้อ จำนวน 27,093 ราย โดยมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดฯ ทั้งการล็อกดาวน์ประเทศ (ระลอกแรก) ซึ่งที่ผ่านมาหลังนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ออกประกาศ Total Lockdown ตั้งแต่ 1 – 14 มิถุนายน 2564 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดหนักของโควิด-19 หลังผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 9,700 คนต่อวัน

วันนี้  6 มิถุนายน 2564 พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส  พร้อมด้วยพันโท กฤตณ์พัทธ์ กรกัน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 และ รองผู้บังคับชุดควบคุมป้องกันชายแดน รุดลงเรือลาดตระเวนทางน้ำ ตลอดแนวลำน้ำสุไหงโกลก โดยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในประเทศมาเลเซีย ที่ยังคงมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากกรณี มีผู้ลักลอบหลบหนีเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย นำโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกามาแพร่ระบาดในพื้นที่ตำบลเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสของประเทศไทย  จึงคาดว่าจะมีแรงงานต่างด้าวและคนไทยบางส่วน มีความพยายามจะหลบหนีข้ามแดนเข้ามาฝั่งประเทศไทยได้อีก หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส  จึงได้จัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธี ณ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 หมู่8 ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เพื่ออำนวย การปฎิบัติงานในการควบคุมในพื้นที่รับผิดชอบ และเขตพื้นที่รอยต่อ พร้อมจัดชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ ลาดตระเวนทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ใช้กำลัง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ อาสาสมัครประจำพื้นที่  รวมถึงใช้เครื่องมือพิเศษในการสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 สกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบข้ามแดนมาได้โดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้ตรวจเยี่ยมการปฎิบัติงานของชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ ชุดป้องกันชายแดน  พร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติงานและสั่งการ เพิ่มมาตรการสกัดกั้นเข้มงวดควบคุมพื้นที่ชั้นนอก ชั้นใน เสริมเครื่องมือและยุทโธปกรณ์พิเศษ รับมือสถานการณ์ หลังประเทศมาเลเซียออกประกาศ ล็อกดาวน์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนครบ 14 วัน ย้ำต้องตื่นตัวอยู่เสมอ พร้อมทั้งได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ ตลอดจนสั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ เพิ่มมาตรการคุมเข้มตลอดแนวชายแดน สกัดกั้นพื้นที่รับผิดชอบ อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน

โดยให้หน่วยได้บูรณาการ การปฏิบัติงานร่วมกันกับทุกภาคส่วนในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด การเสริมกำลังตามแนวชายแดน โดยเฉพาะช่องทางที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน การจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด และการจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งจัดชุดลงพื้นที่ ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่น พบปะประชาชนในพื้นที่ ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ สร้างความตระหนักรู้ให้กับชุมชน โดยให้ทุกคนทำเพื่อส่วนรวม  พร้อมทั้งขอความร่วมมือ จากเจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านให้ความร่วมมือ ช่วยเป็นหูเป็นตา มีการตั้งจุดตรวจ จุดคัดกรอง คอยแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่กำลังระบาดอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านกลับเข้ามาในประเทศไทยได้อีก


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบทุนการศึกษา ให้แก่ทายาทข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิต และบาดเจ็บทุพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ ครั้งที่ 1 

วันศุกร์ที่ 4 มิ.ย. 64 ณ ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 

ประธานในพิธี พร้อมด้วยคุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษา ให้แก่ทายาทข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิต และบาดเจ็บทุพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ ครั้งที่ 1 

โดยสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประจำปี พ.ศ. 2564 ตามนโยบายของท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ที่อยากให้ทางสมาคมแม่บ้านตำรวจ ช่วยเหลือ และดูแลครอบครัวทายาทของข้าราชการตำรวจผู้เสียสละ สมาคมแม่บ้านตำรวจ จึงได้จัดทำโครงการมอบทุนการศึกษาให้แก่ทายาทของข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตและบาดเจ็บทุพพลภาพ จากการปฎิบัติหน้าที่ เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและช่วยแบ่งเบาภาระทางการศึกษาของทายาทครอบครัวข้าราชการตำรวจผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งการมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ได้จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีจำนวนทุนทั้งสิ้น 50 ทุน  ทุนละ 50,000 บาท รวม 2,500,000 บาท  มีผู้แทนเข้ารับทุนจำนวน 10 ครอบครัวในวันนี้ ได้แก่

