Wednesday, 9 July 2025
PoliticsQUIZ

‘วิโรจน์’ ยัน!! พร้อมร่วมมือผู้ว่ากทม. หาทางออกรถไฟฟ้าสายสีเขียว

(27 ต.ค. 65) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่ากทม.ในฐานะประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการประชุมสภากรุงเทพมหานครเพื่อพิจารณาปัญหาการดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเมื่อวานนี้ (26) แม้สภากทม.ไม่รับเข้าพิจารณา ว่า...

ตนขอชื่นชมและขอบคุณ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม. ที่หยิบยกเอาคำสั่ง คสช.ที่ 3/2562 มาอ้าง จนนำไปสู่การตีความว่าไม่อยู่ในอำนาจของสภากรุงเทพมหานครที่จะพิจารณาบรรจุเป็นวาระการประชุมได้ ตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 28 วิโรจน์มีความเห็นว่า คำสั่ง คสช.ที่ 3/2562 หากพิจารณาในข้อที่ 5 ก็จะทราบว่า อำนาจของคณะกรรมการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว นั้นได้ยุติไปแล้ว และเป็นอำนาจของ รมว.มหาดไทย ที่จะแสวงหาแนวทางอื่นเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. ต่อไป 

ในทางปฏิบัติแค่รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือตรงให้ผู้ว่ากทม.จากนั้นผู้ว่ากทม. มีอำนาจเต็มที่จะตอบหนังสือฉบับนั้นได้เอง โดยไม่ต้องผ่านสภากรุงเทพมหานครก็ได้ แต่คุณชัชชาติเลือกที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมสภากทม. สำหรับตนถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม เพราะนี่คือการสร้างบรรยากาศการทำงานให้สมาชิกสภากทม.ได้มีส่วนร่วมในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน

จับสัญญาณ ‘การเมือง’ รวมขั้วใหม่ หลังเลือกตั้ง ‘ก้าวไกล - ลุงตู่’ ส่อถูกลอยแพ

แม้ขณะนี้ จะยังไม่มีความชัดเจนว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ครบเทอม หรือ ‘บิ๊กตู่’ จะชิงยุบสภา ก่อนครบกำหนด

แต่ในที่สุดแล้วการเลือกตั้งก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเราเริ่มเห็นพรรคการเมือง และนักการเมือง ขยับปรับทัพเตรียมตัวเข้าสู่สนามเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก

ขณะเดียวกัน เริ่มเห็นการส่งสัญญาณการจับขั้วกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งออกมาเป็นระยะ ๆ มีทั้งขั้วเก่าที่เป็นพรรครัฐบาล หรือ ฝ่ายค้านด้วยกัน ที่ยืนยันว่าจะจับกลุ่มกันเหนียวแน่นต่อไป 

หรือแม้แต่การสลับขั้วกัน ระหว่างพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ที่ส่งสัญญาณพร้อมจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งหากคุยกันแล้วทุกอย่างลงตัว

เพราะในวิถีการเมืองแบบไทย ๆ แล้ว ก่อนเลือกตั้ง มักจะมีการต่อสายแตะมือให้คำสัญญากันก่อนในระดับหนึ่ง ส่วนจะจับมือกันภายหลังการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองและผลการเลือกตั้ง

หากจับตาท่าทีของแกนนำพรรคการเมืองล่าสุด จะเริ่มเห็นเค้าลางบางอย่างหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าใครจะอยู่ขั้วไหน หรือใครจะยอมจับมือกับใคร บนเงื่อนไขอะไร 

ย้อนกลับไปสแกนท่าทีของพรรคการเมืองใหญ่ ๆ ในช่วงรอบเดือนนี้ จะเริ่มเห็นสัญญาณอะไรบางอย่าง!

