Sunday, 28 April 2024
กรุงเทพฯ

กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย ยกทัพมะม่วงคุณภาพดีให้คนกรุงได้ลิ้มลองในงาน “Mango of SIAM ที่สุดแห่งมะม่วงไทย ถูกใจทั่วโลก”

ระหว่างวันที่ 2 - 6 เม.ย. 2564 นี้ ณ ห้างสรรพสินค้า ICONSIAM พร้อมรณรงค์แคมเปญ “ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด” อุดหนุนชาวสวนผลไม้

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้นโยบายเกี่ยวกับการประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนถึงความร่วมมือและความเป็นไปได้ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ได้แก่ ICONSIAM, Central Pattana, The Mall, Tops Market, Makro, Lotus, Big C เพื่อวางแผนภาพรวมทั้งปีในการเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรนำสินค้าเกษตรเข้าไปจำหน่ายตามฤดูกาล ภายใต้ความร่วมมือการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2564 และช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19

สำหรับในช่วงระยะเวลานี้สิ่งที่จำเป็นต้องเร่งทำเป็นกรณีพิเศษคือเรื่องผลไม้ ซึ่งผลไม้เขตร้อนเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว และจะออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคมถัดจากนี้ไป ผลไม้ไทยถือว่ามีคุณภาพมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งทางด้านการตลาดต้องดำเนินการทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ต้องดำเนินการช่วยระบายผลไม้ทั้งในส่วนตลาดออฟไลน์และตลาดออนไลน์ควบคู่กันไปด้วยเพื่อไม่ให้ผลผลิตกระจุกตัว โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศขณะนี้ประสบปัญหาเรื่องการส่งออกผลไม้ในภาพรวมยังทำได้ไม่ 100% จึงต้องหันมาส่งเสริมด้านการตลาดในประเทศเพื่อช่วยชาวสวนเพิ่มให้มากขึ้น

กรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับ ICONSIAM ได้กำหนดจัดงาน “Mango of SIAM ที่สุดแห่งมะม่วงไทย ถูกใจทั่วโลก” ระหว่างวันที่ 2 – 6 เมษายน 2564 ณ บริเวณชั้น G ห้างสรรพสินค้า ICONSIAM โดยเชิญ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน วัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้เพื่อช่วยชาวสวนผลไม้กระจายผลผลิต โดยเฉพาะระยะนี้เป็นเทศกาลของมะม่วงซึ่งมีผลผลิตจากหลายพื้นที่ทยอยออกสู่ตลาด กรมฯ จึงร่วมกับสมาคมชาวสวนมะม่วงไทยคัดสรรผลผลิตและผลิตภัณฑ์มะม่วงคุณภาพดีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานมาร่วมออกบูธจำหน่าย รวม 25 บูธ

ประกอบด้วย สินค้ามะม่วงจากสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย 8 บูธ ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา (ผลสดและผลิตภัณฑ์), จ.พิจิตร (ผลสด ผลิตภัณฑ์ และกิ่งพันธุ์), จ.พิษณุโลก (ผลสดและกิ่งพันธุ์), จ.เพชรบูรณ์ (ผลสด), จ.ราชบุรี (ผลสด), จ.นครราชสีมา (ผลสด), จ.สระแก้ว (ผลสด GI) สินค้าเกษตรจากตลาดเกษตรกร 5 บูธ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์แปรรูปมะม่วงมหาชนก จ.เชียงใหม่, มะม่วงดองแช่อิ่ม จ.ชลบุรี, มะม่วงน้ำปลาหวานต้นหอม จ.สมุทรปราการ, มะม่วงพันธุ์ต่างประเทศ อบแห้ง จ.ลำพูน, มะม่วงน้ำปลาหวานมะดัน มะดันแช่อิ่ม จ.นครนายก

สินค้าเกษตรจากกลุ่มแปลงใหญ่ 6 บูธ ได้แก่ แปลงใหญ่มะพร้าวน้ำหอม จ.สมุทรสาคร, แปลงใหญ่ส้มโอ ลิ้นจี่ จ.สมุทรสงคราม, แปลงใหญ่ทุเรียน มังคุด จ.จันทบุรี, แปลงใหญ่อะโวคาโด จ.ตาก, แปลงใหญ่สับปะรด (พันธุ์ใหม่) จ.ระยอง, แปลงใหญ่ขนุน จ.ชลบุรี และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่เกี่ยวกับมะม่วงและการบริการต่าง ๆ จำนวน 5 บูธ ได้แก่ อุปกรณ์ทางการเกษตร ปุ๋ย สารชีวภัณฑ์ ฮอร์โมน ที่เหมาะสมสำหรับชุมชนเมือง รวมทั้งการให้บริการขนส่ง เช่น ไปรษณีย์ไทย, Kerry เป็นต้น

