Wednesday, 9 July 2025
PoliticsQUIZ

'โรม' ตั้งคำถาม เมื่อไรจะถึงเวลาจัดการระบบตั๋ว และวัฒนธรรมการใช้ความรุนแรงในราชการ

รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูเมื่อ 6 ตุลาคม 2565 ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กรวมถึงตัวผู้ก่อเหตุและครอบครัวว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้สังคมไทยอย่างถึงที่สุด หากติดตามการรายงานข่าวที่ว่าผู้ก่อเหตุนั้นเป็นอดีตตำรวจที่ถูกให้ออกจากราชการเพราะเรื่องยาเสพติด ก็ควรต้องคิดได้แล้วว่าเพราะอะไรกันผู้มีหน้าที่ต้องปราบปรามอาชญากรรมจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรมเสียเองได้ ระบบอะไรกันที่สร้างสภาวะแบบนี้ขึ้นมาได้

ตนเคยอภิปรายเรื่องเกี่ยวกับระบบเส้นสาย ระบบตั๋วในวงข้าราชการอยู่บ่อยครั้ง เคยต้องย้ำเตือนต่อผู้มีอำนาจหน้าที่อยู่หลายครั้งว่าระบบแบบนี้นี่แหละที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องผันตัวไปเป็นผู้ประกอบธุรกิจมืดเสียเอง การที่อดีตตำรวจคนนี้ไปพัวพันกับยาเสพติดในขณะที่ยังรับราชการอยู่ได้ ผู้บริหารที่มีสามัญสำนึกต้องและจริงจังได้แล้วว่าตำรวจทุกวันนี้กำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนมากไปกว่านั้น ภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้หรือการกราดยิงครั้งที่ผ่าน ๆ มา มีส่วนหนึ่งที่ทับซ้อนกันกับภาพเหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุมราษฎร หรือภาพทหารสังหารหมู่คนเสื้อแดง นั่นคือเป็นภาพสะท้อนวัฒนธรรมการใช้ความรุนแรงที่ฝังรากลึกในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐมาอย่างยาวนาน

'เพื่อไทย' เตรียมฟื้นโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เหน็บ 'รัฐบาลประยุทธ์' ไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวพท. ทำเอง

ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยนายจิรทัศน์ ไกรเดชาส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขาธิการ และกรรมการคณะยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569  

ดร.ปลอดประสพ กล่าวว่า โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร หรือเจ้าพระยา 2 เป็นส่วนย่อยของโมดูลที่ 5 ของโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ มูลค่า 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยโครงการคลองลัดน้ำแห่งนี้ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ออกแบบระยะทางทั้งหมดอยู่ที่ 30 กิโลเมตร แต่รัฐบาลนี้สร้างระยะทาง 22 กิโลเมตร จะสามารถระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ช่วยทอยน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เมื่อรวมเข้ากับน้ำจากแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำลพบุรี ซึ่งมีปริมาณน้ำรวมกันอยู่ที่ 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้เหลือน้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดปริมาณน้ำไม่ให้เอ่อล้นเข้าสู่พื้นที่พระนครศรีอยุธยาตอนล่างได้ 

ทั้งนี้ คลองลัดน้ำบางบาล-บางไทร จะช่วยระบายน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาหรือลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ทั้งผืน แต่ยังไม่เพียงพอ ต้องสร้างคลองลัดน้ำเส้นหนึ่ง โดยเริ่มที่จังหวัดนครสวรรค์ลงมาทางจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ระยะทางประมาณ 150  กิโลเมตร ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้บรรจุไว้ในแผนโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทไว้แล้วเช่นกัน ซึ่งการก่อสร้างจะต้องเป็นไปในแบบ (Design and Build) หรือออกแบบไปสร้างไป ซึ่งสร้างเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด โดยมีกรอบโครงการ และกรอบวงเงินงบประมาณ มีความยืดหยุ่นและปรับแบบได้ ลักษณะเดียวกันกับการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เป็นลักษณะ Design and Build เช่นกัน 

สำหรับการบริหารสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ดร.ปลอดประสพ กล่าวว่า ขอออกความเห็นในแบบนักวิชาการ ปีนี้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ตัดสินใจเอาน้ำเข้าทุ่งช้าเกินไป ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากการประเมินสถานการณ์โดยคำนึงถึงเหตุผลทางวิชาการ หรือเหตุผลทางการเมืองกันแน่ ตอนนี้สามารถระบายน้ำเข้า 6 ทุ่ง จากทั้งหมด 11 ทุ่ง ยังเหลือพื้นที่อีกมากที่จะระบายน้ำออก  

นอกจากนี้ยังขอเตือนรัฐบาลด้วยความห่วงใยประชาชน ขณะนี้น้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสานใต้น่าเป็นห่วงมาก น้ำจากแม่น้ำชีที่มาจากจังหวัดชัยภูมิ เมื่อรวมเข้ากับลำน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จะทำให้จังหวัดมหาสารคามและจังหวัดร้อยเอ็ดน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานานนับเดือน ส่วนแม่น้ำมูลที่มาจากจังหวัดนครราชสีมา ไหลลงสู่ถนนมิตรภาพมาที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดลพบุรี เข้าสู่จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้น้ำท่วมสูงที่จังหวัดอุบลราชธานีและน้ำจะลดลงช้า ทั้งหมดเป็นเพราะรัฐบาลตัดสินใจล่าช้า จึงอยากให้รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของนักวิชาการรุ่นใหม่ที่มีความรู้ใหม่ ๆ และปรับใช้ให้ทันการณ์ด้วย

“การวางแผนโครงการใหญ่ของประเทศ ต้องคิดกรณีเลวร้ายที่สุด ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ไม่ใช่เกิดมาเพื่อรอความเสี่ยง โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท พรรคเพื่อไทยทำเสร็จหมดแล้ว พอทำรัฐประหาร พวกท่านเอาใส่ลิ้นชักไว้ตั้งนาน ไม่ทำ กู้ไว้แล้วแต่ไม่ยอมทำ พอทำแล้วก็มาออกแบบใหม่แทนที่จะใช้แบบเดิม กว่าจะสร้างเสร็จ อีก 3 ปี จากนี้ไปประชาชนต้องทรมานสังขารแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ทำแล้วก็ขอขอบคุณ ส่วนโครงการที่เหลืออีกหลายโมดูล พวกท่านไม่ต้องทำ รอให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเขามาทำจะดีกว่า” ดร.ปลอดประสพ กล่าว  

นายจิรทัศ ไกรเดชา ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำเกือบเทียบเท่ากับปี 2554 พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบเกือบครึ่งจังหวัด ทั้งในอำเภอผักไห่ เสนา บางบาล บางปะอิน บางไทร ขณะที่เมื่อวานนี้ (5 ต.ค. 65) พี่น้องประชาชนมีการปะทะกันขอให้เปิดการระบายน้ำในพื้นที่ เพราะตอนนี้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกปล่อยเกือบ 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงอยากให้กรมชลประทานสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน

ฝ่ายค้านจ่อยื่นซักฟอกญัตติ 2 พ.ย. นี้ พุ่งเป้าเหตุสังหารหมู่ที่ศูนย์เด็กเล็ก

(7 ต.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคพท. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะนัดประชุมเพื่อหารือประเด็นในวันที่ 10 ต.ค.นี้ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคจะนำความเห็นประเด็นมาหารือสรุปร่วมกัน เพื่อสอบถามไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนกรอบประเด็นที่จะอภิปรายนั้น แบ่งเป็น 2 ประเด็น 1. ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อย่างเช่นกรณีเหตุสังหารหมู่ที่ศูนย์เด็กเล็กที่จ.หนองบัวลำภู ว่ารัฐบาลจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร และใครรับผิดชอบอะไรบ้าง รวมทั้งเรื่องที่มีผลกระทบกับประเทศชาติ ประชาชน เศรษฐกิจ ความมั่งคงและการมือง 2. การเสนอแนะปัญหาต่อครม.ซึ่งฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล 3 ป.และครม. ที่สร้างปัญหาให้ประชาชน จะมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร 

