Tuesday, 3 December 2024
PoliticsTeaTimes

เดินหลง...ในดงโซเชียล By รัตนา & โกสินทร์

วันนี้กรุงเทพมหานคร ฝนตกอากาศขมุกขมัว แต่ต้องเดินตลาดหาข้าวหาปลาให้พี่โกสินทร์ ที่ต้อง Work From Home

ก่อนออกจากบ้าน รู้สึกตัวรุม ๆ เหมือนจะมีไข้ ว่าแล้วขอทาน “สารสกัดฟ้าทลายโจร” (ก่อนซื้อตรวจข้างขวด ต้องมี สารแอนโดรกราโฟไลด์ ไม่ต่ำกว่า 6 %) ที่กรมการแพทย์แผนไทยพึ่งออกประกาศความคืบหน้า ในการใช้สมุนไพรฟ้าทลายโจร รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ว่าให้ผลดีในผู้ป่วยถึง 280 ราย จาก 9 โรงพยาบาลของรัฐ ที่มีอาการป่วยไม่รุนแรง จนหายขาดเป็นปกติ

ฟังแล้วดีงามสะพานพุทธ ที่สมุนไพรพื้นบ้านของเราเยี่ยมยอดเช่นนี้ ราคาไม่แพงไม่ต้องนำเข้าเสียเงินทองให้ฝรั่ง...ว่าไหม?

แต่การทาน “ฟ้าทลายโจร” ต้องทานให้เป็นเพราะหมอเค้าห้ามกินก่อนป่วยหรือเพื่อป้องกันโรค ถ้าไม่ป่วยมีอาการ “คล้ายเป็นหวัด ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดหัวปวดเมื่อยตามตัว” อย่ารีบทาน แต่ถ้ามีอาการก็ทานได้เลย

บ้านไหนมีปลูกก็เด็ดกินใบสดวันละ 2-3 ใบ ส่วนถ้าทานแล้ว 2-3 วันไม่ดีขึ้นรีบไปหาหมอนะจ๊ะ

เขมือบฟ้าทะลายโจรปุ๊บ ก็ขอทากันแดด สวมหน้ากากปั๊ป แต่มือมันคันยับ ๆ เลยคว้าหมับมือถือมาไถดู Tiktok พลาง แม่จ้าว!! เจอคลิป HAPPYDAY HAPPYLIFE นั่งเฮลิคอปเตอร์ตำรวจ ประกอบเพลง How Do I Live ของสาวสวยหิ้วกระเป๋า Jacquemus ปี 2019 เบอร์แพง ที่แชร์กันกระแทกตาให้ได้ริษยา

จริง ๆ งานนี้ไม่รู้ว่า She อยากอวดหลัว หรือโยนหลัวให้ตก ฮ. เพราะชาวเน็ตสามัคคีกันขุด จนรู้ยศคนพานั่ง ฮ. เป็นถึงนายตำรวจยศพันโท ร้อนหูไหม้ถึง สตช. จนโฆษกตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ต้องออกมาแจงว่า คลิปดังกล่าวถ่ายโดย ภรรยา พ.ต.ท. อรรถพล ยี่เกาะ สว.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี หน้าห้องของอดีตรอง ผบช.ภ. 4 โดยเป็นสตอรี่ของวันที่ 28 กันยายน 2562 ขณะที่ พ.ต.ท. อรรถพล ไปราชการกับผู้บังคับบัญชา และได้พกภรรยานั่ง ฮ. ไปด้วย

จ๊ะ... เคลียร์!!

เคลียร์เรียบจริง ๆ เพราะล่าสุดต้นสังกัดได้มีคำสั่งย้าย พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยหลัวคุณเธอว์เรียบร้อยซะงั้น และที่แน่ ๆ ตอนนี้ คุณนายตำรวจคนสวยคงร้องท่อนฮุก “How do I live without you?” สามเวลาหลังอาหารแน่นวล

ปิด Tiktok แล้วเดินถึงบล็อกตลาดสดแถวบ้าน ระหว่างทางเดินปะฉะดะกับแม่ค้าพอหอมปากหอมคอ จะต่อราคาอะไร แม่ค้าต่างโต้ “อย่านะคะ อย่านะคะ” (ดีดกระดิ่ง ติ้งๆๆ) ชวนรมย์เสีย กับวลีฮิตตลาดสด ของแม่ค้าออนไลน์สวยศัลย์ “พิมรี่พาย” ที่ล่าสุดขายไปด่าไปตามสไตล์ รอบนี้ไม่รู้ยอดขายตกหรือรับเงินผ่านแอฟเป๋าตังไม่ได้ถึงพาลอวดดีด่าผ่าน live ว่า...

“ไม่ต้องสาระแนสอนชาวบ้านว่าทำโน้นนี่นั้น

เค้าทำกันอยู่แล้ววินัยเค้าดีกว่าคนใหญ่คนโต

ที่ทำให้ติดโรคอยู่ตอนนี้ด้วย เออฟาดนะ กุชอบมาก คนใหญ่คนโตขอร้องเลยอย่าสำส่อน ชาวบ้านจะได้ไม่ซวย 55555555 นัมเบอร์วันนะน้องนะ”

ฟังแล้วระคายหูปกติก็หยาบเกินเบอร์ รอบนี้ไม่รู้ฉีดโบท็อกเกินโดสมาหรือเปล่า ด่าหมอ ศบค. “สาระแน” ไม่พอยังบอกว่าชาวบ้านเค้ามีวินัย

จ้าแม่!!!! วัน ๆ คงเอาแต่ไลฟ์สด เลยไม่ออกมาดูเดือนดูตะวันสินะ เพราะที่ระบาดรอบนี้ มันมาจากวัยรุ่นวัยแรดไร้วินัยไปเที่ยวสถานบันเทิง แล้วพกโควิดนั่งรถด่วนแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ หลายเคสเอาเชื้อไปแพร่ให้คนที่บ้านตายเสียด้วยซ้ำ เธอว์มุดอยู่ในไลฟ์เหรอถึงไม่ทราบ...

เสียรมย์ เสียหู เดินผ่านแผงขายหมูซะหน่อย แต่เห็นหมู ก็นึกถึงหน้าแกนนำสามนิ้วที่อดอาหาร แต่เรื่องนี้ขอผ่าน เพราะมันเป็น “สิทธิเสรีภาพของเค้า” น้องเพนกวินจะขอถอนทนาย ไม่ยอมรับกระบวนยุติธรรม มันเป็นสิทธิของน้อง ตัวเจ๊ไม่ก้าวก่าย

แต่ประท้วงศาลด้วยการอดอาหารเพื่อขอประกัน มันเหมือนเรียกร้องขอสิทธิพิเศษเลยว่าไหม?

พูดถึงสิทธิพิเศษ เฟซบุ๊ก ก็ขึ้นเตือนทันที ขอแสดงความยินดีกับ น้องอแมนด้า ด้วยนะจ๊ะ ที่ได้สิทธิพิเศษในการฉีดวัคซีนชิโนแวค พร้อมผู้ติดตาม 5 คน ก่อนเดินทางไปประกวดนางงามจักรวาล ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ว่าแต่ก่อนหน้านี้ ที่ออกมาด่ารัฐบาลสารพัดอย่างเรื่องความเท่าเทียม แต่สุดท้ายวันนี้ได้ยิ้มแป้นแล้น เพราะกระทรวงสาธารณะสุขให้ฉีดวัคซีนก่อนลุงชวน หลีกภัยอีกซะนั้น แบบนี้เธอจะไปแก้ข่าวหรือบีบน้ำตาน้ำตาบนเวทีโลกแบบ ฮัน เลย์ๆ มั่งไหมเนี่ย

รัตนา งงงวย ลืมต่อราคาแม่ค้าซื้อสตอเบอรี่ถุงใหญ่ กลับบ้านไปฝากพี่โกสินทร์ด้วยอาการเพลียแดด...


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'กรณ์' วิเคราะห์ ทีมยักษ์ใหญ่ยุโรปถอนตัว Super League ส่อล่ม อย่าดูถูกพลังของคนตัวเล็ก เจ้าของสโมสรต้องคำนึงถึงแฟนบอลด้วย เทียบการเมืองไทย ต้องเปลี่ยนวัฒนธรรม มี ‘สัญญาประชาคม’ ใหม่ ความเป็นธรรมมากขึ้น เชื่อว่ากติกาที่ดี จะทำให้สังคมดีได้

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความลง Facebook ถึงกรณีหลายทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่ในยุโรปถอนตัวจาก Super League เนื่องจากแฟนบอลออกมาต่อต้านว่า...