กิจกรรมภายในงาน นอกจากจะมีการออกร้านจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ยังได้จัดแสดงนิทรรศการประกอบเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมงาน เช่น เทคโนโลยีการผลิตมะม่วงคุณภาพดี ตั้งแต่การปลูก การดูแลรักษามะม่วง ศัตรูสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง การพัฒนาคุณภาพมะม่วงส่งออก/ดัชนีการเก็บเกี่ยวมะม่วง การแสดงความหลากหลายทางสายพันธุ์มะม่วง และมะม่วงที่ได้รับการรับรองเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)

สำหรับมะม่วงที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้จำแนกออกเป็น 4 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 มะม่วงไทยพันธุ์การค้า จำนวน 16 พันธุ์ ได้แก่ น้ำดอกไม้เบอร์สี่ น้ำดอกไม้สีทอง เขียวเสวย ฟ้าลั่น โชคอนันต์ มหาชนก อกร่อง (อกร่องทอง อกร่องเขียว อกร่องพิกุลทอง) แรด ขายตึก เพชรบ้านลาด มันเดือนเก้า มันขุนศรี มะม่วงเบา น้ำดอกไม้มัน แก้ว หนังกลางวัน

กลุ่มที่ 2 มะม่วงไทยพันธุ์หายาก/โบราณ จำนวน 10 พันธุ์ ได้แก่ ยายกล่ำ สายฝน เจ้าคุณทิพย์ พิมเสนมัน พิมเสนเปรี้ยว งาช้างแดง นาทับ สาวน้อยกระทืบหอ ลิ้นงูเห่า แก้วลืมรัง

กลุ่มที่ 3 มะม่วงพันธุ์ต่างประเทศ/ลูกผสม จำนวน 6 พันธุ์ ได้แก่ อ้ายเหวิน อี้เหวิน จินหวง อาร์ทูอีทู แดงจักรพรรดิ แก้วขมิ้น

กลุ่มที่ 4 มะม่วงที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ยายกล่ำนนทบุรี น้ำดอกไม้สระแก้ว น้ำดอกไม้ฉะเชิงเทรา และการซื้อขายสินค้าเกษตรผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมบนเวที เช่น การแข่งขันแกะสลักผลไม้ ตำผลไม้ลีลา เชฟชื่อดังมาร่วมโชว์ปรุงเมนูมะม่วงเลิศรส การถาม-ตอบความรู้มะม่วง สาธิตต่าง ๆ กิจกรรมนาทีทอง ลุ้นโชควงล้อมะม่วงมหาสนุก เป็นต้น จึงขอเชิญชวนผู้บริโภคทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมอุดหนุนสินค้าเกษตรไทยช่วยสนับสนุนชาวสวนผลไม้ภายใต้ Campaign “ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด” พร้อมชมบรรยากาศดี ๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของประเทศได้ที่ห้างสรรพสินค้า ICONSIAM

ความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ห้องกัก และการจัดตั้ง รพ.สนามชั่วคราว

จากสถานการณ์ผู้ต้องกักติดเชื้อไวรัส Covid19 วันนี้ 23 มี.ค.64 สตม.ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข , กรมควบคุมโรค , รพ.ตร. และสำนักงานอนามัยกรุงเทพมหานคร ได้จัดประชุมเพื่อวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยผู้เข้าร่วมประชุมมี ดังนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และผู้เกี่ยวข้อง , นายแพทย์ เกียรติภูมิ วงค์รกิจ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์กิติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข , นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค , นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค , นายแพทย์ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ  ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค , พ.ต.อ.เอกลักษณ์ ดีรุ่งโรจน์  โรงพยาบาลตำรวจ , สำนักงานอนามัยกรุงเทพมหานคร, สำนักงานเขตหลักสี่

สตม.มีการจัดกำลัง จนท.ตร. รักษาความปลอดภัยของ รพ.สนามชั่วคราว ตลอด 24 ชม. และมีการดำเนินการตามมาตรฐานการควบคุมโรค ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดของโรคออกไปด้านนอกพื้นที่ รพ.สนามชั่วคราว

โดยมาตรการแก้ไขและควบคุมการแพร่ของ Covid19 ในสถานกักตัวคนต่างด้าวเพื่อรอการส่งกลับ ของ สตม. ได้แก่

1) ให้ กก.3 บก.สส.สตม.งดรับผู้ต้องกัก จนกว่าจะสามารถแก้ไขปัญหา และกำหนดมาตรการป้องกันได้ มีหนังสือให้แต่ละ บก. บริหารการกักตัวผู้ต้องกัก/ ตม.จังหวัด ฝาก สภ.ควบคุมผู้ต้องกัก ในส่วน กทม. กก.3 บก.สส.สตม.รับตัวแล้วให้ ตม.จว.นนบุรีควบคุมแทน