ครอบครัวและทายาทของ
พล.ต.ต.อิสระพงศ์ กุลจินดา
พล.ต.ต.วิรัตน์ชัย น้อมระวี
พ.ต.ท.ชัชวาล แท่งทอง
ร.ต.อ.จิระศักดิ์ อดทน
ร.ต.อ.เชาว์ พิมพะกุล
ร.ต.อ.สุชิน แดนไธสง
ร.ต.อ.ภาสวี ศรีชัย
ร.ต.ต.ชัยรัตน์ ผิวงาม
ด.ต.ภาสวี ศรีชัย
จ.ส.ต.อาสาฬ เกตุจำปา

โดยมี พล.ต.อ. ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. คุณสุมนา กิตติประภัสร์ อุปนายกสมาคมฯ และ พ.อ.หญิง อรัญญา ทรัพย์พ่วง ให้เกียรติร่วมในพิธี

สมุทรปราการ - ปิดชั่วคราว ! ตลาดสดหนามแดง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด เจ้าหน้าที่เร่งทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

ที่บริเวณตลาดสดหนามแดง หรือ ตลาดเทพประธาน (หนามแดง) อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้ทำการปิดตลาดชั่วคราว หลังพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในตลาดสดแห่งนี้  โดยมีการติดป้ายพร้อมด้วยแผงเหล็กกั้นมาปิดกั้นบริเวณทางเข้า-ออก เพื่อปิดทำความสะอาด และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการและประชาชน ที่เดินทางมาใช้บริการยังตลาดเทพประธานแห่งนี้

โดยนาย วชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์  หลังจากได้ทราบว่าตลาดเทพประธาน (หนามแดง) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงมีความห่วงใยผู้ประกอบการและประชาชนในเขตพื้นที่รวมถึงประชาชนทั่วไป  ที่เดินทางมาจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้าภายในตลาดแห่งนี้  จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการล้างทำความสะอาดภายในตลาดเทพประธาน  และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่มาใช้บริการยังตลาดสดแห่งนี้

ด้านนาย ชาตรี อยู่วัฒนะ ในฐานะผู้บริหารตลาดเทพประธาน (หนามแดง) หรือตลาดสดหนามแดง กล่าวว่า หลังพบว่าตลาดเทพประธานมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงได้ทำการสั่งปิดตลาดชั่วคราวเพื่อล้างทำความสะอาด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเทพารักษ์  ภายใต้การอำนวยการของนาย  วชิรเชษฐ์  รุ่งธวัฒน์วงศ์  นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์  รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายโดยมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนจึงได้ร่วมลงพื้นที่ล้างทำความสะอาดและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในตลาดเทพประธาน โดยมีนาย ธนะสิทธิ์ วงษ์แก้วบุญเรือน รองประธานสภาเทศบาลตำบลเทพารักษ์ พร้อมด้วย  สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเทพารักษ์ นายกิตติพงษ์  อยู่วัฒนะ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 และคณะเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข  ร่วมลงพื้นที่ล้างทำความสะอาด รวมทั้งฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในบริเวณตลาดและพื้นที่โดยรอบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้พักอาศัย และประชาชนทั่วไปที่เดินทางมาใช้บริการรวมถึงผู้ประกอบการ

อีกทั้งยังมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าภายในตลาดเทพประธานแห่งนี้ หลังจากที่ทำการปิดตลาดเพื่อล้างทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น คาดว่าตลาดเทพประธาน หรือ ตลาดสดหนามแดง  จะกับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้งภายในวันที่ 12 มิถุนายน 2564


