Wednesday, 9 July 2025
PoliticsQUIZ

'บิ๊กป้อม' รับทราบผล 13 มาตการรับมือฤดูฝน 65 พร้อมเห็นชอบ 10 มาตรการตั้งรับฤดูแล้ง ปี 65/66

(19 ต.ค. 65) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 3/2565 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานสถานการณ์อุทกภัยตั้งแต่ 1 ม.ค. - 6 ต.ค. 65 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 66 จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 32 จังหวัด ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก 

และรับทราบผลการดำเนินงาน 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 65 ที่สำคัญ ทุกหน่วยงานได้จัดกำลังคนและเครื่องจักรกล จำนวน 21,428 หน่วยงาน และจัดตั้งศูนย์บริการจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย 2 แห่ง ได้แก่ จ.อุบลราชธานี และ จ.ชัยนาท รวมถึงพื้นที่ภาคใต้ หากเกิดสถานการณ์รุนแรง ซึ่งจะสามารถบริหารจัดการน้ำเพื่อลดผลกระทบประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จากการคาดการณ์ จะมีปริมาตรน้ำทั้งประเทศ จำนวน 53,843 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งมากกว่าปี 64 ถึง 1,941 ล้าน ลบ.ม. ก็ตาม

'จุรินทร์' ชัดเจน!! ไม่เอาด้วย แก้ ม.112 ชี้!! ทุกประเทศต้องมีตัวบท กม.คุ้มครองประมุข

(19 ต.ค. 65) ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการครั้งที่ 1/2565 ที่ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ต่อการที่ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความคืบหน้าเรื่องการปรับ ครม. ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ภารกิจในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้เสร็จสิ้นแล้ว ขอให้ท่านนายกฯ ได้ใช้เวลาเพื่อใช้ดุลพินิจ เพราะตนเข้าใจเรื่องนี้ เราก็เคยเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลมา เราเข้าใจว่าท่านจะต้องดูอะไรอย่างไรบ้าง ก็ให้เวลาท่านและให้เกียรติท่านด้วย 

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่มีสมาชิกย้ายพรรค ได้มีการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับแกนนำพรรคอย่างไรหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า วานนี้ท่าน รมช. สาธิต ก็ได้ปฏิเสธแล้ว และตนไม่รู้ว่าแต่ละข่าวมาจากไหน บางครั้งก็มุ่งทำให้ประชาธิปัตย์ติดลบก็มี ปรารถนาดีก็มี ปรารถนาไม่ดีก็มี สารพัด

‘ก้าวไกล’ ชี้ ปมหักหัวคิวซื้อบ้านสวัสดิการทหาร สะท้อนภาพ ‘กองทัพ’ ต้องถูกปฏิรูปลดคอร์รัปชัน

โฆษก ก้าวไกล ชี้กรณีทุจริตการสร้างบ้านขายให้นายพล ย้ำชัดกองทัพต้องถูกปฏิรูป เชื่อมีอีกหลายเหตุการณ์โกงของกองทัพที่ยังไม่ถูกเปิดโปง 

รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีการออกมากรณีการเปิดโปงของบรรดาผู้ประกอบการสร้างบ้านขายให้กับกำลังพลของกองทัพบก ว่ามีการหักหัวคิว 'ค่าธรรมเนียม' และ 'ค่าตกแต่ง' จากเงินที่ทหารชั้นผู้น้อยกู้จากกรมสวัสดิการทหารบกเพื่อไปสร้างบ้าน ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยเหล่านี้ที่ต้องรับภาระหนี้ถึงคนละ 1,500,000 บาท กลับได้ใช้ประโยชน์จากเงินเพียง 1,000,000 บาทเท่านั้น และยิ่งเมื่อไปร้องเรียนต่อกองทัพเองกลับถูกคุกคามเพื่อหวังทำลายหลักฐาน ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือกรณีการทุจริตแบบนี้เองที่เป็นชนวนเหตุนำไปสู่โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราชเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ย้ำชัดเข้าไปอีกว่าเมื่อประเทศนี้ปล่อยให้กองทัพเป็นแดนสนธยาหาผลประโยชน์ได้มหาศาลของบรรดานายพลได้กอบโกย ขณะเดียวกันทหารชั้นผู้น้อยกลับต้องเผชิญกับชะตากรรมที่แตกต่างฟ้ากับเหว การทุจริตที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ทหารชั้นผู้น้อยเท่านั้น แต่ลามมาถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วย และเชื่อเหลือเกินว่ายังมีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีกไม่น้อยที่ยังไม่ถูกตีแผ่ออกมาให้สังคมได้รู้

