Wednesday, 9 July 2025
PoliticsQUIZ

ตัวแทน 'ภูเก็ต-พังงา' ยื่นหนังสือให้ 'พรรคเพื่อไทย' เชื่อ!! นโยบายทำได้จริง พาฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ

"พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีนโยบายที่ทำได้จริงและเป็นความหวังในการแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวภูเก็ตได้ อย่างไรก็ตาม ภูเก็ตตอนนี้ ต้องการความช่วยเหลือในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจอย่างมาก" ตัวแทนชาวภูเก็ต-พังงา กล่าวระหว่างยื่นหนังสือถึง วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้พรรคเพื่อไทยจัดทำนโยบายดูแลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้จังหวัดภูเก็ต เพราะเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองที่สร้างนโยบายได้ ทำนโยบายได้จริง และเป็นความหวังในการแก้ไขปัญหาให้ชาวภูเก็ตได้

ตัวแทนชาวภูเก็ต ได้พูดคุยแนะนำ เสนอทำแผนนโยบายระดับภูมิภาค และระดับจังหวัด คือ 

1.) ยุทธศาสตร์เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเชิงรุก เพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวมาไทยให้มากขึ้น 
2.) พัฒนาระบบอำนวยความสะดวก เพิ่มเที่ยวบินตรงรองรับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น 
3.) ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคมขนส่ง 
และ 4.) พัฒนาการท่องเที่ยวฮาลาล (Halal Tourism) คือพัฒนาชุมชนมุสลิมให้มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิมจากประเทศรายได้สูงทั่วโลก รวมถึงพัฒนาแหล่งผลิตและส่งออกอาหารฮาลาลสู่ตลาดโลกมุสลิม เป็นต้น

'พิธา' ร่วมวางพวงมาลารำลึก 6 ตุลา 19 เตือนรัฐอย่าทำซ้ำ เพราะจุดจบจะไม่เหมือนเดิม

'พิธา' พร้อม 'ชัยธวัช' และ 'พรรณิการ์' เป็นตัวแทน ก้าวไกล-ก้าวหน้า รำลึกเหตุการณ์สังหารณ์หมู่ 6 ตุลา ชงข้อเสนอแก้กติกา-สร้างระบบ ยุติเงื่อนไขรัฐในการปราบปราม-เข่นฆ่า-ยึดอำนาจประชาชน พร้อมเตือนชนชั้นนำอย่าคิดปลุกโมเดล 6 ตุลาอีก มั่นใจจุดจบไม่เหมือนเดิม

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ร่วมเป็นตัวแทนพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า วางพวงมาลารำลึกครบรอบ 46 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 โดยบนพวงมาลามีข้อความที่สอดคล้องกันคือ 'ดาวศรัทธายังส่องแสงเบื้องบน' สำหรับพวงมาลาของพรรคก้าวไกล และ 'ปลุกหัวใจปลุกคนอยู่มิวาย' บนพวงมาลาของคณะก้าวหน้า

หลังการร่วมพิธีทำบุญในช่วงเช้าตรู่และการวางพวงมาลาที่ลานปฏิมานุสรณ์ 6 ตุลา พิธาได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คือบทเรียนว่าสังคมไทยจะต้องร่วมกันทบทวนเงื่อนไขในการปราบปรามของรัฐ การรัฐประหาร ไปจนถึงการเข่นฆ่าประชาชน ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

พรรคก้าวไกล มีข้อเสนอทางการเมืองเพื่อให้ประเทศไทยสามารถเกิดความสมานฉันท์ ให้ความคิดที่แตกต่างกันอยู่ร่วมกันได้ในสังคมไทยจริง ๆ และเหตุการณ์อย่าง 6 ตุลา ไม่เกิดขึ้นอีก นั่นคือจะต้องมีการคืนความเป็นธรรมให้กับเหยื่อคดีการเมือง ผู้ต้องคดีการเมืองต้องได้นับการยุติการดำเนินคดี ยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด และจะต้องมีการเสาะหาข้อเท็จจริง ทั้งในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 พฤษภา 35 และทุกเหตุการณ์การเมือง รวมถึงเหตุการณ์ในปี 2557 ด้วย

'ชลน่าน' ชี้ 2 ป. แข่งกันลงพื้นที่แสดงความเป็นผู้นำ เชื่อ!! 'บิ๊กป้อม' ดีกว่า 'บิ๊กตู่' ในแง่การทำงาน-เข้าถึงปชช.

เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ (6 ต.ค. 65) ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพล.อประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่าในแง่ดีถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้นำจะต้องลงไปรับทราบปัญหาอย่างแท้จริง แต่ต้องระมัดระวังไม่ใช้อำนาจหน้าที่ และภาษีประชาชนไปหาแสวงหาผลประโยชน์หรือหาเสียงแอบแฝง แต่หากมองในมุมการเมืองจะพบว่าการลงพื้นที่ของทั้งสองคน เป็นการลงพื้นที่ที่พล.อ.ประยุทธ์ไปซ้ำรอย พล.อ.ประวิตร ถ้าเปรียบเป็นหรือภาษาวัยรุ่น อาจจะใช้คำว่าขิงกันหรือเป็นการแข่งขันกันทางการเมือง เพราะขณะนี้นายกฯ ตัวจริงกลับมาแล้ว

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนเชียร์ให้ทั้งสองคนทำแบบนี้ตลอด แม้จะเป็นเรื่องความขัดแย้งภายใน แต่ประชาชนได้ประโยชน์กับเรื่องนี้ และในอนาคต จะทำให้ภาพการเมืองชัดเจนขึ้นว่าใครเหมาะที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งส่วนตัวมองว่าพล.อ.ประวิตรถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าพล.อประยุทธ์ ทั้งวิธีการทำงานและการเข้าถึงประชาชน 

ดังนั้น ใครที่อยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ ก็ยากที่จะชนะการเลือกตั้ง ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะพิจารณาส่งใครเป็นแคนดิเดตไม่ขอวิจารณ์ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพรรคนั้น ๆ

'บิ๊กป้อม' นั่งหัวโต๊ะ 'กำกับ-ติดตาม' ราชการภูมิภาค เน้น 'ช่วยเหลือ-แก้ทุกปัญหาเร่งด่วน' ให้ปชช.ทั่วประเทศ

พล.อ.ประวิตร ประชุม ติดตามแผนงาน 'กำกับฯภูมิภาค' เน้นช่วยเหลือเร่งด่วน ปชช.ทั่วประเทศ  พอใจผลงานปี 65 ได้ตามเป้า อนุมัติงบฯ กรณีฉุกเฉินปี 66 แก้ปัญหาต่อเนื่อง 18 เขตพื้นที่ ตามนโยบายรัฐบาล ย้ำห้ามซ้ำซ้อนงานปกติ

(6 ต.ค. 65) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ครั้งที่ 1/2565 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัด 

ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ของ รอง นรม. ประจำปี 65 โดย รอง นรม. ได้ลงพื้นที่เพื่อมอบนโยบายและตรวจเยี่ยม พร้อมประชุม/หารือ เพื่อรับฟังปัญหา รวมถึงแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานต่าง ๆ จำนวน 23 ครั้ง และรับทราบความก้าวหน้า ของโครงการที่ผ่านความเห็นชอบไปแล้ว จำนวน 1,513 โครงการ วงเงิน 1,800 ล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นไปตามแผนงาน อย่างน่าพอใจ ภายใต้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

'อนุทิน' ชี้ เลือกตั้งรอบหน้า หวังกวาด 120 ส.ส. ลั่น!! พร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯ ทำงานเพื่อปชช. สุดกำลัง