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สงขลา - ม.อ. พร้อม !! เตรียมพื้นที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ดีเดย์ 7 มิ.ย. นี้ รองรับ 1,000-2,000 คนต่อวัน

ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พร้อมด้วย นายแพทย์บุญประสิทธิ์ กฤตย์ประชา รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและพัฒนาคุณภาพ รองศาสตราจารย์ นพ.เรืองศักดิ์ ลีธนาภรณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ นพ.กิตติพงศ์ เรียบร้อย รองคณบดีฝ่ายโรงพยาบาลและผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พญ.ธารทิพย์ แสงสุวรรณ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายส่งเสริมสุขภาพบุคลากร ตลอดจนทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมถวายสักการะ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ พร้อมเยี่ยมชมและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ในการทดลองระบบการให้บริการฉีดวัคซีนกับประชาชนกลุ่มสูงอายุ และ 7 กลุ่มเสี่ยงฯ ณ ศูนย์กีฬาและสุขภาพ (โรงยิม) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ในสภาวการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การฉีดวัคซีนถือเป็นการป้องกันการติดเชื้อ ควบคู่กับมาตรการการป้องกันอย่างเข้มงวด ซึ่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ดำเนินการในการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อมาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปีนี้ที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก ได้มีการเปิดโรงพยาบาลสนามรวม 4 วิทยาเขต ขอบคุณทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทุกคนที่ร่วมกันทำงาน ถือเป็นความเสียสละและความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสังคม ตามปณิธานของมหาวิทยาลัย “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง" ขอให้ทุกคนปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อดูแลประชาชน ตลอดจนบุคลากร และนักศึกษาที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน มหาวิทยาลัยมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อสนับสนุนภารกิจการฉีดวัคซีนให้ลุล่วงไปด้วยดี

โดยในวันนี้ (4 มิ.ย. 64) เป็นการให้บริการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และเพื่อเตรียมความพร้อมของบุคลากรที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป สำหรับกลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 7 โรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตเรื้อรัง, โรคระบบประสาท, โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเลือกโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และได้วัน-เวลา รับวัคซีนในระบบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเริ่มทำการฉีดวัคซีนวันแรกในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 โดยผู้มารับวัคซีนควรมา ณ สถานที่ฉีดก่อนเวลา 30 นาที ตามวันและเวลาที่นัดไว้ นำบัตรประชาชนพร้อมใบยินยอมฯ ที่กรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว หากยังไม่มี สามารถดาวน์โหลดใบยินยอมได้ที่ http://medinfo2.psu.ac.th/pr/consent_vaccine.pdf หรือ QR Code และผู้รับวัคซีนควรแต่งกายด้วยชุดที่สะดวกต่อการฉีดวัคซีน (สามารถเปิดแขนได้สะดวก)

สำหรับขั้นตอนการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะมีขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมเอกสาร (ใบยินยอมฯ / ประวัติ),ลงทะเบียน (โดยใช้บัตรประชาชน), วัดไข้ / ความดัน / ชีพจร, ซักประวัติ / บันทึกข้อมูล, รอฉีดวัคซีน, ฉีดวัคซีน, พักสังเกตอาการ 30 นาที, รับบัตรนัดเข็มที่ 2 / เอกสาร

โดยผู้รับวัคซีนที่มีวันและเวลานัดกับทางโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ให้เดินทางไปรับวัคซีนได้ที่ ศูนย์กีฬาและสุขภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีการจัดสถานที่สำหรับจอดรถไว้รองรับผู้ฉีดวัคซีนไว้ ณ ลานจอดรถโรงยิมและริมถนนโดยรอบ หรือประชาชนทั่วไปที่เดินทางมาด้วยรถสาธารณะ มีรถรับ – ส่ง บริเวณศาลารอรถตรงข้ามร้านกาแฟ บินหลาบลู (ด้านข้างโรงพยาบาลสงขลานครินทร์) ซึ่งรถจะวนมารับทุก ๆ 30 นาที นอกจากนี้ ผู้ป่วยรถเข็น พระภิกษุสงฆ์ และผู้พิการ สามารถวนรถเพื่อส่งผู้รับวัคซีนได้ ณ ทางเข้าตรงข้ามโรงช้าง และจอดรถบริเวณลานจอดรถตรงข้ามโรงช้าง ทั้งนี้ ผู้รับวัคซีนควรเตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ และปฏิบัติตามคำแนะนำก่อน – หลัง การรับวัคซีน

