Friday, 20 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

ชลบุรี - ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ เปิดปฏิบัติการปูพรมทำความสะอาดหาดดงตาล ครั้งที่ 2/2564

สืบเนื่องจากช่วงวันที่ 23-26 พฤษภาคม 2564 ซึ่งเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง กับมีฝนตกหนักลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ คลื่นลมทะเลได้หอบพัดเอาขยะมูลฝอยที่อยู่ในทะเลขึ้นมาบริเวณชายหาดดงตาล ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เป็นจำนวนมาก

ในวันนี้ 30 พ.ค.64  เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ยังคงเห็นถึงความสำคัญในการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางทะเล และสถานที่สาธารณประโยชน์ จึงได้มอบหมายให้ นาวาเอก วีระชัย  บุญมาก ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกำลังพลจิตอาสาทัพเรือกองทัพเรือ จำนวน 61 นาย ได้แก่ กำลังพลจากกองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับกำลังพลจากหมวดเรือเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่ 1 และเรือในหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน เปิดปฏิบัติการ ปูพรมทำความสะอาดชายหาดดงตาล ตั้งแต่ทางเข้าออกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งบริเวณสะพานคลองถูป จนถึงอุทยานเรือประวัติศาสตร์เรือของพ่อ ต.91

สำหรับปฏิบัติการปูพรมทำความสะอาดหาดดงตาลในครั้งนี้ สามารถกำจัดขยะมูลฝอยบริเวณชายหาด และที่ฝังอยู่ใต้พื้นทราย ได้เป็นจำนวนมาก โดยมีขยะที่ถูกกำจัด ได้แก่ ถุงพลาสติก หลอดกาแฟ แก้วพลาสติก ขวดน้ำดื่ม ขวดแก้ว กระสอบ ถุงขนม ฯลฯ รวมปริมาณขยะมูลฝอยที่สามารถกำจัดได้ในครั้งนี้คิดเป็นน้ำหนักขยะจำนวนมากกว่า 600 กิโลกรัม ในการนี้ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือนได้กล่าวขอบคุณกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ ที่เสียสละเวลาส่วนตัวในวันหยุดราชการ มาร่วมกันทำความดีเพื่อสังคม ซึ่งเป็นการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางทะเล และสถานที่สาธารณประโยชน์ ตามที่ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้มอบนโยบายให้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างจิตสำนึกให้แก่กำลังพลในสังกัดทัพเรือภาคที่ 1 ให้ร่วมกันทำความดีเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อีกด้วย

การปฏิบัติการทำความสะอาดชายหาดดงตาลในครั้งนี้ ทำให้ทราบว่าสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะทางทะเล และชายหาด นั้น ยังคงมีขยะมูลฝอยเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ครัวเรือนไปจนถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะต้องหันมาร่วมกันรณรงค์ “งดการทิ้งขยะลงทะเล” อันจะทำให้สภาพแวดล้อมทางทะเลเกิดความสะอาด ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเล อีกทั้งจะทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามบริเวณชายหาด ใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สะอาดได้อย่างยั่งยืน


ภาพ/ข่าว : กองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

จุรินทร์-อลงกรณ์ ลุยเพชรบุรี "ช่วยชาวนาเกลือ" ฝ่าโควิด-19 บุกตลาดในประเทศ-ต่างประเทศ-แปรรูป

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา เวลา 15.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นาย อภิชาติ สุภาแพ่ง ทปษ. รมช.พาณิชย์ นายอรรถพร พลบุตร คณะทปษ.รมช.สธ. นายกัมพล สุภาแพ่ง คณะทปษ.รมช.พณ

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และนางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี

ตรวจเยี่ยมติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตร และพบปะเกษตรกรชาวนาเกลือ ณ ตลาดกลางเกษตรหนองบ้วย อําเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน

