Saturday, 20 April 2024
อีสาน

รัฐเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงสายอีสาน เฟสแรก 'กรุงเทพฯ-นครราชสีมา' คาดเปิดใช้งานปี 70

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการความร่วมมือกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ - หนองคาย และการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย สปป.ลาว และจีน ว่า ขณะนี้โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา อยู่ระหว่างการก่อสร้างงานโยธาของโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กิโลเมตร ขณะนี้สามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ โดยโครงการฯ ประกอบด้วย 15 สัญญา แยกเป็น งานโยธา 14 สัญญา และงานระบบ 1 สัญญา โดยกระทรวงคมนาคมกำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2570  

นายอนุชา กล่าวว่า ในด้านความคืบหน้าของงานโยธา 14 สัญญา ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 1 สัญญา ได้แก่ ช่วงกลางดง-ปางอโศก ซึ่งเป็นพื้นที่ทดสอบรูปแบบการก่อสร้าง และทดสอบวัสดุก่อสร้างไทย เพื่อเทียบมาตรฐานจีน ภายใต้การก่อสร้างของกรมทางหลวง ระยะทาง 3.5 กม. และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 9 สัญญา ได้แก่ 

1.) ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม.
2.) งานอุโมงค์มวกเหล็กและลำตะคอง ซึ่งมีจุดเด่นคืองานก่อสร้างอุโมงค์ยาวรวม 8 กิโลเมตร และการก่อสร้างทางรถไฟระยะทางรวม 12.23 กิโลเมตร 
3.) ช่วงบันไดม้า-ลำตะคอง ระยะทาง 26.10 กม. 
4.) ช่วงลำตะคอง-สีคิ้วและช่วงกุดจิก-โคกกรวด ซึ่งมีจุดเด่นคือ มีงานก่อสร้างทางรถไฟระยะทางยาวที่สุดในโครงการ ระยะทาง 37.45 กม. 
5.) ช่วงโคกกรวด-นครราชสีมา ซึ่งเป็นงานก่อสร้างสถานีนครราชสีมา และการก่อสร้างทางรถไฟ ระยะทาง 12.38 กม. 
6.) ช่วงดอนเมือง-นวนคร ประกอบด้วย งานโครงสร้างทางรถไฟยกระดับ ระยะทางรวม 21.80 กม. 
7.) ช่วงนวนคร-บ้านโพ ระยะทาง 23 กม.
8.) ช่วงพระแก้ว-สระบุรี ประกอบด้วย งานโครงสร้างทางรถไฟ ระยะทางรวม 31.60 กม. แบ่งเป็น คันทางระดับดิน 7.02 กม. ทางยกระดับ 24.58 กม.
9.) ช่วงสระบุรี-แก่งคอย ซึ่งมีจุดเด่นคืองานก่อสร้างสถานีสระบุรี และการก่อสร้างทางรถไฟระยะทางรวม 12.99 กิโลเมตร

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า และเป็นการอยู่ระหว่างเตรียมก่อสร้าง 1 สัญญา ได้แก่ ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย ประกอบด้วย ทางรถไฟระดับพื้นในศูนย์ซ่อมบำรุง งานอาคารภายในศูนย์ซ่อมบำรุงรวมถนนต่อเชื่อม ได้แก่ อาคารระบบซ่อมบำรุงขบวนรถไฟ 19 อาคาร อาคารควบคุมระบบการจัดการเดินรถและฝึกอบรม 4 อาคาร อาคารสำหรับระบบซ่อมบำรุงทาง 8 อาคาร และงานก่อสร้างถนนงานระบบระบายน้ำและงานรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ และยังไม่ลงนาม 3 สัญญา ได้แก่ งานโยธาช่วงแก่งคอย-กลางดง และปางอโศก-บันไดม้า ระยะทาง 30.21 กม. ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กม. และช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.30 กม.

