Saturday, 25 May 2024
ยกเลิกเกณฑ์ทหาร

‘ก้าวไกล’ เสนอ ‘บิ๊กทิน-รบ.ใหม่’ เขย่ากองทัพ หากการันตี ‘ยกเลิกเกณฑ์ทหาร’ พร้อมร่วมมือ

(6 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลชุดใหม่ เกี่ยวกับการยกเลิกการเกณฑ์ทหารว่า ขณะนี้สังคมกำลังจับตามอง ทางพรรคก้าวไกลจะมีการชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ซึ่งตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 ได้ให้อำนาจกองทัพสามารถบังคับคนที่ไม่อยากเป็นทหารเข้าเป็นทหารแม้ในยามที่ไม่มีสงคราม ทำให้มีช่องว่าง เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ยอดผู้สมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหารเฉลี่ย 30,000 คนต่อปี น้อยกว่ายอดกำลังพลที่กองทัพต้องการคือ 90,000 คนต่อปี ทำให้วันนี้ทุกฝ่ายคงเห็นตรงกันถึงราคาที่สังคมต้องจ่าย เมื่อมีการบังคับคนเข้าไปเกณฑ์ทหาร กระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพ หรือการทำตามความฝัน การใช้เวลากับครอบครัว ไปจนถึงการดึงทรัพยากรมนุษย์ออกจากตลาดแรงงานในระดับสังคม

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ถ้าเราอยากจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารให้สำเร็จ โดยไม่ให้กระทบภารกิจการรักษาความมั่นคง คือต้องลดยอดกำลังพลที่กองทัพต้องการ หรือลดยอดผี คือ ชื่ออยู่ในทะเบียนแต่ตัวไม่อยู่ในค่ายทหาร ลดทหารรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคง ทบทวนงานบางอย่างตามบริบทภัยความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไปขณะเดียวกันต้องเพิ่มยอดสมัครใจในการเกณฑ์ทหาร ด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหาร ทั้งค่าตอบแทน ความปลอดภัย โอกาสในความก้าวหน้าของอาชีพ

“การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร มี 2 แบบคือ 1.) ลุ้นยกเลิกแบบปีต่อปี ค่อยๆ ลดช่องว่างกำลังพล ตามแผนของกระทรวงกลาโหมปี 2566-70 ที่กำลังดำเนินการอยู่ และ 2.) ที่พรรคก้าวไกลเสนอ คือ เลิกแบบการันตีไม่มีเกณฑ์ทหาร คือการแก้ไข พ.ร.บ.รับราชการทหาร ปี 2497 ทำให้กองทัพไม่มีอำนาจ ในการบังคับคนเป็นทหาร ในช่วงไม่มีสงคราม เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเราจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารสำเร็จในกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ เพราะสามารถกำหนดได้ในกฎหมาย ทำให้ผู้ที่เกณฑ์ทหารไม่ต้องมาลุ้นปีต่อปีเหมือนการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารแบบแรก ขณะเดียวกันจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้กองทัพปฏิรูปตัวเอง และให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหาร ก็คงต้องจับตาดูการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ว่าแนวทางการยกเลิกฯ จะเป็นอย่างไร” นายพริษฐ์ กล่าว 

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าการชี้แจงของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เกี่ยวกับกับเรื่องนี้ ดูจะเป็นแนวทางการยกเลิกฯ แบบที่ 1 ถ้าในที่สุดออกมาเป็นแบบที่ 1 ก็เพียงแต่หวังว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนเรื่องกรอบเวลาว่าจะลดกำลังในแต่ละปีอย่างไรจนเป็นศูนย์ แต่ถ้าเป็นแบบที่ 2 พรรคก้าวไกลยินดีร่วมมือกับรัฐบาล เพราะเราได้ยื่นร่างแก้ไขกฎหมายรับราชการทหารเข้าสู่สภาฯ แล้ว อยู่ในขั้นตอนการรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่เซ็นรับรองให้สามารถถูกบรรจุในสภาฯ แล้วมีการถกเถียงกัน