ภายหลังการตรวจเยี่ยมนายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ที่พูดถึงในวันนี้คือ"เกลือทะเล"จังหวัดที่ทำนาเกลือเยอะที่สุดคือ เพชรบุรีกับสมุทรสาคร และสมุทรสงครามบางส่วนโดยประเด็นปัญหาคือในช่วงวิกฤติโควิด-19 ราคาเกลือตกต่ำและมีเกลือนำเข้าจากอินเดียมาตีตลาดในประเทศ

วันนี้ได้ช่วยกันเจรจาหารือกับผู้ทำนาเกลือได้ข้อสรุปว่าในเรื่องของตลาดเกลือในประเทศอาจเป็นเรื่องเฉพาะกิจจะใช้งบคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร หรือ คชก.เข้ามาช่วยดูแลเฉพาะการ เช่นเดียวกับพืชเกษตรตัวอื่นที่มีปัญหาตามฤดูกาล เช่นมะนาวและมะม่วง เป็นต้น จะแก้ปัญหาระยะสั้นโดยวิธีนี้ ส่วนการหาตลาดในประเทศจะให้ทีมงานเซลล์แมนจังหวัดเป็นผู้ช่วยดำเนินการ การแก้ปัญหา ส่วนเรื่องเกลือนำเข้าจากอินเดียตนได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศออกประกาศว่า

1.ผู้นำเข้าเกลือเข้ามาในประเทศต้องขึ้นทะเบียนผู้นำเข้า

2.ต้องมีเอกสารแสดงว่านำเข้าจากประเทศไหน เมืองไหนอย่างไร

เพื่อควบคุมกำกับการนำเข้าโดยการนำเข้า แจ้งพิกัดชัดเจน ที่ผ่านมากรมศุลกากรมีพิกัดเดียวสำหรับเกลือจากนี้จะแยกเป็น 2 พิกัดคือ 1.เกลือบริโภคและ 2.เกลืออุตสาหกรรม ให้มีการแจ้งรายละเอียดของการนำมากระจายในประเทศ เพื่อช่วยดูแลเกษตรกรผู้ทำนาเกลือในประเทศให้ได้รับความเป็นธรรมไม่ถูกเกลือนอกเข้ามาตีตลาด โดยประกาศนี้ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนกฤษฎีกากำลังพิจารณาคาดว่าจะเสร็จในวันที่ 9 มิถุนายน 2564 ถ้าเสร็จตามนั้นผมจะลงนามบังคับใช้ต่อไปโดยเร็ว

" สำหรับระยะยาวจะให้จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสมุทรสาครร่วมกันแก้ปัญหาผลผลิตเกลือให้มีคุณภาพจะได้ไม่ถูกกดราคา และเรื่องการแปรรูปเข้ามาดูว่ามีแผนการกำกับอย่างไร จะเพิ่มนวัตกรรมเพิ่มมูลค่าเป็นสินค้าอย่างอื่นเช่น สบู่ เครื่องสำอาง และเครื่องใช้อื่น ๆ รวมทั้งการช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อให้นาเกลือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกอันนึงของประเทศต่อไป

นอกจากนี้เรื่องปัญหาหนี้สินเกษตรกรผู้ทำนาเกลือที่มีหนี้สินกับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่ตนในฐานะรองนายกฯกำกับดูแลอยู่ ตนได้ช่วยคลี่คลายปัญหาได้เยอะสำหรับเกษตรกรที่เป็นหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ เปิดโอกาสให้สามารถนำหนี้ที่เป็นหนี้สถาบันการเงินมาเปลี่ยนเป็นหนี้กองทุนฟื้นฟูได้ เพราะถ้าเปลี่ยนมาเป็นหนี้กองทุนฟื้นฟูและชำระกับกองทุนฟื้นฟูการดำเนินคดีจะผ่อนปรนลงและมีเงื่อนไขผ่อนปรนกว่าการเป็นหนี้กับสถาบันการเงิน ช่วยให้เกษตรกรมีโอกาสชำระหนี้ได้เต็มจำนวนในอนาคต และเปิดโอกาสให้ผู้ที่เป็นหนี้ต่ำกว่า 2.5 ล้านบาทสามารถเปลี่ยนเป็นหนี้กองทุนฟื้นฟูได้ และผู้ที่มีหนี้เกินกว่า 2.5 ล้านบาทตนเปิดโอกาสแล้วที่จะให้เข้ามาเป็นหนี้กองทุนได้เป็นกรณีไป ชาวนาเกลือจำนวนหนึ่งเป็นหนี้เกิน 2.5 ล้านบาทเพราะตีมูลค่าที่ดินด้วยจึงทำให้มีราคาสูง " นายจุรินทร์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแก้ปัญหาราคาเกลือทะเลตกต่ำ และปัญหาผลผลิตเกลือทะเลค้างสต็อก ใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงคราม มีปริมาณเกลือคงค้างฤดูการผลิต ปี 2562/63 ปริมาณ 212,608 ตัน และ ปี 2563/64 ปริมาณ 197,000 ตัน โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือได้แก่

