Sunday, 5 May 2024
ยกเลิกเกณฑ์ทหาร

‘ก้าวไกล’ เล่นใหญ่ รณรงค์ยกเลิกการเกณฑ์ทหารทั่วไทย ชี้!! นี่ต้องเป็นการจับ ‘ใบดำ-ใบแดง’ ครั้งสุดท้าย

(1 เม.ย. 66) พรรคก้าวไกล นำโดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ และนายปิยรัฐ จงเทพ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพ เขตพระโขนง-บางนา ได้เข้าสังเกตการณ์ ชวนพูดคุย และทำโพลสำรวจความเห็นต่อข้อเสนอยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร ณ หน่วยจับใบดำ-ใบแดง เขตพระโขนง โดยมีผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ทั่วประเทศกระจายทำกิจกรรมรณงค์ลักษณะเดียวกันในเขตเลือกตั้งของตนเอง

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราตั้งเป้าจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารภายใน 1 ปี เพื่อให้เมษายนปีนี้ เป็นครั้งสุดท้าย ที่ต้องมีคนมาจับใบดำ-ใบแดง หรือต้องมีคนเป็นทหารทั้งที่ไม่อยากเป็น

“เหตุผลที่พรรคก้าวไกลเสนอการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เพราะระบบเกณฑ์ทหารทำให้เกิดความสูญเสียในสองระดับด้วยกัน กล่าวคือ การสูญเสียเสรีภาพในระดับปัจเจกบุคคล ซึ่งกระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพ โอกาสความก้าวหน้าทางการงาน และเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัว ส่วนอีกระดับหนึ่งคือ ‘การสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจระดับประเทศ’ เพราะเป็นการดึงทรัพยากรมนุษย์ออกจากตลาดแรงงานในวันที่ประเทศไทยเผชิญกับ ‘สังคมสูงวัย’ และโครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนคนวัยทำงานที่ลดลง” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ ยืนยันว่า การยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารจะไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เพราะหากเราลดยอดกำลังพลที่ไม่จำเป็นหรือไม่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคง (เช่น พลทหารรับใช้) ควบคู่กับการยกระดับสวัสดิการ-สวัสดิภาพของพลทหาร และการกำจัดความรุนแรงในค่าย ยอดทหารที่สมัครใจเข้ามาจะเพิ่มขึ้นและเพียงพอต่อภารกิจการรักษาความมั่นคงของประเทศ ซึ่งหากการยกเลิกเกณฑ์ทหารสามารถเกิดขึ้นได้จริงจะส่งผลดีกับทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่กองทัพ ที่จะได้ลบข้อครหาว่าเป็น ‘สถาบันอำนาจนิยม’ และก้าวสู่ ‘กองทัพยุคใหม่’ ที่เต็มไปด้วยบุคลากรที่สมัครใจทำงานและพร้อมทุ่มเทให้องค์กรอย่างแท้จริง

เจาะนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารและปฏิรูปกองทัพ พรรค 'ก้าวไกล-เพื่อไทย-เสรีรวมไทย' คิดอะไรกันอยู่?

วิเคราะห์นโยบายของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๖

การเกณฑ์ทหารคือ การระดมและเตรียมพร้อมสรรพกำลังของชาติ เพื่อดำรงคงไว้ซึ่ง ‘ศักย์สงคราม’ (War Potential) เพื่อให้ประเทศชาติมีความพร้อมต่อภัยคุกคามจากอริราชศัตรู

หลาย ๆ คนที่ตั้งคำถามว่า เราจะเตรียมทหารให้พร้อมเพื่อรบกับใคร การรบครั้งล่าสุดของกองทัพไทยเกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาคือ กรณีการปะทะกับกัมพูชาตามแนวชายแดน อันเนื่องมากจากข้อพิพาทระหว่างกันในเรื่อง ‘เขาพระวิหาร’ พ.ศ. 2553 และพึ่งจะครบ 35 ปี ในกรณีการปะทะกับสปป.ลาว อันเนื่องมากจากข้อพิพาทระหว่างกันในเรื่อง ‘ชายแดนบริเวณบ้านร่มเกล้า อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก’   

