Wednesday, 9 July 2025
PoliticsQUIZ

ปชป. จ่อเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. เมืองคอนทั้ง 9 เขต ‘ชินวรณ์’ ยกปชป.เป็นยางพารา พรรคอื่นแค่บอนสี

‘จุรินทร์-เฉลิมชัย’ จ่อ...เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.เมืองคอนทั้ง 9 เขต ‘ชินวรณ์’ ส่งลูกสาวลงชิงเขต 6 ลั่นกวาดยกจังหวัดเปรียบ ‘ปชป.’ เหมือนยางพารา มีขึ้นมีลง พรรคอื่นเป็นแค่บอนสี

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการเตรียมผู้สมัคร ส.ส.ในจังหวัดนครศรีธรรมธรรมราช ทั้ง 9 เขต ว่า ขณะนี้ได้ผู้สมัครครบทั้ง 9 เขต แล้ว โดยจะมีการเปิดตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 พ.ย. 65 มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. พร้อมด้วยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นผู้ไปเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 9 เขต

นายชินวรณ์ เปิดเผยว่า มีบุตรสาวของตนลงสมัครในเขต 6 ด้วย คือ น.ส.ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถประสานกับคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ในพรรคได้ มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราชจะขานรับพรรค ปชป. จึงเชื่อว่าเราสามารถทำได้ทั้ง 9 เขต เนื่องจากเราได้คนรุ่นใหม่ และคนรุ่นเก่าประสานเป็นเนื้อเดียวกัน พรรค ปชป.มีกระแสที่ดีขึ้นในภาคใต้ และการเลือกตั้งในระบบบัตร 2 ใบ จะทำให้ประชาชนตัดสินใจ ‘เลือกคนที่เรารัก เลือกพรรคที่เราชอบ’ เหมือนที่ประชาชน เคยตัดสินในมาแล้ว

“วันนี้ พรรค ปชป. ที่ประชาชนพูด เขาบอกว่า พรรคปชป.ก็เหมือนกับยางพารา มีขึ้นมีลง แต่เป็นพืชเศรษฐกิจ แต่พรรคอื่นเป็นบอนสี ดังชั่วคราวเท่านั้นเอง” นายชินวรณ์ กล่าว


เรื่อง : นายหัวไทร

'เพื่อไทย' จับตา!! 'ประยุทธ์' กู้เงินช่วงใกล้หมดวาระฯ หวั่น!! ใช้เงินเล่นเกมการเมือง มากกว่าทำเพื่อปชช.

(21 ต.ค. 65) ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าเหลือเวลาอีกไม่นาน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็จะหมดวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่สิ่งที่นายกฯ จะทำต่อจากนี้คือการออกพระราชกำหนดเงินกู้อีก 1 ล้านล้านบาท เพื่อนำมาใช้จ่าย โดยมีสาเหตุมาจากรัฐบาลเองบริหารเศรษฐกิจล่มสลาย เก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าหมาย เลยทำให้ตลอด 8 ปีของตำแหน่งนายกฯ ต้องกู้เงินมาใช้โดยตลอด

ไม่ว่าพลเอกประยุทธ์ จะเล่นการเมืองหรือไม่ต่อไป แต่สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ทิ้งไว้ คือหนี้ก้อนโตมหาศาล เป็นมรดกหนี้บาปให้ประชาชน ทิ้งไว้ชั่วลูกชั่วหลานให้ใช้หนี้แทนไม่สิ้นสุด ที่สำคัญคือ หนี้ที่กู้มาแล้วใช้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจได้ หวั่นใจว่าเงินกู้ที่จะกู้มาเพื่อให้พรรคพวกของพลเอกประยุทธ์ได้ประโยชน์จากเงินกู้ประชาชน