1) การกระจายและเชื่อมโยงสินค้าเกลือทะเลไปยังอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

2) การกระจายเกลือขาวและดอกเกลือเพื่อจำหน่ายในร้านธงฟ้า

3) โครงการกระจายเกลือทะเลค้างสต็อก ผ่านทางคณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คบท.)ใช้งบประมาณของกองทุน

ระยอง - ศรชล.ร่วม ศวทอ.สำรวจปะการังฟอกขาว สร้างความสนใจนักท่องเที่ยว

จากกรณี เกิดปะการังฟอกขาวพื้นที่บริเวณชายฝั่งในพื้นที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง สร้างความแตกตื่นให้กับพี่น้องชาวประมงในพื้นที่เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิตของสัตว์น้ำในทะเล นั้น

ในวันนี้ 30 พ.ค.64  ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดระยอง (ศรชล.จว.รย.) โดย นาวาเอก อนุพงค์ จันทร์พฤกษ์ รอง ผอ.ศรชล.จว.รย.) และนาวาเอก พิศาล หาญภักดี หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดระยอง (ศคท.จว.รย.) ให้ น.ต.จารึก พรเจริญ จนท.ส่งกำลังบำรุง ศรชล.จว.รย. บูรณาการร่วมกับ ศวทอ. ลงพื้นที่สำรวจปะการังสีขาวบริเวณหาดพลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง

เบื้องต้นได้สอบถามชาวบ้านและชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่แจ้งว่าปะการังสี ขาวชนิดนี้เกิดขึ้นปีละครั้ง จะเห็นอยู่ประมาณ 4-5 วัน และจะเกิดขึ้นประมาณเดือน เม.ย.ถึง มิ.ย. จากการสำรวจของศูนย์วิจัยฯ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ประการังฟอกขาว ได้แก่ ปะการังโขด ปะการังช่องเหลี่ยม ปะการังผึ้ง และปะการังวงแหวน จะพบเห็นก็ต่อเมื่อน้ำทะเลลดต่ำระดับน้ำลึกประมาณ 10-30 ซม. ในช่วงน้ำลงเต็มที่ของทุกปี และมีอูณภูมิประมาณ 30-31 องศาเซลเซียส เป็นภาวการณ์สูญเสียสาหร่ายขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ใน เนื้อเยื่อของปะการังออกไป ทำให้มองเห็นก้อนปะการังที่เป็นหินปูนสีขาวด้านใน แต่ในระหว่างปล่อยอาจเห็นปะการังมีสีซีดจาง สีชมพู ฯลฯ ขึ้นกับระยะของการฟอกขาว อาจไม่ฟอกจนขาวก็ได้เมื่อน้ำเย็นลงหรือแดดน้อยลง