อีกทั้งบนโลกใบนี้มีสงครามและความไม่สงบเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา การดำรงคงไว้ซึ่ง ‘ศักย์สงคราม’ เพื่อให้ประเทศชาติมีความพร้อมในการป้องกันประเทศจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยถือเป็นการประกันเอกราชและอธิปไตยของชาติ

นอกจากนั้นแล้ว หน่วยทหารของเราตลอดแนวชายแดนไม่ว่าทางบกหรือทางน้ำ ต้องทำหน้าที่สกัดกั้นหยุดยั้งภัยคุกความต่อความมั่นคงและสังคม ไม่ว่าจะเป็น การจับกุมคาราวานยาเสพติด การค้าอาวุธ การค้ามนุษย์ การจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง สินค้าหนีภาษี การบ่อนทำลายทรัพยากรธรรมชาติของชาติ เช่น การลักลอบตัดไม้ การจับสัตว์น้ำ ฯลฯ ด้วยกำลังและยุทโธปกรณ์ของหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบภารกิจนั้น ๆ ไม่เพียงพอต่อภารกิจที่ต้องดูแลรับผิดชอบ

กองทัพไทยยังต้องรับผิดชอบดูแลสถานการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้นับแต่เหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือค่ายปิเหล็ง ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2547 ซึ่งถูกมองว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยในระลอกใหม่ ต่อเนื่องยาวนานมากว่า 19 ปีแล้ว 

และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมื่อเกิดบรรดาพิบัติภัยต่าง ๆ ขึ้น ก็ต้องอาศัยกำลังพลตลอดจนยุทโธปกรณ์ของกองทัพในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ในทุกมิติ

‘นพวรรณ’ แจง กรณี ‘ชัยวุฒิ’ ปราศรัยโจมตียกเลิกเกณฑ์ทหาร ชี้!! ยังมีความสำคัญ เพื่อป้องกันประเทศจากอาชญากรรมข้ามชาติ

(11 เม.ย. 66) น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขต 12 เขตบางเขน (เฉพาะแขวงท่าแร้ง เขตลาดพร้าว (เฉพาะแขวงจรเข้บัว) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จากกรณีที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร.ว่าได้ปราศรัยโจมตีการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เป็นการบิดเบือน ใส่ร้าย เพราะนโยบายที่พรรค พท.นำเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สนับสนุนการเกณฑ์ทหาร เป็นระบบสมัครใจนั้น ว่า

ขอยืนยันว่า ประเด็นการเกณฑ์ทหารเป็นการปราศรัยในภาพรวม ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นนโยบายของพรรคใด โดยสะท้อนให้เห็นว่ากำลังพลของทหาร มีบทบาทและหน้าที่สำคัญนอกเหนือจากปกป้องอธิปไตยแล้ว ยังต้องทำหน้าที่ปกป้องอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มาในรูปแบบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ เนื่องจากพื้นที่ชายแดนมีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ยังพบการลักลอบ ยาเสพติด และแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายเข้ามาจำนวนมาก เนื่องจากไทย เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่เติบโต มีความสงบ จำเป็นต้องอาศัยกำลังพลทหารปกป้องประชาชนคนไทย ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากภัยร้ายแรงจากอาชญากรรม