เริ่มจาก รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ที่กล่าวเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 65 ว่า พรรคก้าวไกล ยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าผลักดันแก้ไขมาตรา 12 ต่อไป หากได้เป็นรัฐบาล

ซึ่งเป็นพรรคเดียวในขณะนี้ ที่ยืนยันชัดเจนจะแก้ไข มาตรา 112 ให้ได้

ถัดมาอีกไม่กี่วัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาย้ำอีกครั้งเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 65 ว่า จะไม่ขอทำงานร่วมกับพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์

ไม่เพียงเท่านั้น ในวันถัดมา แกนนำพรรคเพื่อไทยอีกคน สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ยังออกมาสำทับอีกรอบว่า ถ้าจำเป็นจริง ๆ ไม่มีทางเลือก พรรคเพื่อไทยก็พร้อมจับมือกับฝ่ายรัฐบาลทุกพรรค เป็นไปได้ทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคอื่น ๆ บนเงื่อนไขว่า พรรคนั้นต้องไม่ชู ‘บิ๊กตู่’ เป็นนายกฯ

จากคำพูดของแกนนำพรรคเพื่อไทยทั้ง 2 คน ย้ำชัดเจนว่า หลังการเลือกตั้งพร้อมจับมือกับทุกพรรค ที่ไม่สนับสนุน บิ๊กตู่ นั่นเอง

ขณะที่ ‘ตู่ใหญ่’ เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็ประกาศพร้อมจับมือกับทุกพรรคเช่นกัน รวมถึงพรรคพลังประชารัฐด้วย แต่ต้องไม่สนับสนุนบิ๊กตู่ เป็นนายกฯ ถ้าเป็นบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยอมรับได้

และเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 65 ทางฟาก ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาประกาศชัดๆ ว่า พรรคภูมิใจไทย พร้อมจับมือกับทุกพรรค มีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้น คือ ไม่เอาพรรคการเมืองที่จะแก้ไขมาตรา 112 

คำยืนยันของ บิ๊กโอ๋ ในครั้งนี้ เท่ากับปิดโอกาส ในการจับมือพรรคก้าวไกลไปทันที

'ไตรรงค์' เล่า!! ความปลอดภัยระดับการประชุมนานาชาติ ใครแหกด่าน!! จนท.ยิงได้ไม่ผิด ส่วนคนถูกยิงตายฟรี

(27 ต.ค. 65) ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'การรักษาความปลอดภัยระดับการประชุมนานาชาติ' ว่า

เมื่อ พ.ศ. 2553 ผมได้รับเชิญจากท่านประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา (Barack Obama) ให้เข้าประชุมร่วมกับผู้นำของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งหมด 47 ประเทศ (ที่ต้องเชิญผมไปก็เพราะท่านนายกอภิสิทธิ์ติดภาระกิจที่ต้องแก้ปัญหาพวกเสื้อแดงที่ยึดสี่แยกราชประสงค์และสวนลุมพินีเอาไว้) วัตถุประสงค์ของการประชุมนานาชาติในครั้งนี้ก็เพื่อหามาตรการควบคุมการขยายการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศต่าง ๆ ในโลก หรือเรียกกันเป็นภาษาอังกฤษว่า Nuclear Security Summit (12-13 เมษายน 2553)

สถานที่ที่เขาเตรียมไว้ใช้ในการประชุมจะเป็นห้องประชุมในอาคารใหญ่คล้าย ๆ ศูนย์สิริกิตติ์แต่ใหญ่กว่าและมีพื้นที่ห่างระหว่างรั้วกับตัวอาคารก็มีมากกว่าด้วย นอกจากจะมีรั้วสูงแข็งแรงรอบด้านแล้วก็ยังมีกำแพงก้อนลวดหนาม (หีบเพลงลวดหนาม) อีกชั้นหนึ่งเพื่อกันคนกระโดดข้ามกำแพงเข้ามา ถัดจากกำแพงลวดหนามก็จะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (ไม่ทราบว่าเป็นตำรวจหรือทหาร) ซึ่งมีอาวุธครบมืออีกชั้นหนึ่ง และจะมีมากพร้อมเครื่องมือยานพาหนะเพื่อสลายการชุมนุมอย่างครบครันในบริเวณทางเข้า-ออกของบริเวณที่มีอาคารอยู่ภายในเพื่อใช้ในการประชุมในครั้งนั้น

