Friday, 10 May 2024
TeaTimes

คุยกับ​ 'ร.อ.ดร.จองชัย วงศ์ทรายทอง'​ ผู้อยู่เบื้องหลังบัตรประชาชน​ Smart Card ในมุมมองประชาชน​ ที่หวังให้บัตรนี้ Smart สมกับชื่อ

เชื่อว่าบัตรประชาชนที่อยู่ในมือของคนไทยหลายๆ​ คนตอนนี้​ น่าจะเป็นบัตรประชาชนอเนกประสงค์ หรือ บัตรประชาชน Smart Card กันเกือบทั้งนั้นแล้ว

โดยบัตรดังกล่าวมีลักษณะแตกต่างจากบัตรทุกรุ่นที่ผ่านมา นั่นคือ ตัวบัตรทำด้วยพลาสติกชนิดพิเศษ ซึ่งจะมีความแข็งแรงทนทาน แถมรายการในบัตรนี้จะมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษกำกับในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ เพื่อให้คุณได้ใช้งานได้แบบสากล

แต่ที่พิเศษ​ คือ​ ตัวบัตรจะมี​ 'ไอซี ชิป'​ สามารถเก็บข้อมูลหลายๆ​ อย่าง​ โดยจุได้มากถึง 80 กิโลไบต์​ พร้อมกับลายพิมพ์นิ้วมือเจ้าของบัตร​ เพื่อใช้ในการพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคล ตอนไปขอรับบริการต่างๆ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ช่วยตรวจสอบป้องกันการปลอมแปลงบัตรไปในตัว

บางคนอาจจะถามว่าแล้วบัตรประชาชน​ Smart​ Card​ มันมีอะไรดี?

มันมีอยู่แล้วครับ​ เพราะทางภาครัฐได้พัฒนามาเพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลและการดำเนินธุรกิจธุรกรรมต่างๆ​ ในโลกยุคดิจิทัลเชื่อมโยงกันได้ง่ายขึ้น​แบบไม่วุ่นวายระหว่างประชาชน​-รัฐ-เอกชน

อย่างการใช้งานที่เป็นรูปธรรม​ แล้วก่อให้เกิดภาพชัดๆ​ ก็ ‘โครงการเราชนะ’ ที่เปิดให้คนไม่มีสมาร์ทโฟน ใช้จ่ายผ่านบัตรประชาชน Smart Cart โดยใช้รูดหรือสแกนกับร้านค้าที่ร่วมรายการ​ เป็นต้น

เพียงแต่ในความเป็นจริง​ ความฉลาดหรือ​ Smart​ ของบัตรอาจจะยังไม่เพียงพอ​และไม่ครอบคลุมกับชีวิตประจำวันของคน​ จึงทำให้ส่วนใหญ่ยังนึกภาพคุณประโยชน์ของมันแบบชัดๆ​ ไม่ได้มากเท่าไร

THE​ STATES​ TIMES​ เคยได้ถามเกี่ยวกับความ Smart​ ของบัตรประชาชนรูปแบบนี้​กับ​ ร.อ.ดร.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ หนึ่งในผู้ผลักดันให้โครงการบัตรประชาชน Smart Card เกิดและสามารถทำธุรกรรม - รับสวัสดิการต่าง ๆ​ ของรัฐได้อย่างสะดวก จนเข้าถึงคนทุกกลุ่ม​ ซึ่งเขาก็ได้บอกกับเราว่า...

“บัตรประชาชนแบบ​ Smart​ Card​ ที่เรามีกันอยู่ในทุกวันนี้นั้น​ มันมีประโยชน์อย่างมาก​ ทำให้กลุ่มคนที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี​ เช่น ไม่มีสมาร์ทโฟน​ ก็สามารถลงทะเบียนรับการช่วยเหลือจากรัฐได้

"เพราะมันถูกพัฒนามาเพื่อรองรับธุรกรรมได้หลากหลาย โดยเฉพาะกับธุรกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งบัตรใบเดียวควรจะเป็นได้ทั้งบัตรประชาชน ใบขับขี่ ประกันสังคม ประกันสุขภาพ และเป็นอีวอลเล็ตในตัว พอจะไปทำธุรกรรมใด​ ๆ ก็แค่ใช้ข้อมูลต่าง ๆ​ เชื่อมโยงเพื่อเข้าถึงธุรกรรมใหม่ ๆ​ ได้ถึงกันอย่างสะดวก