“การพูดถึงนโยบายนี้ของนายชัยวุฒิ ไม่ได้วิจารณ์เจาะจงเฉพาะพรรค พท.เเต่พูดในภาพรวมเพื่อเเสดงจุดยืนว่าพรรค พปชร. ไม่สนับสนุนการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เเต่อยากให้คงไว้เพื่อการฝึกความรักชาติเเละความเสียสละให้กับคนรุ่นใหม่ หากจะออกมาตอบโต้ประเด็นนี้ อยากให้ ย้อนกลับไปดูการขึ้นเวทีดีเบตของคนพรรค พท.เอง ที่เคยระบุว่า อาจจะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ซึ่งได้ปรากฏข้อความดังกล่าวผ่านสื่อต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอออกไปแล้ว แบบนี้ จะบอกว่าทางพรรค พปชร. ตั้งใจบิดเบือนข้อเท็จจริงนั้นไม่เป็นความจริง” น.ส.นพวรรณ กล่าว

‘พลทหารหนุ่ม’ อัดคลิปติ๊กต็อก ตอกกลับชาวเน็ตปากแจ๋ว หลังเจอคอมเมนต์เหมารวม ถาม “ศักดิ์ศรีของทหาร ยังมีอยู่หรือ?”

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งชื่อ ‘9bill official’ ได้ออกมาพูด ถึงกรณี ‘ศักดิ์ศรีของทหาร’ โดยเจ้าตัวเผย ว่า ตนเป็นทหารยศสิบเอก เป็นทหารชั้นผู้น้อย การที่ตนได้ออกมาทำคลิปดังกล่าวนั้น เป็นการทำเพื่อสาธารณประโยชน์ และให้ความรู้ ความเข้าใจแก่น้อง ๆ เยาวชน เพื่อนำไปใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจ ในการสมัครทหาร หรือการสอบนายสิบ

โดยพลทหารหนุ่มได้กล่าวต่อว่า ทหารทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณฐานตามแนวชายแดน และในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ การที่ทหารเหล่านี้ต้องจับปืน ออกไปเสี่ยงภัย ไปทำหน้าที่เพื่อปกป้องประชาชน และความสงบสุขของประเทศชาติ ยังไม่เสียสละพออีกหรือ?

นอกจากนี้ พลทหารหนุ่มได้ย้อนถามกลับผู้ที่เข้ามาคอมเมนต์ว่าร้ายทหารแบบเหมารวม ว่า มีความกล้าแบบนี้หรือไม่ แม้แต่เกณฑ์ทหารยังไม่กล้าเลย

“ชายไทย อายุ 21 ปี ต้องเกณฑ์ทหาร เราเป็นชายไทย เกิดเป็นผู้ชายก็ต้องผ่านการเกณฑ์ทหาร ถูกต้องไหม? ซึ่งคุณจะสมัคร หรือหยิบใบดำใบแดงก็แล้วแต่คุณ แต่อย่ามาพูดแบบนี้อีกนะน้องนะ พี่เตือนไว้นะ อย่าไปพูดแบบนี้อีก ถ้าด่าผมคนเดียว ผมไม่ว่าอะไรเลย ผมจะไม่ตอบกลับเลย แต่นี่คุณเหมือนด่าองค์กรผม ผมขอบอกเอาไว้เลยนะครับว่า องค์กรทหาร เป็นองค์กรที่ศักดิ์สิทธิ์ ทหารไม่ได้เพิ่งมีเมื่อปี 24 นะครับ ทหารมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย สืบทอดกันมา ทหารเรามีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ดูแล ปกป้องประชาชน เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

‘ก้าวไกล’ ลั่น!! นโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารมาแรง วอนขอเป็น รบ. จะ ‘ดันเร่งกระจายอำนาจ-สุราก้าวหน้า-ปฏิรูปที่ดิน’

‘โรม’ พบเครือข่ายก้าวไกลพังงา เผยนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารมาแรง ขอโอกาสกาก้าวไกลเป็นรัฐบาล ดันกระจายอำนาจ-สุราก้าวหน้า-ปฏิรูปที่ดิน ให้งานและเงินอยู่ใกล้บ้าน การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