2) ลดจำนวนผู้ต้องกักในความดูแลของ กก.3 บก.สส.สตม. (สำหรับผู้ปลอดเชื้อ ผลักดัน/ส่งกลับ, ขอให้ พม.มารับไปดูแล)

3) จัดตั้ง รพ.สนามชั่วคราว สตม. ขอสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ จาก รพ.ตร. จัดสถานที่ อุปกรณ์ โดยประสานกับกรมควบคุมโรค

4) ให้ ตม.จว. และ หน.ด่านคัดแยกผู้ต้องกักกลุ่มเสี่ยงแยกออกจากรายอื่น ๆ

5) ให้ ตม.จว. ประสานกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ในการจัดแผนรองรับ

6) ขอสนับสนุนชุดผู้ป่วย จาก รพ.ตร. จำนวน 400 ชุด และยา

7) ให้ บก.อก.สตม.สนับสนุนยาสำหรับฉีดพ่น

8) ให้แต่ละ ตม.จว.จัดหาพื้นที่สำหรับ รพ.สนาม หากเกิดกรณีผู้ต้องกักติดเชื้อ

9) การรับตัวผู้ต้องกัก ให้แยกผู้ต้องกักโดยมีห้องแรกรับ 3-5 วัน รอดูอาการก่อนส่งตัวเข้ารวมในห้องกัก

10) กำชับผู้บังคับบัญชาให้ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าให้มีการติดเชื้อเพิ่ม

11) หน.หน่วย สำรวจอุปกรณ์ป้องกัน ไม่ให้บกพร่อง

12) การรับอุปกรณ์มาเพิ่มใหม่ให้จัดทำเป็นงวดๆ โดยให้ใช้ในส่วนที่รับมาก่อนเป็นอันดับแรก

13) ศฝร.สตม. ให้จัดที่พักสำหรับแพทย์ และพยาบาลที่จะไปดูแลผู้ป่วย รวมถึงจัดห้องพักให้กับ จนท.ปอพ.ที่ไปเข้าเวรในหลาย ๆ ผลัดเนื่องจากเป็นผู้เสียสละ

14) ให้ บก.อก.สตม. จัดทำตารางประชุม หน.หน่วย หรือผู้แทน ในเวลา 10.00 น. ของทุกวัน

ส่วนผู้ต้องกักที่อยู่ในความดูแล ปัจจุบันมี มีจำนวน  1,615 คน โดยถูกกักที่บางเขน จำนวน 490 คน ที่สวนพลูจำนวน 1,125 คน  ซึ่งผู้ที่ติด Covid19 ที่อยู่ในความดูแล มีทั้งสิ้น 393 คน (ชาย 370 คน,หญิง 23 คน) ถูกแยกกักตัว ณ รพ.สนามชั่วคราวในห้องกัก(บางเขน) โดย สตม. ได้จัดตั้ง รพ.สนามชั่วคราว สตม. ณ อาคารโรงยิมกองสวัสดิการ ตร. ในพื้นที่สโมสรตำรวจจัดตั้งขึ้นโดยการประสานความร่วมมือกับ รพ.ตร.(จัดส่งบุคลาการทางการแพทย์) กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ให้คำปรึกษา แนะนำและกำหนดมาตรฐานของการจัดตั้ง รพ.สนาม มาตรฐานของการตรวจควบคุมโรค สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และในส่วนของ กรุงเทพมหานครให้การสนับสนุนด้านการรักษาความสะอาด และสาธารณูปโภค

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างสูง

กรุงเทพฯ - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงาน รณรงค์วันตระหนักรู้ออทิสติกโลก WORLD AUTISM AWARENESS DAY (WAAD)

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 เวลา 10.00 น. ณ อาคาร CP-True Autistic Thai Foundation Vocatationl Training Center มูลนิธิออทิสติกไทย กรุงเทพมหานคร

ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน  กล่าวให้โอวาทเรื่องการส่งเสริมการจ้างงานและการพัฒนาหลักสูตรเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานของบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษในกรุงเทพฯ รวมถึงคนพิการ ครอบครัวคนพิการ กลุ่มเปราะบาง และ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส  ให้มีโอกาสในการเข้าถึงการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ เพื่อดูแลตนเองและครอบครัวต่อไปในวันข้างหน้า

อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมนโยบายของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายหน้าที่ให้ดิฉันมา ปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และมุ่งเน้นดูแล การสนับสนุน และการส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการพ. ศ. 2550 ในมาตรา 33 34 และ 35 ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการจ้างงานคนพิการ ซึ่งสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปจะต้องจ้างงานคนพิการ 1 คน หรือในอัตราส่วน 100:1 คน