"ฉะนั้นหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าพัฒนาเรื่องนี้อย่างเต็มความสามารถ ผมเชื่อว่าผลสัมฤทธิ์จะทำให้เกิดความสะดวกหลายประการ ต่อการดำรงชีวิตของประชาชนทั้งในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งเป็นการประหยัดต้นทุนในการที่ประเทศต้องผลิตเงินตราออกมาใช้อีกด้วยครับ

"และหากทุกหน่วยงานบูรณาการได้สำเร็จ​ จะส่งผลดีต่อประเทศจากจุดศูนย์กลาง​ คือ​ กรุงเทพมหานคร และจะเกิดผลกระทบในเชิงบวกต่อมายังหัวเมืองใหญ่อื่น ๆ​ ด้วย

"ผมรอวันที่บัตรนี้จะฉลาดสมชื่อจริง ๆ... "

อย่างไรก็ตาม​ เรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของบัตรสมาร์ทการ์ดนั้น​ ทาง​ ร.อ.ดร.จองชัย​ เป็นหัวแรงสำคัญที่พยายามผลักดันแบบสุดซอย โดยเขาบอกว่าเคยได้นำเรียนผ่านสภาฯ​ เป็นครั้งที่ 2​ ไปแล้ว​

"ผมพยายามชี้ให้สภาฯ​ เห็นว่า​ เราต้องการพัฒนาบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดในปัจจุบันให้ใช้งานให้ได้หลากหลายกว่านี้ เช่น รับเงินเยียวยาเข้าบัตรและสามารถไปกดเงินสดที่ตู้ ATM รวมถึงการทำธุรกรรมอื่น ๆ​ ทางราชการ​และเอกชนได้อย่างปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัว”

ร.อ.ดร.จองชัย​ ยังบอกอีกว่า​ บัตรประชาชน Smart Card ที่ทุกคนมี ต้องสมาร์ทให้สมกับชื่อ​ ต้องใช้งานได้หลากหลาย ให้คุ้มกับงบประมาณที่สร้างขึ้นมา​ เนื่องจากประเทศไทยใช้งบประมาณมหาศาล เพื่อเปลี่ยนมาเป็นบัตรฝังชิปไปแล้ว​ จะให้อยู่แค่การยืนยันตัวตนกับรับการเยียวยาโครงการที่มาเป็นระยะ ๆ​ คงไม่เพียงพอ​ แต่ต้องให้บัตรนี้เป็นบัตรที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรมในชีวิตประจำวันของคนให้ได้

"ถามว่าทุกวันนี้บัตรสมาร์ทการ์ดใช้ทำอะไรได้บ้าง ผมว่าหลายคนคงนึกออกยาก​ นอกจากมีวาระสำคัญใดๆ​ เข้ามาให้ต้องใช้​ ซึ่งผมว่ามันต้องเป็นได้มากกว่านั้น​ เอาง่าย ๆ​ ผมไม่คิดไปไกล​ ขอแค่ต่อยอดให้บัตรใบนี้พัฒนาฐานข้อมูลให้ดีและปลอดภัย​ แล้วตอนที่ได้รับเงินเยียวยามา​ สามารถไปกดเงินที่ตู้ ATM ได้เลย เอาแค่นี้ได้ก่อน​ คนก็จะรับรู้ได้ถึงประโยชน์จากการมีตัวตนของบัตรนี้”

“อีกประเด็นที่ผมเคยพูดถึงเรื่องบัตร Smart Card ต่อการใช้ในระบบขนส่งมวลชน ควรจะเป็นบัตรใบเดียว เชื่อมโยงทุกโครงข่าย"

"ยกตัวอย่างหันไปมองอังกฤษที่มี Oyster Card ส่วนญี่ปุ่น มี Pasmo และ Suica ขณะที่ ฮ่องกง ก็มี Octopus ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้ Smart Card บัตรเดียวในระบบขนส่งมวลชน ซึ่งเกิดประสิทธิภาพอย่างมาก”

“แต่พอมองย้อนกลับมาที่ประเทศไทยแล้ว​ บัตรสมาร์ทการ์ด​ เติมเต็มชีวิตหรือสร้างความภาคภูมิใจใดต่อคนไทยได้บ้าง อันนี้น่าคิดจริง ๆ"