ล่าสุดราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินการก่อสร้างตามโครงการฯ ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป มีกำหนดระยะเวลา 4 ปี มีสาระสำคัญให้เจ้าหน้าที่เริ่มต้นเข้าสำรวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืน ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่ในการเวนคืน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกา

KKIC ผนึก 'มิตรผล' ดึง 50 พันธมิตร 'รัฐ-เอกชน' ผุด Isan BCG Expo 2022 ดันศก.อีสานโตยั่งยืน

KKIC จับมือกลุ่มมิตรผล รวมพลัง 50 พันธมิตร ภาครัฐและเอกชน จัดงาน Isan BCG Expo 2022 สร้าง ‘อีสาน’ ศูนย์กลางขับเคลื่อน BCG ทั่วอาเซียน เร่งพัฒนานวัตกรรมยั่งยืน ผสานอัตลักษณ์ท้องถิ่นดันเศรษฐกิจฐานรากโตยั่งยืน 

เมื่อวานนี้ (8 พ.ย. 65) KKIC หรือ Khon Kaen Innovation Center จับมือกลุ่มมิตรผล ประสานความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน ผนึกพลังขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG จัดงาน Isan BCG Expo 2022 งานมหกรรมนวัตกรรมยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอีสานและครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าผลักดัน ‘อีสาน’ ให้เป็นศูนย์กลางสร้างเศรษฐกิจไทยสู่ภูมิภาคอาเซียน พร้อมเร่งพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรม และเกษตรกรรมให้ทัดเทียมระดับสากลผสานจุดแข็งชูอัตลักษณ์ในท้องถิ่น มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด ‘ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ’ 

ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า เมื่อโลกกำลังเผชิญความท้าทายกับวิกฤตซ้ำซ้อนและใกล้ตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโลกรวน วิกฤตพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อ ขาดแคลนอาหาร และสังคมเหลื่อมล้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างมาก ดังนั้น การปรับโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ ​และความต่อเนื่อง​ในการแก้ปัญหาเป็นเป้าหมายสำคัญ ​คือ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของระบบเศรษฐกิจ​ควบคู่กับการลดความเหลื่อมล้ำ​ทางสังคม​ โดยส่งเสริมให้ภาคการผลิต​ การค้า​ การลงทุนให้มีความเข้มแข็ง​ และสามารถกระจายโอกาสสู่ภูมิภาคซึ่งจะเป็นการพัฒนา​ที่ยั่งยืน ดังนั้น การพัฒนา​เชิงพื้นที่​ (Area-based development) เป็นเป้าหมาย​ที่สำคัญ​ในการกระจายความเจริญ​ โดยเฉพาะในภาคอีสาน​ที่มีศักยภาพ​ ในภาคการเกษตร​ อุตสาหกรรม​ และบริการ​ รวมทั้งเป็นแหล่งแรงงาน และการค้าชายแดนที่สำคัญ​

“หนึ่งในเป้าหมายหลักที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอีสาน คือการประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยี​ชีวภาพ​ เทคโนโลยี​หมุนเวียน​ และ​เทคโนโลยี​เขียว​ (BCG)​ เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน​ แต่อย่างไรก็ตาม การประสานสามความร่วมมือ​ทุกภาคส่วนระหว่าง​ภาครัฐ​ ภาคเอกชน​ และภาคประชาสังคม จะเป็นพลังร่วมที่จะขับเคลื่อน​อีสานให้หลุดพ้นจากความยากจนและก้าวสู่ความกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน”

นายกวิน ว่องกุศลกิจ กรรมการ ขอนแก่น อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ (KKIC) กล่าวเสริมว่า “KKIC ร่วมมือกับพันธมิตร ภาครัฐและภาคเอกชน กว่า 50 ราย อาทิ กลุ่มมิตรผล, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด, บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ส จำกัด, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB), สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย หรือ TOCA, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด, โรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น และ เทศบาลนครขอนแก่น เป็นต้น จัดงาน Isan BCG Expo 2022 งานมหกรรมนวัตกรรมยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอีสานและครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อขยายพลังความร่วมมือการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ครั้งแรกในภาคอีสาน ซึ่งเป็นทางรอดเดียวที่จะช่วยแก้วิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ พร้อมผลักดัน และสร้างให้ภาคอีสานเป็นศูนย์กลางสร้างเศรษฐกิจไทยสู่ภูมิภาคอาเซียน จากศักยภาพและความพร้อมของภาคอีสานที่เหมาะสมในการพัฒนาเทคโนโลยี และสังคมสีเขียวตาม BCG model เนื่องจาก มีความหลากหลายทางชีวภาพ ทรัพยากร และความพร้อมของแรงงาน รวมถึง เป็นพื้นที่เชื่อมต่อเศรษฐกิจกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง และจีนตอนใต้ผ่าน ASEAN Highway และรถไฟความเร็วสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นจังหวัดศูนย์กลาง และเป็นประตูสู่ภาคอีสานที่เป็นเมืองแห่งการศึกษา และเป็นศูนย์รวมโรงพยาบาลและสถาบันการแพทย์ที่ล้ำสมัยที่สุดในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง

“Khon Kaen Innovation Center หรือ (KKIC) ศูนย์รวมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรม ที่มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ อาหาร และการเกษตร รวมไปถึงดำเนินแนวทางตามเศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยการนำวัสดุเหลือใช้สร้างเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงทางอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังเปิดกว้างด้านความร่วมมือในด้านต่าง ๆ กับภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันวิจัย เพื่อร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติต่อไป และเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าสนับสนุนพัฒนาชุมชน และสร้างความเข้มแข็งจากจุดแข็งที่มีของชุมชน โดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการชูอัตลักษณ์ท้องถิ่น และการนำนวัตกรรมมาช่วยพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทำให้ยกระดับชุมชน มีอาชีพ มีรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดี”  

'ศักดิ์สยาม' ลุย!! 'อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ-ยโสธร' เปิดตัว 10 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ตอกเสาเข็ม 'ภท.' ในอีสาน

เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค.2566 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เดินทางลงพื้นที่ในกิจกรรมประชุมชี้แจงนโยบายพรรคภูมิใจไทย พร้อมขึ้นเวทีปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจำนวน 10 เขต ในพื้นที่ 3 จังหวัดคือ อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ และยโสธร ท่ามกลางประชาชนที่มารอต้อนอย่างคึกคักในแต่ละจุดจำนวนหลายพันคน

โดยนายศักดิ์สยาม ยืนยันว่า ว่าที่ผู้สมัครฯ ของพรรคภูมิใจไทยทุกคน ล้วนมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ที่ตนเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อการันตีความเป็นภูมิใจไทยว่า พูดแล้วทํา และมาตอกเสาเข็มทุกต้นให้ทุกพื้นที่เจริญก้าวหน้าต่อไป ส่วนว่าที่ผู้สมัครฯ บางคน แม้จะยังไม่มีตำแหน่ง ส.ส. แต่ที่ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์ว่า ได้ลงพื้นที่คอยอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ เลือกตั้งรอบนี้จึงอยากให้พี่น้องประชาชนให้โอกาสเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ

'โรม' ปราศรัย 'นครพนม' ชูนโยบายสวัสดิการถ้วนหน้า วอน 'อีสาน' กาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

'โรม' ปราศรัยนครพนม ชูนโยบายสวัสดิการถ้วนหน้า-แก้ปัญหาเกษตร-คืนที่ดินให้ประชาชน ยกย่องคนอีสานต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ขอกาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

(4 ก.พ.66) ที่วัดโพธิ์ศรี อ.บ้านแพง จ.นครพนม รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ปราศรัยแนะนำ เทิดศักดิ์ แพงสาร หรือ ‘ทนายเก๋’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขต 1 (อ.บ้านแพง, อ.ศรีสงคราม, อ.นาทม, อ.นาหว้า) พรรคก้าวไกล พร้อมนำเสนอนโยบายพรรค มีประชาชนร่วมรับฟังราว 300 คน

รังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศในทุกด้าน และยืนยันว่าทุกนโยบายทำได้จริง ด้านการเมือง เริ่มต้นที่การปฏิรูปกองทัพ จัดการงบประมาณที่ใช้ไม่ถูกจุด นำมาจัดสรรใหม่ให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนทุกพื้นที่และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ด้านเศรษฐกิจ เราต้องการยุติทุนผูกขาดเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถแข่งขันและเติบโตได้ สร้างสวัสดิการถ้วนหน้าครบวงจร ทั้งเงินเด็กเล็กเดือนละ 1,200 บาทต่อเดือน เงินผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน ค่าแรงงานขั้นต่ำ 450 บาททันทีพร้อมระบบปรับขึ้นทุกปี ช่วยค่าเช่าบ้านหรือค่าเช่าห้องพักเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย จึงขอให้พี่น้องประชาชนกาพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เปลี่ยนประเทศไทยให้ไม่เหมือนเดิม

“การจะแก้ปัญหาของประเทศ ต้องชนกับผู้มีอำนาจ พรรคก้าวไกลพร้อมเคียงข้างประชาชนและพร้อมชนกับโครงสร้างอำนาจเหล่านั้น ตั้งแต่อดีตพี่น้องคนอีสานเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เช่นยุค 4 รัฐมนตรีอีสาน ที่ต่อสู้กับระบอบเผด็จการและความอยุติธรรม ผมชื่นชมยกย่องการต่อสู้ของพวกเขาและยึดเป็นแบบอย่าง ทำให้การอภิปรายมีลักษณะทะลุฟ้าทะลุแผ่นดินอย่างที่ผ่านมา และพร้อมจะทำหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างตรงไปตรงมาต่อไป” รังสิมันต์กล่าว

ระหว่างการปราศรัย ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่มารับฟังปราศรัยถามคำถาม ส่วนมากเกี่ยวกับปัญหาการเกษตร ปัญหาปากท้องและที่ดินทำกิน โฆษกพรรคก้าวไกลจึงกล่าวถึงแนวทางการลดต้นทุนและการเพิ่มมูลค่าแก่สินค้าเกษตร เช่น จะทำอย่างไรให้พี่น้องเกษตรกรสามารถเข้าถึงปุ๋ยราคาถูก หรือการนำผลผลิตทางการเกษตรที่ราคาตกมาเพิ่มมูลค่าด้วยการผลิตสุรา กลายเป็นสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องปลดล็อกการแข่งขันให้มีความเป็นธรรมระหว่างผู้ผลิตรายใหญ่กับผู้ผลิตรายย่อย ซึ่งพรรคก้าวไกลเคยเสนอร่างกฎหมายสุราก้าวหน้า แต่ไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ

อยู่มา 8 ปี ทำอะไรกันนักหนา!!

ผลงานรัฐบาลลุงตู่ : ภาคอีสาน

ภายหลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาบริหารประเทศ ก็เกิดการพัฒนาด้านต่าง ๆ ขึ้นถ้วนทั่วทุกภาคของไทย โดยหนึ่งในภูมิภาคที่บังเกิดผลงานอันเป็นรูปธรรมและเอื้อประโยชน์มากมายนั้น คือ 'ภาคอีสาน' ผ่านหลากหลายโครงการ ที่จะขอยกตัวอย่างมาให้เห็นคร่าว ๆ ดังนี้...

1. โครงการคนละครึ่ง
2.  บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
3. มารดาประชารัฐ
4. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ  
5. โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
6. โครงการชิมช้อปใช้
7. พัฒนาสนามบินในอีสาน เช่น สนามบินอุบลราชธานี และสนามบินขอนแก่น
8. บริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ตามโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชี
9. โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธรใหญ่ที่สุดในโลก ที่ จ.อุบลราชธานี
10. ต่อรางสร้างรถไฟฟ้า 9 สาย และโครงการรถไฟทางคู่ อ.หัวหิน, จ.ขอนแก่น, จ.สระบุรี และ จ.ลพบุรี
11. สร้างทางหลวงหมายเลข 12 จ.กาฬสินธุ์ เชื่อมไปประเทศลาว 
12. สร้างอุโมงค์ทางลอดยาวที่สุดในภาคอิสานที่ จ.อุดรธานี