นอกจากนี้แล้ว ยังได้ดำเนินการติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาว ภายใต้โครงการประเมินสถานการณ์ปะการังฟอกขาว โรคและภูมิคุ้มกันแนวปะการัง อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บริเวณหาดพลา อำเภอบ้านฉาง  จังหวัดระยอง อุณหภูมิน้ำทะเล 32.2 องศาเซลเซียส ความเค็ม 33 ppt ความลึกน้ำ 0.5-1.0 เมตร (ช่วงน้ำลงต่ำสุด) และปะการังโผล่พ้นน้ำ พบว่าปะการังฟอกขาว พื้นที่ประมาณ 6 ไร่ ปะการังมีสีซีดจางประมาณ 80% และฟอกขาวประมาณ 10% ของปะการังมีชีวิต ปะการังที่มีสีซีดจาง ได้แก่ ปะการังโขด (Porites lutea) ปะการังช่องเหลี่ยม (Favites spp.) และปะการังวงแหวน (Favia sp.) ลักษณะการฟอกขาวของแนวปะการังบริเวณนี้เป็นปรากฏการณ์ปกติ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นแนวปะการังน้ำตื้น และน้ำทะเลลดลงต่ำในเวลากลางวัน (เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน) จากการสำรวจในปี 2563 การฟอกขาวบริเวณนี้จะฟื้นตัวได้หลังกลางเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ศูนย์วิจัยฯ จะติดตามการฟื้นตัวของปะการังนี้ต่อไป

น.ส.ประไพ สาธิตวิทยา อายุ 65 ปี ประธานกลุ่มอนุรักษ์ประมงสามัคคีบ้านพลา ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชาชน และชาวประมงพื้นบ้าน เกิดความตื่นตระหนกกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นพื้นที่วงกว้าง เพราะเมื่อไม่นานนี้พบว่า มีตะกอนสีชมพูจำนวนมาก ติดอวนปูขึ้นมาจากใต้ทะเล ที่ยังหาข้อสรุปแท้จริงไม่ได้ ซึ่งการเกิดปะการังฟอกขาวไม่ใช่เรื่องดีกับทะเลแต่อย่างใด จะต้องเกิดผลกระทบห่วงโซ่อาหารของสัตว์ทะเลอย่างแน่นอน

และยังได้กล่าวต่ออีกว่า การเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ในทะเลที่เป็นแหล่งทำมาหากินของชาวบ้าน รู้สึกไม่ค่อยดีอาจส่งผลกระทบกับห่วงโซ่อาหารของสัตว์ แต่ปัญหานี้ยากต่อการแก้ไข จึงได้ร่วมกันปรับเปลี่ยนวิถีใหม่ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยการชักชวนนักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพปะการังสีขาว เพื่อให้การค้าหรือการท่องเที่ยว กลับมาคึกคักอีกครั้ง


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

พังงา – ปิดจ๊อบโรงพยาบาลสนามพังงา หลังส่งผู้ป่วย 2 รายสุดท้ายกลับบ้าน ไม่พบผู้ป่วยใหม่ 12 วันต่อเนื่อง

เมื่อเวลา10.00 น.วันที่ 30 พฤษภาคม 2564 ที่โรงพยาบาลสนามพังงา 1 โรงยิมเนเซี่ยมสนามกีฬา อบจ.พังงา พญ.สิรินาฏ พัฒนพิชัย ผอ.โรงพยาบาลสนามฯพร้อมด้วยทีมแพทย์-พยาบาล ร่วมมอบหน้ากากอนามัย ข้าวสาร ของที่ระลึกและคู่มือการปฏิบัติตัวให้กับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จากคลัสเตอร์ อบต.มะรุ่ย 2 รายสุดท้ายของจังหวัดพังงา ที่เข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนาม โดยทั้งคู่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ได้กักตัวอยู่ที่โรงแรมพังงา เบย์ รีสอร์ท และที่ อบต.มะรุ่ย และได้ตรวจพบเชื้อจากการตรวจครั้งที่2 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 เป็นผู้ป่วยรายที่ 66-67 ของจังหวัดพังงา ที่ได้รับเชื้อจากที่ทำงานใน อบต.มะรุ่ย ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ

 