ดังนั้นอย่ารอให้มีเหตุการณ์สุดท้ายแล้วค่อยสนใจว่าประเทศไทยต้องปฏิรูปกองทัพเพราะไม่รู้จะไปสิ้นสุดตรงไหน พรรคก้าวไกลยืนยันมาโดยตลอดและขอย้ำอีกครั้งว่ากองทัพไทยต้องถูกปฏิรูปให้เร็วที่สุด 5 ข้อ ตามที่ได้มีการแถลงนโยบายไป

‘ณัฐชา’ ชี้!! หากอยากหยุดอาชีพนักร้อง ต้องแก้กฎหมายปิดปากประชาชน

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ถูกทำร้ายและเป็นกระแสถูกอกถูกใจประชาชนจำนวนมากเมื่อวานนี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นคำตอบว่า คนส่วนใหญ่ในสังคมไม่เห็นด้วยและรังเกียจกับการทำหน้าที่ของนักร้องที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้ามสร้างนิติสงครามอยู่บ่อยครั้ง

แต่ประเด็นสำคัญอยากให้พี่น้องประชาชนเห็นถึงต้นตอปัญหาว่า เหตุใดอาชีพนักร้องถึงสามารถสร้างนิติสงครามได้ไม่สิ้นสุด ที่หนักไปกว่านั่นคือ องค์กรยุติธรรมก็หยิบคดีจากนักร้องเหล่านี้มาทำคดีอยู่บ่อยครั้ง นั่นก็เพราะผู้มีอำนาจจงใจออกกฎหมายมาเป็นเครื่องมือปิดปากประชาชน กลั่นแกล้งขัดแข้งขัดขาฝ่ายตรงข้าม กลับกันหากกฎหมายไม่ได้เอื้อ อาชีพนักร้องก็เป็นได้เพียงการสร้างความรำคาญ ไม่มีผลชี้ชะตากรรมผู้อื่นเช่นนี้

‘พิธา’ ให้คะแนนรัฐบาลติดลบทุกด้าน ปชช.สิ้นหวัง ศก.โตช้าสุดในอาเซียน

พิธา ให้คะแนนสังคมไทยติดลบทุกด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กลายเป็นสังคมแห่งความสิ้นหวัง แต่อีกด้านประชาชนตื่นรู้มากขึ้น จนเกิดฉันทามติของสังคมที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง ย้ำอนาคตต้องมองเป้าการประเทศเติบโตพร้อมลดความเหลื่อมล้ำ ชงปฏิรูปที่ดินขนานใหญ่ กระจายอำนาจ-งบประมาณ สร้างอุตสาหกรรมใหม่

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมวงเสวนา “ตื่น ฟื้น ฝัน” จัดขึ้นโดยสำนักข่าวไทยรัฐ ซึ่งเชิญบุคคลจากทั้งวงการเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ร่วมแลกเปลี่ยนถึงความเป็นไปในอนาคตของประเทศไทย

