อลเวง!! กฎหมายต่างชาติซื้อที่ดินยุค 'ประยุทธ์' ความรู้ตีบตันจากสายมั่นที่เมาท์ว่าเป็น 'การขายชาติ'

ด่ากันเสียงขรม โดยที่ไม่ตรวจสอบกันเลยว่าความจริงคืออะไร ทันทีที่ครม. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ให้สิทธิถือครองที่ดินแก่ชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม ทั้งที่เป็นการอนุมัติหลักการตามที่ได้เห็นชอบไปแล้วนั่นเอง เท่านั้นแหละบรรดาพวกที่เกลียดชังความเป็นไทยก็ดิ้นเร่าเกิดอาการรักชาติแบบฉับพลัน ด่าทอต่าง ๆ นานาจนน่าปวดหัว

กฎหมายที่ดินที่ให้สิทธิคนต่างชาติซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่นั้น มีอยู่ในประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 96 ทวิ มาตั้งแต่ พ.ศ. 2545 โน่นแล้ว และไม่ใช่ฝรั่งต่างชาติคนไหนจะมาซื้อได้ ต้องผ่านกฎเกณฑ์ ข้อบังกับ เช่น กลุ่มที่มีสิทธิ์คือให้สิทธิการถือครองที่ดินคือกลุ่มที่รวย, กลุ่มเกษียณอายุ, กลุ่มที่ต้องการทำงานในไทย และกลุ่มมีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ แถมจะต้องนำเงินมาลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท โดยลงทุนดำเนินกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ถึงจะมีสิทธิซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่ ต้องเป็นที่ดินในเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายผังเมือง จะไปซื้อที่ดินแบบอื่นไม่ได้

ถ้านำที่ดินไปใช้ผิดเงื่อนไข เช่น เอาไปทำธุรกิจ, การค้า, เก็งกำไร อาจจะถูกบังคับขายคืน ให้ซื้อเป็นที่อยู่อาศัยอย่างเดียว ห้ามขาย หากขายหรือแบ่งขาย จะถูกระงับสิทธิทันที ตามที่ระบุในสัญญาซื้อขาย ที่ดินสามารถโอนให้ลูกหลานได้ แต่ลูกหลานห้ามขายต่อเช่นกัน

จะชักดิ้นชักงอไปทำไมนักหนา รัฐบาลที่ผ่าน ๆ มาเปิดทางให้ชาวต่างชาติ สามารถซื้อคอนโด และซื้อที่ดินในประเทศไทยได้นานแล้ว เช่น กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไข การได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545 คำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 153/2546 ลงวันที่ 21 เมษายน 2546 มาตรา 96 ทวิและมาตรา 96 ตรี แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการได้มาซึ่งที่ดิน เพื่อใช้เป็นที่อยูอาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545 และกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2497 ออกตามความใน พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ. 2497

ประเทศอื่นก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น หันไปดูเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียสิ เพิ่งประกาศหมาด ๆ เลยว่า จะออกวีซ่า 'บ้านที่สอง' สำหรับชาวต่างชาติซึ่งประสงค์พักอาศัยระยะยาวบนเกาะบาหลี เป็นเวลานานระหว่าง 5-10 ปี

โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารอย่างน้อย 2,000 ล้านรูเปียห์ ( ราว 4.84 ล้านบาท ) และหนังสือเดินทางซึ่งมีอายุการใช้งานคงเหลือไม่น้อยกว่า 36 เดือน

สหภาพยุโรป (EU) มีการออกสถานะผู้อยู่อาศัยพิเศยที่เรียกว่า 'วีซ่าทองคำ' ให้แก่พลเมืองต่างชาติกว่าแสนคน และมอบสัญชาติกิตติมศักดิ์ ให้แก่ชาวต่างชาติที่มีฐานะร่ำรวย ที่เรียกว่า 'หนังสือเดินทางทองคำ' แก่พลเมืองมากกว่า 6 พันคนที่เข้ามาลงทุน โดยสร้างรายได้มากกว่า 2.5 หมื่นล้านยูโร (2.8 หมื่นล้านเหรียญ)

ในหลายประเทศสมาชิก EU นักลงทุนต่างชาติที่ร่ำรวยสามารถเป็นเจ้าของพาสปอร์ตของประเทศเหล่านั้นได้ทันที หากมีการนำเงินมาลงทุนมากพอ และบางประเทศอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ร่ำรวยสามารถซื้อหนังสือเดินทางได้ โดยไซปรัส มอลตา และบัลแกเรีย เป็น 3 ประเทศที่สามารถขอวีซ่าทองคำหรือหนังสือเดินทางทองคำได้ 'ง่ายที่สุด' ด้วยวงเงินลงทุนขั้นต่ำ ระหว่าง 8 แสนยูโรถึง 2 ล้านยูโร 

คนชาติอื่นสามารถซื้อบ้านและอสังหาริมทรัพย์ได้ในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยไม่มีข้อจำกัด นอกจากนี้ยังสามารถขอกู้เงินจากสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาได้ด้วย หรือถ้ารวยจัดก็ใช้วิธีนี้คือ EB5 ซึ่งย่อมาจาก 'Employment base catcgory five' โดยลงทุน เป็นเงิน 1,000,000 เหรียญสหรัฐ และสร้างงานให้ชาวอเมริกันได้ 10 งาน ผู้ขอและคู่ครองก็จะได้ใบผู้มีถิ่นฐานถาวรในสหรัฐอเมริกา สำหรับในพื้นที่ห่างไกลความเจริญเงินลงทุนเพียงแค่ 500,000 เหรียญเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างงานได้ 10 งานเช่นเดิม ไม่ต้องดูอื่นดูไกล ท่านผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบันก็มีบ้านอีกหลังในอเมริกานี่เอง

ลองเช็กรายชื่อประเทศที่อนุญาตให้ซื้อบ้านและที่ดินได้แบบไม่มีเงื่อนไขดังนี้ อังกฤษ, อเมริกา, อาร์เจนติน่า, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สิงคโปร์, สเปน, ญี่ปุ่น, ฟิจิ, โปแลนด์, ตาฮิติ, บราซิล

ว่าแต่คนที่ซื้อบ้านไว้หลายแห่งแถมมีพาสปอร์ตหลายชาติที่เห็นชัดๆ ก็มีอยู่สองคนแหละนะ ชื่อทักษิณ กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลองไปถามสองคนนี้ก่อนดีไหม เผื่อจะได้ความรู้เพิ่มว่าไปซื้อบ้านและที่ดินประเทศอื่นทำอย่างไร