โดยการ สร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ในการเข้าถึงกฎหมายการจ้างงานคนพิการให้กับสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐ ให้สามารถ เข้าถึงกับคนพิการได้อย่างสะดวกโดยไม่เป็นอุปสรรค พร้อมทั้งยังมีนโยบาย ในการที่จะเชิญชวนสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐที่ยังไม่ได้จ้างงานคนพิการในการจัดเวทีเสวนาร่วมกัน และทำความเข้าใจในการให้โอกาสของคนพิการมีงานทำร่วมกันเพื่อผลักดันให้คนพิการนั้นมีอาชีพต่อไปในวันข้างหน้า การจ้างงานคนพิการนั้น นอกจากจะมอบโอกาสที่ดีแล้วยังเป็นการช่วยรัฐบาล ที่จะช่วยเหลือ กลุ่มคนได้โอกาสรวมถึงครอบครัวของคนพิการมากกว่าหนึ่งชีวิตเพราะในหนึ่งครอบครัวนั้นจะต้องมีผู้เสียสละมาดูแลคนพิการจึงทำให้ไม่มีรายได้เข้าสู่ครอบครัว สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข ในการต่อไป

ในการนี้ นายขจิต ชัชวานิชย์ รองปลักรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงการขับเคลื่อนงานด้านบุคคลออทิสติกไทย ในปี 2564 รวมทั้งนโยบาย ของกรุงเทพฯ ที่จะร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ทุกกระทรวง ทบวง กรม  และ องค์การคนพิการทุกประเภท ที่จะร่วมกัน พัฒนาและเตรียมความพร้อมในเรื่องของวุฒิการศึกษาโดยการเตรียมสถานศึกษาให้คนพิการได้เล่าเรียนและมีวุฒิบัตร เป็นที่ยอมรับและสามารถไปสมัครงานได้เทียบเท่ากับบุคคลปกติต่อไปในภายหน้าอีกทั้งยังมีนโยบายให้สำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร จ้างงานคนพิการเข้าทำงานในหน่วยงานของกรุงเทพฯ

ในเวลาต่อมา นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวถึงบทบาทของการทำงาน ของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยกระทรวงการส่งเสริมและพัฒนาความมั่นคงและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ร่วมกับ สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิสซึม(ไทย) และกับ สมาคม มูลนิธิ ต่าง ๆ ภาคีเครือข่ายของคนพิการ ที่จะร่วมกันยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการในการเข้าถึงการมีงานทำ อย่างเต็มที่ พร้อมให้การสนับสนุนในทุก ๆ ด้านอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

จากนั้น อาจารย์ชูศักดิ์ จันทยานนท์  นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย นายกสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิสซึม (ไทย) และ ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย ยังได้กล่าวขอบคุณ ภาครัฐและทุก ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มาร่วมงานในโครงการรณรงค์วันตระหนักรู้ออทิสติกโลก ในวันนี้ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ประชาชนโดยทั่วไปทราบว่า คนพิการออทิสติก นั้นยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อาทิ เช่น การเป็นบาริสต้าชงกาแฟ และเป็นจิตรกรวาดภาพศิลปะต่างๆ ได้อย่างสวยงาม

สุดท้ายนี้ นายสรสิช จรูญโรจน์ เลขานุการในหม่อมราชวงศ์ปณิธาน จรูญโรจน์  พร้อมด้วยนายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย รับมอบหมายหน้าที่ในการนำสาร์น จาก หม่อมราชวงศ์ปณิธาน จรูญโรจน์ ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ปกครอง และคนพิการออทิสติก ในการดูแลซึ่งกันและกัน และไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง เนื่องในโอกาสสำคัญนี้ จึงส่งมอบกำลังใจให้กับทุกๆภาคส่วนที่จะได้ช่วยกันส่งเสริมให้คนพิการนั้น มีโอกาสในการพัฒนาตนเองให้เป็นที่ยอมรับในสังคมสืบต่อไป

กรุงเทพฯ - ‘มาดามแป้ง’ ลงพื้นที่เหตุเพลิงไหม้อาคารถล่ม พร้อมมอบเงินเยียวยาช่วยครอบครัวอาสาผู้เสียสละ

‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง รุดลงพื้นที่หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้จนอาคารถล่มที่หมู่บ้านกฤษดานคร 31 ในวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมาเพื่อให้กำลังใจอาสาสมัครที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งเตรียมมอบเงินเยียวยาหรือทุนการศึกษาแก่ทายาทให้ความช่วยเหลือครอบครัวอาสาสมัครที่เสียชีวิตทั้ง 4 ราย นอกจากนี้ยังได้ตั้งครัวมาดามทำอาหารแจกเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ตามเจตนารมณ์สำคัญของการก่อตั้ง

‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันภัย ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง ได้เดินทางไปยังพื้นที่เกิดเหตุพร้อมทีมงาน เพื่อให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่กันตลอดคืน โดยยื่นมือให้ความช่วยเหลือครอบครัวของอาสาสมัครที่เสียชีวิตทุกราย พร้อมยกย่องงานอาสาคืองานที่ช่วยเหลือสังคมอย่างแท้จริง และจัดตั้งครัวมาดาม เพื่อสนับสนุนด้านอาหารเครื่องดื่มแก่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทุกภาคส่วนที่เร่งปฎิบัติงานในพื้นที่จนกว่าภารกิจจะเรียบร้อยตลอดทั้งวัน

“ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต งานอาสาคืองานที่ต้องทำด้วยใจและต้องเสียสละอย่างแท้จริง ซึ่งวันนี้ทุกท่านได้ทำงานเพื่อสังคมจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ขอยกย่องทุกท่านด้วยใจ ซึ่งแม้จะเป็นมูลนิธิเล็ก ๆ ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมา แต่ก็มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการช่วยเหลือเยียวยาในยามเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ

“วันนี้เราจึงขอมาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเยียวยาทางใจให้แก่ครอบครัวผู้เสียสละ ด้วยทราบว่าทั้ง 4 ท่านมีลูกที่อยู่ในวัยเรียน และมีครอบครัวที่ต้องดูแล จึงหวังจะช่วยบรรเทาความลำบากดังกล่าว และขอเป็นกำลังใจเล็กๆ ให้กับสมาชิกในครอบครัวต่อไป” นางนวลพรรณ กล่าวปิดท้าย

 

กรุงเทพฯ - "รมว.สุชาติ" นำทีมเช็คความพร้อมสถานที่ตรวจโควิด-19 เชิงรุกผู้ประกันตน ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนฯ (ไทย – ญี่ปุ่น) ดินแดง กทม.

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ ลงพื้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบความพร้อม ของสถานที่สำหรับเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 เชิงรุกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ,39 และ 40 ที่อยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวก ในวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้

เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการตรวจความพร้อม ของสถานที่เพื่อสำหรับเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 ในวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19

โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และคณะผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. นายสมบูรณ์ หอมนาน ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดยนายสุชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยผู้ประกันตนจากกรณีการแพร่ระบาด ของโควิด -19 จึงกำชับกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และ สปสช.เป็นการเพิ่มช่องทางหรือทางเลือกหนึ่งเพื่อบริการผู้ประกันตนให้ได้รับการตรวจอย่างรวดเร็ว ลดความแออัดหรือรอคิวนาน ในวันนี้ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องจึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจความพร้อมของสถานที่ที่จะเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยจะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.64)

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับในทุกด้านหากสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น ซึ่งผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้หารือกำหนดแนวทางที่จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยจะเปิดให้ผู้ประกันตนที่จะเข้ารับการตรวจสามารถลงทะเบียนจองคิวตรวจผ่านระบบแอพพลิเคชั่นออนไลน์ สำหรับผู้ประกันตนที่จะได้เข้าตรวจคือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คัดกรอง ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนรายใดตรวจพบเชื้อโควิด-19 จะต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือข่าย ในสังกัดสำนักงานประกันสังคม โดยจะได้รับการรักษาฟรี ซึ่งมีอยู่จำนวน 81 แห่ง ที่มีความพร้อม มีเตียงรองรับกว่า 1,000 เตียง มี HQ 200 กว่าเตียง

สำหรับขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อจองคิวตรวจของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39, และ 40 สามารถเข้าเว็บไซต์ https://www.google.com แล้วพิมพ์คำว่า แรงงานเราสู้ด้วยกัน แล้วคลิกที่เว็บไซต์ https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php จากนั้นผู้ประกันตน กรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือเลขพาสปอร์ต กรอกข้อมูลประเมินความเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งเป็นบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการป่วย ซึ่งเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์มาตั้งแต่เมื่อวานนี้ (15 เม.ย.64) เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป โดยแต่ละวันสามารถตรวจได้วันละ 3,000 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 1,500 คน ช่วงบ่าย 1,500 คน ทั้งนี้ ผู้ประกันตนจะต้องพกบัตรประชาชน พร้อมสำเนา 1 ชุด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจด้วย หากผู้ประกันตนรายใดลงทะเบียนแล้วไม่มาตรวจตามนัดจะต้องลงทะเบียนใหม่ และเมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 เรียบร้อยแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที เนื่องจาก ผลการตรวจจะส่งทาง SMS ให้ผู้ประกันตนทราบตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้

“ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช.กำหนด สามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php เพื่อจองคิวตรวจโควิด-19 ซึ่งช่องทางดังกล่าวกระทรวงแรงงาน ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และ สปสช.เพื่ออำนวยความสะดวก ลดความแออัดและเพิ่มช่องทางให้กับผู้ประกันตน ได้เข้าถึงการตรวจโควิด -19 ซึ่งหากพบเชื้อสามารถเข้ารับการรักษาตามขั้นตอนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดได้อย่างทันท่วงที” รมว.สุชาติ กล่าวในตอนท้าย