พิธา ยืนยันว่า สังคมไทยตื่นรู้ขึ้นกว่าเดิมมาก มีฉันทามติร่วมกันอย่างเห็นได้ชัดในกลุ่มคนหลายชนชั้น ฐานประชากร และอายุ ที่ต้องการการเลือกตั้งครั้งใหม่ การเปลี่ยนแปลงกฎกติกาที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปได้ มองเห็นความเชื่อมโยงกันระหว่างการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เข้าใจในเรื่องของความเหลื่อมล้ำและการกระจายอำนาจ เชื่อว่ารัฐประหารไม่ใช่คำตอบ

'ภูมิใจไทย' ชูจุดยืนค้านแก้ ม.112 ปิดประตูร่วมจัดตั้งรบ.กับก้าวไกล

เมื่อ (19 ต.ค. 65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเสนอแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าพรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นมา โดยมีอุดมการณ์ทางการเมือง ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ เป็นข้อแรก เป็นหัวใจในการทำงานของพรรค และเป็นอุดมการณ์ที่สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ทุกคน ยึดถือเป็นหลักในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวอีกว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่มีนโยบาย ไม่มีความคิดเรื่องแก้ไข ม.112 และ ไม่เข้าใจว่าคนที่เสนอแก้ไข ม.112 เดือดร้อนอะไรกับกฎหมายอาญา ม.112

ถ้าเราไม่คิดทำผิดกฎหมาย ทำไมต้องกลัวรับโทษทางกฎหมาย ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ ไม่รู้สึกว่ากฎหมายอาญา ม.112 เป็นปัญหาอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ใช้ชีวิตประจำวัน จะมีก็แต่กลุ่มคนที่คิดจะท้าทาย คิดจะทำผิดกฎหมาย แต่ก็กลัวโทษตามกฎหมาย จึงมาเรียกร้องให้แก้กฎหมาย ให้สิ่งที่ตนจะทำ เป็นสิ่งไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องรับโทษ มีกฎหมายอีกหลายฉบับ ที่ควรจะแก้ไข เพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ควรจะไปแก้ไขกฎหมายเหล่านั้น ก่อน

“ผมมั่นใจว่าการแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 ไม่มีทางได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ใครจะคิดอย่างไร ลงมติอย่างไร ก็เป็นสิทธิของเขา แต่พรรคภูมิใจไทย หัวหน้าพรรค พูดแทนสมาชิกทุกคนได้เลยว่า เราไม่แก้ไข และ จะคัดค้าน ขัดขวางถึงที่สุด รวมทั้งจะไม่ร่วมมือ ร่วมทำงาน กับพรรคการเมือง นักการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่เสนอแก้ไข ม.112 ทุกระดับ รวมไปถึงการจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า หรืออีกกี่ครั้งก็ตาม”

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าพรรคภูมิใจไทย จะไม่จัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้ไข ม.112 นายอนุทิน กล่าวว่าไม่มีทางอย่างแน่นอน ไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกล แต่พรรคภูมิใจไทย จะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่มีพรรคการเมืองที่มีนโยบาย มีแนวคิดแก้ไข ม.112 รวมอยู่ด้วยเพราะมีอุดมการณ์ขัดแย้งกันจนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

‘บิ๊กป้อม’ กร้าว!! ยกกรณีคุณหมอกระต่าย เพิ่มโทษพวก ‘ผิดซ้ำ-เมาขับ-แข่งรถทางหลวง’

พล.อ.ประวิตร มอบ นโยบาย ปก./ลดอุบัติเหตุทางถนน เน้นสร้างการรับรู้ ควบคู่บังคับใช้กม.เข้มข้น ถอดบทเรียน กรณี ‘คุณหมอกระต่าย’ เพิ่มโทษ ผิดซ้ำ/เมาแล้วขับ/แข่งรถในทาง ย้ำ!! สวมหมวกกันน็อก 100% มุ่งรักษาชีวิต ปชช.ทุกคน ให้ปลอดภัย