‘ทิพานัน’ ยก ‘บิ๊กตู่’ สร้างแต่ความเจริญ ซัด ‘หนี้โกงจำนำข้าว’ ต่างหากคือมรดกบาป

‘ทิพานัน’ ยกผลงาน ‘พล.อ.ประยุทธ์’ มีแต่ ‘มรดกแห่งความเจริญ’ ตอกเพื่อไทย ‘มรดกบาป’ คือหนี้โกงจำนำข้าวและอดีตนายกฯคอร์รัปชันสร้างตำนานถุงขนม 2 ล้าน ทำลายกระบวนการยุติธรรม 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยออกมาแสดงความกังวล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะออกพระราชกำหนดกู้เงินอีก 1 ล้านล้านบาทเพื่อการเมือง ไม่เกิดประโยชน์และทิ้งมรดกบาปให้กับประชาชนว่า พรรคเพื่อไทยอาจเข้าใจผิด เพราะสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้ มีแต่ ‘มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง’ ให้กับประเทศไทยและเกิดประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เห็นได้ชัดโครงการรถไฟฟ้าหลายสายที่กำลังทยอยเปิดใช้บริการ โครงการรถไฟความเร็วสูง-ทางคู่ การยกระดับคมนาคมทางถนน-ทางราง ยกระดับสนามบินภูมิภาค และปรับปรุงคมนาคมทางน้ำ จนเกิดเป็นศูนย์กลางการเชื่อมการเดินทางแบบไร้รอยต่อของภูมิภาค 

มีการขยายการลงทุนเดินหน้าเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยกระดับสวัสดิการสังคมด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายอย่างยั่งยืนทำให้สหภาพยุโรปปลดล็อกใบเหลือง IUU ประมงไทย รวมทั้งแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ปรับภูมิทัศน์ริมคลองเน่าหลายสายและสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน นอกจากนี้ในเวทีระดับนานาชาติ ประเทศไทยยังได้รับการยอมรับติดอันดับโลกในหลายด้านหลากมิติ ดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index - HDI) ของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน

“ที่สำคัญคือสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือหลายด้าน เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และเพิ่มรายได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวอย่างมรดกความเจริญที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงมือทำไว้” น.ส.ทิพานัน กล่าว

'เพื่อไทย' ชี้!! ปัญหากดขี่-เอาเปรียบในกองทัพยังอยู่ จี้!! 'ประยุทธ์' จัดการปัญหา ให้สม 'ผู้นำชายชาติทหาร'

(21 ต.ค. 65) ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข่าวกระบวนการหักหัวคิวเงินกู้ซื้อบ้านพักสวัสดิการทหาร โดยมีอดีตนายทหารชั้นผู้น้อยและบริษัทผู้ประกอบการสร้างบ้านเข้าให้ข้อมูลกับสื่อจนถูกข่มขู่ซ้ำอีกว่า เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ถูกซุกไว้ใต้พรม แม้จะถูกเปิดโปงภายหลังเหตุโศกนาฏกรรมที่ จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2563 แต่วงจรอุบาทว์นี้ยังคงวนเวียนกัดกร่อนสังคมไทยไม่ถูกแก้ไขมาจนทุกวันนี้จนเกิดการร้องเรียนขึ้นอีก 

ประชาชนคนไทยรู้สึกผิดหวังละอายใจที่ต้องรับฟัง ‘ชุดคำตอบ’ เดิม ๆ จากผู้รับผิดชอบว่า ‘เป็นการกระทำส่วนบุคคล’ ทั้งที่สาเหตุหลักของการเหตุสลดต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีที่มาจาก ‘ระบอบอำนาจนิยมภายในกองทัพ’ ที่ทหารชั้นผู้น้อยถูกเอารัดเอาเปรียบทั้งในมิติของอำนาจ ค่าจ้าง และความเป็นมนุษย์ ใช่หรือไม่ การกดขี่ทางชนชั้นของกองทัพเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในสังคมไทย สะท้อนผ่านหลายกรณี เช่น ทหารรับใช้แรงงานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย กำลังพลล่องหนใน กอ.รมน. หรือคลิปการใช้อำนาจของผู้นำหน่วยขณะสั่งสอนทหารชั้นผู้น้อย ซึ่งในยุคสมัยนี้ไม่ควรต้องมีใครถูกกดทับด้วยอำนาจภายใต้เงินภาษีของประชาชนอีกแล้ว