(15 เม.ย. 66) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมกับ นายธีรุตม์ สันหวัง ผู้สมัคร ส.ส.พังงา เขต 1 พบปะทีมทำงานและเครือข่ายพรรคก้าวไกล ที่ศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมือง จังหวัดพังงา โดยนายรังสิมันต์ได้รับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมหลายคน เกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกล หนึ่งในข้อข้องใจหลักคือ ข่าวปลอมที่ว่าพรรคก้าวไกลจะยกเลิกบำนาญข้าราชการ ซึ่งนายรังสิมันต์ยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่มีนโยบายดังกล่าว และหากย้อนกลับไปฟังการอภิปรายของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็จะพบว่าไม่มีการสื่อสารว่า จะตัดลดหรือยกเลิกบำนาญข้าราชการตั้งแต่ต้น

นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า นโยบายของพรรคก้าวไกลที่ดูจะได้รับความนิยมมากที่สุด คือนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารและการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกประชากรคนหนุ่มนับแสนคนต่อปีให้สามารถออกไปทำงานและใช้ชีวิตตามที่ต้องการ ยิ่งในช่วงที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) คนหนุ่มเหล่านี้ถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศ พรรคก้าวไกลจึงเสนอยกเลิกเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจทั้งหมด ลดขนาดกองทัพ และเพิ่มการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน สวัสดิการ และประสิทธิภาพของกำลังพล

‘วรนัยน์’ ชี้ ไทยไร้ภาวะสงคราม ไม่จำเป็นต้องบังคับเกณฑ์ทหาร แนะ ควรมองบริบทโดยรวมที่แตกต่างของแต่ละประเทศ

เมื่อไม่นานมานี้ นายวรนัยน์ วาณิชกะ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์คลิปผ่านติ๊กต็อกส่วนตัว ชื่อ ‘voranai11’ ถึงกรณีการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร โดยได้ยกตัวอย่างสาเหตุของแต่ละประเทศในการต้องมีทหาร ว่า…

“เนื่องจากเป็น ส.ส. สอบตก ทำให้ในช่วงนี้ผมได้มีเวลามากขึ้น เพราะฉะนั้น อยากจะใช้โอกาส ตอบข้อโต้แย้งเกี่ยวกับประเด็นวิดีโอยกเลิกเกณฑ์ทหาร ที่ผมได้ทำมาประมาณเดือนกว่าแล้ว และได้ยอดวิวในติ๊กต็อกมาประมาณ 3 ล้านวิว

ประเด็นแรก หลายคนพูดว่า ประเทศไทยไม่ควรและไม่จำเป็นต้องทำแบบประเทศอื่น ผมอยากจะเสนอแนวคิดนี้ครับ มนุษย์เราอยู่บนโลกที่กว้างใหญ่ มีความรู้ไร้ขีดจำกัด การวิวัฒนาการของมนุษย์นั้นก็คือการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะเรียนรู้ได้ สิ่งใดที่ดี เรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ สิ่งใดที่ไม่ดี เรียนรู้ เพื่อที่จะไม่นำมาประยุกต์ใช้ นี่คือวิถีของมุนษย์ ที่ไม่ยอมที่จะอยู่ในกะลา

ประเด็นที่สอง ประเทศอิสราเอล ประเทศเกาหลีใต้ หรือประที่เจริญแล้ว ก็ยังมีการเกณฑ์ทหาร ถูกต้องครับ แต่เราต้องเข้าใจบริบทของ geopolitics หรือ ที่เราเรียกว่า ‘ภูมิรัฐศาสตร์’ หรือ ‘ภูมิศาสตร์การเมือง’ ของแต่ละประเทศ ผู้นำทั่วโลกต่างตระหนักดีว่า เกาหลีเหนือมีความต้องการที่จะบุกยึดเกาหลีใต้ ผู้นำทั่วโลกตระหนักดีว่า อิหร่านมีความต้องการที่จะบุกยึดอิสราเอล เพราะฉะนั้น ทั้ง 2 ประเทศนี้ จึงต้องมีความพร้อมที่จะสู้รบสงครามครั้งใหญ่ทุกเมื่อ เกาหลีใต้ จึงต้องมีการเกณฑ์ทหาร และนอกจากนี้ อิสราเอลยังมีการเกณฑ์ทหารทั้งผู้ชายและผู้หญิงอีกด้วย นั่นคือบริบทของประเทศนั้นๆ”