(20 ต.ค. 65) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน แห่งชาติ ครั้งที่2/2565 ร่วมกับ ผวจ.ทั่วประเทศ ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ ความคืบหน้าการแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 เพื่อปรับปรุงมาตรการทางกฎหมาย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การใช้รถใช้ถนน รวมทั้งกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการขับขี่ เช่น การกำหนดที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก, การเพิ่มโทษผู้ทำผิดซ้ำ, การขับรถขณะเมาสุรา, การป้องกันการแข่งรถ เป็นต้น โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 5 ก.ย. 65 รวมทั้งระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ.2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 9 ม.ค.66 และรับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กำหนดให้วันที่ 21 มกราคมของทุกปี เป็น ‘วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน’ เพื่อย้ำเตือนผู้ขับขี่ยานพาหนะ จะต้องระมัดระวังความปลอดภัย ต่อผู้ใช้รถใช้ถนน อย่างยิ่งยวด สืบเนื่องจากเหตุการณ์ วันที่ ‘หมอกระต่าย’ หรือ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ถูกรถจักรยานยนต์ชนบนทางม้าลาย เมื่อ 21 ม.ค.65 ที่ผ่านมาแล้ว

‘เทพมนตรี’ บอก “สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม” พรรคก้าวไกล อาจถูกยุบ ก.พ. 2566

(20 ต.ค. 65) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กสั้นๆ ว่า... 

พรรคก้าวไกล อาจถูกยุบ เดือนกุมภาพันธ์ 2566 สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมครับ 

แม้จะไม่ได้มีการระบุสาเหตุ แต่ก็คาดว่าคำพูดดังกล่าว อาจเป็นความต่อเนื่องจากกรณี ‘พรรคไทยภักดี’ ยื่น กกต.ชงยุบพรรค ‘ก้าวไกล’ ปมเสนอนโยบายแก้ ม.112 รวมถึงให้พระสงฆ์มีสิทธิเลือกตั้ง โดยชี้ว่า เป็นการเข้าข่ายขัดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) พรรคการเมืองฯ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญบอกแล้วว่า การแก้ไข ม.112 หรือ ยกเลิก เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=8288907684484619&id=100000964084010 

'วัชระ' ลั่นตำแหน่ง ส.ส. ไม่ใช่มรดกหรือทรัพย์สมบัติทางการเมืองของใคร ถึงเวลาแล้วที่การเมืองชัยนาทต้องเปลี่ยนโฉม

วันที่ (20 ต.ค. 65) ที่ อ.เมือง จ.ชัยนาท นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ภาคกลาง พร้อมด้วยนายโอฬาร ตั้งวงศ์กิจ ผู้ประสานงานพรรคสร้างอนาคตไทย จ.ชัยนาท นายประวิทย์ สุวรรณสัญญา ผู้ประสานงานพรรคสร้างอนาคตไทย จ.พระนครศรีอยุธยา และทีมงาน ลงพื้นที่พบปะพูดคุยแกนนำและกลุ่มชาวบ้าน จ.ชัยนาท โดยนายวัชระ กล่าวว่า จ.ชัยนาท ก็เป็นเหมือนหลายจังหวัดในภาคกลาง คือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ทั้งการท่องเที่ยวและภาคการเกษตร อีกทั้งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่กลับเป็นจังหวัดที่ไม่มีความเจริญมากเท่าที่ควร เพราะขาดการดูแลและขับเคลื่อนที่ไม่มากพอ ทำให้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มตามศักยภาพอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งตนมองว่ามาจากสาเหตุหลักๆ 2 ประการคือขาดการดูแลเอาใจใส่จากภาคราชการอย่างเพียงพอ และอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญคือภาคการเมืองไม่ได้ดึงความเจริญหรืองบประมาณลงสู่พื้นที่มากพอและเหมาะสม ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะให้โอกาสคนใหม่และพรรคใหม่เป็นทางเลือกใหม่ได้เข้ามาช่วยพัฒนาพื้นที่ โดยตนอยากให้พี่น้องชาว จ.ชัยนาท ให้โอกาสนายโอฬาร ตั้งวงศ์กิจ และพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งถึงแม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่เป็นพรรคที่ตนมั่นใจว่ามีทีมเศรษฐกิจเก่งเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ซึ่งการันตีได้จากการที่พรรคมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเป็นผู้นำ

‘ทิพานัน’ ยกยอดใช้จ่ายคนละครึ่ง3.4หมื่นล้าน ตอก ‘เพื่อไทย’ หลังขวางไม่เกิดประโยชน์ต่อศก.