‘ก้าวไกล’ ก้าวไม่หยุด เดินหน้าต่อแก้ 112 ทำตามนโยบายหาเสียงที่ให้ไว้ต่อประชาชน

(21 ต.ค. 65) นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่หลายพรรคการเมืองแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายที่พรรคก้าวไกลประกาศออกมาว่า อันที่จริงแล้วเรายื่นขอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานหมิ่นประมาทที่รวมถึงมาตรา 112 ไปเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ท้ายที่สุดทางเจ้าหน้าที่ของสภายังไม่ได้นำเข้าสู่ระบบ ซึ่งเท่ากับว่าจะไม่สามารถบรรจุวาระได้ เราเสียดายโอกาสตรงนี้เป็นอย่างยิ่งเพราะคิดว่า หากมีการเข้ากระบวนการตามปกติ ก็จะนำไปสู่การพูดคุยกันในสภา ว่ากฎหมายนี้ควรจะต้องมีการแก้ไขหรือไม่ รวมไปถึงคนที่ไม่เห็นด้วยก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้เช่นกัน แต่นั้นก็คือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว แต่เราเชื่อว่าอีกไม่กี่เดือนที่เหลือ ก็คงไม่ทันที่จะบรรจุวาระแน่นอน 

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่มีหลายพรรคแสดงความคิดเห็นออกมานั้น ตนมองว่ามันปนกันอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือ แต่ละพรรคค่อนข้างเห็นด้วยว่าสมควรที่จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ความจริงบางพรรคเสนอว่าเห็นควรที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ โดยสภาผู้แทนราษฎรโดยการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งหากกล่าวเช่นนี้ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องพิจารณาทุกหมวดตั้งแต่หมวดที่หนึ่ง หมวดที่สอง หรือหมวดอื่น ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถือว่าเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ก็มีบางพรรคการเมืองให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องนี้รวมถึงการไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน

'ก้าวไกล' ซัดรัฐแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ครอบคลุม ปล่อยให้ประชาชนหนี้สินท่วมหัวพร้อมกับน้ำ

'ก้าวไกล' ซัดรัฐบาลไม่รู้ร้อนรู้หนาว จี้เร่งเยียวยาน้ำท่วมรวดเร็ว-ครอบคลุม-ทั่วถึง อย่าปล่อยให้ประชาชนหนี้สินท่วมหัวพร้อมกับน้ำ

(21 ต.ค. 65) กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมกับพงษ์เดช เดชกล้า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล เขต 9 จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนใน อ.ยางชุมน้อย และ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เพื่อรวบรวมข้อมูลความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม แล้วนำไปประมวลเป็นรายละเอียดเพื่อเสนอต่อรัฐบาลในการออกมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อไป

โดยในหลายพื้นที่มีน้ำท่วมไร่นาทำลายพืชผลการเกษตรของชาวบ้าน 100% ทำให้ชาวบ้านไม่มีข้าวสำหรับบริโภคภายในครัวเรือนและไม่มีรายได้จากการประกอบอาชีพเกษตรเนื่องจากไร่นาเสียหายถูกน้ำท่วม เมื่อไม่มีรายได้ก็กระทบต่อวงจรการชำระหนี้ ทำให้มีหนี้สินพอกพูนขึ้นไปอีก

ส่วนบ้านเรือนก็ถูกท่วมมิดหลังคา จนต้องย้ายออกมาอยู่ศูนย์อพยพที่ทางองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจัดหาไว้ให้ เบื้องต้นประเมินว่ามีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยต้องซ่อมแซมบ้านทั้งหลังเนื่องจากจมน้ำมิดหลังคา บางรายอาจต้องใช้เงินซ่อมกว่า 100,000 บาท แต่เมื่อย้ายออกมาแล้ว ก็ประกอบอาชีพลำบาก หุงหาอาหารทุลักทุเล แม้จะพอได้รับความช่วยเหลืออยู่บ้างแต่ก็มีต้นทุนชีวิตที่สูงกว่าปกติ