เมื่อถามว่านายสุทิน ออกมาระบุยืนยันในเดือน เม.ย.ปีหน้า จะไม่มีการเกณฑ์ทหารแล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบที่ 1 มันจะอยู่ในสภาวะที่ต้องลุ้นปีต่อปี ตัวเลขแรกในยอดกำลังพลที่จะลดในแต่ละปี ก็ยังไม่ได้มีการสื่อสารออกมา ถึงแม้ปีหน้าจะสามารถลดให้เหลือศูนย์ได้จริง แต่คงต้องมาลุ้นในปีต่อไปอีกว่า ยอดกองทัพจะมีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งอาจไม่ได้เป็นการรับประกันให้เยาวชนที่ต้องวางแผนชีวิตว่าจะมีความเสี่ยงในการรับการเกณฑ์ทหารหรือไม่

“การปฏิรูปกองทัพต้องมีไอเดียมาจากรัฐบาลพลเรือนที่เป็นกรอบการดำเนินการด้วย ไม่ใช่แค่ปล่อยให้องค์กรนั้นๆทำแผนที่ตัวเองคิดมาเพียงอย่างเดียว อย่างที่ผ่านมาอาจมีกฎหมายบางส่วนที่ทำให้กองทัพมีอำนาจเหนือพลเรือนเช่น พ.ร.บ.ระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่า การตัดสินใจหลายๆ อย่างเกี่ยวกับงบประมาณ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของรมว.กลาโหม ที่เป็นตัวแทนของพลเรือน แต่กลับไปอยู่ในอำนาจของสภากลาโหมที่ประกอบไปด้วยข้าราชการทหารเป็นหลัก ทำให้ขัดหลักที่ว่ารัฐบาลพลเรือนควรอยู่เหนือกองทัพ” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามถึงการหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านร่วมกัน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย ที่ผ่านมามีแต่การพูดคุยในพรรคก้าวไกลเป็นหลัก 

‘ประธานกลุ่มประชาภักดิ์ฯ’ แจ้งความ ‘เนติวิทย์และพวก’ หลังกระทำ ‘อารยะขัดขืน’ หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร

เมื่อวานนี้ (8 เม.ย. 67) นายทรงชัย เนียมหอม ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน นำเอกสารคำร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และพวก ตาม ป.อาญา มาตรา 116 (2) (3) ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 (2) (5) ยื่นต่อ พันตำรวจเอกอิศราพงศ์ จินา ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรห้วยยอด จังหวัดตรัง กรณีนายเนติวิทย์และพวกรวม 3 ราย ร่วมกันกระทำการอ้าง ‘อารยะขัดขืน’ หลีกเลี่ยงเพื่อให้ตนไม่ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหารประจำปี 2567

ทั้งนี้ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรห้วยยอด พร้อมฝ่ายสอบสวนได้เข้าร่วมรับเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษฯ และร่วมกันสอบคำให้การอย่างละเอียด ใช้เวลาการสอบคำให้การกว่า 3 ชั่วโมง

โดยนายทรงชัยกล่าวว่า ชุดสอบสวนของ สภ.ห้วยยอด สอบคำให้การผมยิ่งกว่าผู้ต้องหาเสียอีก แต่เข้าใจเพราะหากผิดพลาดจุดไหนคนที่ซวยคือผม ต้องขอบคุณผู้กำกับกับ รองผู้กำกับ และพนักงานสอบสวน ที่ให้ความใส่ใจต่อคดีที่กระทบต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย ส่วนผมก็แจ้งชุดสอบสวนแล้วว่าไม่ขอถอนแจ้งความทุกกรณีตราบจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ก่อนเดินกลับ นายทรงชัยทิ้งท้าย “น้องเนเน่ก็รู้ดีทุกอย่างนี่ว่าการกระทำนั้นผิดกฎหมาย แต่ทำไมถึงทำ น้องเรียนมาร่วม 8 ปี น้องต้องมีความรู้มากเพราะเรียนมากกว่าเพื่อนคนอื่น พี่ไม่รู้ว่าน้องเรียนเสริมด้านหมวดวิชาไหนบ้าง ป่านนี้ไม่จบเสียที ความเห็นพี่ขอฝากถึงน้อง น้องออกมาทำกิจกรรมแบบนี้นานมากหลายปีแล้วนะ น้องเรียนให้จบแล้วมาลงสมัครเลือกตั้ง เข้าไปเป็น สส. แล้วอยากแก้กฎหมายอะไรก็ไปแก้ในสภาเถอะ ตรงนั้นเขาทำเรื่องฝ่ายนิติบัญญัติโดยตรง อะไรที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อประชาชนไปตรงนั้น เสนอตรงนั้น ไม่ผิดกฎหมายแน่นอน”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top