เมื่อถามถึงบริบทของประเทศไทย นายวรนัยน์ กล่าว่า ไม่มีประเทศเพื่อนบ้านของเราประเทศไหน ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย หรือประเทศใดก็ตาม มี national agenda หรือ ‘วาระแห่งชาติ’ ที่จะบุกยึดประเทศไทย เมียนมาก็ไม่มี national agenda ที่จะบุกยึดประเทศไทย เพราะนายพลของเมียนมา มีความสนิทสนมกับนายพลของประเทศไทย มีความรักกันมาก รักกันยิ่งกว่ารักประชาชนในประเทศของตัวเองเสียอีก ตนไม่ได้กลัวว่านายพลของเมียนมาจะส่งทหารมายิงคนไทย แต่ตนเป็นห่วงว่านายพลของไทย จะส่งทหารมายิงคนไทย นี่คือ บริบทของประเทศไทยของเรา

เมื่อถามว่า ชายแดนของไทยเรามีปัญหาหรือไม่? นายวรนัยน์ ตอบว่า มี แต่ทหารอาสาที่สมัครใจมาเป็นทหารที่เรามีอยู่ สามารถจัดการได้ ทหารพรานที่สมัครใจ สามารถจัดการได้

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่หลายคนโต้แย้งว่า สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่เจริญแล้ว ไม่ได้อยู่ในบริบทที่จะมีใครมาบุกยึดด้วยซ้ำไป เป็นนายธนาคารของทั้งโลก แต่ก็ยังมีการเกณฑ์ทหาร นายวรนัยน์ ได้อธิบายไว้ว่า “ถูกต้องครับ เขามีการเกณฑ์ทหาร เมื่อถามว่าบริบทคืออะไร ประการแรก คือ ทหารเกณฑ์ของประเทศเขา ไม่ใช่ทหารรับใช้ ไม่มีใครต้องมานั่งซักเสื้อผ้าให้คุณนาย หรือคอยรับใช้นายพล เขาเหล่านั้นเป็นทหารที่ถูกฝึกและใช้งานอย่างมืออาชีพ ประเด็นที่สอง เขามีทางเลือก หากใครไม่อยากเป็นทหาร เขาสามารถเลือก Alternative civilian service หรือ ‘บริการพลเรือนทางเลือก’ ได้ ว่าจะไปอยู่หน่วยกู้ภัย หรือหน่วยอื่นๆ ตรงส่วนนี้ก็สามารถเลือกได้”

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ คือ ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีการทำประชามติ ว่าจะยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่ ผลออกมาคือ 70% บอกว่า “ไม่ยกเลิก” ไม่ยกเลิก ก็คือไม่ยกเลิก นี่คือวิถีของประชาธิปไตย ร่วมกันตัดสินใจ

เมื่อถามว่า แล้วอย่างนี้ ประเทศไทยควรมีการร่วมกันทำประชามติ เรื่องของการยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่? นายวรนัยน์ ตอบว่า “ไม่จำเป็น ตอนนี้เลือกตั้งเสร็จแล้ว พรรคใหญ่ที่ชนะการเลือกตั้ง อันดับ 1 และ อันดับ 2 ทั้ง 2 พรรค ชูนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ดังนั้น เขามีมติอยู่แล้ว ในสภาฯ ก็ผ่านได้ เพราะฉะนั้น การยกเลิกเกณฑ์ทหารก็เป็นวิถีของประชาธิไตยอยู่แล้ว และนี่คือ การใช้หลักการประชาธิไตย ที่จะตัดสินทิศทางของประเทศไทยต่อไป”
 