‘อุ๊งอิ๊ง’ เตรียมลุย 5 จังหวัดในอีสาน ปราศรัยรวม 9 เวที 17-19 ก.พ.นี้

(15 ก.พ.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมลงพื้นที่ปราศรัยใน 5 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่นระหว่างวันที่ 17-19 ก.พ.นี้ รวมทั้งหมด 9 เวทีปราศรัย เพื่อนำเสนอนโยบายและรับฟังความคิดเห็นประชาชนร่วมกับ ส.ส.และผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคพท.ภายใต้แนวคิด ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำคนสำคัญ ทั้งนายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์พรรค น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ดและกรรมการบริหารพรรค

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 17 ก.พ.เริ่มต้นเวทีปราศรัยวัดม่วงเดียด หลวงพ่อลี อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ในเวลา 11.00 น. หลังจากนั้นจะไปเปิดเวทีปราศรัยที่ 2 ที่ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ในเวลา 14.30 น. ก่อนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ศาลากลางหลังเก่า อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 

ทั้งนี้ จ.อุบลราชธานีถือว่ามีความทรงจำร่วมกันระหว่างประชาชนกับการทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยเมื่อครั้งเป็นพรรคไทยรักไทย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เริ่มต้นแคมเปญหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน โดยชวนแกนนำพรรค รัฐมนตรีขึ้นรถไฟออกจาก อ.วารินชำราบ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยก็จะนำนโยบายไปเสนอ โดยเฉพาะนโยบายด้านการคมนาคม รถไฟความเร็วสูง 

ในวันที่ 18 ก.พ.จะเปิดเวทีปราศรัยแรกที่รร.อำนาจเจริญ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ในเวลา 10.00 น. ไปต่อที่รร.เสลภูมิพิทยาคม อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ในเวลา 14.00 น. ก่อนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บึงพลาญชัย อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ในเวลา 17.00 น. 

ซึ่งที่ จ.ร้อยเอ็ด นายทักษิณเคยจัดโมเดลแก้จนที่ อ.อาจสามารถ เรียกว่า ‘อาจสามารถโมเดล’ วางแผนยกระดับคุณภาพชีวิต ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส น่าเสียดายที่หลังลงพื้นที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองนำไปสู่การรัฐประหาร อย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นในการทำงาน แก้ปัญหาความยากจน ยังเป็นเป้าหมายหลักของพรรคะท.จนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะนำเสนอบนเวทีนี้ด้วย

'บิ๊กตู่' อารมณ์ดี เตรียมปราศรัยใหญ่เวทีบ้านเกิด วอนทุกคนเป็นหูเป็นตา ตรวจพรรคการเมืองขายฝัน

(24 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทาง และยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันเสาร์ที่ 25 ก.พ.นี้ มีอะไรไปเซอร์ไพรส์บนเวทีบ้านเกิดว่า อย่างน้อยได้ไปเยี่ยมบ้านเกิด ซึ่งไม่ได้ไปนานแล้ว ตนเกิดและโตอยู่ที่นั่น ความผูกพันมีอยู่ตลอด ซึ่งเราต้องนึกถึงบ้านเกิดเมืองนอน ถ้าจะให้พูดวันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้นายกฯ พูดทักทายเป็นภาษาโคราช เพื่อเป็นน้ำจิ้มก่อนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “สบายดีเด้อ” ผู้สื่อข่าวบอกเป็นภาษาโคราชว่า “สบายดีแมะ“ ซึ่งแปลว่า “สบายดีไหม“ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามพูดตาม พร้อมกล่าวว่า “สบายดีไหม“ ก่อนจะขำเนื่องจากพูดภาษาโคราชผิด ๆ ถูก ๆ พร้อมกล่าวว่า มันจะผสมกันไปหมดแล้ว

เมื่อถามว่า วันที่ 25 ก.พ. ที่จะถึงนี้ จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสาน ทั้ง 132 เขตหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางพรรคเตรียมไว้แล้ว