Super League ส่อล่ม อย่าดูถูกพลังของคนตัวเล็ก

แฟน ๆ ฟุตบอลไม่มีใคร ไม่ติดตามข่าวความพยายามที่จะตั้ง Super League โดยทีมชื่อดังในยุโรป ซึ่งต้องการแยกตัวออกมาเล่นกันเอง เพราะคิดผิดว่านั่นคือสิ่งที่แฟนบอลต้องการ

ทันทีที่มีการลงนามเบื้องต้นไปแล้ว ปรากฏว่าแฟนบอลออกมาประท้วงกันอย่างหนัก ทั้งทีมใหญ่และทีมเล็ก (ผมเองยังเตรียมล่ารายชื่อแฟนบอลในไทยเพื่อส่งไปร่วมประท้วงด้วย)

กระแสคัดค้านแผนนี้ของทีมใหญ่ชัดเจนและรุนแรงจนทำให้ทั้ง 6 ทีมของอังกฤษที่ร่วมลงนามต้องรีบถอนชื่อกันแทบไม่ทัน

บทเรียนคืออะไร? (ผมคิดเองนะ...)

1.) ผู้ถือหุ้นแต่ละทีมเข้าใจผิด คิดว่าการ ‘การถือหุ้น’ ทำให้ผูกขาดความเป็น ‘เจ้าของ’ ลืมไปว่าแฟนบอลของแต่ละทีมเขาก็คิดว่าเขาเป็นเจ้าของเหมือนกัน

2.) เช่นเดียวกัน เจ้าหนี้ของแต่ละสโมสรก็คิดผิด นึกว่าทีมฟุตบอลเหมือนบริษัททั่วไป

3.) ปัญหาสำคัญมาจากการที่ผู้ถือหุ้น (และเจ้าหนี้) หลายรายเป็นต่างชาติ (โดยเฉพาะอเมริกัน) ที่มาจากคนละวัฒนธรรมการกีฬา ตรงนี้สะท้อนความไม่เข้าใจในความต่างในความคิดและการยอมรับ

4.) ฟุตบอลยุโรปมีเสน่ห์เพราะความเสมอภาค ใครเก่งก็ขึ้น ใครอ่อนก็ลง (แค่นี้ความเสมอภาคก็หายไปเยอะแล้ว เพราะสายป่านแต่ละทีมต่างกัน)

5.) และทีมฟุตบอลยุโรปแต่ละทีมมีที่มาและความผูกพันกับเมืองอย่างลึกซึ้ง (ต่างกับอเมริกาที่ทีมฟุตบอลเรียกว่าเป็น franchise ย้ายเมืองได้) ซึ่งความผูกพันกับเมืองมีค่าเพียงเพราะเมื่อมีการแข่งขันกับเมืองอื่นอย่างจริงจัง

6.) ระยะหลังแฟนบอลยุโรปมีอยู่ทั่วโลก (รวมถึงเมืองไทย) ซึ่งผู้ถือหุ้นเองอาจจะเข้าใจผิด มองคนเอเชียเราเป็น ‘ลูกค้า’ มากกว่า ‘แฟน’ และคิดว่า ‘เฮ้ย! คนไทยดูหงส์เตะกับผีมากกว่าดูนักบุญเตะกับช่างปั้นหม้อ งั้นเราก็เอาแต่หงส์กับผีมาเตะกันบ่อย ๆ เอามั้ย’ คำตอบคือ ‘ไม่เอา’ เพราะก๋วยเตี๋ยวยังต้องมีถั่วงอกมีเส้นมีนํ้าซุป จะกินแต่ลูกชิ้นมันก็ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยว

7.) สำคัญที่สุดคือผู้ถือหุ้นไม่เข้าใจ ‘brand’ ตัวเอง ไม่เข้าใจว่าพลังของ brand ทีมฟุตบอลมาจากอะไร และพลาดไปมอง ‘แฟน’ เสมือนเป็นแค่ ‘ลูกค้า’ แทนที่จะเข้าใจว่าเขาคือ ‘เจ้าของตัวจริง’

ผมนั่งคิดเปรียบเทียบกับการเมืองไทย ผมมองว่าวัฒนธรรม ‘ใครมือยาวสาวได้สาวเอา’ เป็นวัฒนธรรมที่ต้องเปลี่ยน จะเปลี่ยนได้ต้องมี ‘สัญญาประชาคม’ ใหม่ เป็นสัญญาว่าประเทศเราจะมีความเป็นธรรมมากขึ้น ต่างคนต่างทำหน้าที่ อำนาจมาจากหน้าที่ แต่เป็นอำนาจที่ตรวจสอบได้เสมอ

ผมถึงมาทำพรรคกล้า เพราะผมมองตัวเองว่าเป็นคนที่ไม่เอาเปรียบใคร และไม่ชอบใครที่เอาเปรียบคนอื่น ผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการให้โอกาสทุกคน ให้ความสำคัญกับกติกา และเชื่อว่ากติกาที่ดีเท่านั้นที่จะทำให้สังคมดีได้

ปล. ลืมตัวไปนิด เพราะตอนแรกว่าจะคุยแต่เรื่องฟุตบอลเท่านั้น

ที่มา: https://www.facebook.com/71254499739/posts/10159568043349740/


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เดินหลง...ในดงโซเชียล By รัตนา & โกสินทร์

ไม่รู้ว่า Work From Home แล้วว่างกันมากหรือไง ถึงมีข่าวหลอกข่าวปลอม ว่าจะมีเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน หลัง 4 ทุ่ม ถึง ตี 4 สนุกกันมากสินะ ในการปล่อยเฟคนิวส์ กันเต็มโลกทวิตเตอร์ ขอทีเถอะ เจ้ากระทรวงดีอีเอส คุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รับตำแหน่งมาตั้งแต่ วันที่ 22 มีนาคม มาวันนี้จะครบเดือนแล้ว ยังมีข่าวปลอมข่าวลวง ที่เงียบไปสงสัยไปคุมงานต่อสายอินเตอร์เน็ตที่ไหนหรือเปล่า?

อุ้ย! เน็ตหลุด ต้องไปเช็คไวเลสเราเตอร์เน็ต พบสัญญาณกระตุก โถถังกะละมังหม้อ ไม่น่าทักท่านไปเลยพับผ่าสิ วันก่อนน้องรัตนาเอาแคปซูลฟ้าทลายโจรมาให้กิน เพราะบ่นว่ารู้สึกจะเป็นไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ก็ดีใจที่มีติดบ้านเพราะได้ข่าวว่า ของเริ่มขาดตลาด ตรงนี้ถ้าชาวบ้านซื้อไปจริงถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าขาดตลาดเพราะพ่อค้าแอบเก็บสุ่ม ตรงนี้ขอแช่งคนที่กักตุน เวลาแบบนี้ ควรช่วยกันให้คนไทยได้มียาดีไว้ติดบ้าน

กระเดือกยาเทพ ดื่มน้ำตาม ก็เหลือบไปเห็น เด็กน้อยหน้าสามขีด บ่นกันขม เต็มทวิต เรื่องวัคซีน ทำไมอิสราเอลถึงได้ฉีดวัคซีนถึง 60 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว แถมได้ฉีดวัคซีน ของ Pfizer อีก ล่าสุดเค้าประกาศว่าไม่ต้องสวมหน้ากากออกจากบ้านแล้วนะ จะปารตี้รื่นเริงทำได้หมด ชีวิตดีไม่เหมือนอยู่ในกะลาแลนด์!!! คร้าบ ที่อิจฉาคืออยากเที่ยวอยากร่านกันละสิ

ถึงจะแรดจะร่านมันก็เป็นสิทธิส่วนตัว แต่ก่อนว่าอะไรก็ขอให้มีความรู้ มาพี่จะเปิดกะลาน้อย ๆ ให้...

รู้ไหมว่า ประเทศเค้ามีคนแค่ 9 ล้านคน แต่เอามาเทียบคนบ้านเราที่มีถึง 66 ล้านคนก็ได้เหรอ แถมเจ้าของ Pfizer ก็เป็นคนยิว แม่เค้าก็อยู่ในอิสราเอล ทำไมถึงจะช่วยคนยิวกันเองไม่ได้ แถมนายกเนธันยาฮู ยังไปตกลงกับ Pfizer อีกว่ายอมจ่ายค่าวัคซีนแพงสองสามเท่าของราคาตลาด แถมข้อมูลผู้ได้ฉีดวัคซีนทุกคนจากดาต้าเบส โอนให้ Pfizer ไปวิจัยต่อ โดยไม่ต้องถามใจถามสิทธิคนฉีดเลยแต่น้อย ไงล่ะสิทธิส่วนบุคคลที่จะเป็นหนูลองยาแลกวัคซีนป้องกันโรคร้าย หนูสามขีดคงชอบกันสินะ

ส่วนเรื่องวัคซีนของบ้านเรา ตอนนี้ลุงตู่ จ่ายเงินซื้อไปแล้ว 61 ล้านโดส สำหรับฉีด 30 ล้านคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และจนถึงปลายปี จะต้องได้ร่วมกันให้ได้ 100 ล้านโดส โดยจะเริ่มฉีดให้คนทั่วไปเดือนมิถุนายน แบบฟรี ไม่เสียเงิน !!! ฟังไม่ผิดหรอก “ฟรี” จากภาษีที่เราจ่ายกันไปแล้วนั้นแหละ

ส่วนใครกลัวของรัฐ อยากเก๋อยากเดิ้น อยากเสียตังค์ เค้าไม่ได้ห้าม รพ.เอกชน นำเข้านะจ๊ะ แต่ตอนนี้ใครมันจะหาได้ ถ้าไม่ได้รับการ “ประกัน” จากรัฐบาลล่ะ เพราะถ้าเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ รพ.เอกชนที่ว่าแน่ก็ต้องจอด เชื่อเลยก่อนฉีด เค้าจะให้คุณเซ็นยินยอมไม่เอาผิดเอาโทษกับ รพ. ถ้าเกิดคุณตาย จากการฉีดวัคซีนจากเขา...