โดยแพทย์ได้ให้คำแนะนำการปฏิบัติตนในการกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านและการใช้ชีวิตประจำวัน โดยให้กักตัวเองที่บ้านอีก1อาทิตย์ ต้องสวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ หลีกเลี่ยงไปที่ชุมชน หลังจากนั้นก็ออกไปทำงานได้ตามปกติ และหลังจากนี้ประมาณ3-6 เดือนให้เข้ารับวัคซีนได้ ทางผู้ป่วยได้กล่าวขอบคุณทีมแพทย์-พยาบาลที่ให้การดูแลรักษาเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลสนาม ตอนแรกเข้ามานั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ได้รับการดูแลจนรู้สึกอบอุ่น อาหารก็อร่อยทุกมื้อ โดยทางทีมแพทย์พยาบาลได้มอบดอกกุหลาบแสดงความยินดีกับผู้ป่วย2รายสุดท้ายพร้อมกับเดินไปส่งขึ้นรถและโบกมือส่งเสียงอำลากันอย่างอบอุ่น

พญ.สิรินาฏ พัฒนพิชัย เปิดเผยว่า โรงพยาบาลสนามพังงา1 ได้รับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการและมีอาการเล็กน้อยมาดูแลรวม 26 ราย เป็นผู้ชาย6ราย ผู้หญิง 20 ราย หลังจากนี้ทางโรงพยาบาลสนามจะปิดดำเนินการ แต่จะเตรียมพร้อมต่อไว้อีก 1 เดือน เผื่อจะมีผู้ป่วยรายใหม่ขึ้นมาอีก สำหรับบุคลากรที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนามจะต้องกักตัวเองประมาณ5วัน ก่อนจะทำการตรวจหาเชื้ออีกครั้งเพื่อไปปฏิบัติงานตามปกติ ในส่วนของการรับวัคซีนนั้นจะช่วยลดความรุนแรงของโรค จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนที่มีสิทธิฉีดวัคซีนไปลงทะเบียน ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

สำหรับสถานการณ์การเกิดโรคโควิด-19 ของจังหวัดพังงา ประจำวันที่  30 พฤษภาคม 2564  ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 12 วันต่อเนื่อง มีผู้ป่วยสะสมรวม 67 ราย  รักษาตัวหาย จำนวน 66 ราย  เสียชีวิต 1 ราย


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

มาไม่หยุดทุกพื้นที่ชายแดน…!!! กองกำลังสุรสีห์ จับอีกระลอก 21 คนเมียนมา-กัมพูชา หลบเข้าประเทศทางช่องธรรมชาติพื้นที่ชายแดน

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.กองทัพภาคที่​ 1​ โดยกองกำลัง สุรสีห์ (กกล.สุรสีห์) โดย หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (ฉก.ลาดหญ้า) ร่วมกับ สภ.ไทรโยค, สภ.สังขละบุรี, ร้อย.ตชด.136 เเละฝ่ายปกครอง  ลาดตระเวนตรวจถึงบริเวณเส้นทางธรรมชาติ บ.ท้ายเหมือง ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ตรวจสอบพบเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย เลยแสดงตัวเข้าจับกุม จำนวน 9 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 2 คน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจยังพบกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย อีกจำนวน 6 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน กำลังเดินเข้ามายังบริเวณสวนยาง บ้านทิโคร่ง ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ทางหน่วยจึ่งได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิ เเละนำตัวผู้ต้องหาส่งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ต่อมาวันที่ 30 พ.ค.เวลา 01.00 น. กองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา)  โดยชุด

คทร.ฉก.ตาพระยา ตรวจพบแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา จำนวน 7 คน ชาย 3 คน หญิง 3 คน และเด็กหญิง 1 คน พร้อมชายไทย 1 คน เป็นคนดูต้นทาง บริเวณบ้านทัพสยาม อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จากการสอบถาม ทั้งหมดให้การว่าจะเข้าไปหางานทำในพื้นที่ตอนในของประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวสั่งตัวไปดำเนินการตามกฎหมายและมาตรการควบคุมโรคต่อไป

ประจวบคีรีขันธ์ - ตำรวจประจวบฯ วางกำลังอุดช่องทางธรรมชาติ หลังพม่าหลายร้อยคนจ่อทะลักเข้าประเทศ

วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ต.อ.นิรันดร ศิริสังข์ไชย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด( รอง ผบก.)ประจวบคีรีขันธ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบฯ สภ.คลองวาฬ สภ.อ่าวน้อย ร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานลาดตระเวนที่ช่องทางธรรมชาติชายแดนไทยพม่า พร้อมตั้งจุดตรวจสกัดบริเวณช่องทางเข้าออกจากแนวชายแดน ที่หมู่ 9 ต.เกาะหลัก อ.เมืองฯ สกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง หลังจากมีรายงานทางการข่าว ระบุว่า มีนายทุนพร้อมนำชาวพม่าหลายร้อยคนจากบ้านมูด่องตรงข้ามชายนแดนด่านสิงขร เดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติเข้าประเทศ เพื่อไปขายแรงงานตามใบสั่งของนายทุนในโรงงานอุตสาหกรรมทั้งใน จ.ประจวบฯและหลายจังหวัดทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรได้วางกำลังคุมเข้มช่องทางธรรมชาติที่ช่อง 10 ศพ หมู่ 3 บ้านหนองขาม ช่องทางธรรมชาติหุบตาหลี หมู่ 9 บ้านมะขามโพรง ต.เกาะหลัก อำเภอเมืองฯ หลังจากจับแรงงานเถื่อนหนีเข้าเมือง 11 ราย โดยใช้เส้นทางธรรมชาติเดินเท้าข้ามแดน ขณะเดียวกันพบว่าที่ช่องทางธรรมชาติมีเส้นทางหลบหลีกได้หลายเส้นทางและมีการขยายเส้นทางใหม่ ขณะที่การวางรั้วลวดหนาม 3 ชั้น การติดตั้งกล้องวงจรปิด การติดตั้งไฟส่องสว่างจากระบบโซล่าเซลล์ หรือมีการติดตั้งสัญญาณกันขโมย ไม่สามารถป้องกันปัญหาได้จริง

พ.ต.อ.นิรันดร กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยพื้นที่ตามแนวชายแดนจากปัญหาหลบหนีเข้า จึงเข้มงวดกวดขันเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจค้นจับกุมแรงงานต่างด้าวและกำชับห้ามเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือเรียกรับผลประโยชน์โดยเด็ดขาด ขณะนี้ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนภูธรจังหวัด สืบสวนหาข่าวกลุ่มนายหน้าขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ยอมรับว่ามีกลุ่มนายหน้าค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติเป็นขบวนการใหญ่ทั้งฝั่งไทย และพม่า สำหรับจุดหมายปลายทางที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม หากจะตัดตอนเพื่อแก้ไขปัญหา ต้องเป็นนโยบายของผู้บริหารในระดับสูง เนื่องจากโรงงานยังมีความต้องการใช้แรงงาน


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

อยุธยา - เร่งฉีดวัคซีนโควิด เข็มที่ 2 ให้บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า

วันที่ 28 พฤษภาคม 64 ที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชน ร่วมเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 รวมทั้ง 298 ราย ในภาคเช้า และในภาคบ่ายจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 152 นาย จะเข้ารับวัคซีนสำหรับเข็มที่ 1

สำหรับประชาชนกลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 โรคเรื้อรัง จะเริ่มฉีดในวันที่ 7 มิย 64 กำหนดจะเริ่มฉีดวัคซีน (Astrazeneca) จำนวน 38,000 โดส ให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” และลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ฯแล้ว จำนวน 32,942 คนอย่างแน่นอน สำหรับส่วนเกินจากกลุ่มดังกล่าว จะพิจารณาจัดสรรให้กับกลุ่มองค์กรภาครัฐและภาคธุรกิจยุทธศาสตร์ ทั้งใน 16 อำเภอ เพื่อจะได้รับวัคซีนได้ครบตามเป้าหมาย พร้อมทั้งขอให้ทุกหน่วยเชิญชวนประชาชน ร่วมลงทะเบียนจองฉีดวัคซีน โดยการสแกน QR Code “อยุธยาพร้อม”