'ก้าวไกล' ผิดหวัง 'กสทช.' แค่รับทราบควบรวม 'ทรู-ดีแทค' จ่อยื่นป.ป.ช.เอาผิด ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่

(21 ต.ค. 65) ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติ 3 ต่อ 2 เสียงรับทราบการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค แบบมีเงื่อนไข โดยมีการกำหนดมาตรการเยียวยาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นนั้น ว่า เป็นไปตามที่คาดเดา แต่ยังคงผิดหวัง เพราะเราคาดหวังไว้ว่า กสทช.จะใช้อำนาจตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งหากสังเกตมติครั้งนี้ไม่ใช่การอนุญาตให้ควบรวมแต่เป็นการรับทราบ มีการโหวต 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการลงมติว่าสรุปแล้วกสทช.มีอำนาจให้ควบรวมหรือไม่ สิ่งที่ลงมติออกมาเป็น 2 ต่อ 2 เสียง ซึ่งก็เป็นประเด็นว่าในการลงมติเรื่องนี้จำเป็นจะต้องได้เสียงข้างมากของคณะกรรมการทั้งหมด คืออย่างน้อยต้องได้ 3 เสียงแต่กรณีนี้เป็นการที่คะแนนเท่ากัน จึงต้องให้ประธานชี้ขาด ซึ่งจะใช้ในกรณีที่เป็นกรณีพิเศษไม่ใช่ในกรณีนี้ ตามข้อบังคับการประชุมของกสทช.

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า เมื่อมาดูมติเสียงข้างมากบอกว่าตัวเองไม่มีอำนาจที่จะอนุญาตและใช้วิธีเพียงแค่การรับทราบผลการขอควบรวมธุรกิจ แสดงว่ากสทช.ตีความว่า ทรูและดีแทคไม่ได้อยู่ในธุรกิจประเภทเดียวกัน ซึ่งค้านสายตาคนทั้งประเทศ และการที่ออกมาตรการหรือเงื่อนไขภายหลังแบบนี้ ตนคิดว่าสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีสำหรับกฎหมายกำกับดูแลในประเทศนี้ ถ้าต่อไปเอไอเอสต้องการจะควบรวมกับ 3BB เขาจำเป็นต้องขออนุญาตหรือไม่ และในกรณีนี้จะนับว่าเป็นธุรกิจประเภทเดียวกันอีกหรือไม่ ฉะนั้น ตนคิดว่ามีปัญหาตั้งแต่กระบวนการโหวตและการตีความกฎหมายทั้งคู่ ผลที่ออกมาในส่วนที่เป็นเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะในหลายเรื่องทั้งในเรื่องเชิงโครงสร้างและในเชิงพฤติกรรม ซึ่งหลายคนอาจจะรู้สึกพอใจแล้วว่ามาตรการที่จะช่วยควบคุมราคา แต่ขอบอกว่าไม่มีการตัดสินของการอนุญาตควบรวมใด ๆ ในโลกนี้ที่ให้รัฐเป็นผู้ควบคุมราคา เพราะทราบกันดีว่าในความเป็นจริงทำได้ยากมาก

“ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นจะต้องมีที่สุดคือมาตรการในเชิงโครงสร้างไม่ว่าจะเป็นการขายลูกค้าให้กับเจ้าอื่น หรือขายคลื่นหรือคืนคลื่นออกมาในส่วนที่มีถือครองคลื่นเกินจำนวนที่กสทช.กำหนดไว้ หรือการใช้เสาสัญญาณร่วมในราคาที่เป็นธรรม ที่สำคัญที่สุดคือทำให้เกิดผู้เล่นรายใหม่ขึ้นเป็นเจ้าที่ 3 ซึ่งในกรณีนี้ต้องมีการกันคลื่นไว้ส่วนหนึ่งเพื่อที่จะนำไปประมูลสัมปทานให้กับรายใหม่ได้ และอาจจำเป็นต้องให้แต้มต่อกับรายใหม่ให้ได้ราคาที่ถูกเป็นพิเศษด้วยซ้ำ เพื่อดึงดูดให้มีรายที่ 3 เข้ามา จึงคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเงื่อนไขและมาตรการที่ไม่เพียงพอที่จะกู้คืนสภาพการแข่งขันที่เคยมีอยู่ 3 เจ้าได้เลย จึงเป็นที่มาของการคัดค้านการตัดสินใจของ กสทช. ในครั้งนี้ต่อไป เนื่องจาก กสทช.ไม่ได้ใช้อำนาจของตัวเองอย่างที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนด” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

‘สรรเพชญ บุญญามณี’ ยืนเด่นเขต 1 สงขลา การหลีกทางให้หลานได้แจ้งเกิดทางการเมือง

เขต 1 สงขลา เป็นเขตคาดหวังของพรรคประชาธิปัตย์ โดยส่ง ‘สรรเพชญ บุญญามณี’ ลูกชายของ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ปี 2562 สรรเพรช พ่ายให้กับ ‘วันชัย ปริญญาศิริ’ จากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งวันชัยก็ไม่ใช่คนอื่นไกล เป็นเพื่อนรุ่นน้องของนิพนธ์นั้นเอง เป็นรุ่นน้องจากมหาวชิราวุธ สงขลา โดยนิพนธ์เป็นรุ่นพี่ของวันชัย 1 ปี

มาถึงวันนี้ ‘วันชัย’ เปิดทางให้สรรเพชญ โดยลาออกจาก ส.ส.ไปลงชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครสงขลา เท่ากับเป็นการหลีกทางให้หลานได้แจ้งเกิดทางการเมือง

กล่าวถึงสนามเลือกตั้งเขต 1 สงขลา เมื่อวันชัยลาออกไปลงเล่นการเมืองท้องถิ่น ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐยังไม่เห็นขยับว่าจะส่งใครลงแทน เดิมมีผู้การฯ ชาติ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีต ส.ส.สงขลา เป็นคนคุมทีมพลังประชารัฐอยู่ แต่เมื่อผู้การฯ ชาติก้าวออกไปจากพลังประชารัฐ ไปร่วมหัวจมท้ายกับพรรคสร้างอนาคตไทย ของอุตตม สาวนายน และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงค์ ทำให้พรรคพลังประชารัฐไม่มีหัวเรือใหญ่ 

พรรคพลังประชารัฐสงขลาจึงเหลือ ส.ส.อยู่สองคน คือ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี เขต 4 ศาสตรา ศรีปาน เขต 2 และพยม พรหมเพชร ซึ่งศักยภาพในการคุมทีมยังไม่เพียงพอ หรือการจะควานหาคนมาแทนวันชัยก็ยังไม่มีบารมีพอ ทำให้สนามเลือกตั้งเขต 1 สงขลา ของพลังประชารัฐยังว่างอยู่

กล่าวเฉพาะที่เห็นเวลานี้ก็จะมี ‘สรรเพชญ บุญญามณี’ เป็นตัวยืนในนามประชาธิปัตย์ และมีประสงค์ บุรีรักษ์ นายกฯ แบน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง ที่การเลือกตั้งครั้งที่แล้วหลุดจากเก้าอี้ มาเปิดตัวลงชิง ส.ส.เขต 1 ในนามพรรคภูมิใจไทย ฟัดกับเด็ก ๆ น่าจะมีพลังมากกว่า และยังมีพ่อเป็นลมใต้ปีกอยู่อีกด้วย ‘นิพนธ์’ พยายามไม่เข้าไปยุ่งมากกับการหาเสียง ปล่อยให้น้องเพรชจัดการไป ไม่งั้นเขาจะไม่โตสักที

