Saturday, 21 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

กรุงเทพฯ - พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของจุดบริการฉีดวัคซีนกองบัญชาการกองทัพไทย

วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เวลา 09.00 น. พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของจุดบริการฉีดวัคซีนกองบัญชาการกองทัพไทย ณ อาคาร 15 กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ จากที่รัฐบาลได้มีการกำหนดฉีดวัคซีนป้องกัน covid -19 ให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มผู้ป่วย 7 โรค โดยเริ่มการฉีดพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพลกลุ่มเสี่ยงที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลในการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพล ครอบครัว และประชาชนทั่วไป เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพไทยมีความพร้อมทั้งในส่วนของสถานที่และบุคลากร สำหรับเป็นพื้นที่ให้บริการในการฉีดวัคซีนได้อย่างทั่วถึง และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป


ภาพ/ข่าว ทีมข่าว v.13 รายงาน

นราธิวาส - เลี้ยงจิ้งหรีด 1 เดียวในนราธิวาส สู้ชีวิตเพราะพิษโรค เป็นรายได้เสริมช่วงโควิดระบาด

สำหรับเรื่องราวดังกล่าวเราพาท่านไปยังบ้านเลขที่ 70/1 ม.3 ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวยกสูง ที่ปลูกอยู่ใจกลางของสวนยางพารา ซึ่งเราจะพบเห็นกรง 4 เหลี่ยม ที่สร้างด้วยโครงไม้และมีกระเบื้องแผ่นเรียบกรุโดยรอบทั้ง 4 ด้าน ขนาดความกว้าง 1.50 เมตร. ยาว 3 เมตร สูง 0.80 เมตร และมีผ้าพลาสติกสีฟ้าคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง

และเราได้พบกับนายคุณากร อนุพันธ์ อายุ 41 ปี ซึ่งกำลังเดินแบกกระสอบอาหารไก่และเปลือกผลไม้เข้าบ้าน เมื่อสอบถามทราบว่าไปซื้ออาหารกระสอบ และนำเปลือกผลไม้มาให้จิ้งหรีดสายพันธุ์ทองดำที่เลี้ยงไว้ในกรงรับประทาน จึงถือโอกาสสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดสายพันธุ์ทองดำขาย ที่ถือว่าเป็นแห่งเดียวของ จ.นราธิวาส

โดยนายคุณากร ได้พาไปชมขั้นตอนต่าง ๆ ที่เพาะเลี้ยงจิ้งหรีดขาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลก แท้จริงแล้วจิ้งหรีดเป็นอาหารสุดโปรดของคนภาคอีสาน คนภาคใต้จะไม่คุ้นเคยรับประทานมากนัก โดยปัจจัยสำคัญที่หันมาเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดขาย อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ซึ่งตนประกอบอาชีพเร่ขายผลไม้กับรถจักรยานยนต์ 3 ล้อ และในช่วงโควิด-19 ระบาด ส่งผลทำให้รายได้ตกต่ำแถมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

จนกระทั่งรัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือประชาชน เมื่อตนได้สิทธิ์คนละครึ่ง จึงได้นำเงินก้อนนั้นมาลงทุนซื้อพันธุ์จิ้งหรีดทองดำจาก จ.ศรีสะเกษ ที่เป็นภูมิลำเนาเกิดจากเพื่อนให้ส่งมา และตนเริ่มเพาะเลี้ยงเพราะคิดว่าอาชีพดังกล่าวนี้ไม่มีคนทำ ซึ่งมันท้าทายดีและมีโอกาสได้เปิดตลาดจิ้งหรีด แถมต้นทุนที่ใช้จ่ายก็ไม่มากนัก

ซึ่งการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดก็ไม่ได้ยากมากนัก เพียงแต่อาศัยการเอาใจใส่ เริ่มแรกต้องไปหาซื้อรังไข่ที่ท้องตลาด ซึ่งขายกิโลกรัมละ 5 บาท มาใส่ไว้ในกรงเรียง 1 แถวจนครบทั้ง 4 ด้าน จากนั้นนำพันธุ์จิ้งหรีดที่ใส่ถาดไว้เรียงบนรังไข่ทั้ง 4 ด้าน โดยให้อาหารกระสอบที่ใช้สำหรับเลี้ยงไก่ รวมทั้งใบหม่อนใบกล้วยที่ปลูกข้างบ้าน และเปลือกผลไม้ที่ตนขายผลไม้เป็นประจำอยู่แล้ว มาใส่ให้จิ้งหรีดกินช่วงเช้าและช่วงเย็น เลี้ยงผ่านไปประมาณ 35 ถึง 40 วัน ก็สามารถจับขายได้ โดยขายกิโลกรัมละ 200 บาท แถมส่วนที่เหลือก็จะแปรรูปนำไปทอดปรุงรส และนำมาแพ็คใส่ถุง ขายถุงละ 20 บาท ตระเวนขี่รถจักรยานยนต์ 3 ล้อ ขายคู่กับผลไม้ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี ที่ถือว่าเป็นรายได้เสริมในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 เป็นอย่างดี