ที่สำคัญ จะฉีดวัคซีน อายุต่ำกว่า 18 เจอเรท ฉ. ด้วยละ เพราะเค้าไม่ให้ฉีด เนื่องจากผลการวิจัยยังไม่แน่นอน เข้าใจกันด้วยล่ะ อย่าเอาแต่ทำตัวเป็นนกกระจอกในทวิตเตอร์

ส่วนเรื่องข่าว ประชาชน 6 คน โดยทั้ง 6 คนเป็นผู้หญิง ที่ระยอง ได้รับวัคซีน ซิโนแวค แล้วเป็นอัมพฤกษ์ ตรงนี้ ศบค. และ สธ. แถลงชี้แจงแล้วว่า เป็นอาการคล้ายอัมพฤกษ์ เป็นอาการชั่วคราว ซึ่งคาดว่าเกิดจากลิ่มเลือด เวลานี้ทั้ง 6 ท่านที่เกิดผลข้างเคียง ต่างก็มีอาการดีขึ้น แถมวัคซีนล็อตนี้ที่ได้รับมากว่า 5 แสนโดส ตอนนี้ฉีดจะหมดล็อตอยู่แล้ว อย่ากลัวอย่าตระหนก

ข่าวฝากจากสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และสถาบันบำราศนราดูร สำหรับท่านที่ได้รับการตรวจที่รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยแล้ว ให้จำรหัสประจำตัวในการรับการตรวจให้ดี ซึ่งจะมีข้อมูล รหัสตรวจ : TCN no. ชื่อ-สกุล : เลขบัตรประชาชน : เบอร์โทรศัพท์ : จะท่องจำหรือจดใส่กระดาษ ถ้าจะให้ดีพกติดตัว หากมีความสงสัย หรืออยากสอบถาม สามารถโทรได้ที่สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค และถ้าได้รับแจ้งว่าผลเป็น Positive หรือเป็นบวก จงกักตัวเองอยู่ที่บ้าน แล้วโทรแจ้งประสานงานหาเตียงไปยังสายด่วน 1668, 1669, 1330 ทันที สำหรับพื้นที่กรุงเทพ โทร 1646 ศูนย์นเรนทร นะ

หากเริ่มมีไข้ แต่ยังไม่มีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก หากมีฟ้าทลายโจร ก็สามารถทานได้ แต่ขอย้ำตรงนี้ หากทานแล้วภายใน 2 วัน อาการไม่ดีขึ้น หรืออาการป่วยเริ่มแย่ลง อย่ารอช้า ให้รีบโทรติดต่อทางการทันที

ด้วยรักและห่วงใย จากคนที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน และอาศัยเมียหาข้าวหาปลาให้ ใจอยากจะหนีออกไปกินนอกบ้านก็ไม่ได้ แต่ทำไม่ได้เดี๋ยวกระบาลแยก!!


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เดินหลง...ในดงโซเชียล​ By​ รัตนา​ &​ โกสินทร์

ไม่อยากนั่งรอดู ความล่มสลายของระบบสาธารณสุขไทย แต่ปัญหาความไม่พอเพียงของบุคลากร​ และเวชภัณฑ์​ อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือในการรักษามันเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน

ตรงนี้ก็ไม่ทราบว่า ท่านอนุทิน ชาญวีระกุล จะจัดการอย่างไร ?

ถึงแม้ว่าจะเร่งจัดหาวัคซีนมาให้คนไทย​ ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเราไม่มีการบริหารจัดการทรัพยากรทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ​ กว่าที่เราจะได้วัคซีนที่คนแย่งกันทั้งโลก ก็คงเป็นตอนที่เราเหลือกันอยู่น่อยคนเอานะท่าน​ ยังไงๆ​ ทุกอย่างมันต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆ​ กัน จะเน้นอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้น้อ!! 

ว่ากันเรื่องวัคซีน ไถหน้าจอ ไปเจอเกรียนลาว แล้วอยากตบกะโหลก  มาหยามเราว่า สปป.ลาว เริ่มฉีดวัคซีนแล้ว 

ไม่เชื่อไปดู #สปปลาว ได้ เห็นคอมเมนต์เกรียนๆแล้วนั่งขำ ต้นเรื่องบอกว่าลาวได้รับ 2​ พันโดส ไทยเราตามหลังลาว

ส่วนพวกลูกกระจ๊อกก็คอมเมนต์เหยียดไทยไปอีก...

ฮัลโหล!!!! ไม่เกินพรุ่งนี้ เราจะฉีดทะลุ 1 ล้านโดสแล้วจ๊ะหนู.....

ส่วนประเด็นเรื่องวัคซีน​สุดฮือฮาจากปาก​ คุณโทนี่ วูดซัม ที่ออกมาเจื้อยแจ้วฉอเลาะในแอปพลิเคชันคลับเฮ้าส์​เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่บอกจะคุยกับปูติน เรื่องวัคซีนสปุกนิคให้นั้น!! 

ขำก๊ากเลย​ ก็ตรงนี้มันตลกฝืด ออกมาพูดเหมือนอยากตีกิน เอาใจแฟนคลับ ทั้งๆ​ ที่รัฐบาลออกมาพูดว่า จะจัดหาวัคซีน ทั้งของรัสเซีย และสหรัฐอเมริกาไว้ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายนแล้ว 

ล่าสุดทางเคลมลิน ก็บอกมาแล้วว่าจะรีบส่งมาให้ ส่วนของอเมริกาก็ตกลงเบื้องต้นจะขายและส่งมาให้ 10 ล้านโดส

ตรงนี้พูดเลยว่า คุณูปการของ ชื่อเสียงหมอไทย ที่ทำให้ทุกชาติ อยากให้เราใช้วัคซีนของเค้า จนเมืองไทยของเรา แทบจะเป็นชาติแรกๆ​ ในโลกที่มีการใช้วัคซีนจากหลายเจ้า 

แต่พูดแบบนี้​ ก็อย่าตีความต่อว่าเค้าเอาเรามาเป็นหนูทดลอง เพราะเราไม่ได้ให้ข้อมูลผู้รับวัคซีนแลกเปลี่ยนเหมือนที่หลายๆ​ ประเทศทำหรอกวุ้ย​ เพราะรู้ไหมว่า​ ต่างแดนน่ะเค้าอยากได้การรับรองจากหมอไทยเพื่อความน่าเชื่อถือเสียมากกว่า​ ไม่ได้โม้!! 

แต่ไอ้ส่วนเรื่องทำไมไม่รีบซื้อมาก่อนหน้านี้ ก็อย่าริเก่งกว่าหมออีกละ เพราะการวิจัยผลการทดสอบ มันค่อยๆ​ ออกมาให้ได้วิเคราะห์
นี่อนุมัติเพื่อชีวิตคนนะ ไม่ใช่อนุมัติยาทาสิว​ เบาๆ​ กันหน่อย!! 

เพราะดูได้เลยว่า หลายประเทศเค้าดำเนินการตามอย่างที่ไทยเราทำ เรื่องนี้ควรภูมิใจ มากกว่าคิดเล็กคิดน้อยเป็นสมองมด ดูแคลนประเทศตัวเอง

อ้อ!! อีกเรื่องนึงที่ไม่อยากข้าม​ คือ​ เรื่องสายด่วนต่างๆ มีข่าวคุณยาย รอรถพยาบาล จนเสียชีวิต ตรงนี้อ่านฟีดแล้วสลด ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว​ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผู้บริหารสายด่วนต่างๆ จะเริ่มตื่นตัว ปรับปรุงและแก้ไขปัญหา หรือ จะปล่อยให้เกิดขึ้นต่อ​ เพราะทำอะไรไม่เป็น​ เก่งแต่รับตำแหน่งมาแล้วปล่อยไว้แบบนี้ ประจานภาพเจ้าหน้าที่ทำงานรับสายโดยไม่มีคอมพิวเตอร์​ ทำงานแบบ 'อนาล็อก'​ ไม่เป็น 4.0​ ห่วยเหลือคณา

ส่วนตัวแปลกใจตั้งแต่การแตกเบอร์ 1422 กรมควบคุมโรคแล้ว​ เพราะก่อนหน้านี้ ถ้าเราจำกันได้​ 1422 นี่เทพยังกะเบอร์ฉุกเฉิน 191 สายด่วนในตำนาน ที่ปีก่อน ตอนโควิดระบาด ทุกภาคส่วนต่าง ให้การซูฮก 1422 ถามได้ตอบได้​ และ "ประสานงานให้การช่วยเหลือ" ได้แบบอับดุล ครอบจักรวาล แม้แต่สายด่วน 1111 ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชนหรือ 191 สายด่วนฉุกเฉิน ยังต้องส่งไม้ต่อมาให้ 1422 เป็นแม่ข่าย 