เมื่อถามว่าจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปมาตรา 152 ช่วงใด นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ทันทีที่เปิดประชุมสภาฯ สมัยสามัญในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เราจะพยายามยื่นทันที แต่สภาฯ จะเริ่มประชุมวันแรกในวันที่ 2 พ.ย.นี้ ซึ่งตรงกับวันพุธ ดังนั้นเราจะยึดวันนี้เป็นหลัก เพราะถ้ายื่นได้เร็ว เราก็จะได้อภิปรายเร็ว

'ชลน่าน' ลั่น!! ขอประกาศสงครามยาเสพติดอีกรอบ สับ รบ.แก้ยาเสพติดหละหลวมบกพร่อง ไร้มาตรการป้องกัน

'ชลน่าน' สับ รบ.แก้ยาเสพติดหละหลวมบกพร่อง ไร้มาตรการป้องกัน ฟื้นฟู โวยเจ้ากระทรวง สธ.อยู่ที่ไหน จี้รัฐเร่งเยียวยาดูแลสภาพจิตใจ ลั่นขอประกาศสงครามยาเสพติดอีกรอบ 

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค ร่วมแถลงถึงเหตุกราดยิงที่ศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู โดยก่อนแถลงทั้ง นพ.ชลน่าน และน.ส.ลินธิภรณ์ได้ร่วมยืนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตเป็นเวลา 1 นาที

จากนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียอย่างสุดซึ้ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเด็กเล็ก ทั่วโลกถือว่าเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญยิ่ง ทั้งนี้ เราให้ความสำคัญและติดตามตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ เราขอประณามผู้ก่อเหตุ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ทุกฝ่ายประกาศชัดว่าจะถอดบทเรียนถึงสภาพปัญหา สาเหตุ แรงจูงใจ วิธีการแก้ปัญหา รวมทั้งแนวทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ระยะสั้น ระยะยาว ซึ่งเราอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีหลายมิติ ทั้งเชิงสังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคง พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการติดตามและช่วยเหลือในฐานะพรรคการเมืองอย่างต่อเนื่อง 

โดยวันนี้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาฯ และ ส.ส.หนองบัวลำภูทั้งสามเขตของพรรค จะได้เข้าไปรับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อประมวลและให้การช่วยเหลือต่อไป 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราพบจากข้อเท็จจริง ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจถูกไล่ออกจากราชการฐานไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีพฤติการณ์จงใจเจตนาก่อเหตุ เพราะ 

1.) ลักษณะการก่อเหตุเลือกใช้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสามารถก่อการได้ง่าย ไม่มีการต่อสู้หรือป้องกัน 

2.) ถือเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง สร้างแรงกระเพื่อมไปถึงระดับโลก

3.) มีลักษณะเตรียมการ ดูจากอาวุธที่ใช้ การหลบหนี การทำร้ายประชาชนในระหว่างทาง ท้ายสุดทำร้ายตัวเองและครอบครัว 

ทั้งนี้ สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นโยบายแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาลชุดนี้มีความบกพร่อง หละหลวม แม้ว่ามาตรการปราบปรามมีตัวเลขชัดว่าสามารถจับกุม ยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องได้อย่างมากมาย แต่มาตรการป้องกันไม่ค่อยชัดแจ้ง ขณะที่ยาบ้าราคาถูก แพร่กระจายอยู่ทั่ว ทราบว่ามีการแข่งกันผลิตยาบ้าถึง 7 บริษัทอยู่ตามชายขอบประเทศเรา ขณะที่ผู้เสพยาก็ยังไม่ได้รับการบำบัดฟื้นฟูเท่าที่ควร ทำให้เกิดอาการหลอนคลุ้มคลั่ง 