‘เพชร กรุณพล’ ลั่น!! ถ้าสุดโต่งแล้วเจริญ แล้วไม่อยากสุดโต่งกันเหรอ

เมื่อวานนี้ (21 ก.ค. 66) ‘เพชร’ หรือนายกรุณพล เทียนสุวรรณ นักแสดง และพิธีกร และนักการเมืองในสังกัดพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความสุดโต่งของพรรคก้าวไกล เช่น 'ยกเลิกเกณฑ์ทหาร-ม.112' ระหว่างออกรายการ 'แฉ' โดยระบุว่า…

“สุดโต่งแล้วเจริญแบบ อังกฤษ, ญี่ปุ่น, สวีเดน, เดนมาร์ก ไม่อยากสุดโต่งกันเหรอ คิดว่าเราเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป”

>> สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://vt.tiktok.com/ZSLmWRh2m/ 

‘น็อต วรฤทธิ์’ ลั่น!! 14 ล้านเสียงที่เลือกคุณมา ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการจะเปลี่ยน ม.112

เมื่อวานนี้ (21 ก.ค. 66) น็อต วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ นักแสดงและพิธีกรชาวไทย ได้กล่าวถึงความสุดโต่งของพรรคก้าวไกล เช่น ยกเลิกเกณฑ์ทหาร และ ม.112 ระหว่างออกรายการ แฉ โดยระบุว่า… 

"14 ล้านเสียงที่เลือกคุณมา ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการจะเปลี่ยน ม.112 แต่เขาซื้อนโยบายส่วนหนึ่งของคุณ อย่างเรื่อง 3,000 บาท หรือยกเลิกเกณฑ์ทหาร แต่ถ้าคุณบอกต้องเปลี่ยนเพื่อให้ตามทันโลก...ประเทศไทย ก็เป็นประเทศไทย เรามีรากเหง้าของเรา"

‘รทสช.’ หนุน ‘ยกเลิกเกณฑ์ทหาร’ เปลี่ยนเป็น ‘สมัครด้วยใจ’ ชี้!! ต้องมีสวัสดิการที่ดี เพื่อจูงใจสมัครทหารเกณฑ์มากขึ้น

(4 ก.ย. 66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการปรับลดการเกณฑ์ทหาร ว่า ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่พรรครวมไทยสร้างชาติสนับสนุนให้มีการปรับลดการเกณฑ์ทหาร ไปจนถึงการยกเลิกการเกณฑ์ทหารไปเลยในอนาคต ซึ่งเมื่อปรับลดการเกณฑ์ทหารแล้ว ต้องปรับเพิ่มสวัสดิการของทหารเกณฑ์ ให้มีสวัสดิการที่ดีขึ้น เพื่อจูงใจให้คนเข้ามาสมัครเป็นทหารเกณฑ์ให้มากขึ้น

นายอัครเดช กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเห็นด้วยกับนโยบายของนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ในเรื่องการเกณฑ์ทหาร และเพิ่มประสิทธิภาพกองทัพ คือลดขนาดกองทัพให้กะทัดรัด แต่มีความคล่องตัวในการทำงาน ต้องเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของกองทัพ นโยบายนี้ขอสนับสนุนให้ทำได้เลย ถ้ากองทัพมีความพร้อม ถ้าเป็นไปได้ว่าที่ผบ.เหล่าทัพควรนำไปปฏิบัติได้ทันที หรืออย่างช้าในปีหน้าจะเป็นเรื่องดี

นายอัครเดช กล่าวว่า ถ้ากองทัพมีความพร้อมควรเริ่มดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในทันที พรรครวมไทยสร้างชาติก็อยากให้นโยบายนี้เกิดผลเร็วที่สุด ถ้าปีหน้าสามารถเปิดรับสมัครทหารเกณฑ์ด้วยความสมัครใจถ้าทำได้ 100 % ก็ควรจะทำทันที แต่ถ้ายังไม่พร้อมอย่างช้านโยบายนี้ก็ควรจะเกิดผลในทางปฏิบัติได้ในปีถัดไปเป็นอย่างช้า