เมื่อถามว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอนโยบายด้านพลังงานน้ำมัน คิดว่าจะทำได้จริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาพูดอะไรก็ได้ แต่ต้องมาดูกติกากฎหมาย สัญญาต่าง ๆ เพราะทุกอย่างเป็นสัญญา ถ้าจะทำอะไร ก็ต้องไปแก้กฎหมายกันใหม่ตรงโน้น ฉะนั้น เราต้องเริ่มต้นใหม่ ถ้าจะทำอะไรใหม่ ๆ ก็ต้องทำให้ดี ของเดิมก็ต้องขอความร่วมมือกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้าง

เมื่อถามว่า พรรคจะลดราคาน้ำมันได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พูดอีกแล้ว รอดูแล้วกัน ไม่ต้องรวมไทยสร้างชาติ ในตอนนี้ นายกฯ จะดูแลให้ มากน้อยเดี๋ยวดู ได้คุยกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงานไว้แล้ว จะลดได้เท่าไหร่ อย่างไร แต่ต้องดูว่าจะมีปัญหาในภาพรวมหรือไม่ ยืนยันว่าจะลดให้ ไม่ใช่การหาเสียง เพราะตนพูดในนามของนายกฯ

เมื่อถามว่า หลายพรรคมีนโยบายขายฝันจะทำได้มากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกเราก็ตรวจสอบกัน ดูว่าให้อะไรเท่าไหร่ หาตัวเลขมาว่า คนแต่ละกลุ่มใช้เงินเท่าไหร่ คูณตัวเลขมา พอเพียงหรือไม่ วันนี้งบประมาณรายรับเรามีเท่าไหร่

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ปรากฎว่า ขาตั้งไมโครโฟนของสื่อ เอนใส่หน้าอก ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ชะงัก ก่อนพูดติดตลกและถามว่า “ไอ้นี้พวกใครวะ พวกเราหรอ กระแทกแบบนี้” จากนั้น ได้แกล้งดึงไมโครโฟนออกจากขาตั้งแล้วใส่กลับเข้าที่เดิม พร้อมกล่าวว่า “อย่าถือสา แหย่เล่นกัน เรามันพวกเดียวกันอยู่แล้ว“

ปราศรัยจุดเดียวกัน!! 'เพื่อไทย' เตรียมปราศรัยใหญ่ 'โคราช-บุรีรัมย์-สุรินทร์' จัดเต็ม 2 วัน 5 เวที ประเดิมเมืองย่าโม หวังเกทับ 'รทสช.'

(2 มี.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 4-5 มี.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยเตรียมลงพื้นที่หาเสียงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใน 3 จังหวัดอีสานใต้ ได้แก่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 10.00 น. จะเริ่มเวทีแรก ที่อาคารกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เทศบาลเมืองปักธงชัย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

จากนั้นจะไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ก่อนไปเปิดเวทีที่ 2 เวลา 14.00 น. ณ ลานข้างสถานีรถไฟ อ.คง จ.นครราชสีมา และช่วงเย็นเวลา 17.00 น. จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ณ สนามหน้าศาลากลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งสนามนี้เคยมีเวทีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เมื่อสัปดาห์ก่อนเชื่อว่าพรรค พท.จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เก้าอี้จะเต็มทุกที่นั่ง

พรรคส้มมาแรง!! ‘ก้าวไกล’ ปลื้ม หาเสียงอีสาน กระแสดี เตรียมลงใต้ ลั่น!! กทม.แลนด์สไลด์ จ่อเปิดตัวผู้สมัครครบ 12 มี.ค.นี้

‘ก้าวไกล’ ปลื้ม หาเสียงอีสาน ประชาชนตอบรับดีมาก เผย ‘พิธา’ เดินสายลงใต้สุดสัปดาห์นี้ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร กทม. ครบ 33 เขต 12 มีนาคม แนะนำ ‘ศุภณัฐ มีนชัยนันท์’ ชิงชัยเขตจตุจักร มั่นใจกรุงเทพฯ ‘ก้าวไกลแลนด์สไลด์’

(6 มี.ค. 66) ที่พรรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้ดูแลการเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯ พร้อมด้วย นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตจตุจักร คือ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ หรือ ‘แบงค์’