“การกระทำรุนแรงของผู้ก่อเหตุขนาดนี้ต้องมีสภาพทางจิต รวมทั้งความเคียดแค้นชิงชังอย่างหนักหนาสาหัสถึงทำรุนแรงขนาดนี้ได้ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งบำบัด รักษาฟื้นฟูผู้ติดยาอย่างเร่งด่วยโดยเร็ว เพราะจากสถิติยังไม่ค่อยมีสถานบำบัดฟื้นฟูเท่าที่ควร"

'ไอติม' ลั่น!! กราดยิงฯ สะท้อนปัญหาที่หมักหมมในสังคมไทย ชี้!! ถือเป็นคำเตือนสุดท้าย ถึงเวลาออกแบบสังคมให้ปลอดภัย

พริษฐ์  ชี้ โศกนาฏกรรมที่หนองบัวลำภู เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของสังคมไทย ถึงเวลารีบหาทางออกปัญหาครอบครองอาวุธปืน 

พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรม ที่จังหวัดหนองบัวลำภูว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องร่วมกันเยียวยาบาดแผลที่เกิดขึ้นในสังคมด้วยการร่วมกันหาทางออกในการป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นอีก และร่วมกันออกแบบสังคมที่เราทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยให้ได้

เหตุการณ์กราดยิงทั้งในอดีตและที่เพิ่งเกิดขึ้นสะท้อนถึงสารพัดปัญหาที่หมักหมมมายาวนานในสังคมไทย และที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเริ่มออกมาฉายภาพให้เห็นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการใช้และการแพร่ระบาดของยาเสพติด การคัดกรองเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ระบบอุปถัมภ์และวัฒนธรรมอำนาจนิยมในองค์กร ความล่าช้าของตำรวจในการเข้าถึงที่เกิดเหตุ หรือ การขาดแคลนระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินกับประชาชน

แต่ปัญหาหนึ่งที่มีส่วนสำคัญเช่นกัน คือ ปัญหาเรื่อง 'การเข้าถึงและครอบครองอาวุธปืน' ทั้งที่ถูกและผิดกฎหมาย และทั้งโดยเจ้าหน้าที่-อดีตเจ้าหน้าที่ และโดยประชาชนทั่วไป

โดยพริษฐ์ได้ชี้ให้เห็นว่า สถิติหนึ่งที่ค้นพบ คือ ปัจจุบัน ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอาชญากรรมปืนสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของทวีปเอเชีย (3.91 ต่อประชากร 100,000 คน) - รองจากแค่ อิรัก (9.94) และ ฟิลิปปินส์ (8.02) และสูงกว่า มาเลเซีย (0.53) เวียดนาม (0.52) เกาหลีใต้ (0.08) ญี่ปุ่น (0.08) และสิงคโปร์ (0.05) หลายเท่าตัว

ถึงแม้สหรัฐอเมริกา (10.95) - ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่าเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องกราดยิงเยอะเป็นพิเศษ โดยบางส่วนมองว่าเป็นผลจากนโยบายปืนเสรีที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงปืนได้ง่ายกว่าในอีกหลายประเทศ - ในช่วงหลังๆ จะมีสถิติที่แย่กว่าประเทศไทยพอควร แต่ไม่กี่ปีก่อนก็มีสถิติที่ไม่ห่าง (หรือบางปีดีกว่า) ในไทยด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าทางออกในประเทศไทยคงไม่ได้เรียบง่ายแค่การเพิ่มความเข้มงวดของเกณฑ์การครอบครองปืน หากจะตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ ระบบ-กฎหมาย-การบังคับใช้ ด้านการเข้าถึงอาวุธปืนที่อาจมีปัญหาบางจุด ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตดังนี้

1.) เกณฑ์การขอใบอนุญาตมีปืนถูกกฎหมาย ไม่ครอบคลุมด้านสุขภาพจิต-ไม่มีการสอบวัดความพร้อม หรือไม่อย่างไร