นายอัครเดช กล่าวว่า เท่าที่ดูการพบกันของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และว่าที่ผู้นำเหล่าทัพของนายเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ที่ว่าที่ผบ.เหล่าทัพจะได้ทำงานสนองนโยบายของรัฐบาล ฝ่ายการเมืองให้เกียรติกองทัพ ขณะที่กองทัพก็ให้เกียรติรัฐบาล ถือเป็นนิมิตรใหม่ที่ดีในการทำงานร่วมกันในอนาคตว่าจะราบรื่น ในเมื่อรัฐบาลและกองทัพเดินหน้าทำงานไปด้วยกัน ยึดถือประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็น 

‘สุทิน’ พบ ‘สุกำพล’ ขอคำแนะนำคุมกลาโหม เผย!! กองทัพพร้อมปรับลดกำลังพล แต่ต้องไม่กระทบต่อศักยภาพ

(4 ก.ย. 66) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าพบ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 10 ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านสุวรรณทัต จังหวัดปทุมธานี เพื่อพูดคุยขอคำแนะนำในการทำงานร่วมกับกองทัพ โดยนายสุทินได้นำพวงมาลัยดอกมะลิมามอบให้ พล.อ.อ.สุกำพล ก่อนเข้าไปภายในบ้าน

ระหว่างการหารือ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พลเรือนแท้ ๆ มาคุมกระทรวงกลาโหม นายสุทินได้ตอบว่า มาทำงานตรงนี้เลือกไม่ได้ จึงอยากจะขอคำแนะนำ เพราะพลเรือนแม้จะศึกษามามาก แต่ก็ไม่สู้คนที่ทำมาก่อน โดยเฉพาะความเป็นรัฐมนตรี จึงต้องมาขอคำแนะนำ ซึ่งพล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่มาขอคำแนะนำ เพราะบางคนอยากทำก็ทำเลย ทำไปแล้วผิดก็ไปเลย

ภายหลังการพูดคุย นายสุทินกล่าวกับสื่อมวลชนว่า วันนี้มาหาอดีตรัฐมนตรีได้ทั้งความรู้และสิ่งที่สำคัญคือกำลังใจ ซึ่ง พล.อ.อ.สุกำพลได้ให้ความเชื่อมั่นและคำแนะนำ เรื่องการลำดับความสำคัญในการบริหาร การวางตัวต่อกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์มาก

ส่วนกำหนดการเข้ากระทรวงกลาโหม นายสุทินกล่าวว่ายังไม่ได้กำหนด ต้องไปหารือกับที่ประชุมของพรรคเพื่อไทยก่อน และอาจจะต้องรอความชัดเจนหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา คาดว่าจะเป็นช่วงหลังวันที่ 11 ก.ย.

นายสุทินกล่าวอีกว่า การเดินสายพบผู้นำเหล่าทัพก่อนหน้านี้เป็นไปด้วยดี ทั้งการพูดคุยแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย ได้เห็นสัญญาณจากกองทัพเองว่า กองทัพเปิดใจกว้างที่จะรับพลเรือน ซึ่งถ้าเราเข้าใจเขาและมีความชัดเจนถึงแนวปฏิบัติต่าง ๆ และเขาเชื่อว่าเราทำเพื่อชาติจริง ๆ กองทัพก็จะไม่มีปัญหา

นายสุทินกล่าวว่า การทำงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตนเองไม่ได้รู้สึกลำบากใจ แต่ก็ไม่ได้ประมาท หมายความว่าจะเข้าไปบริหารแบบไม่เตรียมตัวใด ๆ จะวางใจมากเกินไป คิดว่าเราชำนาญรู้ดีแล้วไม่ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องการรัฐประหารเหมือนที่พรรคเพื่อไทยเคยโดนมาแล้ว เรื่องอย่างนั้นไม่ได้เป็นประเด็นที่ต้องมาคิด