นายพิจารณ์กล่าวว่า ปัจจุบันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังอยู่ในช่วงการรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการแบ่งเขต ซึ่งไม่ว่าการแบ่งเขตจะออกมาในรูปแบบใด อาจสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบแก่บางพรรคการเมือง แต่พรรคก้าวไกลไม่มีความหนักใจ ยืนยันจะสู้ในทุกสนาม เพราะเราเชื่อในการเมืองที่ไม่ได้อาศัยหัวคะแนนหรือระบบอุปถัมภ์ เพื่อสร้างบุญคุณกับพี่น้องประชาชน แต่พรรคก้าวไกลยึดหลักการและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะในสภาฯ หรือนอกสภาฯ จะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.เขต พรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่า แม้เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ผลักดันกฎหมายหรือตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเข้มข้น หากเราได้มีอำนาจบริหารและเป็นรัฐบาล ก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในอีก 4 ปี

ดังนั้น ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้กลเม็ดใดในการแบ่งเขต เชื่อว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ จะไว้วางใจมอบคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกล และเชื่อว่าจะแลนด์สไลด์ในกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ โดยวันนี้ ขอแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. คนใหม่ ที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีว่าที่ผู้สมัครครบทุกเขตในกรุงเทพฯ นั่นคือ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ หรือ ‘แบงค์’

ด้านนายศุภณัฐ กล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจร่วมงานกับพรรคก้าวไกลว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่เห็นความเหลื่อมล้ำและความล้าหลังของประเทศ จากการบริหารที่ย่ำแย่ของรัฐบาลยุคปัจจุบัน การเลือกตั้งรอบนี้ ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะอยู่กับการเมืองแบบอดีต อยู่กับ 3ป. หรือจะสร้างการเมืองแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิม สำหรับตนแล้ว พรรคก้าวไกลคือคำตอบของประเทศ จึงอาสาเข้ามาขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อประชาชนทุกคน

“เหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือกทำงานกับพรรคก้าวไกล เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้พิสูจน์บทบาทในสภาฯ ได้อย่างเด่นชัดที่สุด ว่ากำลังต่อสู้กับระบอบอุปถัมภ์ ทุนผูกขาด” นายศุภณัฐ กล่าว

ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวถึงการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในช่วงที่ผ่านมาว่า ตลอดสัปดาห์ที่แล้ว แกนนำสำคัญของพรรคก้าวไกลลงพื้นที่หาเสียงในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน คือ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น อุดรธานี ได้รับการตอบรับดีมาจากประชาชน พี่น้องชาวอีสาน เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง และเชื่อว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่พาประเทศไทยกลับไปสู่จุดเดิม
 

ฟื้นคืน ศก.ยุคทอง!! ‘สุวัจน์’ เปิดนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ พัฒนาภาคอีสาน มั่นใจ!! สร้างความมั่งคั่ง-ยกระดับคุณภาพชีวิต ปชช.

(8 มี.ค. 66) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ตามที่พรรคชาติพัฒนากล้าได้เปิดตัว นโยบายภาพรวมในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ 12 เรื่องไปแล้ว ภายใต้แนวคิด ‘มีงาน มีเงิน ของไม่แพง’ และได้รับการตอบรับอย่างดีพร้อมข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ นโยบายโดนใจพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะนโยบายลดภาษี นโยบายในการสร้างเศรษฐกิจใหม่ นโยบายเพิ่มนักท่องเที่ยว 2 เท่า นโยบายมอเตอร์เวย์ทั่วไทย และนโยบายซ่อมบ้านให้ผู้สูงอายุ

เนื่องจากพรรคชาติพัฒนากล้า มีฐานการเมืองอยู่ที่ภาคอีสานที่จังหวัดนครราชสีมา จึงได้ออกแบบแนวคิดนโยบายเป็นการเฉพาะ ในการสร้างความมั่งคั่งทางด้านเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้กับพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาและภาคอีสาน จึงได้เตรียมการจัดงานเปิดตัวนโยบาย ‘Koratnomics’ (โคราชโนมิกส์) ในการพัฒนาอีสานและโคราช ที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันเสาร์ที่ 11 มีนาคมนี้ เวลา 9.00 น ถึง 12.00 น. ที่โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top