กรุงเทพฯ - “มาดามแป้ง” ส่ง “กล่องน้ำใจ” ถึงชาวคลองเตย กักตัวเกินร้อย

มาดามแป้ง ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ส่งกล่องน้ำใจมูลนิธิมาดามแป้ง บรรเทาความเดือดร้อนช่วงกักตัวของชาวคลองเตยเกินร้อยชีวิต ทั้ง 43 ชุมชน พร้อมตั้งครัวมาดามทุกวัน

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่เขตคลองเตยทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง หลังพบผู้ป่วยเพิ่มสูงจากการเป็นชุมชนแออัด ส่งผลให้มีผู้เสี่ยงสูงต้องกักตัวเพิ่มขึ้นทุกวัน “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เดินหน้าให้ความช่วยเหลือชาวคลองเตยต่อเนื่อง หลังตั้งครัวมาดามแจกข้าวกล่องแก่ 43 ชุมชน พร้อมจัดกล่องน้ำใจจัดส่งไปยังผู้ที่ต้องกักตัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงขาดรายได้  โดยในกล่องน้ำใจนั้นประกอบด้วย เครื่องอุปโภค บริโภคทั้งสดและแห้ง พร้อมของใช้จำเป็นอื่นๆ และจัดทีมอาสาสมัครลงพื้นที่ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกวัน

โดย มาดามแป้ง CEO เมืองไทยประกันภัย , ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ต้องขอบคุณกลุ่มอาสากล้าใหม่ ผู้นำชุมชน ที่ส่งต่อความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ ไปยังพี่น้องที่ลำบาก ทั้งการตั้งครัวมาดามตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเป็นต้นมา รวมถึงการส่งต่อกล่องน้ำใจที่เต็มไปด้วยความตั้งใจไปถึงมือผู้ที่กักตัวทั้ง 43 ชุมชน มันเป็นช่วงเวลาที่คนตัวใหญ่ต้องหันมาช่วยคนตัวเล็ก โดยเฉพาะแฟนบอลท่าเรือที่คลองเตย เราทิ้งไม่ได้ อยากให้ทุกคนอดทนสู้เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปด้วยกัน”

ทั้งนี้ นอกจากการช่วยเหลือพี่น้องชาวคลองเตยทั้ง 43 ชุมชนแล้ว มูลนิธิมาดามแป้ง ยังได้ส่งต่อกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฎิบัติงานในโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลสนามทั่วประเทศรวม 26 แห่งนานเกือบหนึ่งเดือนแล้ว สำหรับผู้ที่สนใจบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือพี่น้องชาวคลองเตยและคนไทยทั่วประเทศ สามารถร่วมบริจาคได้ที่ บัญชี 092-2-61340-0 ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

 

กรุงเทพฯ - สภากาชาดไทยร่วมกับสำนักอนามัย จัดทีมแพทย์ พยาบาลเสริมทัพฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้มีความเสี่ยงเขตคลองเตย

อนาคตเตรียมเปิดรับสมัครอาสาสมัครแพทย์ พยาบาล และมอบชุดธารน้ำใจโควิด ฯ สำหรับผู้กักตัว 14 วัน

วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 นายแพทย์พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ ทีมแพทย์ พยาบาลของสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ ที่ปฏิบัติงานร่วมกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร นำทีมโดย แพทย์หญิงกานดา ลิมิตเลาหพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายบริการทางการแพทย์ สำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ ปฏิบัติงานฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19  ให้แก่ผู้ที่มีความเสี่ยงในพื้นที่ชุมชนแออัดเขตคลองเตย โดยสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครตั้งเป้าในการฉีดวัคซีนประมาณวันละ 1,500 ราย ณ โลตัส พระรามสี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อช่วยควบคุมโรคระบาดในพื้นที่คลองเตย กรุงเทพมหานคร