แม้จะมีหลายเอกสารที่ประชาชนต้องยื่นหากต้องการขอใบอนุญาตครอบครองปืน (แบบ ป.4) หรือใบอนุญาตพกพาปืน (แบบ ป.12) แต่ทั้งสองกระบวนการปัจจุบันไม่มีการขอใบรับรองจากจิตแพทย์เกี่ยวกับประวัติหรืออาการด้านสุขภาพจิต ซึ่งทำให้เราไม่รู้ว่าผู้ที่ครอบครองอาวุธปืนอย่างถูกกฎหมาย ณ ปัจจุบันมีสุขภาพจิตที่แพทย์เห็นว่าเหมาะสมที่จะครอบครองปืนหรือไม่

ในส่วนการเตรียมความพร้อม แม้จะมีการกำหนดว่าต้องแสดงหลักฐานว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน แต่สังคมก็ตั้งคำถามถึงความรัดกุมของเนื้อหาการอบรมและความเข้มงวดของการรับรองมาตรฐานผู้ให้การอบรม รวมถึงการเสนอให้มีการสอบวัดความพร้อมของผู้ขอใบอนุญาตอย่างจริงจัง เหมือนในหลายประเทศทั่วโลก

2.) ข้าราชการเข้าถึงได้ง่ายกว่า แม้ในตำแหน่งที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ปืนในการทำหน้าที่ จริงหรือไม่

ที่ผ่านมา รัฐมีโครงการจัดหาปืนเป็นสวัสดิการให้ข้าราชการในหลายสังกัดเข้าถึงและขอใบอนุญาตได้อย่างสะดวกสบายขึ้น แม้หลายครั้งเป็นการให้สิทธิแก่ข้าราชการในตำแหน่งที่อาจตั้งคำถามได้ในปัจจุบันว่ามีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องใช้ปืนในการปฏิบัติหน้าที่ (เช่น ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกรัฐสภา) ซึ่งการเข้าถึงปืนได้อย่างแพร่หลาย อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความรุนแรงหรือความเสี่ยงที่อาวุธปืนจะหลุดสู่ตลาดมืดได้

3.) ระบบเส้นสายและการทุจริตคอร์รัปชันในการขอใบอนุญาต เปิดช่องโหว่ในการครอบครองปืนหรือไม่

เอกสารหนึ่งที่ข้าราชการต้องใช้เพื่อยื่นขอใบอนุญาตคือหนังสือรับรองความประพฤติจากผู้บังคับบัญชา นอกจากถูกตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของวิธีการดังกล่าวในการคัดกรองคน ข้อกำหนดดังกล่าวยังมีข้อครหาว่าเปิดช่องให้เกิดการเรียกสินบน หรือการเซ็นอนุมัติโดยไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการประเมินความเหมาะสมของผู้ขอใบอนุญาตอย่างแท้จริง

'บิ๊กป้อม' ให้กำลังใจคนเจ็บ-ครอบครัวผู้เสียชีวิตเหตุกราดยิงฯ พร้อมกำชับฝ่ายความมั่นคง คุมเข้มทั้ง 'อาวุธ-ยาเสพติด'

พล.อ.ประวิตร ร่วมแสดงความอาลัยผู้เสียชีวิต และให้กำลังใจครอบครัว ก่อนรุดเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ จากเหตุรุนแรงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู ยืนยันช่วยเหลือเต็มที่ สั่งคุมเข้ม ขั้นเด็ดขาด อาวุธ/ยาเสพติด เน้นบุคคลพฤติกรรมเสี่ยง ปก.เหตุซ้ำ

เมื่อ (7 ต.ค. 65) 15.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ร่วมคณะ นรม. ออกเดินทางจาก กทม.ไปยัง อบต.อุทัยสวรรค์ จ.หนองบัวลำภู เพื่อร่วมแสดงความอาลัย ผู้เสียชีวิตและให้กำลังใจครอบครัว พร้อมเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์ความรุนแรง โดยผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจ ซึ่งถูกดำเนินคดียาเสพติด กระทั่งมาก่อเหตุความรุนแรง ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ จ.หนองบัวลำภู ตามที่เป็นข่าวเมื่อวาน และส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้คนในสังคม เป็นอย่างยิ่ง