และจากการสอบถามผู้บริโภคครอบครัวหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นขาประจำสำหรับจิ้งหรีดทอดปรุงรส รายหนึ่ง ที่เด็กน้อยวัยประมาณ 2 ขวบ กำลังรับประทานจิ้งหรีดอย่างเอร็ดอร่อย 3 คนแม่ลูก พบว่า เป็นที่ถูกปากของคนทั้งครอบครัวและหาซื้อมารับประทานยากมาก

ด้านนายคุณากร อนุพันธ์ ผู้เพาะเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์ทองดำ กล่าวว่า หลังจากได้เกิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด ตนได้เงินจากรัฐโครงการคนละครึ่ง ผมจึงได้เงินส่วนนั้นซื้อพันธุ์จิ้งหรีดจาก จ.ศรีสะเกษ มาเพาะเลี้ยงดูเพื่อว่าที่จะเป็นรายได้อีกทางหนึ่งเสริมขึ้นมา เมื่อทำขึ้นมาประสบความสำเร็จ จึงวางขายกฺดลกรัมละ 200 บาท อีกส่วนหนึ่งก็จะนำไปแปรรูปขายในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี จ.นราธิวาส


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ศรชล. ร่วมศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเล จับ ‘ไอ้โง่’ ในทะเลผิดกฎหมาย

ศูนย์อำนวยการในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดชุมพร (ศรชล.จังหวัดชุมพร) บูรณาการร่วมกับ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเล จังหวัดชุมพร ภายใต้การอำนวยการของ นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผวจ. / ผอ.ศรชล.จังหวัดชุมพร มอบหมายให้ น.อ.กิตติ พงษ์  พุ่มสร้าง รอง ผอ.ศรชล.จังหวัดชุมพร ร่วมกับ นาย พงศ์รันย์ รัตนพรหม ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลจังหวัดชุมพร จัดกิจกรรมควบคุมการทำประมงในช่วงประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลาง (ประจวบ ฯ ชุมพร สุราษฎร์ธานี) โดยมี นายนุรัตน์ ขาวสะอาด เจ้าพนักงานเดินเรือปฏิบัติงาน เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติงาน พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 4 นาย นำเรือตรวจประมง 324  ออกตรวจพื้นที่ตามภารกิจที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านที่มีอาชีพเลี้ยงหอย บริเวณชายทะเล อ่าวทุ่งมะขาม อ่าวทุ่งคา และอ่าวสวี ว่ามีการลักลอบนำเครื่องทำการประมงผิดกฎหมายมาใช้ในบริเวณดังกล่าว 

ในการนี้ ตรวจพบลอบพับ(ไอ้โง่) จำนวน 69 ลูก ไม่พบเจ้าของ โดยที่ลอบพับ ดังกล่าวเป็นเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 และพ.ร.ก.การประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมือลอบพับได้หรือไอ้โง่ ที่มีช่องทางเข้าของสัตว์น้ำสลับซ้ายขาวอยู่ทางด้านข้างใช้สำหรับดักสัตว์น้ำ มีความผิดตามมาตรา 67 มีโทษตามมาตรา 147 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จาการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า แต่ไม่พบผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้รื้อถอนและทำการยึดเครื่องมือประมงดังกล่าวนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำชุมพร อ.เมือง จังหวัดชุมพร ส่วนลอบพับ (ไอ้โง่ 69  ลูก) ทั้งหมดนำมาเก็บรวบรวมไว้ ณ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเล จังหวัดชุมพร เพื่อทำการเผาทำลายต่อไป


ภาพ/ข่าว ปชส.ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

สมุทรปราการ - ธารน้ำใจ สู้ภัยโควิด “สจ.ชนะ” จับมือ ครอบครัวสายบุญ กลุ่มจิตอาสา ลงพื้นที่มอบอาหาร จำนวนกว่า 1 แสนบาท