แต่เขต 1 สงขลา นอกจากนายกฯแบน และน้องเพชญ แล้ว ให้จับตาว่า ‘เจือ ราชสีห์’ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ ๆ สด ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ จะตัดสินใจอย่างไร แน่นอนว่าจะลงเขตในนามประชาธิปัตย์ไม่ได้แล้ว เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดตัวน้องเพรชไปแล้ว ถ้าเจือยังยืนยันอยู่ประชาธิปัตย์ก็ต้องขึ้นไปอยู่ระบบบัญชีรายชื่อ และลำดับต้องดีกว่าเดิม ถ้ายังประชาสงค์จะลงเขต 1 ก็ต้องย้ายพรรค หาพรรคใหม่สังกัด โอกาสจึงน่าจะเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค คนเก่าจากประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ และมีเครือข่ายประชาธิปัตย์อยู่ไม่น้อย หรือไม่ก็พรรคพลังประชารัฐที่พื้นที่ว่างอยู่ แต่เวลานี้เจือคงยังพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะยังเป็น ส.ส.ประชาธิปัตย์อยู่

‘บิ๊กตู่’ ยันตามติด!! ไม่ปล่อยน้ำท่วมทุ่งนาน พร้อมเทงบ 504 ล้าน ดูแล 16 โครงการ

นายกฯ ยันรัฐบาลไม่ปล่อยน้ำท่วมทุ่ง ระบุไม่นิ่งนอนใจสั่งเร่งระบายน้ำออกทันที พร้อมจัดสรรงบบริหารจัดการในพื้นที่ 16 โครงการ วงเงิน 504 ล้าน

เมื่อ (24 ต.ค. 65) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด ซึ่งได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งแก้ปัญหาการระบายน้ำ และรัฐบาลได้ดูแลจัดสรรงบประมาณแผนงาน โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ปี 65 มีจำนวนโครงการทั้งสิ้น 16 โครงการ วงเงิน 504 ล้านบาท ประชาชนได้รับประโยชน์ 3,476 ครัวเรือน และพื้นที่ได้รับการป้องกัน 6,569 ไร่ ตัวอย่างโครงการ ได้แก่...

1. แก้มลิงลำบางชัน ต.บ้านแป้ง อ.พรหมบุรี (สำนักชลประทาน) 

2. อาคารป้องกันตลิ่งแม่น้ำน้อย ต.ไม้ดัด อ.บางระจัน (สำนักชลประทาน) 

3. ก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองสิงห์บุรี ระยะที่ 2 (กรมโยธาธิการและผังเมือง) 

4. งานวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำ ต.ม่วงหมู่ อ.เมืองสิงห์บุรี (การประปาส่วนภูมิภาค) โดยได้กำหนดแผนงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งสำรวจดูแลความเดือดร้อน เพื่อลดและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด รวมทั้งเร่งระบายน้ำให้เร็วขึ้น เพื่อลดความเสียหายให้กับประชาชน และมีระบบการแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น

เปิด 8 ผลกระทบ ส่งฝนกระหน่ำหนักไทยครึ่งปีหลัง 65 ภายใต้การกู้สถานการณ์เร็ว ลดสูญเสียหนัก จากรบ. 'บิ๊กตู่'

นับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากสภาพภูมิอากาศ เกิดร่องมรสุม และพายุอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีปริมาณฝนตกเป็นจำนวนมาก สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง 

ส่งผลให้ในปีนี้ประเทศไทยมีสถิติฝนตกสูงมากกว่าปกติ และในบางจังหวัดทุบสถิติฝนตกมากที่สุดในรอบ 30 ปี

ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีดังนี้...