​ด้านนายแพทย์พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ กล่าวว่า “วันนี้สภากาชาดไทยมาร่วมสนับสนุนกทม.ในการระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ ที่มีการแพร่ระบาดหนักสุดในตอนนี้ ซึ่งก็คือพื้นที่คลองเตย มีทั้งทีมแพทย์และพยาบาลที่มาปฏิบัติงาน นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้เราจะระดมอาสาสมัครของสภากาชาดไทย ที่เป็นแพทย์หรือพยาบาลที่มีจิตอาสา มาช่วยภาครัฐในการระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอีก และสภากาชาดไทยได้เตรียมเปิดสิทธิ์ให้กับอสส. (อาสาสมัครสาธารณสุข)ในการคีย์ข้อมูลเข้าในระบบแอปพลิเคชั่นพ้นภัย สำหรับผู้ที่ อสส.ประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยง จำเป็นต้องกักตัวเอง 14 วัน เพื่อที่เมื่อข้อมูลเข้าระบบแล้ว สภากาชาดไทยจะได้จัดส่งชุดธารน้ำใจฝ่าวิกฤติ      โควิด-19 ไปสนับสนุน โดยอาศัยสนง.เขตต่าง ๆ เป็นตัวกลางในการประสานต่อไป ซึ่งชุดธารน้ำใจกู้ชีวิตฝ่าวิกฤติโควิด-19 นี้ สภากาชาดไทยได้ดำเนินการในส่วนภูมิภาคมาเป็นระยะเวลา 1 ปีเศษแล้ว โดยมีอสม.(อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) เป็นผู้คีย์ข้อมูลผ่านเข้าระบบแอปพลิเคชั่นพ้นภัยเข้ามา ซึ่งสภากาชาดไทยได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้กักตัวเอง 14 วัน ด้วยชุดธารน้ำใจฯ ดังกล่าวไปแล้วกว่า 1 แสนชุด”

​สำหรับประชาชนที่มีจิตศรัทธาจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับสภากาชาดไทย ที่จะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน สามารถบริจาคได้ในโครงการ “พลังใจ 99 บาท ก้าวผ่านวิกฤต COVID-19” เพื่อมอบชุดธารน้ำใจช่วยเหลือประชาชนที่ต้องกักกันตน ผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้และไร้ที่พึ่ง เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกัน และเยียวยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการสแกน QR CODE ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารใน ระบบ E-DONATION หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักสีลม ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 001-1-34567-0 หรือธนาคารกรุงไทย สาขาสุรวงศ์ ชื่อบัญชี "สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 023-6-06799-0 ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1664

กรุงเทพฯ - มูลนิธิมาดามแป้ง รุกฉีดฆ่าเชื้อโควิด ช่วยวิกฤตบ่อนไก่ด่วน หลังพบผู้ติดเชื้อสูง

มูลนิธิมาดามแป้ง ทำงานเชิงรุกรุดลงพื้นที่ชุมชนบ่อนไก่พัฒนา เขตปทุมวัน อาสาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ทันทีหลังพบผู้ติดเชื้อสูงจากการตรวจเชิงรุกต่อเนื่อง

วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 มูลนิธิมาดามแป้ง โดย มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิ และ ซีอีโอ เมืองไทยประกันภัย ซึ่งแม้จะอยู่ในช่วงกักตัว 14 วัน ก็ส่งอาสากล้าใหม่ของมูลนิธิฯ ลุยงานสู้โควิด-19 แบบต่อเนื่องทุกวัน

โดยนอกจากการช่วยชาวชุมชนคลองเตย ขณะนี้ได้ขยายความช่วยเหลือไปยังชุมชนบ่อนไก่พัฒนา เขตปทุมวัน หลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตจากการพบผู้ติดเชื้อในชุมชน 2 วันที่ผ่านมาเกือบ 200 คน ยังไม่รวมกับผู้มีความเสี่ยงสูงต้องกักตัวในบ้านอีกด้วย ด้วยลักษณะชุมชนที่มีความหนาแน่น แออัดคล้ายกับชุมชนคลองเตย

โดยมูลนิธิมาดามแป้ง ได้ร่วมมือกับผู้นำชุมชนเริ่มเข้าฉีดพ่นทันทีหลังได้รับการประสานขอความช่วยเหลือ ซึ่งวางแผนดำเนินการในทุกสัปดาห์เช่นเดียวกับในพื้นที่คลองเตย จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจ คลายความวิตกกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่สีแดง

นอกจากนี้ ครัวมาดาม ยังได้ให้ความช่วยเหลือด้านวัตถุดิบประกอบอาหารแก่ทีมงานฐานเทพวารินทร์ ซึ่งเป็นอาสาสมัครของชุมชนบ่อนไก่พัฒนาอีกด้วย

กรุงเทพฯ - มูลนิธิมาดามแป้ง หนุนสร้างซุ้มพ่นฆ่าเชื้อโควิด ในชุมชนพื้นที่เสี่ยงสีแดงคลองเตย-บ่อนไก่

มูลนิธิมาดามแป้ง หนุนสร้างซุ้มพ่นฆ่าเชื้อโควิด ในชุมชนพื้นที่เสี่ยงสีแดงคลองเตย-บ่อนไก่ 

ทีมอาสากล้าใหม่ มูลนิธิมาดามแป้ง ลงพื้นที่คลองเตยและบ่อนไก่พัฒนา สร้างซุ้มพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ในจุดเสี่ยงของแต่ละชุมชน