แต่ตอนนี้พูดถึงเบอร์ใหม่​ (1668-1668) มันน่าฉงน ไม่รู้ว่ากลการเมืองเข้าไป​ 'แย่งชื่อ -​ แย่งแสง'​ หาผลงาน จนต้องแตกสายด่วนออกมาหลายเบอร์ สร้างความสับสนให้ประชาชนกันทำไมไม่รู้ เอาซะจนตอนนี้ 1422 ไม่ต่างอะไรกับสายโทรให้ความรู้ ทั้งๆ​ ที่คนจำได้ทั้งเมืองว่า เอาไว้โทรขอความช่วยเหลือเรื่องโควิด
บอกให้ก็ได้​ การแตกสายด่วน มันทำให้เห็นว่า การประสานงานภายในไม่มีเอกภาพ แบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งและแย่งกันทำงาน

รู้ถึงตรงนี้ แล้วน่าสงสารประชาชนพวกเรากันเอง กับการประสานงานที่ล่าช้ายิ่งกว่าสั่งพิซซ่ามากิน

งงจริงๆ กับระบบงานดีๆ ไม่พัฒนา ให้ดีขึ้น แต่เอามาแยกย่อยเอาไว้สร้างผลงาน ฉงนงงงวยกับ กระทรวงหมอวันนี้จริงๆ

พับผ่าเถอะ!! 

เดินหลง...ในดงโซเชียล By รัตนา & โกสินทร์

วันนี้มีเรื่องบ่นเยอะ!! เริ่มละนะ

1.) แปลกมั้ย!! มาวันนี้ ร้องระงมกัน ว่าอยากให้ล็อกดาวน์ แต่ก็มีเสียงแย้งว่า ถ้าล็อกแล้วไม่มีกินจะทำไง พอจะแจกเงินอีก ก็มีคนว่า ใช้ภาษีมั่วซั่วอีกแล้ว ไม่ต้องแจก หาวัคซีนมาเร็ว ๆ จะตายกันหมดแล้ว แต่ต้องเยียวยาด้วย!!!

2.) ใครเดินทางไปเยี่ยมญาติ โดนบังคับให้กักตัวก็อารมณ์เสีย กักตัวอยู่บ้านไม่สะดวก ลำบากมาก (เอียงคอ...งง) ต้องออกจากบ้านได้สิ ยอมเจ็บแต่จบ? (จบอะไร จบชีวิตเหรอ?)

3.) พอเค้าบอกยาขาด ก็บอกไม่รู้จักสต็อก...จ้า!!! พ่อคุณ!!! เล่นแรดกันไม่ระวังตัว 'ระบาด' เพิ่มเป็นหมื่น ในไม่กี่วัน ใครจะรับมือไหว หันไปมองต่างบ้านต่างเมืองเถอะ เค้าให้นอนดูอาการตัวเองที่บ้าน แต่คนไทยเราตรวจเชื้อตอนเช้า ตกบ่ายตกค่ำไปแดนซ์ไปเที่ยวกินดื่มเหมือนไม่มีอะไร

4.) รัฐบาลประกาศอะไรออกมา ก็บอกไม่ชัดเจน ฟังแล้วสับสน? ตรงนี้อาจจะจริง บ่นกันขรมทั้งเมืองเสมอ ไม่รู้ 7 ปีที่ผ่านไป เอาแต่แต่งเพลงหรือเปล่า จริง ๆ อย่าแถลงเลย แต่งเป็นเพลงดูสิ เผื่อจะช่วยให้คนเข้าใจอะไรง่ายขึ้น

5.) ตอนที่ ตัวเลข คนติดเชื้อน้อยก็บอกปิดบัง พอตัวเลขเยอะ ก็บอกไร้ประสิทธิภาพล้มเหลวในการทำงาน เหมือนเด็ก ๆ ที่ร้องหาประชาธิปไตยบอกว่า ต้องทำอย่างอังกฤษ ที่ตอนนี้มีชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตัวเองส่งมาถึงบ้าน แต่อยากได้ความเด็ดขาดแบบจีน (คอมมิวนิสต์) มาจัดการ พวกคนไม่รับผิดชอบต่อสังคม

6.) ตอนหน้ากากไม่พอ ก็บอกว่าไม่จัดหาให้ไว แต่พอมีเพียงพอก็ไม่ใส่ไม่สวม หรือ เห็นกันทั่วไปว่าเอาหน้ากากมาแปะใต้คาง คนไทยเข้าใจยากจริง ๆ ด่าว่าทุกอย่างแต่ไม่สำรวจตัวเอง

7.) ล่าสุดบ่นกันเรื่องเตียงไม่พอ ทั้ง ๆ ที่มีเตียง “รพ.สนาม” ว่าง อยู่อีกเยอะ แต่เอาเข้าจริง อยากนอน รพ. จริง ๆ แบบผู้ป่วยหนัก แถมออกมาขอความช่วยเหลือทางโซเชียล ออกคลิปออกไลฟ์สดกัน

จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้อยากแยกย่อยให้เข้าใจปัญหาตรงนี้สักหน่อยว่า จำนวนรถพยาบาลขนส่งที่มีมาตรฐาน ปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่ลำเลียง มันไม่เพียงพอ เพราะถ้าอยากให้ไว เกิดเค้าเอารถเมล์มาวิ่งรับ ถามตรง ๆ จะอยากขึ้นกันไหม ขนาด รพ.สนาม ยังไม่อยากนอน

เช่นเดียวกัน จะว่าไป คนไทยเราใช้โซเชียลกันเกินขอบเขต อย่างเคสนักเล่นเกมส์ ที่เสียชีวิต แล้วทางเพื่อน ๆ ต่างออกมาโทษการทำงานของรัฐ เพราะรัฐไม่รีบรับตัวมารักษาปล่อยให้เพื่อนเค้าตาย เลยไปดูไทม์ไลน์ ที่เหลือในเฟซบุ๊ก คือเค้าไปเที่ยวที่ทองหล่อ อยู่ในคลัสเตอร์ รัฐเค้าก็ประกาศให้รีบออกมาตรวจหาเชื้อกันตั้งแต่ต้นเดือน ตรงนี้ก็ไม่มีการออกมาบอกว่าได้ไปตรวจตามที่เค้าเรียกไหม?

จะด้วยอะไรก็ตาม พอทราบว่าคนที่เค้าใกล้ชิดติดเชื้อ ก็ทำการกักตัวเองตั้งแต่ วันที่ 12-17 เมษายน โดยบอกว่าไม่มีโควต้า รพ.ไหนให้เค้าเข้าตรวจ? พอวันที่ 21 เข้าแอดมิด พบว่าเชื้อลงปอดแล้ว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จนมาถึงวันที่ 24 เค้าก็ได้เสียชีวิตลง

จากไทม์ไลน์ดังกล่าว ถ้าคิดเป็นนะ!! คนเป็นเพื่อนไม่ควรใช้การตายของเพื่อนออกมาโหนบ่นด่าโทษการทำงานของรัฐเลยจริง ๆ !!!

แต่อย่างไรเสีย ก็ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต มา ณ ที่นี้ด้วย

ทั้ง 7 เรื่องที่นำมาเล่าทั้งหมดยืดยาวในช่วงเวลาคาบเกี่ยว 2-3 วันนี้ ก็แค่อยากให้มองความจริง มองเหตุผล ก่อนใช้อารมณ์ความรู้สึก เพราะปัจจุบัน มีการโทรแจ้งเข้ามาเรื่องรอการมารับ หลายร้อยรายต่อวัน แต่จงเชื่อเหอะว่าเจ้าหน้าที่เค้าทำดีที่สุดแล้ว

อีกเรื่องสำคัญ คือ คุณจะชอบรัฐหรือไม่ แต่ความร่วมมือนั้นสำคัญ รัฐประกาศอะไร เมื่อเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงควรรีบให้ไปตรวจโดยไว

สุดท้าย อย่าหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ ในโลกโซเชียล เหมือนนักข่าวไทยพีบีเอสที่รายงานข่าวเครื่องบินเช่าเหมาลำจากอินเดีย กระโดดลอดห่วง งับข่าวปลอมเสียจมเขี้ยว...

เฟคนิวส์เริ่มเยอะ!!