หากผู้รับวัคซีนมีอาการที่สงสัยว่าเป็นอาการแพ้วัคซีน เช่น ผื่น ลมพิษ ปากบวม ตาบวม หน้ามือ เยื่อบุจมูกอักเสบ อาเจียน ปวดท้อง แน่นหน้าอก หรือไม่แน่ใจว่าเป็นอาการข้างเคียงหรือแพ้ สามารถโทรสอบถามได้ที่

- ศูนย์เภสัชสนเทศ โทร.074-451314 เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.

- ห้องยาผู้ป่วยนอก โทร.074-451303 เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.

- ห้องยาฉุกเฉิน โทร.074-451309 ตลอด 24 ชั่วโมง

สตูล - ร.5 พัน.2 จัดกิจกรรมจิตอาสา “มีแล้วแบ่งปัน” ตามนโยบายของ ทบ.

พ.อ.ศุภชัย สงสังข์ ผบ.ร.5 พัน.2 และ คุณณัฐวิภา สงสังข์ ประธานสมาคมแม่บ้าน ทบ. สาขา ร.5 พัน.2 พร้อมด้วยกำลังพลและสมาชิกแม่บ้านจิตอาสาพระราชทานของหน่วย ร่วมกับ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ บ้านวังพะเนียด จัดกิจกรรมจิตอาสา “มีแล้วแบ่งปัน” ตามนโยบายของ ทบ. เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

โดยดำเนินการจัดตั้งรถครัวสนามประกอบอาหารปรุงสุก แจกให้ประชาชนพร้อมทั้งน้ำดื่ม หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้แก่ผู้ที่เดินทางมารอรับ พร้อมนำอาหารปรุกสุก อุปกรณ์ป้องกันโรคโควิด ถุงยังชีพ และยาเวชภัณฑ์ ไปมอบให้แก่ผู้ป่วยติดเตียงและผู้ด้อยโอกาส ตามโครงการ Army Delivery เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัส Covid-19  เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ณ ม.5 บ้านวังพะเนียด ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี  ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

นนทบุรี - ช่วงโควิด-19 หลายธุรกิจหยุดชะงัก แวะมาดูอินทผลัมออแกนิกของเกษตรกรชาวนนทบุรี สร้างศูนย์เรียนรู้ ท่องเที่ยวเชิงเกษตรใกล้กรุงฯที่จังหวัดนนทบุรี

สวนอินทผลัม ปามี 98 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี สวนของ คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตร ใช้ที่ดินกว่า 100 ไร่ ปลูกอินทผลัม ทุเรียน และสมุนไพรอื่นๆเพื่อให้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ทางเกษตร ชนิดที่ว่าเข้าแล้วจะอิ่มเอมกับความบริสุทธิ์ของวิถีชาวสวนและสนุกกับการเดินข้ามท้องร่องในสวนบนบรรยากาศที่เป็นระเบียบน่ามองน่าชมเกษตรกรนนทบุรี ปลูกอินทผลัมกินผลสด ผลผลิตมากคุณภาพ ขายได้ราคาดี ผลใกล้สุกแล้วปลายเดือนมิถุนายนนี้ 

สำหรับสวนอินทผลัมออออแกนิก นายสุเทพ กังเกียรติกุล หรือ“ ปามี 98 “ แห่งนี้ได้ความสนใจจากประชาชนมาท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างมากมาย เนื่องจากเป็นพืชนี้มีราคาดี รสชาติหวาน กรอบ อร่อย และยังเป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากและให้พลังงานสูง