เขาจัดให้ผมและภรรยาได้พักที่ห้อง 4 ตอน คือมีทั้งห้องนอน ห้องสมุด ห้องทานอาหาร และห้องรับแขกที่โรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน เขาจะจัดให้มีฝ่ายรักษาความปลอดภัยอารักขาอยู่หน้าห้องที่เราอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ภรรยาจะขออนุญาตออกจากห้องเพื่อไปซื้อของบางอย่าง ก็ต้องไปกับพวกรักษาความปลอดภัยอารักขาอย่างเข้มงวดทั้งขาไปและขากลับ

‘พิธา’ จี้รัฐเร่งจัดการน้ำโดยไว หลังท่วมนานหลายเดือน ชี้!! ต้องมีแผนเยียวยา บรรเทาปัญหา ‘น้ำลด หนี้ผุด’

(27 ต.ค. 65) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์การน้ำที่ยังท่วมในหลายพื้นที่ บางพื้นที่น้ำท่วมต่อเนื่องเป็นระยะเวลาร่วมสองเดือนแล้ว หลายพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้หนักกว่าปี 62 หลายเท่า แต่กลับไม่เห็นท่าทีของรัฐบาลในการแก้ปัญหารวมถึงเยียวผู้ประสบภัยอย่างเป็นเรื่องเป็นราว 

พิธากล่าวเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ภาคอีสานอย่างจังหวัดอุบลราชธานีตนได้เข้าไปเยี่ยมพี่น้องประชาชน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับความเดือดร้อน มีความเครียดเนื่องจากพื้นที่ทำกินได้รับความเสียหาย ไม่รู้ว่าจะสามารถฟื้นได้เมื่อไร ในขณะที่น้ำท่วมทำมาหากินไม่ได้แต่รายจ่ายไม่หยุดนิ่ง ดอกเบี้ยก็ยังต้องจ่าย หลายพื้นที่ถึงแม้ว่าน้ำจะเริ่มลดแล้ว แต่ปัญหาที่ตามมาหลังน้ำลดคือปัญหาเศรษฐกิจ ‘น้ำลด หนี้ผุด’ เพราะชาวบ้านไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้เป็นเวลากว่า 1-2 เดือน ไร่นาและบ้านเรือนประชาชนเสียหาย

ตนเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเยียวยาพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบภัยโดยเร็ว ความจริงแล้วจนถึงตอนนี้ก็ล่าช้าไปมากเทียบกับความเดือดร้อนที่ประชาชนต้องแบกรับ 

พรรคก้าวไกลเสนอให้นำเทคโนโลยีมาใช้ด้วยการใช้ดาวเทียมเพื่อลดเวลาในการดำเนินการ นอกจากนี้ รัฐบาลต้องดำเนินการระบุพื้นที่ให้ชัดเจนว่าพื้นที่ไหนเป็นพื้นที่น้ำท่วมชั่วคราวหรือท่วมแบบชั่วโคตร เพื่อจะได้วางแผนในการรับมือทั้งในชีวิตประจำวันและการทำการเกษตรรวมถึงสนับสนุนเมล็ดพันธุ์การการเกษตรหลังน้ำลด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ใต้ คนคุณภาพพร้อมดูแลปชช. ยกผลงาน 'สัมพันธ์ตะวันออกกลาง-ปราบยา' การันตี

(27 ต.ค.65) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. พร้อมนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ร่วมกันแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคใต้ จำนวน 19 คน จาก 10 จังหวัด ได้แก่...