‘ชูวิทย์’ สวนกลับ ‘ธนกร’ เปรียบเช่น เด็กชงกาแฟให้นาย เอาไว้เรียกใช้ซื้อข้าวมันไก่ เก่งแต่ปาก เลียแข้งเลียขานายไปวัน ๆ แล้วหวังเติบโตทางการเมือง ส่วนตน ขอเป็น ‘โจรโรบินฮู้ด ปล้นคนโง่ เสริมปัญญาคนเดินดิน’ 

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความบนเพจเฟซบุ๊ก ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ระบุว่า

โจรโรบินฮู้ด ปล้นคนโง่ เสริมปัญญาคนเดินดิน
-
‘ธนกร’ อัด ‘ชูวิทย์’ เก่งแต่ปาก แนะ ทำตัวเป็นองคุลีมาล อย่าเป็นโจรป่า
https://www.thairath.co.th/news/politic/2087675
-
ขอขอบคุณที่ชมผมว่าเป็น ‘โจรป่า’ แต่อยากให้ทำตัวเหมือน ‘องคุลีมาล’ 

จากเด็กเมื่อวานซืนอย่าง นายธนกร วังบุญคงชนะ ตำแหน่งแค่เลขาหน้าห้องรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ

หากชาวบ้านไม่ทราบ ว่าตำแหน่งนี้ทำหน้าที่อะไร ก็เสมือนเด็กชงกาแฟให้นาย เอาไว้เรียกใช้ซื้อข้าวมันไก่ อะไรทำนองนั้น

แล้วได้แต่รอ ‘หวังบุญหล่นทับตีนบวมในอนาคต’

ผมทำงานมามาก เห็นคนมาหลากหลาย ไม่ว่าในโรงนวด ในโรงเหล้า ในเลานจ์ ในคุก หรือแม้แต่การเมืองในสภา

เด็กพวกนี้อยากเกิดอยากโตทางการเมืองอย่างนายธนกรกันทั้งนั้น คงไม่มีใครอยากเป็นเด็กซื้อโอเลี้ยงยันแก่ 

จึงต้องคอยปกป้องนายให้ได้เห็นหัว อย่างนายสามารถที่เป็นถึงผู้ช่วยรัฐมนตรี แต่ดันเรียนหนังสือเองไม่เป็น ให้คนอื่นไปเรียนไปสอบแทน

พวกนี้มีกิเลสการเมืองบังตา อยากเกิดแต่ไม่รู้จะเอาอะไรเกิด ยกเว้นตอบโต้ไปตามเรื่องตามราวให้นายเห็นว่ามีบทบาท แท้จริงยังหาตัวตนไม่เจอ นับประสาอะไรจะไปช่วยชาวบ้านได้ 

สิ่งที่ผมพูดวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เป็นเรื่องที่คนไทยเห็นด้วยกับผม ไม่ว่าวัคซีนที่มาช้า ไม่วางแผนล่วงหน้า รวบอำนาจทุกอย่างไว้กับตัวเอง แถลงสเปะสปะ ทำงานเชื่องช้าไม่ทันโลก ทั้ง ๆ ที่โควิดไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่ระบาดมาเป็นปี 

ชาวบ้านทุกคนจะมารอเศษเงินจากสารพัดโครงการของรัฐบาลแบบนี้ มันไม่ใช่ ต้องมุ่งเน้นเรื่องวัคซีน และใช่ครับ รัฐบาลได้พยายามแก้ไขสถานการณ์ แต่ถามจริง ๆ มันไม่ช้าไปหรือไงท่าน?

คนเขาพูดปากเปียกปากแฉะกันมาตั้งนาน เพิ่งจะมาขึงขังเอาตอนวายป่วงไปทั่วประเทศ

หากท่านทันโลก ป่านนี้ประชาชนคนไทยคงได้ยิ้มแย้มแจ่มใส การค้าการขายครึกครื้น

มันเป็นความผิดผมที่ไปกระทุ้งรัฐบาลทุกเช้าเย็นหรือ?

สงสัยผมต้องคอยเอาใจนายกฯ ว่าท่านทำถูกแล้วคร้าบ เหมือนเด็กฟันน้ำนมการเมืองยังไม่ขึ้นอย่างนายธนกร อย่างนั้นหรือ? 

นี่ผมว่ากำลังจะเงียบ เพราะท่านนายกฯ เพิ่งปรับกระบวนทัศน์ยุทธศาสตร์เรื่องโควิดมาถูกทาง แม้จะช้าไป 

แต่ดันมาร่ำร้องไม่ดูฤกษ์ดูยาม ต้องให้นายเรียกไปด่าว่า อยากดังผิดเวลา 

สงสัยคงต้องพูดต่อ เช้า สาย บ่าย เย็น เพราะเรื่องวัคซีนเป็นเรื่องของชาติ ไม่ใช่เอามาใช้โจมตีกันทางการเมือง 

และที่เปรียบชูวิทย์ว่าเป็น ‘โจรป่า’ ผมยอมเป็น ‘โจรโรบินฮู้ด’ ปล้นคนโง่ที่อยากเสวยอำนาจนาน ๆ เอามาเสริมสมองให้ชาวบ้านเขารู้ทัน

ไม่ใช่เก่งแต่ปาก เลียแข้งเลียขานาย แล้วหวังเติบโตทางการเมือง

ลีลานี้ควรเลิกได้แล้วครับ คนเขารู้ทันหมดแล้ว

ถอดรหัส ‘พรรคกล้า’ ต้นแบบ ‘กล้าทำ’ เรื่องที่ควรทำ ในห้วงเวลาที่คนไทยโหยหาคนช่วย ส่วนใครจะไม่จำ ไม่รู้!!

ในระหว่างที่โลกการเมืองภายในประเทศตอนนี้ ยังคงมีวาทกรรมให้โต้ตอบจากการขุดประเด็นอะไรก็ไม่รู้มาพ่นน้ำลายในแต่ละวัน คู่ขนานไปกับการทำงานของคนการเมืองที่ต้องมีส่วนเอี่ยว แบบเดินไป สะดุดไป

พลันหลงให้ต้องเหลือบไปมองดูพรรคการเมืองอื่น ๆ เพื่อพักสายตา ซึ่งช่วงนี้ชื่อ ‘พรรคกล้า’ ก็ลอดเล็ดเข้ามาเป็นระยะ ๆ เพราะดันอดสงสัยไม่ได้ว่า แคมเปญสารพัดที่พรรคนี้งัดออกมาในช่วงประชาชนโหยหาความรักความเมตตาอยู่เนี่ย มันควรเป็นหน้าที่ของใคร?

จริง ๆ แล้ว พรรคกล้า เป็นพรรคหนึ่งที่เชื่อว่าคนไทยบางส่วน คงมีแอบตามติดอยู่เบา ๆ แต่ก็ไม่ใช่เพราะหัวหน้าพรรคชื่อดัง ไม่ใช่ว่าเพราะเบื่อลุง หรือเซ็ง 3 นิ้วใด ๆ

แต่แค่รู้สึกว่า ในหัวชาวบ้านทั่ว ๆ ไป อยากได้ความช่วยเหลืออะไร พรรคนี้ก็ดันทะลึ่งมีไอเดียคลอดออกมาซัพพอร์ตในวันที่ภาคส่วนซึ่งเกี่ยวข้องยังงง ๆ หรือมึนกับบทบาทตัวเองอยู่เลย (แต่บางคนทำงานดี ๆ ก็มีเยอะนะ)

เพราะตั้งแต่เกิดการระบาดระลอก 3 มานี้ ‘พรรคกล้า’ มีเส้นทางในการทำงานการเมืองนอกสภา ที่ดู OK ไม่น้อย

แถมสิ่งที่เห็นชัด คือ ไม่ใช่แค่การคิด หรือ คุย หรือ วาทกรรมไปเรื่อย แต่คนในพรรคดูจะ ‘เน้นลงมือทำ’ เลยเฮ้ย!! (อันนี้อยากให้นักการเมืองไทยมองเป็นแบบอย่าง)

อย่างเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ พรรคกล้ามีการตั้งทีมช่วยประสานหาเตียงผู้ป่วย มีการตั้งโครงการ ‘กล้าเติมอิ่ม’ ดูแลคนที่จะเดือดร้อน มีการพาทีมไปบริจาคเลือดให้กับสภากาชาด มีการช่วยรณรงค์ให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนโดยการทำแคมเปญเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ ‘กล้า ฉีดวัคซีน’ ทุกกิจกรรมมันแอบกระแทกใจคน แม้จะเฉย ๆ กับพรรคนี้

เท่าที่จำได้ บรรดาคนในพรรคนี้ตั้งแต่ หัวหน้า / เลขาธิการพรรค ยันลูกพรรคแต่ละเขต ระดมแรงลงไปไล่เร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบ น่าจะตั้งแต่ช่วงวันที่ 25 เมษายน 2564 ที่โควิดระลอก 3 เริ่มหนัก

ขอไล่เรียงเท่าที่พอรู้ พรรคนี้เริ่มโครงการ ‘กล้าสู้โควิด’ โดยมีการจัดตั้งศูนย์ประสานสำหรับผู้ที่ติดเชื้อโควิดและมีปัญหาเรื่องประสานหาเตียง มีอาสาสมัคร ประมาณ 10 ท่าน ช่วยในการโทรประสานเตียง ให้กำลังใจและคำแนะนำ โดยสามารถช่วยไปได้หลายร้อยราย

‘กล้าเติมอิ่ม’ เป็นโครงการที่หัวหน้าพรรคเขาริเริ่ม โดยการนำข้าวอิ่ม เกษตรอินทรีย์ ที่ปลูกโดยชาวบ้าน จังหวัด มหาสารคาม มาร่วมกับเชฟหลายท่าน ทำข้าวกล่อง ‘กล้าเติมอิ่ม’ นำแจกตามชุมชนทั่วกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงนำข้าวสาร อาหารแห้งไปบริจาคเพิ่มเติมอีกด้วย นอกจากนี้มีการตั้งครัวอาสาทำข้าวกล่องทั่วกรุงเทพหลายจุดมอบให้ประชาชนหลายหมื่นกล่อง