ทั้งนี้​ ร.อ.ดร.จองชัย คาดหวังที่จะเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลง​มาศึกษาถึงวิถีการดำเนินชีวิตอันหลากหลายของประชาชนในแต่ละวัน​ แล้วทำให้บัตรสมาร์ทการ์ดไปสร้างประโยชน์ได้ตรงจุด เช่น​ ทุกวันนี้ยังไม่สามารถใช้บัตรกับระบบขนส่งสาธารณะในไทยได้​ ไม่มีการพัฒนาความครอบคลุมเชื่อมใยงกันในหลากหลายบริการผ่านบัตรเดียว รวมไปถึงยังไม่สามารถนำไปใช้ในร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ​ เป็นต้น

"อันนี้น่าคิดนะ​ เพราะในวันที่เราพูดถึงสังคมยุค Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสดบ่อยขึ้นทุกวัน แต่เรากลับใช้ประโยชน์ใด ๆ​ จากมันไม่ได้เลย​ ยิ่งช่วงโควิดที่ผ่านมา​ ประชาชนให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น​ เพราะมองว่าเงินหรือธนบัตรก็เป็นแหล่งสะสมโรค แต่จนแล้วจนรอด​ ก็ยังไม่มีอะไรเกิด​ สรุปบัตรนี้ยังฉลาดไม่สมชื่อ"


ติดตามเฟสบุ๊ค ร้อยเอก ดร.จองชัย วงศ์ทรายทอง - ผู้กองเบิร์ด

ได้ที่ https://www.facebook.com/jongchai

กระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยัน ไทยไม่แพ้คดีเปิดปม 'คิงส์เกต' ฮุบ 'เหมืองทองอครา' หวังโกยกำไรแบบไม่แคร์

แม้จะมีภาคสังคมและขั้วตรงข้ามรัฐบาล หยิบยกกรณี ‘เหมือนทองอครา’ ที่มี บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด บริษัทสัญชาติออสเตรเลีย เป็นคู่พิพาทกับทางรัฐบาลไทย โดยยืนยันความว่า ‘ประเทศไทยแพ้แน่นอน’

แต่สุดท้ายดูเหมือนว่า ‘ประเทศไทยจะไม่แพ้แน่นอน’ ในข้อพิพาทนี้ เหตุการณ์การฟ้องร้องโดยมี คิงส์เกต เป็นผู้เริ่มนั้น มีค่าเสียหายที่ต้องการได้รับจากรัฐบาลไทยมหาศาล โดยต้องการให้ทางรัฐบาลไทยชดเชยวงเงินกว่า 2 หมื่นล้าน หลังรัฐบาลสั่งยุติการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้การสั่งยุติกิจการของคิงส์เกตในเหมืองทองอครา มาจากการที่รัฐบาลไทยใช้อำนาจ ม.44 สั่งระงับการดำเนินธุรกิจของคิงส์เกต หลังจากตรวจพบความไร้มาตรฐานในการดำเนินงาน ทำลายสิ่งแวดล้อม กระทบคุณภาพชีวิตคนไทยในพื้นที่ข้างเคียงอย่างหนัก

และนั่นก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทย ไม่สามารถยอมได้ แน่นอนว่าในมุมของขั้วตรงข้ามรัฐบาลพยายามจะทำให้เห็นว่า การตัดสินใจของรัฐบาลในครั้งนี้ผิดพลาด และไม่มีโอกาสชนะ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเรื่องนี้ก็พลิกจากคำว่า ‘แพ้’ มาสู่คำว่า ‘ไม่แพ้’ เมื่อ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม กลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ทางรัฐบาลไทยวางใจให้เข้ามาจัดการปัญหาดังกล่าว

การลงมาเล่นเกมนี้ด้วยตัวเองของ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ ดูเหมือนจะไปได้สวย ชั้นเชิงของการเป็นนักธุรกิจเดิม เพิ่มเติมกับเกมการเมืองที่สั่งสมมานาน ทำให้มหากาพย์เหมืองทองอคราที่กำลังถูกมองว่า ‘ไทยแพ้ชัวร์’ เกิดพลิก และกล้าพูดออกมาได้เต็มปากจาก ‘สุริยะ’ ว่า “ถ้าแพ้แล้วเขาจะมาขอเจรจาหรือ”

นั่นก็เพราะการลงมารวบรวมหลักฐานในการประกอบธุรกิจที่ไร้มาตรฐานของคิงส์เกต ถูก ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ งัดออกมาแบบทุกท่วงท่า และในความเป็นจริง อาจจะมีเบื้องลึกที่เป็นไม้เด็ดยิ่งกว่า จนทำให้คิงส์เกตต้องหยุดเงียบ รวมไปถึงฝ่ายขั้วตรงข้ามรัฐบาล ที่เงียบหายไปกับฝุ่ง PM2.5 นี่คืออีกกรณีศึกษาของการพิทักษ์ศักดิ์ศรีไทย ที่คนไทยควรต้องรู้

.