‘ทิพานัน’ ยกยอดใช้จ่ายคนละครึ่ง3.4หมื่นล้าน ตอกเพื่อไทยขวางคนละครึ่ง ชี้ไม่เห็นแก่ประโยชน์ประชาชนกว่า25ล้านคน แต่กลับมีพฤติกรรมคล้ายหนุนนโยบายพานักโทษหนีคดีเพียง 2 คนกลับบ้าน

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยแสดงความคิดเห็นคัดค้านโครงการคนละครึ่งว่า ไม่ได้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจว่า โครงการคนละครึ่งที่เฉพาะเฟส 5 ที่กำลังดำเนินการอยู่นี้มีประชาชนกว่า 26.5 ล้านคนและร้านค้ารายย่อยเกือบ 1 ล้านรายได้ประโยชน์ และผลประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของนักการเมือง แต่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนโดยตรง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เมื่อเอาตัวเลขข้อมูลมาพิจารณา พบว่าตัวเลขผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วม 9.67 แสนราย เป็นผู้ประกอบการรายใหม่เฟส 5 ถึง 2.28 หมื่นราย แสดงถึงร้านค้ารายย่อยเป็นผู้รับประโยชน์โดยตรง และมีจากข้อมูลล่าสุดคนละครึ่งเฟส 5 ที่มียอดใช้จ่ายสะสมถึง 34,310.23 ล้านบาท (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 16 ต.ค. 65) 

เห็นได้ชัดว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จจริงในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบและยั่งยืนได้ จึงไม่ใช่โครงการที่เป็นการเสียเงินไปฟรี ๆ ตามที่นายพิชัยแสดงความเห็นแบบไร้ข้อมูล

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การที่นายพิชัยเสนอให้รัฐบาลแก้ปัญหาหนี้สินมากกว่าโครงการคนละครึ่งนั้น ต้องถามว่า นายพิชัยไปอยู่ดูไบมาหรืออย่างไร ถึงไม่รู้ว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความยากจนแบบมุ่งเป้าเจาะรายบุคคล และประกาศให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับกระทรวงการคลังและเจ้าหนี้ 65 ราย ได้ขานรับนโยบายของรัฐบาล จัดกิจกรรม 'มหกรรมร่วมใจแก้หนี้' ขึ้น เปิดให้ลงทะเบียนทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. 65 เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้จากผลกระทบวิกฤติโควิด-19 ปัญหาค่าครองชีพ สามารถแก้ไขหนี้และเริ่มต้นใหม่ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีโครงการสัญจรด้วย ซึ่งทางธนาคารของรัฐ อาทิ ธนาคารออมสิน / ธ.อ.ส. / ธ.ก.ส. และธนาคารกรุงไทย จะจัด 'มหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร' ใน 5 อีกจังหวัด  

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนในกรณีลูกหนี้ไม่สามารถเข้าร่วมมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ได้ ก็ยังมีช่องทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ เช่นกรณีหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน สามารถเข้าร่วมโครงการ 'คลินิกแก้หนี้' และมีโครงการ 'ทางด่วนแก้หนี้' เป็นช่องทางเสริมเพื่อขอรับความช่วยเหลือด้านการชำระหนี้ ในขณะที่ลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจสามรถขอรับคำปรึกษาแก้ไขหนี้ผ่านทางโครงการ ‘หมอหนี้เพื่อประชาชนได้’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top