‘กล้าบริจาคเลือด’ ตามที่ สภากาชาดไทยได้แจ้งว่ามีการขาดเลือดจำนวนมาก คนของพรรคกล้าก็โร่ไปบริจาคเลือดกันหลายสิบชีวิต นำโดยคุณเอ๋-อรรถวิชช์ สุวรรณภักดีที่เป็นเลขาธิการพรรค

‘กล้าฉีดวัคซีน’ แคมเปญรณรงค์ล่าสุดของพรรคกระตุ้นให้คนไทยออกมาฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประเทศ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจโดยเป็นการทำแคมเปญเปลี่ยน รูปโพรไฟล์ในช่องทางโซเชี่ยลมีเดีย ‘กล้าฉีดวัคซีน พร้อมมากพูดเลย’ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากโลกโซเชี่ยลเป็นอย่างมาก

ล่าสุดก็ ‘กล้าหางาน’ ที่ช่วยประชาชนหางาน และช่วยผู้ประกอบการหาคน เป็นการช่วยสู้วิกฤตเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 เพราะมองว่าแค่รับเงินแจกคงไม่พอแดก ซึ่งพรรคกล้าก็ได้เปิดเพจ-ทำงานเชิงรุกพื้นที่ บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หวังช่วยคนไทยนับล้านมีงานทำ

แน่นอนว่าสิ่งที่พรรคนี้กำลังทำ อาจจะไม่ใช่กิจกรรมที่ช่วยคนได้ทั้งประเทศหรอก แต่ถ้านักการเมืองที่เกี่ยวข้องในกระบวนการด้านสังคม สุขภาพ และเศรษฐกิจของประชาชน ซึ่งมีอำนาจล้นพ้นได้ทำ ประโยชน์จะเกิดกับคนไทยได้มากแค่ไหน และควรเป็นบทบาทของใคร? อันนี้ไม่พูด

อย่างไรเสีย คนช่างอคติแบบเรา ก็มองกิจกรรมที่พรรคนี้ได้ทำ เป็นเหมือนกับการหาเสียง หาฐานประชาชนทั่วไปให้รักให้หลง ตามกระบวนการทางการเมือง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ แต่มันเป็นความปกติที่ส่วนตัวแล้วอยากให้เกิดขึ้นบ่อย ๆ แบบ New Normal (ทันสมัยซะด้วย) เพราะสาระสำคัญของสิ่งที่ทำ มันแลดูเป็น ‘การเมืองเชิงสร้างสรรค์’ ที่เหมือนจะห่างหายจากสังคมไทยไปช้านาน

แต่คิดไปคิดมา เอาจริง ๆ พรรคกล้านี่ ถ้าไม่นับหัวหน้าพรรคนี่ คนอื่น ๆ ในพรรค ก็อาจจะไม่ได้มีใครคุ้นตาประชาชนเลย คนในพรรคส่วนใหญ่นี่เรียกว่าใหม่หมดจดในวงการเมืองแทบจะยกแผง ตั้งแต่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. / ส.ส. ทำไปจะได้ใจ จะมีใครจดจำ หรือได้เสียงในวันข้างหน้าแค่ไหนก็บอกยาก

ทว่าการเมืองแบบนี้ เป็นการเมืองภาคประชาชนของโลกยุคใหม่ ยุคที่คนไทยอยากเห็นการเมืองสร้างสรรค์ ต่อให้ต้องพ่ายแพ้หลังวันคืนหมาหอน แต่ก็น่าจะเป็นประกายเล็ก ๆ ให้คนในประเทศยังรู้สึกมีความหวังกับคนที่อยากมานักการเมืองไทย

ถึงกระนั้น!! อนาคตก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก​ แต่ถ้าสิ่งที่เป็นอยู่ในวันนี้กับอนาคตที่จะมาถึง ยังคงสม่ำเสมอได้...

ตราตรึงจิตคนไทยไม่ยาก!!


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย 'กวีสองแผ่นดิน' ผู้ประพันธ์กาพย์เห่เรือขบวนพยุหยาตราชลมารค ได้โพสต์เฟซบุ๊กเตือนสติสังคมไทยว่า…

ไม่นานมานี้ นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย 'กวีสองแผ่นดิน' ผู้ประพันธ์กาพย์เห่เรือขบวนพยุหยาตราชลมารค ได้โพสต์เฟซบุ๊กเตือนสติสังคมไทยว่า…

เคยไปคุยกับท่านมั่งหรือเปล่า

ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา ผมมีเหตุต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับ “คำด่าพระเจ้าแผ่นดิน” เนือง ๆ ทำให้เกิดความคิดหลาย ๆ อย่าง

อย่างแรก คิดถึงคำที่คนพูดกันว่า เวลานี้บ้านเราเผด็จการทหารครองเมือง

แต่เวลานี้บ้านเราคนด่าพระเจ้าแผ่นดินกันเป็นว่าเล่น ด่าได้อย่างเสรียิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ในประวัติศาสตร์เสียด้วยกระมัง

อย่างต่อไปที่ผมคิดก็คือ คนที่ด่าพระเจ้าแผ่นดินนั้น ทั้งหมดไม่เคยรู้จักพระเจ้าแผ่นดินเลย

“รู้จัก” - ขออนุญาตพูดเป็นภาษาสามัญ - ไม่ได้หมายถึงรู้จักชื่อ เคยเห็นในข่าวหรือเคยเห็นตัวจริง ๆ ตอนมีงานที่นั่นที่โน่น รู้จักแบบนั้นใครก็รู้จัก

แต่ “รู้จัก” ที่ว่านี้หมายถึงรู้ความจริงในชีวิตประจำวัน เช่นรู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินตื่นนอนกี่โมง เข้านอนกี่ทุ่ม เช้าทำอะไร สายทำอะไร เย็นทำอะไร ตลอดจนพระเจ้าแผ่นดินไปทำอะไรไว้ที่ไหนอย่างไร-รู้เห็นจากของจริงด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่จากชุดข้อมูลที่มีผู้จัดทำขึ้นแล้วเอามาบอกเรา

ทั้งหมดที่ด่าพระเจ้าแผ่นไม่เคยรู้จักพระเจ้าแผ่นดินตามความหมายที่ว่านี้ แต่ด่าพระเจ้าแผ่นดินได้เป็นช่องเป็นฉากเป็นวรรคเป็นเวร ราวกับได้สะกดรอยตามพระเจ้าแผ่นดินตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนทุกวันเวลาจนรู้ความจริงหมดไส้หมดพุง

และถ้าสังเกตสักหน่อยก็จะเห็นว่า คำด่าพระเจ้าแผ่นดินนั้นเหมือนคนด่าจะไม่ได้คิดเอง แต่ได้ข้อมูลมาจากแหล่งเดียวกัน คำด่าส่วนมากมีลักษณะเป็น “ข้อกล่าวหา” ซึ่งยังจะต้องพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงกันอีกมาก แต่ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จ ผู้ด่าก็เอามาด่าได้เต็มปากเต็มคำ 

และผู้ถูกด่าก็เสียหายไปเรียบร้อยแล้ว จริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้นั่นแหละ

บางเรื่องฟังแล้วก็สังเวชใจ พระเจ้าแผ่นดินทรงเอาพระทัยใส่เรื่องพระพุทธศาสนา แต่คนด่าก็พลิกหาเหลี่ยมขึ้นมาด่าจนได้ 
เอากะพ่อกะแม่มันสิเออ คนจะด่านี่หาเหตุด่าได้ทุกเรื่องจริงๆ 

ในฐานะสมาชิกของสังคมที่จะต้องได้ยินได้ฟังได้รับข้อมูลอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมทำอย่างไร 

ผมก็เหมือนคนทั่วไป คือยังมีชอบมีชัง เวลาได้ยินใครด่าใครและผมจำเป็นต้องรับรู้ ผมมีวิธีจัดการของผม นั่นคือ รับรู้ไว้ก่อน แต่ยังไม่ให้ราคา ยังไม่ตัดสินใจว่าจะชอบหรือจะชัง 

รับไว้แล้วก็วางไว้ ไม่ต้องทำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง-ไม่เอาไปบอกต่อ

ต่อจากนั้น ถ้าสนใจประเด็นไหน อยากรู้ความจริง ก็ลงมือสืบเสาะ แต่ไม่ใช่ไปรับเอาชุดข้อมูลที่ถูกทำขึ้นมาเป็นเกณฑ์ตัดสิน

สืบเสาะแล้ว ถ้ายังไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่ ก็วางไว้ที่เดิม ไม่ลงมติชอบหรือชัง