หากย้อนกลับไปราว ๆ 2 ปีที่แล้ว ชื่อของ อี้ - แทนคุณ จิตต์อิสระ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย และเคยเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร ของพรรคประชาธิปัตย์ เรียกว่าโด่งดังในหมู่คนรุ่นใหม่พอสมควร

เพียงแต่เป็นความโด่งดังในเชิง ‘ลบ’ ไปนิด หลังจากมีซีนเด็ดพิพาทระหว่างเขา กับ ‘เพนกวิน’ หรือ พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่น่าจะทำให้สังคมคนรุ่นใหม่บางกลุ่มมองเขาเป็นศัตรู

อย่างไรก็ตามในวันที่เขาได้มีโอกาสมานั่งคุยกับ THE STATES TIMES เขาบอกแบบเปิดใจว่า ไม่ได้กังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่กลับกันรู้สึกเป็นห่วงอนาคตของชาติกลุ่มนี้มากกว่า

ว่าแต่ ชนวนเหตุ ของเหตุพิพาทคืออะไร?

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2562 ตอนที่ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้ายื่นหนังสือพร้อมมอบพจนานุกรมภาษาไทยให้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการสภาผู้แทนราษฎร และ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ คณะทำงาน พร้อมระบุว่า อยากให้นายชวน นำพจนานุกรมไปศึกษาคำว่า ออกเสียงลงคะแนน กับ นับคะแนนใหม่ เนื่องจากมีความแตกต่างกัน พร้อมกับยกตัวอย่างว่า ตนเองเคยทำงานในสภานักศึกษาของมหาวิทยาลัย หากมีการลงคะแนนเสร็จแล้วจะต้องยึดถือผลคะแนนนั้นไม่สามารถนับใหม่ได้ พร้อมระบุว่าก่อนหน้านี้มีความเคารพนับถือนายชวนมาก จึงไม่อยากให้เสื่อมเสีย

แทนคุณ ซึ่งยืนฟังอยู่ จึงได้ขึ้นมาพูด พร้อมระบุว่า ขอคืนพจนานุกรมให้นายพริษฐ์ เนื่องจากมองว่าเป็นคนที่จำเป็นต้องใช้มากที่สุด เพราะยังขาดความเข้าใจในภาษาไทย ย้ำว่า ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรกำหนดไว้ชัดเจนว่าต้องดำเนินการอย่างไร ซึ่งนายชวนปฎิบัติตามข้อบังคับทุกขั้นตอน และไม่ควรนำข้อบังคับการประชุมของมหาวิทยาลัยมาเปรียบเทียบกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพราะมีกติกาต่างกัน รวมถึงมองว่านายพริษฐ์ไม่ควรพูดพาดพิงบุคคลอื่น หรือ หากจะพาดพิงควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ

แม้วันนั้น แทนคุณ จะพูดทิ้งท้ายว่า ดีใจที่คนรุ่นใหม่สนใจการเมือง แต่เขามองว่าไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใด เนื่องจากระหว่างการแถลงข่าว ข้างเวทีแถลงข่าวมีคนคอยบอกและสนับสนุนให้พริษฐ์แถลงข่าวต่อกับสื่อมวลชน ที่อาคารรัฐสภา เกียกกาย (เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2562) แบบนั้น ทำให้เขาไม่สบายใจกับการกระทำที่เกิดขึ้น

แน่นอนว่า ถ้อยคำและวิวาทะในวันนั้น ถูกมองเป็นการประกาศศึกกับคนรุ่นใหม่บางกลุ่ม จนน่าจะมี ‘กรุ๊ปทัวร์’ ย่อยๆ มาไล่ขยี้ อี้ แทนคุณ กันตั้งแต่วันนั้น

แม้จะถูกตั้งแง่จากคนรุ่นใหม่ตั้งแต่วันนั้น แต่กลับกันในใจของเขาพยายามเฝ้ามองพฤติกรรมของเยาวชน คนรุ่นใหม่ในบริบทที่พัฒนามาเป็นผู้ชุมนุมม็อบคณะราษฏรว่า สิ่งที่พวกเขาทำกำลังตัดบันไดทางลงของตน เพราะเหตุการณ์การชุมนุมกำลังนำพาเด็กๆ ไปจบในสถานที่ที่ไม่พึงประสงค์อย่าง ‘คุก’