'อุตตม' เสนอฝ่ายการเมืองผลักดันนโยบายยาเสพติด-อาวุธปืน

อุตตม สาวนายน เผยทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไขป้องกันไม่ให้ซ้ำรอยโศกนาฎกรรมที่จ.หนองบัวลำภู เสนอพรรคการเมืองร่วมกันผลักดันนโยบายขจัดยาเสพติดในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมการถือครองและใช้อาวุธปืน ไม่ให้เป็นภัยต่อสังคม  

วันนี้ (7 ต.ค. 65) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ผมขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดอีกครั้งต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์ที่จังหวัดหนองบัวลำภู คนไทยทุกคนเศร้าสลดกับความสูญเสียอันใหญ่หลวงครั้งนี้ และเชื่อว่าต้นเหตุมาจากการแพร่ระบาดของยาเสพติด รวมทั้งการควบคุมดูแลเกี่ยวกับอาวุธปืน เราไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงบทเรียน แต่สมควรที่จะถูกหยิบยกขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขจัดการอย่างจริงจังเสียแต่เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองนั้น ผมขอเสนอให้พรรคการเมืองเห็นพ้องในการร่วมผลักดันนโยบายขจัดยาเสพติดในแนวทางเดียวกัน ตลอดจนกำหนดมาตรการควบคุมดูแลการถือครองและการใช้อาวุธปืนไม่ให้เป็นภัยต่อสังคม เพื่อให้สังคมและลูกหลานเราปลอดภัยจากความรุนแรงทั้งปวง

'ชลน่าน' ยกทัพ 'เพื่อไทย' ซับน้ำตาชาวขอนแก่น หลังน้ำท่วมยาว ขาดอาหารและยา รัฐไม่เหลียว

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค วันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น มุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น ภาควัต ศรีสุรพล ส.ส.ขอนแก่น บัลลังก์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พชรกร อรรณนพพร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น วิภาณี ภูคำวงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น สุรพจน์ เตาะเจริญสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น รวมทั้งสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย เยี่ยมเยือนให้กำลังใจ พร้อมรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย และรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้นำชุมชนและพี่น้องประชาชนใน 3 จุด จุดที่ 1 บ้านเมืองเพีย ต.เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จุดที่ 2 บ้านท่าข่อยใต้ ต.ชนบท อ.ชนบท จุดที่ 3 บ้านวังเวิน ต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า จากการพูดคุยรับฟังปัญหา พี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในขณะนี้ต้องการให้รัฐบาลเร่งชดเชยเยียวยาพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมเต็มพื้นที่ บ้านเรือนพี่น้องประชาชนถูกน้ำท่วมมิดหลังคาเรือนเสียหายทั้งหมด ขณะที่ถนนหลัก ถนนรอง ทางเข้าหมู่บ้าน พนังกั้นน้ำ ได้รับความเสียหาย หลังจากน้ำลดแล้วอยากให้รัฐบาลเร่งเข้ามาซ่อมแซมสาธารณูปโภคเหล่านี้โดยด่วน

ทั้งนี้เมื่อครั้งที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เมื่อครั้งที่เกิดอุทกภัยในปี 2554 รัฐบาลเพื่อไทยเยียวยาพี่น้องประชาชน อย่างทันการณ์และเท่าเทียม ครัวเรือนละ 5,000 บาท จึงอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย

'นิด้า' เผยโพล คนอีสาน ยก 'อุ๊งอิ๊ง' ยืนหนึ่ง นั่งนายกรัฐมนตรี ยก 'พิธา' เป็นที่สอง

(9 ต.ค. 65) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น 'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนอีสาน” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3-6 ตุลาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนอีสาน การสำรวจอาศัย การสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ 'นิด้าโพล' สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนอีสานจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.45 ระบุว่าเป็น

น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคทำได้จริง ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานของตระกูลชินวัตร

อันดับ 2 ร้อยละ 12.65 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร เป็นคนมีวิสัยทัศน์ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบนโยบายและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกล

อันดับ 3 ร้อยละ 10.20 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ชื่นชอบนโยบายของพรรค ซื่อสัตย์สุจริต ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ และยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้

ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 4 ร้อยละ 9.85 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ ซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง อันดับ 5 ร้อยละ 6.50 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์สุจริต และชื่นชอบวิธีการทำงาน อันดับ 6 ร้อยละ 3.95 ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) เพราะ ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา เป็นคนที่พูดจริงทำจริง และชื่นชอบพรรคเพื่อไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.80 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ ชื่นชอบวิธีการทำงาน และชื่นชอบนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ขณะที่บางส่วนระบุว่า เป็นคนลงพื้นที่ดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่อง อันดับ 8 ร้อยละ 1.75 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) เพราะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการบริหาร และชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา

อันดับ 9 ร้อยละ 1.30 ระบุว่าเป็น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (พรรคสร้างอนาคตไทย) เพราะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ขณะที่บางส่วนระบุว่า เชื่อมั่นในการทำงาน และร้อยละ 4.35 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนากล้า) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายวราวุธ ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) ดร.สุทิน คลังแสง (พรรคเพื่อไทย) และไม่ตอบ/ไม่สนใจ

'อนุทิน' สั่งดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทองใน 9 รพ.เอกชน ยัน!! ต้องได้รับการรักษาต่อเนื่อง ตั้งแต่ 10 ต.ค.นี้

(9 ต.ค. 65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้มีการยกเลิกสัญญาการให้บริการปฐมภูมิ ประจำ และรับส่งต่อทั่วไปกับ โรงพยาบาลเอกชน 9 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย ได้แก่ รพ.มเหสักข์, รพ.บางนา1, รพ.ประชาพัฒน์, รพ.นวมินทร์, รพ.เพชรเวช, รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท2, รพ.แพทย์ปัญญา, รพ.บางมด และ รพ.กล้วยน้ำไท เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขไม่ถูกต้อง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ (1 ต.ค. 65) เป็นต้นมา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้ติดตามการดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทองในโรงพยาบาลทั้ง 9 แห่ง อย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำว่า สปสช. ได้หารือกับโรงพยาบาลทั้ง 9 แห่ง และกรุงเทพมหานคร และมีมาตรการรองรับเพื่อให้ประชาชนยังได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ระหว่างการรักษา รวมถึงมีช่องทางเลือกหน่วยบริการใหม่โดยสะดวก

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ (10 ต.ค. 65) เป็นต้นไป สปสช. จะเปิดให้ประชาชนที่หน่วยบริการปฐมภูมิและประจำถูกยกเลิกซึ่งมีอยู่ประมาณ 2.3 แสนคน จากโรงพยาบาล 7 แห่ง ประกอบด้วย รพ.ประชาพัฒน์, รพ.นวมินทร์, รพ.เพชรเวช, รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท2, รพ.แพทย์ปัญญา, รพ.บางมด และ รพ.กล้วยน้ำไท สามารถเลือกหน่วยบริการใหม่ได้ผ่าน 4 ช่องทาง ประกอบด้วย 1. แอปพลิเคชัน สปสช. เลือกเมนูลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการ 2. ไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso เลือกเมนู เปลี่ยนหน่วยบริการด้วยตนเอง 3. สายด่วน สปสช. โทร.1330 และ4. ลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการด้วยตนเองได้ที่ที่ทำการของ สปสช. ชั้น 2 อาคารบี ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สปสช. ได้แจ้งว่าประชาชนที่ต้องเลือกหน่วยบริการปฐมภูมิและประจำใหม่ครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ให้พิจารณาหน่วยบริการที่ใกล้บ้านหรือสะดวกก่อนตัดสินใจเลือก สามารถตรวจสอบรายชื่อหน่วยบริการใกล้บ้านได้ที่เว็บไซต์ สปสช. http://mscup.nhso.go.th/mastercup/ หรือสอบถามสายด่วน สปสช. 1330 ซึ่งระหว่างที่ยังไม่ได้เลือกหน่วยบริการใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีสถานะ 'สิทธิว่าง' นี้ สปสช. ได้หารือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องจัดเตรียมหน่วยบริการไว้รองรับแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top