ตรงนี้แหละที่คนทั่วไปมักไม่ได้ทำ-คือสืบสวนหาข้อเท็จจริงก่อน

ส่วนมาก พอได้รับข้อมูลมาก็ตัดสินทันที เชื่อทันที ชอบทันที ชังทันที แล้วก็เอาไปขยายต่อทันที ราวกับว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นพิสูจน์ทราบแล้วด้วยตนเองว่า-จริงทั้งหมด-ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว จริงหรือเท็จตัวเองก็รู้ตามที่เขาบอกอีกทีหนึ่งทั้งนั้น

คนที่ผลิตชุดคำด่าพระเจ้าแผ่นดินเขาก็คงใช้หลักความจริงข้อนี้แหละเป็นเหยื่อ คือด่าไปก่อนให้คนฟัง คนส่วนมากฟังแล้วไม่ทันได้คิดที่จะสืบสวนหาข้อเท็จจริง ก็จะเกลียดพระเจ้าแผ่นดินทันทีสมความปรารถนา

ยังมีข้อควรคิดอีก ถ้าสมมุติว่าเรื่องที่ด่าพระเจ้าแผ่นดินนั้นเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ถ้าเรานิ่งเฉย แล้วถ้าเกิดเป็นเรื่องจริงจะว่าอย่างไร ควรจะทำอย่างไรกัน

ผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่จนไม่มีทางไป ถ้าเราห่วงประเทศชาติและประชาชนถึงขนาดนั้น ก็ยังมีวิธีอื่นอีก

วิธีที่ตรงที่สุด ง่ายที่สุด แต่ไม่มีใครกล้าทำ ก็คือ-ก็ถามพระเจ้าแผ่นดินไปตรง ๆ นั่นเลย

สมัยสุโขทัย ใครเจ็บท้องข้องใจก็ไป ... สั่นกระดิ่งที่ปากประตูหั้น ... สมัยนี้ง่ายกว่ากันเยอะเลย ใช้ช่องทางไหนด่าพระเจ้าแผ่นดิน ก็ใช้ช่องทางนั้นนั่นแหละถามพระเจ้าแผ่นดินได้เลย 

ถามพระเจ้าแผ่นดินง่ายกว่าด่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นไหน ๆ ไม่มีกฎหมายฉบับไหนห้ามพสกนิกรถามข้อข้องใจกับพระเจ้าแผ่นดิน เคยเฉลียวใจกันบ้างไหมว่า เราให้ความเป็นธรรมแก่พระเจ้าแผ่นบ้างหรือเปล่า คนด่าพระเจ้าแผ่นดินข้างเดียว แต่พระเจ้าแผ่นดินไม่มีโอกาสแก้ข้อกล่าวหาเลย ผมว่าการถามพระเจ้าแผ่นดินอย่างตรงไปตรงมานี่แหละคือการถวายโอกาสให้พระองค์ท่านตอบข้อข้องใจได้อย่างวิเศษที่สุด

หรือถ้าจะให้เจ๋งกว่านั้น ก็เข้าไปคุยกับท่านตัวต่อตัวเลย ท่านประทับอยู่ที่ไหน เราก็รู้ทางไปอยู่แล้ว ยากอะไร ไปขอเข้าเฝ้าทูลถามข้อข้องใจได้เลย 

ผมเชื่อว่าในบรรดาพระเจ้าแผ่นดินเมืองไทยของเรานี้ พระเจ้าแผ่นดินรัชกาลปัจจุบันเข้าพบหรือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทได้ง่ายที่สุดพระองค์หนึ่ง

ผู้ที่เคยเข้าเฝ้าบอกว่า ในนั้น (คือในวังที่ประทับ) ใครเข้าเฝ้าเวลาไหน มีอาหารพระราชทานเลี้ยงตลอดเวลา ตามคำโบราณว่า “ก้นถึงฟาก ปากถึงน้ำ” - เรื่องเล็ก ๆ (แต่สำคัญมาก) แบบนี้มีใครเคยรู้บ้าง?

ใช้วิธีด่า แต่ไม่กล้าถามเจ้าตัวนี่ ผมนึกถึงพระเดชพระคุณพระธรรมปัญญาภรณ์ (ไพบูลย์ ชินวํโส ป.ธ.๗) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุราชบุรี หลวงพ่อท่านโดนแบบเดียวกัน คือหลวงพ่อท่านทำโน่นทำนี่ภายในวัดตลอดเวลา งานไม่ว่าง คนที่ตามความคิดท่านไม่ทันก็มักไม่เข้าใจว่าท่านทำอะไรของท่าน เมื่อไม่เข้าใจก็บ่น หนักเข้าก็ด่า 

หลวงพ่อท่านประกาศเสมอว่า ใครสงสัยเรื่องอะไรให้มาถามกับท่านตรงๆ อย่าไปฟังคนอื่น แต่เชื่อหรือไม่ว่า ไม่เคยมีใครกล้าไปถามท่าน แต่ชอบใช้วิธีฟังจากคนนั้นคนโน้น แล้วก็ด่าท่านต่อไป

ผมว่า ต่อไปนี้ถ้าใครอยากจะด่าพระเจ้าแผ่นดิน ก็ควรจะถูกถามกันมั่งว่า คนที่คุณด่าหรือกำลังคิดจะด่านั่น คุณเคยไปคุยกับท่านมั่งหรือเปล่า

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Somkiat Osotsapa ว่า...

สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Somkiat Osotsapa ว่า

พวกเราคือคนรุ่น Limited Edition

# เราเป็นคนรุ่นสุดท้ายที่เชื่อฟังพ่อแม่ และเป็นคนรุ่นแรก ที่รับฟังลูกหลาน พวกเราคือคนรุ่น Limited Edition

⭕️หลานถามปู่ว่า ในสมัยปู่นั้น คนใช้ชีวิตกันอย่างไรโดยที่... 
⭕️ไม่มีเทคโนโลยี
⭕️ไม่มีเครื่องบินพาณิชย์
⭕️ไม่มีอินเตอร์เน็ต
⭕️ไม่มีคอมพิวเตอร์
⭕️ไม่มีโรงหนัง
⭕️ไม่มีโทรทัศน์
⭕️ไม่มีเครื่องปรับอากาศ
⭕️ไม่มีรถหรู
⭕️ไม่มีโทรศัพท์มือถือ

????คุณปู่ตอบหลานว่า “เราไม่ใช้ชีวิตอย่างคนรุ่นหลานที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้” นั่นคือ... 
????ไม่มีการสวดมนต์
????ไม่มีน้ำใจให้กัน
????ไม่มีการให้เกียรติกัน
????ไม่มีมารยาท
????ไม่รู้จักละอาย
????ไม่นอบน้อมถ่อมตน
????คนรุ่นปู่ที่เกิดระหว่างปี 2490 ถึง 2510 นั้นช่างโชคดี เพราะการใช้ชีวิตของพวกเราคือของจริงที่พิสูจน์ได้
????เราขี่จักรยานกันโดยไม่สวมหมวกกันน็อก
????หลังเลิกเรียนเราเล่นกันจนค่ำมืดโดยไม่เคยดูโทรทัศน์
????เราเล่นกับเพื่อนตัวเป็นๆ ไม่ใช่เพื่อนทางอินเตอร์เน็ต
????เรากระหายน้ำเราก็ดื่มน้ำจากก๊อกไม่ใช่น้ำบรรจุขวด
????เราไม่เคยป่วย แม้เราจะดื่มน้ำร่วมแก้วเดียวกับเพื่อนถึงสี่คน
????เรากินข้าวเป็นจานๆ ทุกวันโดยไม่มีปัญหาเรื่องอ้วน
????เท้าเราไม่มีปัญหาอะไร แม้จะเดินด้วยเท้าเปล่า
????เราไม่เคยกินอาหารเสริมเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง
????เราประดิษฐ์ของเล่นเอามาเล่นเอง
????พ่อแม่เราไม่ร่ำรวย ท่านจึงให้เราได้แต่ความรัก ไม่ใช่วัตถุ
เราไม่เคยมีมือถือเครื่องเล่น DVD วิดีโอเกมส์ คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต เรามีแต่เพื่อนที่มีตัวตน
????เราไปเยี่ยมเพื่อนที่บ้านโดยไม่ต้องนัดหมาย แล้วเราก็หาอะไรกินกันอย่างสนุกสนาน
????ญาติพี่น้องอยู่ใกล้ชิดกัน เราจึงมีเวลาให้กันมาก
????ภาพถ่ายเราอาจเป็นขาวดำ แต่ความทรงจำของมันช่างหลากสีสัน
????คนรุ่นเรามีเอกลักษณ์ และเข้าใจกัน เพราะเราเป็นคนรุ่นสุดท้ายที่เชื่อฟังพ่อแม่ และเป็นคนรุ่นแรกที่รับฟังลูกหลาน
????พวกเรา คือ คนรุ่น Limited Edition จงสนุกไปกับเรื่องราวของเรา เรียนรู้จากเรา และ เก็บเราไว้เป็นสมบัติอันทรงคุณค่าตลอดไป อีกไม่นานเราก็จะจากไป

 

ที่มา: https://www.facebook.com/100001380665898/posts/4239119296144051/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับบทความ 'การบุกรุกของกองทัพคนปัญญาอ่อน' ของ ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์

รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...

