Saturday, 7 June 2025
LITE TEAM

6 มกราคม พ.ศ. 2481 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เสด็จฯ ทรงเปิดโรงพยาบาลอานันทมหิดล จ.ลพบุรี

วันนี้เมื่อ 87 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงพยาบาลอานันทมหิดล จ.ลพบุรี

โรงพยาบาลอานันทมหิดล (อังกฤษ: Ananda Mahidol Hospital) กรมแพทย์ทหารบก ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของกองทัพบกไทย ให้บริการทั้งข้าราชการทหารและพลเรือนรวมถึงประชาชนทั่วไป และมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่สามรองจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลค่ายสุรนารี

โรงพยาบาลอานันทมหิดลก็ได้เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2480 และแล้วเสร็จในปีถัดมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล มีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จฯ มากระทำพิธีเปิดเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2481 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันเปิดค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

5 มกราคม พ.ศ. 2516 ในหลวง ร.9 เสด็จฯหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลั๊วะ อ.แม่สะเรียง เยี่ยมราษฎรพร้อมส่งเสริมการปลูกกาแฟและการเลี้ยงไหม

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ หมู่บ้านป่าแป๋ ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลั๊วะ ทรงพระราชทาน ห่าน สิ่งของและยารักษาโรค พระองค์ทรงให้ส่งเสริมการปลูกต้นกาแฟและพระราชทานเงินให้หญิงชาวเขาเข้าเรียนการเลี้ยงไหมและกลับมาสอนให้ชาวเขาภายในครอบครัวต่อไป

และในวันเดียวกันนัน ยังได้เสด็จองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย (อกท.) หน่วยแม่โจ้ครั้งแรก ณ อาคารแผ่พืชน์ วิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ พร้อมทั้งทรงมีพระบรมราโชวาทสำคัญตอนหนึ่งความว่า 

"แม่โจ้นั้นรักสามัคคีกันมาก และหากพลังแห่งสามัคคี ถ้าไปใช้ในทางที่ถูกต้อง ที่ดี ที่สร้างสรรค์ จะนำไปสู่ความเจริญ ไปสู่ความดี และผู้ปฏิบัติจะได้รับผลดีคือ ความยกย่องของชุมชน และความยกย่องของประชาชนทั้งประเทศ..."

4 มกราคม ของทุกปี ‘วันทหารม้า’ น้อมสดุดีวีรกรรม ‘พระเจ้าตาก’ ทำการรบบนหลังม้าต่อสู้กับทหารพม่าจนได้ชัยชนะ

วันทหารม้าถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง ซึ่งตรงกับวันที่ 4 มกราคมของทุกปี เป็นวันที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้นำกำลังทหารตีฝ่าวงล้อมกองทัพพม่าที่ล้อมกรุงศรีอยุธยา หลังจากที่ทหารพม่ารวบรวมกำลังไล่ติดตามมาถึง ณ บ้านพรานนก อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพร้อมด้วยทหารเอกคู่พระทัยจำนวน 4 นาย ได้ทำการรบบนหลังม้าต่อสู้กับทหารพม่าจำนวน 30 นายจนได้รับชัยชนะ

โดยตลอดการรบในครั้งนั้นชาวบ้านได้จัดส่งข้าวเม่าให้เป็นเสบียงและส่งธนูให้แก่ทหารใช้เป็นอาวุธ กองทหารได้ปะทะกับพม่าที่คลองแห่งหนึ่ง จนเมื่อพระยาตากตีทหารพม่าแตกพ่าย จึงตั้งชื่อคลองว่า 'คลองชนะ' ฝ่ายทหารพม่าได้ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดตลอดระยะทางที่หนีออกจากกรุงศรีอยุธยา พระยาตากต้องต่อสู้กับพม่าถึง 4 ครั้ง แต่กองทหารพม่าก็ไม่ยอมลดละ และไล่ตามไปทันที่บ้านโพธิ์สังหาร ซึ่งมีหญิงสาวชาวบ้านชื่อนางโพ ได้ช่วยรบกับพม่าจนเสียชีวิต โดยภายหลังจากพระยาตากกู้ชาติได้แล้วจึงได้ระลึกถึงกลับมาตั้งชื่อหมู่บ้านโพธิ์สังหาร เป็นหมู่บ้านโพสาวหาญและยังใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้ 