1. นายสุรชัย แดงละอุ่น เขต 1 จ.ชุมพร 
2. นายสมมิตร ทองเหลือ เขต 2 จ.ชุมพร 
3. นายธีระศักดิ์ ปางวิรุฬห์รักษ์ เขต 3 จ.ชุมพร
4. นายพงศกร พรหมสุวรรณ เขต 1 จ.ระนอง

5. นายสุนทร รักษ์รงค์ เขต 6 จ.นครศรีธรรมราช
6. นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ เขต 2 จ.พังงา 
7. นายศิวกรณ์ เอ่งฉ้วน เขต 1 จ.กระบี่ 
8. นายสรวิศทชากร เลขานุกิจ เขต 2 จ.กระบี่ 
9. นายกิตติพงศ์ ผลประยูร เขต 1 จ.ตรัง 
10. นายทวี สุระบาล เขต 2 จ.ตรัง

'อุ๊งอิ๊ง' ถูกต้้งคำถาม 'พรรคเพื่อไทย' มีจุดยืนที่ชัดเจนอย่างไรต่อ 'ม.112'

(28 ต.ค. 65) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึง น.ส. แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่า

ในฐานะของประชาชน ขออนุญาตสอบถามไปยังหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยอย่างคุณอุ๊งอิ๊งหน่อยครับ พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนอย่างไรต่อ ม.112 ครับ ขอบคุณครับ Ing Shinawatra


ที่มา : https://www.thaipost.net/x-cite-news/251220/

อลเวง!! กฎหมายต่างชาติซื้อที่ดินยุค 'ประยุทธ์' ความรู้ตีบตันจากสายมั่นที่เมาท์ว่าเป็น 'การขายชาติ'

ด่ากันเสียงขรม โดยที่ไม่ตรวจสอบกันเลยว่าความจริงคืออะไร ทันทีที่ครม. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ให้สิทธิถือครองที่ดินแก่ชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม ทั้งที่เป็นการอนุมัติหลักการตามที่ได้เห็นชอบไปแล้วนั่นเอง เท่านั้นแหละบรรดาพวกที่เกลียดชังความเป็นไทยก็ดิ้นเร่าเกิดอาการรักชาติแบบฉับพลัน ด่าทอต่าง ๆ นานาจนน่าปวดหัว

กฎหมายที่ดินที่ให้สิทธิคนต่างชาติซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่นั้น มีอยู่ในประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 96 ทวิ มาตั้งแต่ พ.ศ. 2545 โน่นแล้ว และไม่ใช่ฝรั่งต่างชาติคนไหนจะมาซื้อได้ ต้องผ่านกฎเกณฑ์ ข้อบังกับ เช่น กลุ่มที่มีสิทธิ์คือให้สิทธิการถือครองที่ดินคือกลุ่มที่รวย, กลุ่มเกษียณอายุ, กลุ่มที่ต้องการทำงานในไทย และกลุ่มมีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ แถมจะต้องนำเงินมาลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท โดยลงทุนดำเนินกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ถึงจะมีสิทธิซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่ ต้องเป็นที่ดินในเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายผังเมือง จะไปซื้อที่ดินแบบอื่นไม่ได้

ถ้านำที่ดินไปใช้ผิดเงื่อนไข เช่น เอาไปทำธุรกิจ, การค้า, เก็งกำไร อาจจะถูกบังคับขายคืน ให้ซื้อเป็นที่อยู่อาศัยอย่างเดียว ห้ามขาย หากขายหรือแบ่งขาย จะถูกระงับสิทธิทันที ตามที่ระบุในสัญญาซื้อขาย ที่ดินสามารถโอนให้ลูกหลานได้ แต่ลูกหลานห้ามขายต่อเช่นกัน

จะชักดิ้นชักงอไปทำไมนักหนา รัฐบาลที่ผ่าน ๆ มาเปิดทางให้ชาวต่างชาติ สามารถซื้อคอนโด และซื้อที่ดินในประเทศไทยได้นานแล้ว เช่น กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไข การได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545 คำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 153/2546 ลงวันที่ 21 เมษายน 2546 มาตรา 96 ทวิและมาตรา 96 ตรี แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการได้มาซึ่งที่ดิน เพื่อใช้เป็นที่อยูอาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545 และกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2497 ออกตามความใน พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ. 2497