บทความของ ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ ที่เขียนไว้สองปีแล้ว แต่ก็ดูน่าจะเป็นจริงขึ้นมาเรื่อย ๆ

การบุกรุกของกองทัพคนปัญญาอ่อน

30 มิถุนายน พ.ศ. 2562

(1) ช่วงวันสองวันที่ผ่านมานี้...ใครก็ไม่รู้? ได้ไปเอาคำพูดของนักเขียน นักปรัชญาชาวอิตาลีรายหนึ่ง ชื่อว่า อุมแบร์โต เอโค (Umberto Eco) ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อซัก 3 ปีที่แล้ว มาเผยแพร่เอาไว้ในช่องทางการสื่อสารที่เรียก ๆ กันว่า ไลน์ อะไรประมาณนั้น และแม้ว่า อันตัวข้าพเจ้าเอง จะไม่รู้เรื่อง รู้ราว ไม่เคยได้สัมผัสกับช่องทางการสื่อสารประเภทนี้ แต่เมื่อน้อง ๆ เขางัดมาโชว์ให้เห็น ก็ต้องยอมรับว่า...ออกจะเป็นคำพูดที่น่าคิด สะกิดใจ มิใช่น้อย...

(2) คือว่ากันตามสำนวนภาษาปะกิต...ที่ว่าเอาไว้ว่า Social media gives legions of idiots the right to speak when they once only spoke at a bar after a glass of wine, without harming the community. Then they were quickly silenced, but now they have the same right to speak as a Nobel Prize winner. It’s the invasion of the idiots. ก็คงประมาณว่า...แต่ก่อนนั้นพวกคนประเภทปัญญาอ่อน ได้แต่พูดอะไรโง่ ๆ ในบาร์หลังจากที่เมาไวน์กันไปพอสมควร แล้วเป็นอันต้องหุบปาก โดยไม่ได้ก่อให้เกิดพิษภัยร้ายแรงอะไรมากมายต่อผู้คน แต่หลัง ๆ นี้...ก็ด้วยสิ่งที่เรียกว่า โซเชียลมีเดีย นั่นเอง ที่ทำให้บรรดาคนเหล่านี้มีสิทธิ์จะพูดอะไรต่อมิอะไรได้เท่ากับผู้ที่มีชื่อ มีเสียง ระดับนักคิด นักปราชญ์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ไพรซ์ เอาเลยก็ว่าได้ และนี่ก็คงแทบไม่ต่างไปจาก การบุกรุกของกองทัพคนปัญญาอ่อนทั้งหลาย...

(3) โดยคำพูดที่ว่านี้...ถูก-ไม่ถูก เข้าท่า-ไม่เข้าท่า อันนั้นคงต้องไปพิจารณากันเอาเอง แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ออกจะเป็นเรื่อง จริง ไม่ใช่อิงนิยายโดยเด็ดขาด สำหรับยุคนี้ สมัยนี้ เพราะอะไรที่มันเคยถูกพูด ๆ อยู่ในแวดวงผู้คนแค่ไม่กี่คน หรือในหมู่ผู้คนที่ระดับวาสนาใกล้เคียงกันและกัน ไม่ว่าจะเป็น มธุรสวาจา หรือ มทุเรศวาจา ประเภทขึ้นมึง-ขึ้นกู แจกกล้วย และแจกผลไม้รวม ทั้งหลาย ที่ถ้าหากฟังกันในหมู่เพื่อนฝูง หรือในหมู่คนปัญญาอ่อนด้วยกัน ก็ไม่ถึงกับเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่าชัง มากมาย ถ้าเข้าหูซ้ายแล้วไม่ทะลุออกไปทางหูขวา ก็แกะออกได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

(4) แต่ก็ด้วยสิ่งที่เรียกว่า โซเชียล มีเดีย นั่นเอง...ที่มันมีส่วนช่วยให้ กล้วย ธรรมดา ๆ กระจอก ๆ ของบรรดาพวกปัญญาอ่อนในแต่ละราย กลายสภาพเป็น อภิมหากล้วย ใหญ่โต มโหฬาร ขมึงทึง ยิ่งกว่าศิวลึงค์พระอิศวรเอาเลยก็ไม่แน่ คือสามารถด่าทอ กล่าวหา โจมตี ตอบโต้เล่นงานใครต่อใคร ในระดับไม่ใช่แค่คำพูดหลังบาร์ หลังแก้วเหล้า หลังจากไม่เหลือสติสัมปชัญญะอยู่ภายในสมอง ในร่างกาย แต่เพียงเท่านั้น แต่สามารถแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง ระดับผู้คนนับเป็นหมื่น ๆ แสน ๆ หรืออาจเป็นล้าน ๆ ต้องคอยแงะ คอยแกะ คอยเตรียมน้ำเอาไว้ล้างหู ชนิดวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เอาเลยก็ว่าได้...

(5) การที่เทคโนโลยีอันสุดแสนจะก้าวหน้า ทันสมัย อย่าง โซเชียลมีเดีย มันได้เปิดพื้นที่ สร้างพื้นที่ ให้กับคนโง่ คนปัญญาอ่อน คนหยาบ ๆ คาย ๆ อย่างชนิดกว้างขวางใหญ่โตไม่น้อยไปกว่านักคิด นักปราชญ์ ผู้ที่มีสติปัญญา มีความสามารถระดับรางวัลโนเบล ไพรซ์ อย่างที่นาย อุมแบร์โต เอโค แกได้อุปมา-อุปมัยเอาไว้ทำนองนี้ มันก็เลยน่าจะส่งผลให้เกิดฉากสถานการณ์ในแบบที่แกเรียก ๆ เอาไว้ว่า การบุกรุกของกองทัพคนปัญญาอ่อน อุบัติขึ้นมาในสังคมต่าง ๆ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ และถือเป็นฉากสถานการณ์ที่ออกจะท้าทาย ต่อบรรดาผู้ที่คิดดี ใฝ่ดี หรือผู้ที่ต้องการให้สังคมเป็นไปในทางที่ดีทั้งหลาย ว่าจะหาทางรับมือกับ กองทัพคนปัญญาอ่อน เหล่านี้อย่างไรดี มันถึงจะเหมาะสม สอดคล้อง กับ ข้อเท็จจริงทางสังคม...

(6) คือจะไปปิดกั้น ปิดช่อง ปิดทาง ปิดประตู ปิดหน้าต่างในแต่ละบาน ๆ นั้น...คงแทบเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าในทาง เทคโนโลยี หรือแม้แต่ในทาง กฎหมาย ก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากปล่อยเลยตามเลย ปล่อยให้วันแมน-วันโหวต ถือว่าเสียงทุกเสียงย่อมต้องมีความเสมอภาค มีสิทธิ์แสดงออกอย่างเท่าเทียมกันทั้งสิ้น ไม่ว่าระหว่างเปล่งเสียงมันจะออกอาการอ้วกแตก เมาแล้ว เมาเล่า แทบไม่เหลือสติสัมปชัญญะ ไม่เหลือสาระประโยชน์ใด ๆ อยู่ในคำพูด ในเสียงแต่ละเสียงเอาเลยแม้แต่น้อย ตามหลักเสรีภาพหรือหลักประชาธิปไตยใด ๆ ก็แล้วแต่ อันนี้...มันก็ออกจะยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายห่า อยู่พอสมควร เพราะการคุยกับคนบ้า การว่ากับคนเมานั้น ไม่เพียงแต่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์โพดผลใด ๆ เผลอ ๆ อาจก่อให้เกิดโทษหนักบ้าง เบาบ้าง ไปตามสภาพ...

(7) มันก็เลยดูเหมือนจะมีอยู่แค่วิธีเดียวเท่านั้น...อย่างที่บรรดาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ท่านเคยออกมาชี้แนะ ชี้นำเอาไว้ ว่าจะต้องหาทางทำให้ผู้คนในสังคม มีความเจริญทางสติปัญญา ทางศีลธรรม คุณธรรม ให้มาก ๆ เข้าไว้ อันอาจพอช่วยให้ เสรีภาพ ที่เปิดกว้างอย่างแทบปราศจากขอบเขต ถูกนำใช้ไปในทางที่เป็นประโยชน์กับสังคมนั้น ๆ ได้จริง ๆ และอาจจะด้วยเหตุนี้หรือไม่ อย่างไร คงต้องเก็บไปคิดกันเอาเองก็แล้วกัน ที่ทำให้สิ่งที่เรียก ๆ กันว่า ประชาธิปไตยนั้น ยังไง ๆ ...คงต้องหาทางทำให้มันมีความผนึกแนบแน่นไปกับศีลธรรม คุณธรรม ให้มาก ๆ เข้าไว้ แม้แต่จะต้อง ควบคุม หรือกำกับ ก็อาจถือเป็นความจำเป็นอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...

ทรรศนะ ชัชรินทร์-ไชยวัฒน์

การบุกรุกของกองทัพคนปัญญาอ่อน

 

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10218733401917425&id=1570777112

https://www.thaipost.net/main/detail/39767


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top