นายสุทินเปิดเผยอีกว่า เรื่องการปรับการเกณฑ์ทหารให้เป็นระบบสมัครใจและงบประมาณกองทัพเกี่ยวกับเรือดำน้ำนั้น ได้มีการพูดคุยกับผู้นำเหล่าทัพไปแล้ววานนี้ (3 ก.ย.) แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด ซึ่งเรื่องการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจทางกองทัพคิดมานานและก็ทำมาอย่างเป็นขั้นตอน เพียงแต่ว่าถ้าจะทำให้รวดเร็วให้ทันกับที่สังคมต้องการ รัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนกองทัพ อย่างไรก็ดี การเกณฑ์ทหารระบบสมัครใจสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่เดือนนี้ เมื่อได้พลทหารระบบสมัครใจเต็มจำนวน เดือนเมษายนก็ไม่จำเป็นจะต้องมีการเกณฑ์ทหารอีก

ส่วนการปรับลดกำลังพล ทางกองทัพเองมีแผนในการดำเนินการอยู่ และมีเป้าหมายว่าปี 2570 ขนาดกองทัพจะเปลี่ยนไป ตนในฐานะรัฐมนตรีก็ต้องให้การสนับสนุนกองทัพไปสู่เป้าหมายนั้น ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงที่สังคมต้องยอมรับ คือประเทศต้องมีทหาร และกองทัพมีการประเมินจำนวนกำลังพลที่เหมาะสมไว้ ซึ่งยอดกำลังพลตอนนี้มากไป ทางกองทัพก็ยินดีจะปรับลด เพียงแต่จะต้องไม่กระทบกับศักยภาพของกองทัพ

นายสุทินกล่าวอีกว่า สำหรับการจะส่งเสริมให้คนมาสมัครเป็นพลทหารจำนวนมากๆ นั้น ต้องสร้างแรงจูงใจ ซึ่งในความคิดของตนจะต้องทำ 2 อย่าง คือ 1.ปรับสวัสดิการให้ทหาร 2.ปรับทัศนคติเชิงลบของสังคมต่อทหารเกณฑ์ เช่น ผู้ปกครองของพลทหารมักมีภาพจำต่อการฝึกของกองทัพว่ามีความโหดร้ายทารุณ ส่งผลให้พลทหารบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม้จะมีกรณีตัวอย่างไม่มาก แต่เรื่องเหล่านี้มักจะเป็นข่าว หรือเงินเดือนที่พลทหารได้รับจริงถูกหักออก ไม่เป็นไปตามที่เสนอไว้ ดังนั้น จึงต้องมีการปรับความเชื่อ และทำให้ระบบโปร่งใสยิ่งขึ้น

นายสุทินกล่าวได้กล่าวถึงเรื่องการพิจารณาเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำที่สั่งซื้อจากจีนว่า มีทางออกที่ดีอยู่ เพียงแต่ต้องรอความชัดเจนหลังแถลงการนโยบาย คำว่าดีก็คือ กองทัพต้องพอใจ และประชาชนและสังคมรับได้ มีเหตุผลอธิบายได้ และต้องพูดคุยกับกองทัพให้ละเอียด ต้องศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน โดยต้องคุยกับ ผบ.ทร.และคณะ ต้องฟังคนที่เขาจะใช้ด้วย ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะยกเลิกเพื่อเปลี่ยนไปใช้ของชาติอื่นหรือจะเดินหน้า

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หากมีโอกาสจะไปพูดคุยกับ 2 ป. (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) หรือไม่ นายสุทินตอบว่า หากมีโอกาสก็อยากเข้าพบ เพราะไม่ได้ถือตนว่าเป็นฝ่ายใด

ทั้งนี้ ในลำดับถัดไป นายสุทินมีกำหนดการเข้าพบ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และอดีต รมว.กลาโหม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ สว. และ อดีต รอง ผบ.ทบ. ส่วนสายวิชาการ จะมีการหารือกับ นายสุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการรัฐศาสตร์อาวุโส และ นายปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top