ประเทศอื่นก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น หันไปดูเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียสิ เพิ่งประกาศหมาด ๆ เลยว่า จะออกวีซ่า 'บ้านที่สอง' สำหรับชาวต่างชาติซึ่งประสงค์พักอาศัยระยะยาวบนเกาะบาหลี เป็นเวลานานระหว่าง 5-10 ปี

โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารอย่างน้อย 2,000 ล้านรูเปียห์ ( ราว 4.84 ล้านบาท ) และหนังสือเดินทางซึ่งมีอายุการใช้งานคงเหลือไม่น้อยกว่า 36 เดือน

สหภาพยุโรป (EU) มีการออกสถานะผู้อยู่อาศัยพิเศยที่เรียกว่า 'วีซ่าทองคำ' ให้แก่พลเมืองต่างชาติกว่าแสนคน และมอบสัญชาติกิตติมศักดิ์ ให้แก่ชาวต่างชาติที่มีฐานะร่ำรวย ที่เรียกว่า 'หนังสือเดินทางทองคำ' แก่พลเมืองมากกว่า 6 พันคนที่เข้ามาลงทุน โดยสร้างรายได้มากกว่า 2.5 หมื่นล้านยูโร (2.8 หมื่นล้านเหรียญ)

'ไตรรงค์' ประกาศลาออกจากสมาชิกปชป. ทิ้ง 38 ปีไว้เบื้องหลัง ขอมีลมหายใจเป็นของตัวเอง

(27 ต.ค. 65) ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า #ผมขอมีลมหายใจเป็นของตนเอง #ใส่เสื้อฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย #38ปีกับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ 15:00 น. ของวันนี้ (27  ตุลาคม 2565) ผมได้ให้เลขาส่วนตัวไปยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์แล้วครับ

ผมลาออก #ทั้งๆที่ยังรักพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แต่ผมไม่ได้รักที่ตัวตึก หรือตัวบุคคล ผมไม่เคยยึดมั่นในสิ่งลวงตาเหล่านั้นที่ผมรักก็คือ “อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์” ที่ได้ประกาศไว้ในวันก่อตั้งพรรคเมื่อปี พ.ศ.2489 จึงได้เข้าเป็นสมาชิกมาตลอดเวลา 38ปี

อย่างไรก็ดี ผมก็ยังเชื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุและปัจจัย อุดมการณ์ ปี 2489 ทั้ง 10 ข้อ จึงต้องมีการปรับปรุงให้เข้ากับยุคให้เข้ากับบริบทใหม่ๆของประเทศและของโลก ที่สำคัญที่สุดก็คือเพื่อล้อมกรอบมิให้ผู้บริหารหรือสมาชิกแสดงท่าทีที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในอุดมการณ์ เช่นต้องไม่มีใครมีท่าทีทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพรรคฯตั้งตัวเป็นศัตรูกับทหารของชาติเพราะทหารในปัจจุบันแตกต่างไม่เหมือนกับทหารสมัยก่อนแล้ว ส่วนศัตรูของอุดมการณ์ต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่าไม่ใช่เฉพาะเผด็จการทหารแต่หมายรวมถึงเผด็จการรัฐสภาด้วย และในนโยบายต่างประเทศต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่าเราจะเป็นมิตรกับทุกประเทศแม้ว่าระบอบการเมืองการปกครองจะแตกต่างจากของของเราที่กำลังใช้อยู่ เป็นต้น แต่ต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้อธิปไตยของชาติต้องถูกครอบงำโดยประเทศอื่นอย่างเด็ดขาด ซึ่งทั้งหมดนี้ผมได้พูดให้สมาชิกและผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ฟังโดยละเอียดแล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 ที่โรงแรม Kantary Hill จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพรรคฯ ก็ได้พยายามปรับปรุงจุดยืนและท่าทีคล้ายๆอย่างที่ผมเคยแนะนำไว้อยู่บ้างคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับพรรคประชาธิปัตย์

แต่ก็ยังมีพรรคการเมืองอื่น ๆ อีกหลายพรรคที่มีจุดยืนด้านอุดมการณ์ที่ตรงกับใจของผม ที่ผมอยากสนับสนุนโดยเฉพาะมีอยู่หลายพรรค ที่เกิดใหม่จากคนที่ต้องออกจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถจะบอกใครได้ (เพราะเกรงใจกัน) แต่เมื่อไปตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาก็ได้มีการประกาศจุดยืนแห่งอุดมการณ์พร้อมมีนโยบายปฏิรูปหลายประการเหล่านี้ทำให้ผมเห็นด้วยและอยากสนับสนุน

ผมจึง #อยากขอโอกาสมีลมหายใจเป็นของตนเองสักครั้งหนึ่งในบั้นปลายชีวิตทางการเมืองของผม เพื่อจะได้สนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ ๆ (ที่ใหม่กว่าพรรคประชาธิปัตย์) การแสดงออกจะได้สามารถทำได้อย่างเปิดเผย จะได้ไม่รู้สึกว่าผมแอบเป็นกบฏลับ ๆ ต่อพรรคประชาธิปัตย์เพราะผมยังรักและสนับสนุนอุดมการณ์ประชาธิปัตย์แต่ก็จะสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น ๆ ทุกพรรคที่ผมเห็นด้วยกับอุดมการณ์และนโยบาย จะยินดีให้ความช่วยเหลือตามที่ถูกร้องขอโดยไม่หวังผลอะไรเป็นการตอบแทนใดๆทั้งสิ้นเพราะว่าแก่แล้ว

#หมายเหตุ จนถึงปัจจุบันนี้ได้มีพรรคการเมืองใหม่ๆมาขอคำปรึกษาไปแล้วถึง 5 พรรคครับ

ส่วนการสนับสนุนช่วยเหลือหลายๆพรรคควรจะทำอย่างไรนั้น มันเป็นศิลปะที่ผมเรียนรู้มาและจะลองนำมาปฏิบัติดูในรูปแบบที่ว่า #ต้องรวมมิตรและแยกศัตรูในเชิงอุดมการณ์ให้ชัดเจน ถ้าได้ผลก็ดีถ้าไม่ได้ผลก็ไม่เป็นไรเพราะผมยึดถือคำว่า #สันโดษ ตามภาษาพระที่สันโดษแปลว่าได้ก็ดีไม่ได้ก็ได้ (ไม่ใช่ตามภาษาคนที่หมายถึงการอยู่คนเดียว) และผมเป็นเพียงคนตัวเล็กๆคนหนึ่งจึงไม่คิดว่าทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียหายเพราะพรรคฯเขามีบุคลากรมากอยู่แล้วส่วนมากก็มีความสามารถตามความเห็นของผู้บริหาร และผมก็ไม่เคยจะทำร้ายพรรคฯ หรือพูดจาใดๆ ให้พรรคฯต้องเสียหายและเสียน้ำใจกัน

อย่างไรก็ดีผมก็ยังคงต่อต้านและปฏิเสธทั้งพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ใช้โวหารแบบปลิ้นปล้อน โกหกตอแหล ใส่ความ หลอกลวง หน้าอย่างหลังอย่างเป็นพวกเล่นการเมืองเพื่อหวังผลทางการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของชาติที่ควรจะเป็นผลประโยชน์สูงสุด เพราะผมเห็นว่า คนเช่นนี้ลงมาเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก โดยการอ้างชาติและประชาธิปไตยเพื่อเป็นการบังหน้าและให้ประชาชนหลงผิดในสาระสำคัญเท่านั้น