อย่างไรก็ตาม ยังมีบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งคือ 'พรานนก' หรือเฒ่าคำ ซึ่งเป็นผู้ช่วยจัดเสบียงอาหารให้กับกองทหารพระยาตากในระหว่างสงคราม โดยในปัจจุบันมีรูปปั้นให้ประชาชนเคารพที่หมู่บ้านพรานนก อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทั้งนี้ จากการสู้รบในครั้งนั้นแสดงให้เห็นถึงการใช้คุณลักษณะของทหารม้าในการรบ คือความคล่องแคล่วและรวดเร็วในการเคลื่อนที่ จึงยกย่องพระองค์เป็นบูรพาจารย์แห่งการรบบนหลังม้า และเป็นพระบิดาของเหล่าทหารม้า และได้ถือเอาวันที่พระองค์สร้างวีรกรรมในครั้งนั้นคือวันที่ 4 มกราคม ของทุกปีเป็น 'วันทหารม้า'

31 ธันวาคม วันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568

ในปฏิทินเกรกอเรียน วันที่ 31 ธันวาคม หรือที่เรียกว่า 'วันส่งท้ายปีเก่า' เป็นช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองการสิ้นสุดของปีเก่าและการต้อนรับปีใหม่ ซึ่งถือเป็นวันสุดท้ายของปี ในหลายประเทศ การเฉลิมฉลองคืนวันปีใหม่มักจะเต็มไปด้วยการเฉลิมฉลอง และการชมพลุดอกไม้ไฟ นอกจากนี้ ในบางประเทศที่มีคริสเตียนก็จะมีการไปทำพิธีนมัสการในคืนวันปีใหม่ การเฉลิมฉลองมักจะดำเนินต่อไปจนถึงเที่ยงคืนและต้อนรับวันปีใหม่ในวันที่ 1 มกราคม

ประเทศในแถบเกาะไลน์ อาทิ คีริบาส, ซามัว และ ตองกา ในมหาสมุทรแปซิฟิก จะเป็นพื้นที่แรกของโลกที่ต้อนเข้าสู่ศักราชใหม่ ขณะที่ อเมริกันซามัว, เกาะเบเคอร์ และ เกาะฮาวแลนด์ (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะอเมริกัน) จะต้อนรับปีใหม่เป็นพื้นที่สุดท้ายของโลกที่เข้าสู่ปี 2025 

ในแต่ชาติจะมีวัฒนธรรมการเฉลิมฉลองที่แตกต่างกัน ในประเทศจีน แม้ว่าจะมีการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนอยู่แล้ว แต่ก็มีการฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ตามแบบปฏิทินเกรกอเรียนเช่นกัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง ที่มีการจัดแสดงพลุและคอนเสิร์ตร็อก และในเซี่ยงไฮ้ที่มีการแสดงแสงและเสียงก่อนเที่ยงคืน

ใน ญี่ปุ่น, ค่ำคืนวันปีใหม่ถือเป็นเวลาที่ชาวญี่ปุ่นจะเตรียมตัวต้อนรับ 'เทพเจ้าแห่งปีใหม่' หรือ โทชิกามิ ชาวญี่ปุ่นมักนิยมทำความสะอาดบ้านและเตรียม 'คาโดมัตสึ' หรือ 'ชิเมนาวะ' เพื่อการต้อนรับเทพเจ้าถือเป็นประเพณีที่สำคัญ โดยที่วัดพุทธในญี่ปุ่นจะตีระฆัง 108 ครั้งในคืนวันปีใหม่เพื่อขจัดสิ่งไม่ดีทั้งหลาย

ใน ประเทศไทย มีหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยต่างจัดงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่ากันอย่างคึกคัก อาทิ  กรุงเทพฯ และพัทยา มีการจัดงานเคานต์ดาวน์ การแสดงพลุไฟ และคอนเสิร์ต รวมไปถึงงานปาร์ตี้ในโรงแรม ร้านอาหาร และสถานบันเทิงต่าง ๆ 