ที่ภายในบ้านเอื้ออาทร 1 ซอยนิคมอุตสาหกรรมบางปู ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้มีคณะเจ้าหน้าที่ กลุ่มจิตอาสา และผู้ประกอบการ นำอาหารปรุงสุก จำนวน 1,000 กล่อง อาหารสด ผักสด เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัยและสิ่งของอื่นๆ อีกจำนวนมาก นำมามอบแก่ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ภายในบ้านเอื้ออาทร1 เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และประชาชนที่ขาดรายได้ รวมถึงประชาชนที่กักตัวอยู่ภายในห้องพักภายในบ้านเอื้ออาทรแห่งนี้

โดยการลงพื้นที่มอบสิ่งของในวันนี้นำโดย นายชนะ หงวนงามศรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นางกัญญดากร เรืองฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท  BR  2020  ProPerTy โดยการลงพื้นที่มอบสิ่งของในครั้งนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากทางครอบครัวสายบุญสายบันเทิง  และร้านข้าวแกงละเวิก  ที่ให้การสนับสนุนมอบอาหารปรุงสุก  จำนวน 1,000 กล่อง พร้อมด้วยนำรถพุ่มพวงที่บรรทุกอาหารสด ผักสด จำนวนมากนำมามอบให้กับพี่น้องประชาชนบ้านเอื้ออาทร 1  เป็นจำนวนเงินกว่า  100,000 บาท

โดยมีนายสมนึก ปานจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.แพรกษา นายละเอียด จักษุกัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ อสม.หมู่ 6  และสมาชิกกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า  ร่วมลงพื้นที่มอบอาหารปรุงสุก อาหารสด ผักสด หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจาก นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ และ นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ ที่มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน และประชาชนที่ขาดรายได้ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยนำสิ่งของจำนวนมากมาแจกจ่ายให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ระลอก 3 อีกด้วย

โดยอาหารที่ประชาชนได้รับ  และนำกับไปบริโภคที่บ้านได้แก่ ข้าวกล่อง เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลาทู ไข่ และผักสดอีกหลายรายการ รวมถึงเจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย ที่มอบให้แบบฟรี ๆ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือนร้อนให้กับประชาชน  อีกทั้งยังได้นำอาหารและสิ่งของต่าง ๆ ไปมอบให้กับผู้ป่วยติดเตียง และประชาชนที่กักตัวเองอยู่ภายห้องห้องพักอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สภ.หนองสูง ยึดกัญชาแห้งอัดแท่ง 410 กิโล พร้อมรถยนต์เก๋ง

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สรรธาร อินทรจักร ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร พ.ต.อ.จตุรงค์ กลิ่นศรีสุข ผกก.สภ.หนองสูง ร่วมแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองสูง จังหวัดมุกดาหาร ตรวจยึดกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 410 กิโลกรัม และรถยนต์

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน เวลา 03.00 น พ.ต.อ.จตุรงค์ กลิ่นศรีสุข ผกก.สภ.หนองสูง หลังได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ จึงสั่งการให้ จนท. ตร.สภ.หนองสูง บูรณาการร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร, กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, ตม.มุกดาหาร,ตำรวจน้ำมุกดาหาร,ฝ่ายปกครอง อ.หนองสูง  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบ

ครั้นเมื่อเวลา 03.30 น.ได้มีรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตตี้ สีดำ ทะเบียน กท 4518 ชลบุรี ได้เดินทางมาจาก อ.คำชะอี มุ่งหน้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์  บริเวณด่านตรวจจามจุรี อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้หยุด แต่คนขับเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ได้เร่งเครื่องขับรถหนี ไปทางถนนหลวงหมายเลข 12 เส้นหนองสูง - กุฉินารายณ์ บ.คำพอก ม.5 ต.โนนยาง อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถไล่ติดตามไป พอไปถึงที่เกิดเหตุรถคนร้ายได้เสียหลักตกข้างทาง คนขับได้ทำการวิ่งหลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาถึง เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบภายในรถพบกระสอบพลาสติกสีดำพันด้วยเทปใส วางอยู่เบาะหน้า บอกหลัง และท้ายรถ เป็นจำนวนมาก จึงได้ยึดรถมาตรวจสอบอย่างละเอียดที่ สภ.หนองสูง พบเป็นกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 9 กระสอบ ตรวจนับอย่างละเอียดได้จำนวน 410 แท่ง น้ำหนักประมาณ 410 กิโลกรัม จากนั้น เจ้าหน้าที่ จึงได้นำของกลางทั้งหมด ส่ง พงส.สภ.หนองสูง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  พวงเพชร / เดวิท โชคชัย จ.มุกดาหาร