โดยเนื้อแท้แล้วคนเช่นนี้เป็นพวกที่พร้อมจะขายชาติเพื่อแลกเงินพร้อมจะทำลายและบิดเบือนคำสอนอันเป็นหัวใจของศาสนาต่างๆเพียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงจากคนที่โง่ๆ ตลอดจนเป็นพวกที่พร้อมจะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ (ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง) เพื่อเปลี่ยนระบบการเมืองการปกครองของประเทศให้เป็นระบอบสาธารณรัฐที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุขซึ่งเป็นระบบที่แสนจะไม่เหมาะกับบริบทและประวัติศาสตร์ของชาติไทยหากแต่จะนำมาซึ่งความแตกแยกที่รุนแรง  ศีลธรรมจะตกต่ำการไร้ยางอายในการทำชั่วจะมีมากขึ้นเหมือนอย่างหลายประเทศทั้งในเอเชียและในละตินอเมริกา

เพราะผมเห็นว่า #อธิปไตยและเอกราชของชาติอาจจะเกิดความเสียหายได้ ถ้าประเทศต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของนักการเมืองที่มีคุณสมบัติเลวๆดังกล่าวข้างต้นก็โดยที่นักการเมืองอย่างนั้นจะเป็นคนที่เห็นแก่ลาภ (เงิน) ยศ และสรรเสริญของตนเองและพรรคพวกมากกว่าเกียรติยศและศักดิ์ศรีของประเทศชาติ ที่พูดเช่นนี้ก็เพราะได้เห็นตัวอย่างมาแล้วว่าครั้งหนึ่งพวกเขาได้เคยแอบทำการตกลงลับๆที่จะอนุญาตให้มหาอำนาจบางประเทศ มาตั้งฐานทัพในประเทศเพื่อจะได้สะสมอาวุธไว้ข่มขู่บางประเทศที่พวกเขาแย่งชิงความยิ่งใหญ่ในการเป็นเจ้าโลกกันอยู่ในปัจจุบันนี้

'บิ๊กตู่' สัญญาต่อยอดระบบขนส่งมลชนทางรางไทยเทียบเท่าโตเกียวและลอนดอน

“ระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมือง เคยใช้เวลาสร้างถึง 20 ปี แต่วันนี้ใช้เวลาเพียง 5 ปีทำได้มากกว่า และเรากำลังสร้างเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จะเปิดให้บริการในอีก 3 ปีข้างหน้า
..... ผมจะทำให้ระบบรางในเมือง อยู่ระดับเดียวกับโตเกียวและใกล้เคียงกับลอนดอนในเรื่องระยะทางและจำนวนสถานี”

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา 
นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน 
Accelerating Thailand (พลิกโฉมประเทศไทย)
27 ตุลาคม 65

'บิ๊กป้อม' เข้ม!! 'ความปลอดภัย-การจราจร' ช่วงประชุมเอเปค ต้องยึดหลักสากล ทำงานร่วมกับทุกเครือข่ายภาคประชาชน

(28 ต.ค. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เรียกประชุม คณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมความพร้อมจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธาน ปี 65 ผ่านสื่ออิเล็คทรอนิกส์ ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ

โดยที่ประชุม ได้รับทราบสถานการณ์ด้านการข่าวที่เกี่ยวข้อง และร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบ  แผนการดำเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยในการจราจร การส่งกลับสายแพทย์และการปฏิบัติด้านสาธารณสุข แผนเผชิญเหตุต่อต้านการก่อการร้าย การกำหนดแนวทางป้องกันภัยคุกคามและการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมทั้งแนวทางการปิดพื้นที่และเส้นทางการจราจร การขนส่งในพื้นที่ระหว่างจัดการประชุม

พล.อ.ประวิตร กำชับ ขอให้จัดตั้ง 'ศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร' ประสานการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานอย่างใกล้ชิด โดยย้ำเฝ้าระวังไม่ประมาท และการปฏิบัติการทุกขั้นตอน ขอให้เป็นไปตามหลักสากล ตั้งแต่เตรียมการต่อเนื่องไปจนจบการประชุมและเดินทางกลับ และให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานด้านการข่าว และการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนให้มากขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top