ใน ฝรั่งเศส, การเฉลิมฉลองวันปีใหม่ หรือ 'la Saint-Sylvestre' มักจะมีการจัดเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ หรือ 'Réveillon de la Saint-Sylvestre' ซึ่งมีอาหารพิเศษเช่น ฟัวกราส, ซีฟู้ด, และแชมเปญ และมีไฮไลต์คือการแสดงพลุที่หอไอเฟลเป็นประจำทุกปี

ใน รัสเซีย, การเฉลิมฉลองวันปีใหม่ที่เรียกว่า 'Novy God' แม้ว่ารัสเซียจะนับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ (Orthodox) ที่จะมีการเฉลิมฉลองบางอย่างแตกต่างจากคริสตชนประเทศอื่น แต่ก็มีรัสเซียก็มีวันหยุดที่เหมือนกับวันคริสต์มาส โด จะมีการประดับตกแต่งไฟและขอของขวัญจาก 'Ded Moroz' หรือ ซานตาคลอสในภาษารัสเซีย 

ในสหรัฐอเมริกา ไฮไลท์การถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ที่ไทม์สแควร์ในนิวยอร์ก เริ่มต้นครั้งแรกในปี 1970 ก่อนที่จะกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการเฉลิมฉลองนี้ในเวลาต่อมา ในปีนี้ลูกบอลยักษ์ที่ประดับด้วยคริสตัล จำนวน 2,688 ชิ้นที่ผลิตโดยบริษัท Gillinder Glass พร้อมติดตั้งไฟ LED มีน้ำหนักถึง 11,875 ปอนด์และเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 ฟุต จะตกลงมาในไทม์สแควร์ช่วงเวลาใกล้เที่ยงคืน พร้อมอักษรไฟคำว่า '2025' ที่มีน้ำหนักราว 545 กิโลกรัม มีความสูง 7 ฟุต ได้รับการประดับประดาด้วยหลอดไฟแอลอีดีจำนวน 620 ดวง จะสว่างไสวสร้างความประทับใจให้กับคนทั่วโลกในคืนสุดท้ายของปี

29 ธันวาคม 2453 รัชกาลที่ 6 สถาปนา 'โรงเรียนมหาดเล็กหลวง' ต่อมาได้กลายเป็น 'วชิราวุธวิทยาลัย'

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2453 รัชกาลที่ 6 พระราชทานกำเนิด 'โรงเรียนมหาดเล็กหลวง' ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น 'วชิราวุธวิทยาลัย' โดยมีวัตถุประสงค์ในการทดลองจัดการศึกษาของชาติและให้การศึกษาแก่ราษฎรเพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต นอกจากนี้ยังพระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ให้เป็นที่ตั้งโรงเรียนนี้

เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี รับทราบการจัดการศึกษาของชาติ โดยในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2453 พระองค์ทรงพระกรุณาให้จัดตั้งโรงเรียนสำหรับมหาดเล็กข้าหลวงเดิมในพระบรมมหาราชวัง ก่อนที่จะพระราชทานชื่อใหม่ว่า 'โรงเรียนมหาดเล็กหลวง'

พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เงิน 100,000 บาทเพื่อเป็นทุนของโรงเรียน และในภายหลังได้พระราชทานที่ดินสวนกระจังจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้เป็นที่ตั้งโรงเรียนถาวร ซึ่งมีการออกแบบโดยเอ็ดเวิร์ด ฮิลลี่ และพระสมิทธเลขา

โรงเรียนมหาดเล็กหลวงดำเนินการตามหลักการของระบบการศึกษาของอังกฤษ แต่พระราชดำริของพระองค์คือการสร้างเยาวชนที่มีคุณธรรมและพร้อมรับภาระในอนาคต แทนที่จะเน้นผลการเรียนเพียงอย่างเดียว

หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตในปี 2468 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมโรงเรียนราชวิทยาลัยเข้ากับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง และพระราชทานนามใหม่ว่า 'วชิราวุธวิทยาลัย' เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์

วชิราวุธวิทยาลัยได้รับการจัดตั้งเป็นโรงเรียนประจำชายล้วน และยังคงมีตึกที่พักนักเรียนที่เรียกว่า 'คณะ' ซึ่งแบ่งเป็นคณะต่าง ๆ ปัจจุบัน ดำเนินการสอนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 

28 ธันวาคม ของทุกปี วันคล้ายวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี

วันที่ 28 ธันวาคม เป็น 'วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช' ซึ่งตรงกับวันปราบดาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี พระองค์ทรงพระนามเดิมว่า 'สิน' (หรือในภาษาจีน 'เซิ้นเซิ้นซิน') พระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2277 บิดาเป็นชาวจีนแต้จิ๋วชื่อ 'นายไหฮอง' มารดาเป็นหญิงไทยชื่อ 'นางนกเอี้ยง'

สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เริ่มต้นชีวิตในฐานะมหาดเล็กและได้รับการอุปการะจากเจ้าพระยาจักรี จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2309 เมื่อกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าโจมตีและเสียกรุงเป็นครั้งที่สอง พระองค์ได้นำทหาร 500 คนฝ่าวงล้อมของพม่าและหลบหนีไปยังหัวเมืองภาคตะวันออก ต่อมาได้ยึดเมืองจันทบุรีและรวบรวมกำลังเพื่อกอบกู้เอกราชจากพม่า

วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 พระองค์ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์และทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ซึ่งเป็นการกอบกู้เอกราชให้แก่ชาติไทย หลังจากนั้นพระองค์ทรงปราบปรามก๊กต่าง ๆ และรวบรวมอาณาจักรไว้ได้สำเร็จในระยะเวลาเพียง 3 ปี

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2325 สิริพระชนมายุ 48 พรรษา ทรงครองราชย์เป็นเวลา 15 ปี โดยเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียวของกรุงธนบุรี และเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถในการกอบกู้ชาติและรักษาอิสรภาพให้กับประเทศไทย

คณะรัฐมนตรีได้ประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี เป็น 'วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช' เพื่อยกย่องพระองค์เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาติไทย พร้อมทั้งสร้างอนุสาวรีย์พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ประทับบนอัศวราชพาหนะที่วงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อชาติไทย

27 ธันวาคม ของทุกปี วันจิตอาสา วันแห่งผู้อุทิศตน ทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม

วันที่ 27 ธันวาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น 'วันจิตอาสา' เพื่ออุทิศให้กับการทำงานอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และส่งเสริมการทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน วันจิตอาสานี้มีต้นกำเนิดจากเหตุการณ์สึนามิที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ซึ่งทำให้มีอาสาสมัครจำนวนมากหลั่งไหลลงไปยังพื้นที่ประสบภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน สิ่งตอบแทนเดียวที่พวกเขาได้รับ คือการเห็นผู้รอดชีวิตเพิ่มมากขึ้น

จากเหตุการณ์ครั้งนั้น เครือข่ายจิตอาสาจึงได้กำหนดให้วันที่ 27 ธันวาคมเป็นวัน 'จิตอาสา' เพื่อระลึกถึงความร่วมมือและความเสียสละในการช่วยเหลือผู้อื่น โดยมุ่งหวังให้ผู้คนหันมาทำความดีต่อกันโดยไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตัว

26 ธันวาคม 2547 20 ปี เหตุแผ่นดินไหวสุมาตรา 9.0 ริกเตอร์ ก่อคลื่นสึนามิถล่มไทย-เอเชียใต้ เสียชีวิตกว่า 230,000 ราย

เมื่อเวลา 07.58 น. ของวันที่ 26 ธันวาคม 2547 (ตามเวลาประเทศไทย) หรือเมื่อ 20 ปีก่อน เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่มีศูนย์กลางบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีขนาดความรุนแรงถึง 9.0 ริกเตอร์ ซึ่งทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักต่อพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย รวมถึง 6 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล

ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,400 คน บาดเจ็บกว่า 8,000 คน และมีผู้สูญหายจำนวนมาก บ้านเรือนประชาชน โรงแรม รีสอร์ต รวมถึงระบบสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ และถนนได้รับความเสียหายหลายพันล้านบาท

นอกจากนี้ในเวลา 08.30 น. ของวันเดียวกัน ยังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริกเตอร์ที่รัฐฉาน ประเทศพม่า ซึ่งทำให้เกิดความสั่นสะเทือนในหลายจังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย เช่น ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน

คลื่นสึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลที่เกาะสุมาตราได้ถล่มพื้นที่ต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ รวมถึงอินโดนีเซีย อินเดีย ศรีลังกา และมาเลเซีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 230,000 คน

เหตุการณ์ในวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ถือเป็นเหตุการณ์สึนามิครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเป็นความสูญเสียที่เกินกว่าจะคาดคิด ทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สิน

25 ธันวาคม พ.ศ. 2514 ในหลวงร.9 เสด็จฯเยี่ยมราษฎรชาวเขาเผ่ามูเซอ พร้อมพระราชทานเหรียญที่ระลึกแทนบัตรประชาชน

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรชาวเขาเผ่ามูเซอ ณ หมู่บ้านผาหมี หมู่ที่ 15 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

การเสด็จพระราชดำเนินของพระองค์ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทรงส่งเสริมให้ชาวเขาปลูกพืชต่าง ๆ เช่น กาแฟ ลิ้นจี่ แมคคาเดเมีย รวมถึงพระราชทานวัวให้ชาวเขาเลี้ยง พร้อมกับหาจุดรับซื้อผลิตผล เพื่อให้ชาวเขาเหล่านั้นไม่ต้องปลูกฝิ่นหรือทำไร่เลื่อนลอย และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ยังทรงยืนยันว่า ชาวเขาเผ่ามูเซอทุกคนคือคนไทย ไม่ใช่คนเร่ร่อนไร้สัญชาติ

นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ยังทรงพระราชทาน ‘เหรียญที่ระลึกสำหรับชาวเขา’ ซึ่งมีตัวย่อ ‘ชร’ (หมายถึงจังหวัดเชียงราย) และหมายเลขโค้ด 6 หลักที่ใช้แทนหมายเลขบัตรประชาชน ให้แก่ชาวเขาบ้านผาหมี โดยทรงพระราชทานเหรียญที่ระลึกนี้แก่ชาวเขาในหลายจังหวัดทั่วประเทศประมาณ 20 จังหวัดในปี พ.ศ. 2506 รวมกว่า 200,000 เหรียญ ทุกเหรียญจะมีอักษรย่อของจังหวัดและหมายเลขประจำเหรียญ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการสำรวจสำมะโนประชากรและการพิสูจน์สัญชาติในการทำบัตรประชาชนให้แก่ชาวเขา

24 ธันวาคม 2483 ไทยประกาศให้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ ตามสากล

24 ธันวาคม พ.ศ. 2483 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ประกาศให้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ของประเทศไทย แทนวันที่ 1 เมษายน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย

ก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงนี้ ประเทศไทยเคยกำหนดวันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ซึ่งในปฏิทินจันทรคติไทยมักเริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ก่อนที่จะปรับมาใช้วันที่ 1 มกราคม ตามประกาศของรัฐบาลในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม

รัฐบาลระบุเหตุผล 4 ประการที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนี้ ได้แก่ 1.สอดคล้องกับหลักพุทธศาสนา การนับวันเดือนและการเฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยการทำบุญไม่ขัดกับหลักธรรมทางศาสนา 2. ลดอิทธิพลลัทธิพราหมณ์ เลิกการใช้คติพราหมณ์ที่เคยมีบทบาทในการกำหนดวันสำคัญของชาติ 3. มาตรฐานสากล ให้ประเทศไทยใช้ปฏิทินเดียวกับประเทศอื่นทั่วโลก เพื่อความสะดวกในการติดต่อระหว่างประเทศ 4. ฟื้นฟูวัฒนธรรมไทย สอดคล้องกับคตินิยมและจารีตประเพณีดั้งเดิมของชาติ

ประกาศระบุว่า “นานาอารยประเทศตลอดจนประเทศใหญ่ ๆ ทางตะวันออก ได้ใช้งานวันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นต้นปีมานานกว่า 2,000 ปี การเปลี่ยนแปลงนี้มิได้เกี่ยวข้องกับลัทธิศาสนา จารีตประเพณี หรือการเมืองของชาติใด แต่เป็นผลจากการคำนวณทางดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่นานาประเทศยอมรับ”

นับตั้งแต่การประกาศดังกล่าว ประเทศไทยได้ถือเอาวันที่ 1 มกราคม ของทุกปีเป็นวันเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่เรื่อยมา จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สำคัญในสังคมไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top