นายแพทย์พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวถึง ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ไม่ควรรับวัคซีนคือ 1.ผู้ที่รับวัคซีนแล้วเกิดแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง ถึงขั้นช็อก แต่วัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่ทุกคนจึงไม่อยู่ในข้อนี้ แต่ถ้าให้เข็มแรกแล้วแพ้รุนแรง เข็ม 2 ให้ไม่ได้แน่นอน ต้องเปลี่ยนชนิดวัคซีน รวมถึงผู้ที่รู้ว่าแพ้ส่วนประกอบในวัคซีน ก็ไม่สมควรให้ 2. ผู้ที่เจ็บป่วย มีไข้ หรือเป็นโรคปัจจุบันที่ต้องการการรักษา ผู้ป่วยวิกฤต ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะสุดท้ายของโรค และผู้ป่วยที่รักษา โดยเฉพาะนอนในโรงพยาบาล ก็ให้เลื่อนการฉีดไปก่อน จนกว่าทุกอย่างอยู่ในสภาพคงที่และกลับบ้านแล้ว จะเห็นว่าจะมีข้อห้ามเด็ดขาดน้อยมาก ดังนั้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวและดูแลรักษาอยู่มีภาวะคงที่ ถึงจะกินยาประจำอยู่ ก็สามารถให้วัคซีนได้ เบาหวาน ความดัน ก็สามารถฉีดวัคซีนได้ ถ้ารักษาและดูแลอยู่ตลอดอยู่แล้ว ยกเว้นเสียแต่ความดันที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือเบาหวานที่ยังควบคุมไม่ได้มีน้ำตาลสูงมาก ขนาดมีอาการที่ต้องรักษาในโรงพยาบาลก็ให้เลื่อนการฉีดไปก่อน


ภาพ/ข่าว  สุจินดา  อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

กระบี่ - ปชช.ต่อคิวยาว แห่รับของบริจาค สุดเศร้าของบริจาค มีจำกัด บางคนกลับด้วยความผิดหวัง

วันที่ 28 พ.ค.64 การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด 19 ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ ออนเซน แอนสปา ถ.นาเตย ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ นายกฤชกร ศิลปวิสุทธิ์ปธ.กรรมการ บ.เอทีโคโค่ ฟรุ๊ต จำกัด พร้อมด้วยนายทวัฒพงษ์ หรือครูเดช บุญชิน ผู้บริหารออนเซนกระบี่ และกลุ่มเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันแจกถุงยังชีพ สู้ภัยโควิด-19 ให้แก่ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 235 ชุด โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมายืนเข้าแถวรอ ยาว กว่า 200 เมตร โดยมี จนท.มูลนิธิประชาสันติสุขกระบี่ มาช่วยเหลือตรวจวัดอุณภูมิ และแจกเจลล้างมือ ก่อนเข้ารับสิ่งของบริจาคทุกคน

นายทวัฒพงษ์ หรือครูเดช กล่าวว่า ทาง ออนเซนกระบี่ และเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิด 19 ขึ้น ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่าน โดยทำข้าวกล่องบริจาค ซึ่งก็มีบรรดาผู้ใจบุญ และเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันบริจาคสิ่งของและเงิน สมทุน จำนวนหนึ่ง โดยมีการทำขอ้าวกล่องแจกไปทั้งสิ้นกว่า 1 หมื่นกล่อง และในวันนี้ 28 พ.ค.ครบ 1 เดือนเศษ ทางออนเซนและกลุ่มเพื่อน ๆ ได้จัดชุดยังชีพแจก จำนวน 235 ชุด พร้อมกับปิดศูนย์ฯชั่วคราว และขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน จนทำให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นไปด้วยดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ที่มารับของบริจาคบางคน ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ แต่มารับของบริจาคด้วย ทาง จนท.ไม่สามารถให้ได้ เนื่องจากของบริจาคมีจำนวนจำกัด จนท.ต้องจัดให้กับผู้ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนทำให้ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ ต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง เป็นภาพที่เห็นแล้วสุดที่จะน่าสงสาร


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

กก.1 บก.สส.สตม. รวบไอวอรี่โคสต์ หลบ Blacklist ค้าแข้งสโมสรดัง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.

มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทย  หรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชาติชาย ตันติวุฒิวร ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายดิกโก้  (MR.DICKO ABOU) สัญชาติไอวอรี่โคสต์ หนังสือเดินทางไอวอรี่โคสต์ ซึ่งปัจจุบันเป็นนักฟุตบอลอาชีพตำแหน่งศูนย์หน้าของสโมสรดังในไทยลีก 3 มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าเข้ามาในประเทศไทยโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522  กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้นำข้อมูลดังกล่าวตรวจสอบในระบบ Biometrics จนทราบว่าบุคคลดังกล่าวพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมย่าน ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี จึงได้ไปตรวจสอบยังสถานที่ดังกล่าวและเชิญตัวมาที่ กก.1 บก.สส.สตม. จากนั้นจึงได้นำตัวนายดิกโก้ อะบู (MR.DICKO ABOU) มาพิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสอบในระบบ E-Fingerprint และ BIOMETRICS ผลปรากฏว่าลายพิมพ์นิ้วมือตรงกับนายดิกโก้ (MR.DICKO) ซึ่งเคยถูก ตม.จว.สงขลา จับกุมเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 ในความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (จำนวน 774 วัน) และเป็นบุคคลห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ 1/2558 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 เป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2561 จนถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2571

และจากการสอบถาม  นายดิกโก้ อะบู (MR.DICKO ABOU) ได้ให้การยอมรับว่า ตนเองเป็นบุคคลเดียวกับนายดิกโก้ (MR.DICKO) จริง โดยสาเหตุที่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ เนื่องจากหลังจากถูกผลักดันกลับไปยังประเทศไอวอรี่โคสต์ แล้วได้ไปเพิ่มชื่อจากเดิม และเปลี่ยนปีเกิดจาก “ค.ศ.1992” เป็น “ค.ศ.1998” จากนั้นได้ไปขอทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่เพื่อหลบเลี่ยง Blacklist เข้ามาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในสโมสรไทยลีก 3 โดยได้รับเงินเดือน 50,000 บาท กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ขออนุมัติ ผบก.สส.สตม. เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยของนายดิกโก้ อะบู (MR.DICKO ABOU) เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 12 (10) รัฐมนตรีไม่อนุญาตให้เข้ามาในราอาณาจักร ตามมาตรา 16 นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อควบคุมรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178  หรือที่ www.immigration.go.th  จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

เจ้าหนี้ ยื่นค้านแผนฟื้นฟู ‘การบินไทย’ ศาลนัดฟังคำสั่ง 15 มิ.ย.นี้

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันที่ 28 พ.ค. 2564 ศาลล้มละลายกลางได้นัดพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีเจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านแผนฟื้นฟูกิจการและศาลรับไว้ จำนวน 2 ฉบับ ศาลล้มละลายกลางเห็นสมควรให้งดสืบพยานและให้โอกาสผู้ทำแผน และเจ้าหนี้ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด และกำหนดนัดฟังคำสั่งศาลเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการ ในวันที่ 15 มิ.ย. 2564

ทั้งนี้บริษัทฯ แจ้งว่า หากศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนก็จะมีผลทำให้การบินไทยสามารถดำเนินกระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อไปได้ โดยการชำระหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเจ้าหนี้ทั้งหลายยื่นคำขอรับชำระหนี้ จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตามแผน การจัดการกระแสเงินสดและทรัพย์สินของบริษัทบางส่วนจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการ

สำหรับผู้บริหารแผนที่ถูกเสนอชื่อตามแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่แก้ไข คือ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายพรชัย ฐีระเวช นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ นายไกรสร บารมีอวยชัย และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารธุรกิจ ของบริษัทฯ และดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top