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปหลายพื้นที่และทวีความรุนแรงขึ้นในเขตพื้นที่สีแดงของกรุงเทพมหานคร อย่างเขตคลองเตยและเขตปทุมวัน นอกจากให้ความช่วยเหลือด้านอาหารจากครัวมาดาม กล่องน้ำใจแก่ผู้กักตัว การออกฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อในพื้นที่ติดเชื้อต่อเนื่องทุกวันแล้ว ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มูลนิธิมาดามแป้ง ขอเสริมความมั่นใจให้ชาวบ้านที่ต้องดำเนินชีวิตประจำวันนอกบ้าน ท่ามกลางสถานการณ์ความเสี่ยง ด้วยการมอบหมายให้อาสาที่มีฝีมืองานช่าง ลงพื้นที่สร้างซุ้มพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจุดเข้า-ออก และจุดผ่านสำคัญภายในชุมชน

ด้านมาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง และ ซีอีโอ บมจ.เมืองไทยประกันภัย กล่าวว่า "เราอยากทำงานแบบบูรณาการตามสถานการณ์ ต้องทำแบบรอบด้านมันถึงจะสำเร็จ เพราะชาวบ้านยังต้องออกมาทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง สัญจรผ่านพื้นที่สาธารณะ ดังนั้น อะไรที่จะช่วยบรรเทาปัญหา คลายความวิตกกังวลลงได้ เราก็ส่งทีมอาสาไปทำทันที ซึ่งขณะนี้ติดตั้งซุ้มนี้ครบทุกจุดตามเป้าหมายแล้ว ก็ช่วยให้ทุกคนมั่นใจขึ้นเวลาออกมาทำงานนอกบ้าน"

สำหรับชุมชนที่มูลนิธิได้ติดตั้งซุ้มดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว อาทิ ชุมชนพัฒนาใหม่, ชุมชน 70 ไร่, ชุมชนล็อค 4-5-6, ชุมชนล็อค 1-2-3, ชุมชนวัดคลองเตยใน, ชุมชนร่มเกล้า, ชุมชนโรงหมู, ชุมชนบ่อนไก่พัฒนา, ชุมชนเคหะบ่อนไก่ เป็นต้น โดยซุ้มดังกล่าวจะพ่นน้ำฆ่าเชื้อที่ได้รับมาตรฐานจากกรมอนามัย ที่สามารถสัมผัสกับผิวหนังมนุษย์ได้ มีลักษณะการฉีดพ่นแบบละอองฝอยทำให้น้ำยามีประสิทธิภาพสูงขึ้น 

ทั้งนี้ มูลนิธิมาดามแป้งยังมีแผนดำเนินตั้งซุ้มพ่นฆ่าเชื้อในอีกหลายจุดนอกเหนือจากภายในชุมชน อาทิ จุดตรวจคัดกรองประชาชนที่มีความเสี่ยง และจุดบริการฉีดวัคซีนที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดตั้งอีกด้วย  ประชาชนที่สนใจร่วมบริจาคสมทบทุนได้ที่บัญชี 092-2-61340-0 ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

กรุงเทพฯ - “ผบ.นทพ. สนับสนุนภารกิจสาธารณสุข จัดกำลังพลร่วมบริการประชาชน “คลองเตย” เข้าฉีดวัคซีนโควิด”

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 พล.อ. นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) สั่งการให้ สำนักงานสนับสนุน (สสน.นทพ.)  จัดกำลังพลปฏิบัติภารกิจร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย สำนักอนามัย กรุงเทพฯ ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้กับประชาชนผู้พักอาศัยอยู่ในชุมชนเขตคลองเตย โดยมีเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิว, กรอกข้อมูล ช่วยเหลือผู้รับบริการผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้มารับบริการ และให้ปฏิบัติงานทุกวันจนกว่าจะจบภารกิจ ณ บริเวณอาคารโกดัง สเตเดียม การท่าเรือแห่งประเทศไทย

พล.อ. นเรนทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกำลังไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม, พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (บก.ทท.) ที่สั่งการให้ทุกหน่วยจัดเตรียมกำลังพลที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ให้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19  มีการจัดระเบียบ ประชาสัมพันธ์ขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อลดความแออัดของประชาชนที่มารับบริการ  

โดยให้ปฏิบัติงานทุกวันจนกว่าจะจบภารกิจ ซึ่งทางด้านหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ได้สั่งการให้ พลตรี ธนินทร์ พู่ทองคำ ผอ.สสน.นทพ.จัดกำลังพลปฎิบัติงานและควบคุมผลการปฎิบัติให้ได้มีความพร้อมตลอดเวลาที่จะสนับสนุนกำลังพลออกปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที เพื่อช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ดูแลด้านความปลอดภัย และช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้คลี่คลายลง ทั้งนี้ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top