1. ร่องมรสุมพัดพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 2 - 8 สิงหาคม 

ส่งผลให้ฝนตก และฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย หลายพื้นที่ในภาคเหนือ, ตะวันตก, ตะวันออก, ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ มีปริมาณฝนตกหนักมากกว่า 125  มิลลิเมตร (125 ลิตรต่อตารางเมตร) ในหลายพื้นที่

2. พายุดีเพรสชัน มู่หลาน ระหว่างวันที่ 11 – 13 สิงหาคม

ส่งผลให้ฝนตกเป็นบริเวณกว้าง ครอบคลุมแทบจะทุกภูมิภาคของประเทศไทย พื้นที่ที่ฝนตกอย่างหนักคือจังหวัดน่านตอนบนที่ รองลงมาคือเชียงรายและเชียงใหม่, กาญจนบุรี, สระแก้ว และปราจีนบุรี 

ในหลายพื้นที่มีฝนตกหนักมากกว่า 100 มิลลิเมตร (100 ลิตรต่อตารางเมตร)

3. ร่องมรสุมพัดพาดผ่านภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 20 – 22 สิงหาคม

ส่งผลให้ฝนตกเป็นบริเวณกว้าง ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย พื้นที่ที่ฝนตกอย่างหนักคือจังหวัดยโสธร, ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์, น่าน, พังงา และระนอง รองลงมาคือจังหวัด สกลนคร, อุดรธานี, พิษณุโลก, จันทบุรี และตราด 

ในหลายพื้นที่มีฝนตกหนักมากกว่า 100 มิลลิเมตร (100 ลิตรต่อตารางเมตร)

4. พายุดีเพรสชัน หมาอ๊อน ระหว่างวันที่ 24 – 26 สิงหาคม

ส่งผลให้ฝนตกเป็นบริเวณกว้าง ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย พื้นที่ที่ฝนตกอย่างหนักคือจังหวัดปราจีนบุรี, ลำปาง, พังงา และภูเก็ต รองลงมาคือจังหวัดลพบุรี, นครสวรรค์, ชัยนาท, สิงห์บุรี และกระบี่ 

ในหลายพื้นที่มีฝนตกหนักมากกว่า 100 มิลลิเมตร (100 ลิตรต่อตารางเมตร)

5. ร่องมรสุมกำลังแรงพัดพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 5 – 9 กันยายน

ส่งผลให้ฝนตก และฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย พื้นที่ที่ฝนตกอย่างหนักคือกรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, ปทุมธานี, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด, เลย, ตาก, นครสวรรค์, พิษณุโลก, ระนอง, พังงา และสุราษฎร์ธานี รองลงมาคือจังหวัดปราจีนบุรี, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, มหาสารคาม, เชียงใหม่, เชียงราย และ กำแพงเพชร

บางพื้นที่มีปริมาณฝนตกหนักมากกว่า 200 มิลลิเมตร (200 ลิตรต่อตารางเมตร)

6. ร่องมรสุมพัดพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 6 – 11 กันยายน

ส่งผลให้ฝนตก และฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย พื้นที่ที่ฝนตกอย่างหนักคือกรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, ปทุมธานี, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด, สระแก้ว, ปราจีนบุรี, นครราชสีมา, เลย, อุดรธานี, หนองบัวลำภู, อุตรดิตถ์, พิษณุโลก, นครสวรรค์, เชียงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, ลำพูน, ลำปาง, ระนอง และพังงา

บางพื้นที่มีปริมาณฝนตกหนักมากกว่า 300 มิลลิเมตร (300 ลิตรต่อตารางเมตร)

7. พายุดีเพรสชัน โนรู ระหว่างวันที่ 28 – 30 กันยายน

ส่งผลให้ฝนตก และฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย พื้นที่ที่ฝนตกอย่างหนักคือจังหวัดอุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, ยโสธร, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, บุรีรัมย์, นครสวรรค์, เพชรบูรณ์, ลพบุรี, ระนอง, พังงา. สุราษฎร์ธานี และสตูล รองลงมาคือจังหวัดเลย, อุดรธานี, ตาก และชุมพร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top