อินทผลัม เป็นพืชตระกูลปาล์ม มีหลากหลายสายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง โดยสามารถเจริญเติบโตได้ดีในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนและแห้งแบบทะเลทราย ลำต้นมีความสูงได้ถึงประมาณ 30 เมตร โดยใบติดอยู่บนต้น 40-60 ก้าน ทางใบยาว 3-4 เมตร มีลักษณะเป็นแบบขนนก ใบย่อยพุ่งออกหลายทิศทาง ช่อดอกของอินทผลัมจะออกจากโคนใบ เมื่อติดผลลักษณะของผลเป็นรูปทรงรี ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร มีรสหวานฉ่ำ รับประทานได้ทั้งผลสดและสุก ซึ่งผลจะมีสีเหลืองถึงสีส้มและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลเข้มเมื่อแก่จัด โดยผลสุกจะนิยมนำไปตากแห้ง

คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตรกล่าวว่า “เห็นถึงลักษณะพิเศษของอินทผลัม จึงได้นำมาทดลองปลูกภายในสวน จนประสบผลสำเร็จ ทำให้ในเวลานี้ที่ สวนอินทผลัมออออแกนิก นายสุเทพ กังเกียรติกุล หรือ“ ปามี 98 “มีผลผลิตอินทผลัมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด พร้อมทั้งแต่ละปีมีผลผลิตคุณภาพออกสู่ตลาดเป็นที่ถูกใจของลูกค้าไม่น้อยทีเดียว

สำหรับผู้ที่สนใจ อยากจะปลูก ก็สามารถเข้ามาเรียนรู้ที่สวนเราได้ หรืออยากจะลองชิม หรือศูนย์เรียนรู้ได้ที่ ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตร  เลขที่ 98 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี  สวนของ คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ได้ทุกเวลา

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการชุมชนยั่งยืนแก้ปัญหายาเสพติด และชื่นชมตำรวจได้รับความร่วมด้านปราบปรามยาเสพติดทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 64 พล.ต.อ.มนู เมฆหมอ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังการตรวจเยี่ยมโครงการการดำเนินการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่บริเวณศาลาประชาคมบ้านตาดใหญ่  ต. ห้วย อ. ปทุมราชวงศา จ. อำนาจเจริญ ว่าจัดทำโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่กำลังเป็นภัยต่อประเทศชาติจากที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รับความร่วมมือจากฝ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ทหาร เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโครงการการดำเนินการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจร ยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีสถานีตำรวจภูธรทั่วประเทศ จำนวน 6,483 สถานี สถานีละ 1 แห่ง ผลการปฏิบัติงานภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งทาง ผวจ. อำนาจเจริญเสนอให้ในพื้นที่ จ. อำนาจเจริญควรเพิ่มสถานีละ 8- 10 แห่ง

พล.ต. อ. มนู ยังได้จัดแถลงผลการจับกุมยาเสพติดของตำรวจ ชุดปฏิบัติการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดร่วมกับสืบ สภ.ชานุมาน  เมื่อคืนที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดจับกุมยาบ้าที่ลักลอบมาจากแนวชายแดนไทย-ลาวด้านฝั่งแม่น้ำโขง อ.ชานุมาน ตำรวจยึดยาบ้าได้ทั้งสิ้น 50,000 เม็ด รถยนต์กระบะ 2 คัน ผู้ต้องหา 4 คนเป็นราษฎรจากจังหวัดสารคามและ จ.บุรีรัมย์ ขณะจำนำยาบ้าออกจากพื้นที่ จ. อำนาจเจริญ

ผลการดำเนินการการจับกุมคดียาเสพติดของตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ตั้งแต่ตุลาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน ผลการจับกุมคดียาเสพติดทั้งหมด จับกุม 2,267 ผู้ต้องหา 2,307 คน ของกลางยาบ้า 860,000 เม็ด มูลค่า ประมาณ 5,464,500 บาท การปฏิบัติหน้าที่เป็นที่น่าพอใจ พล.ต.อ.มนู กล่าว


ภาพ/ข่าว  นายคู่  บุญมาศ   


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top