ลำปาง - ครม.อนุมัติ เพิ่มค่าตอบแทน อสม.อีก 3 เดือนเริ่ม เดือน ก.ค.-ก.ย. 2564

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ขอแสดงความยินดีกับ อสม.ลำปาง และ อสม.ทั่วประเทศที่ ครม.อนุมัติค่าตอบแทนต่ออีก 3 เดือน โดยจะเริ่มในเดือน ก.ค.2564 นี้ โดยครม. อนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.อีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค. – ก.ย. 2564 วงเงินรวมไม่เกิน 1,575.4950 ล้านบาท เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีแก่ อสม. ผู้ปฏิบัติงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน

ซึ่งที่ผ่านมา อสม. ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติมอย่างถ้วนหน้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.2563 – มิ.ย 2564 เป็นระยะเวลา 16 เดือน กรอบวงเงินรวม 8,348.6965 ล้านบาท ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติในอนาคตและกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาเห็นว่ามีความจำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนเพิ่มเติมก็สามารถขอรับเงินค่าตอบแทนเพิ่มเติมให้แก่ อสม. เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน อสม. ได้ต่อไป


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า

กระบี่ - รพ.กระบี่ ส่งนักรบชุดขาว ไปปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด รพ.สนามบุษราคัม เมืองทองธานี

วันจันทร์ ที่ 7 มิถุนายน  2564  ณ บริเวณหน้าอาคารอำนวยการ โรงพยาบาลกระบี่ นายแพทย์สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระบี่ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกระบี่ ร่วมส่งทีมนักรบชุดขาว เพื่อแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจทีมบุคลากรทางการแพทย์ไปปฏิบัติภารกิจเพื่อดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ณ โรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 7 – 22 มิถุนายน 2564  โดยได้มี มอบเงินขวัญถุง มอบช่อดอกไม้ และมอบดอกกุหลาบเพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจให้แก่ทีมนักรบชุดขาว

โรงพยาบาลกระบี่ ได้จัดทีมบุคลากรด้านการแพทย์ ร่วมปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม จำนวน 7 คน ประกอบด้วย

1.นางสาวเพ็ญวดี สกลกิติวัฒน์  นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

2.นางสาวฐิตากร ทิพย์มณี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

3.นางณัฏฐนันท์ สิงห์บุตรดี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

4.นางสาวจุรี สาระวารี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

5.นางสาวกีรัตติกานต์ จำนงลักษณ์ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

6.นางสาวดรุณวรรณ ท่าดี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

7.นางสาวชลธิดา มณีสุวรรณ เภสัชกรปฏิบัติการ

โดยทุกคนมีความรู้ ความสามารถ เสียสละ และมีจิตอาสาเพื่อแผ่นดิน จะเดินทางไปเป็นทีมสนับสนุนและผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้กับทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฯ และหลังจากปฏิบัติหน้าที่ครบกำหนดเวลา บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนจะถูกกักตัวในพื้นที่พิเศษ ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขกำหนด พร้อมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ถ้าตรวจไม่พบสารพันธุกรรมโควิด-19 จึงจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

สำหรับโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี จะรองรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางกลุ่มสีเหลือง จากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขนาด 3,000-5,000 เตียง ณ อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมเมืองทองธานี สำหรับใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

กาฬสินธุ์ – คิกออฟปูพรหม ฉีดวัคซีนกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง หยุดเชื้อเพื่อชาติ

จังหวัดกาฬสินธุ์คิกออฟปูพรมฉีดวัคซีนแอสตริเซเนก้ากลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคประจำตัว 7 โรค สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ฉีดวัคซีนเพื่อชาติ ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 วันเดียวพบผู้ป่วย 8 ราย

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า)  นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ นายเลิศบุศย์ กองทอง รองผวจ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์  นายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ นายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกันเปิดการคิกออฟปูพรมฉีดวัคซีนรอบสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ แอสตร้าเซเนก้า สำหรับประชาชน ในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง พร้อมตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจกลุ่มแพทย์ เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน

โดยบรรยากาศในช่วงเช้ามีบรรดาลูกหลานได้พาพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเสี่ยง ที่จองสิทธิฉีดและขึ้นทะเบียนผ่านระบบ “หมอพร้อม” ในเดือนมิถุนายน 2564 เดินทางมารับการฉีดวัคซีนกันจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ คอยอำนวยความสะดวก ทั้งการตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ วัดความดัน ซักประวัติ ตรวจสุขภาพความพร้อมก่อนการฉีดวัคซีน