และมันก็ดูจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

เขาเล่าให้ฟังว่า เขาอยากแนะ ‘ทางลง’ ให้กับผู้ชุมนุม ที่ควรทำได้เลยทันที จากการที่กลุ่มผู้ชุมนุมไปไล่กรีดแผลบางอย่างที่มิควรกรีด ตั้งแต่...หยุดการล่วงเกินต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทุกรูปแบบ ทุกเวที โดยอยากขอร้องให้น้องๆ ที่มีเจตนาดี อยากทำเพื่อบ้านเมืองจริงๆ โดยบริสุทธิ์ใจ ถอนตัวจากทุกการชุมนุมที่มีการจาบจ้วงล่วงละเมิดด้วยถ้อยคำและท่าทีหรือการแสดงออกที่หยาบคาย เสียดสีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และร่วมประณาม หรือเตือนสติผู้ที่กำลังกระทำการจาบจ้วงนั้นอยู่ให้หยุดพฤติกรรมนั้นเสีย

ขณะเดียวกันก็ควรสนับสนุนการมีส่วนร่วมกับกลไกรัฐสภา โดยเลือกแกนนำที่มีเหตุมีผลเป็นตัวแทน มุ่งนำประเด็นที่เป็นไปได้จริงและมีผลต่อประชาชนส่วนรวมจำนวนมาก เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ที่จะนำไปสู่การเสนอข้อชี้แนะและแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างแท้จริง โดยที่ไม่นำเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเงื่อนไข หรือนำไปสู่ความขัดแย้งต่อการทำผิดกฎหมาย ซึ่งอาจทำลายอนาคตของตัวเองและครอบครัว เพราะตอนนี้มีผู้ที่ไม่พอใจในสิ่งที่น้อง ๆ หลายคน ที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คึกคะนอง จากการรับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง จนเริ่มทนไม่ไหวจนและกำลังบานปลายเป็นการปะทะหักหาญกัน

สุดท้าย ควรสื่อสารตรงในข้อสงสัยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถ้าหากน้องๆยังมีข้อเสนอที่ต้องการจะสื่อสารหรือส่งต่อความคิดเห็น เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ขอให้ส่งไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถาบันโดยตรง ได้แก่ สำนักพระราชวัง สำนักงานองคมนตรี เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ ดูจะเป็นข้อเสนอที่หากไม่มองแบบเอนเอียง ก็ถือเป็นเป็นจุดเริ่มต้นในการทำให้เสรีภาพของน้องๆ ไม่สูญหายไป แต่เป็นการใช้เสรีภาพ ในทิศทางที่สร้างสรรค์อันจะนำมาซึ่งพลังและการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริง

“คนรุ่นใหม่ที่ออกมาเคลื่อนไหวไม่ได้ผิด แต่พวกเขาต้องรู้จักวิธีการจัดลำดับความสำคัญ บางทีเรื่องใหญ่ของ ‘เขา’ อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของ ‘ทุกคน’

“ยิ่งไปกว่านั้นการวิพากษ์วิจารณ์ กับด่าก็ไม่เหมือนกัน บางคนคิดว่าอิสรภาพและเสรีภาพทางวิชาการ เสรีภาพในทางการเมือง ทำไปทำมากลายเป็นทำลายเสรีภาพของคนอื่น และเสรีภาพทางความคิดที่ปราศจากความรับผิดชอบ มันก็ไม่ได้ต่างจากคนที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่งที่เก่ง ซึ่งเรื่องนี้น่ากลัวที่ผมพยายามอยากให้ทุกคนคิดก้าวออกจากจุดที่ไม่ถูกต้อง

“ผมไม่อยากให้อนาคตของชาติต้องเดินตามเส้นทางจากคนเก่งที่เห็นแก่ตัวชี้ไว้ เราเป็นคนไทย ต้องหาให้เจอว่าควรมีการเมืองแบบของเราอย่างไร อย่าเป็นนักก็อปปี้ที่ซื่อสัตย์ หรือนักบริโภคที่ซื่อตรงจนเกินไป”

ติดตามประสบการณ์เส้นทางการเมืองสไตล์ ‘แทนคุณ จิตต์อิสระ’ และมุมมองคิดที่น่าตามจากมิติการเมือง เศรษฐกิจ และพรรคประชาธิปัตย์เต็มๆ ได้ที่ Contributor EP.8 >> https://www.facebook.com/watch/?v=1074229983079722


อ้างอิง: https://www.thaipost.net/main/detail/82278


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top