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในปัจจุบัน ยังคงมีแนวโน้มการระบาดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลจึงมีการรณรงค์ให้ประชาชน “ฉีดวัคซีนเพื่อชาติ” เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดอัตราการเสียชีวิต สร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนคนไทย ให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ และทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้

นายทรงพล กล่าวอีกว่า สำหรับ จ.กาฬสินธุ์ มีกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค อยู่ประมาณ 240,000 คน โดยในเขตอำเภอเมือง มีผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค จำนวน 120,000 คน ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการฉีดให้กลุ่มที่ 2 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ที่จองสิทธิฉีดและขึ้นทะเบียนผ่านระบบ “หมอพร้อม” ในเดือนมิถุนายน 2564 ส่วนการลงทะเบียนเพิ่มเติมอื่น ๆ ก็จะเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ของโรงพยาบาล  และทยอยฉีดตามลำดับการจอง ตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาล ซึ่งในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 นี้ จ.กาฬสินธุ์ได้รับจัดสรรวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า (Astrazeneca) จำนวน 3600 โดส โดยจัดสรรในเขตพื้นที่อำเภอเมือง 1000 โดส ที่เหลือได้กระจายไปยังอำเภอต่าง ๆ

ด้าน นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับในเขตพื้นที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ได้จัดสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลไว้ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศาลากลางหลังเก่า อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางมาฉีดวัคซีนได้สะดวกมากขึ้น โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์คอยอำนวยความสะดวกและบริการ ทั้งการตรวจสุขภาพประเมินก่อนฉีด และสังเกตอาการหลังฉีด ซึ่งสามารถรองรับการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้ประมาณวันละ 1,000 คน และในวันนี้ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มประชาชนสูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน

ขณะที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ศูนย์อำนวยการต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จ.กาฬสินธุ์ ได้รายงานสถานการณ์โรคในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วยเพิ่ม 8 ราย โดยมีผู้ป่วยสะสมรวม 129 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 99 ราย กำลังรักษาอยู่ 26 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 4 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ 8 รายล่าสุด อยู่ในพื้นที่ อ.สหัสขันธ์ 7 ราย และอ.ยางตลาดอีก 1 ราย


ภาพ/ข่าว ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

พล.อ.ประวิตร ร่วมคณะนายกฯ ให้กำลังใจ ผู้ประกันตน ม.33 รับการฉีดวัคซีน ปก.โควิด-19 และจนท.ทางการแพทย์ เชื่อมั่น ก.แรงงาน มีความพร้อม

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ในฐานะกำกับดูแล รง. ได้ร่วมคณะ นรม.ในโอกาสตรวจเยี่ยม ศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตน ม.33 ในพื้นที่ กทม. ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง  

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ร่วมคณะ นรม. พร้อมรับชมวีดีทัศน์ การดำเนินงานของศูนย์ฯ ที่ผ่านมา โดย รง.,สธ.และ กทม. ได้บูรณาการทำงานร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตน ม.33 ให้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) โดย พล.อ.ประวิตร ได้เยี่ยม ทักทายให้กำลังใจผู้ประกันตน และบุคลากรทางการแพทย์ อย่างเป็นกันเองภายใต้ความห่วงใย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการของภาครัฐ ตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีการบูรณาการทำงาน กันอย่างแน่นแฟ้น โดยเฉพาะ รง. ซึ่งรับผิดชอบโดยตรงต่อ ผู้ประกันตนตาม ม.33 จะต้องได้รับการดูแลสุขภาพตามกม. อย่างทั่วถึง เป็นธรรม พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า รง.มีความพร้อมในการให้บริการ อย่างเป็นระบบ และมีแผนการฉีดวัคซีนฯ ให้กับผู้ประกันตน ม.33 ให้ครบถ้วนทุกคน ต่อไป ซึ่งในวันนี้ มีการตอบรับที่ดีจากผู้ประกันตน ของบริษัท ห้างร้านต่างๆ ที่มารับบริการ โดยรู้สึกดีใจที่รัฐบาลให้ความห่วงใย และขอบคุณ นรม. และคณะ ที่มาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ ในวันนี้

กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา Total Cabling & Networking Solution ให้กับกลุ่มลูกค้าจากภาคกลาง

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา Total Cabling & Networking Solution ให้กับกลุ่มลูกค้าจากภาคกลางกว่า 80 คน พร้อมนำทีมวิทยากรชั้นนำมา Update Solution สายสัญญาณและอุปกรณ์การเชื่อมต่อที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดไอเดียให้เกิดธุรกิจใหม่แก่ลูกค้าภาคกลางโดยเฉพาะ จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top