เมื่อวันที่ (6 ต.ค. 65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นความคาดหวังของพรรคในการเลือกตั้งรอบหน้าที่จะต้องได้ส.ส. อย่างน้อย 120 เสียง ว่า เป็นพรจากผู้ใหญ่ และเป็นเป้าหมายของพรรค ท่านพูดก็แปลว่าพรรคภูมิใจไทย มีศักยภาพที่จะทำได้ เรื่องแบบนี้เราไม่ล้อเล่น มันต้องพยายามเต็มที่ จะผ่อนเครื่องไม่ได้ ส่วนจะมาจากไหนนั้น ก็ต้องมาจากการทำงานหนักของพรรคภูมิใจไทย ที่หมายถึงส.ส.ของพรรค และสมาชิกพรรคทุกคน ต้องลงพื้นที่เข้าชาร์จปัญหา การทำนโยบาย อย่าไปมองว่าต้องทำเฉพาะที่หาเสียงไว้ แต่อะไรที่เป็นประโยชน์ ก็ต้องทำด้วย ยกตัวอย่างเรื่องฟอกไตฟรี นี่ไม่เคยเป็นนโยบายของพรรค แต่ด้วยความเป็นรมว.สาธารณสุข พบว่าผู้ป่วยฟอกไต จ่ายครั้งละ 1.5 พันบาท อาทิตย์หนึ่งฟอก 2 ครั้ง จ่าย 3 พันบาท ไหนจะค่าเดินทางอีก ภาระของประชาชนก็ต้องหาทางช่วย ประเทศไทย มีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ต้องทำให้ได้แบบนั้นจริง ๆ มีความสามารถจะช่วยได้ ก็ต้องหาทาง ตอนนี้ ทำสำเร็จแล้ว

'ณัฐวุฒิ' อ้อน!! ปชช. เทคะแนนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย หวังหยุดกลไกสืบทอดอำนาจ เชื่อยุบสภาอย่างเร็วหลังเอเปก

(6 ต.ค. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมองภาพการเมืองใหญ่เวลานี้ไม่มีทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะยอมปล่อยมือจากอำนาจ ด้วยความสำนึกว่าได้สร้างความเสียหายไว้กับประเทศ มีแต่จะหาช่องทางรักษาอำนาจ และลากดึงกันไปข้างหน้า ตนเชื่อว่าความขัดแย้งภายในกลุ่ม 3 ป. ยังมีอยู่จริง แต่คงไม่ข้ามพ้นผลประโยชน์ทางการเมือง และทางอำนาจที่ผูกไว้ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีการยุบสภาอย่างเร็วก็หลังการประชุมเอเปค แต่ไม่ใช่การยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน เป็นเพียงการช่วงชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งเท่านั้น เพราะสุดท้ายพรรคฝ่ายรัฐบาลก็ได้เปรียบ

“สิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนต้องรู้เท่าทัน และต้องตัดสินใจร่วมกันให้ได้ว่าถึงที่สุด ก้าวแรกในการเอาชนะอำนาจนี้คืออะไร สำหรับผมเชื่อว่า การเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง และเทคะแนนให้พรรคการเมืองหนึ่งในฝั่งประชาธิปไตยชนะ เพื่อยืนค้ำไว้ก่อน และร่วมมือกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย จัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ยุติกลไกการสืบทอดอำนาจ คือทางเลือกที่เป็นไปได้ที่สุดในขณะนี้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

‘ตรีชฎา’ สอน ‘บิ๊กตู่’ ควรโชว์ความรู้แก้ปัญหาน้ำท่วม ไม่ใช่พูดพล่าม 'น้ำท่วมทุ่ง' จนหาสาระไม่ได้

นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดขอนแก่นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อติดตามข่าวสารที่สื่อมวลชนนำเสนอนั้น เป็นที่น่าเสียใจและเสียดายโอกาสของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นแล้ว ยังซ้ำเติมจิตใจของชาวบ้านที่กำลังทุกข์ยากเดือดร้อนให้หดหู่สิ้นหวังมากขึ้นไปอีก

ในขณะที่พี่น้องประชาชนอุบลราชธานีถูกน้ำท่วม บ้านจมบาดาล ที่จังหวัดอุบลราชธานี มีการระดมตำรวจเจ้าหน้าที่นับพันรายมากระจายกำลังคุ้มกันพล.อ.ประยุทธ์ ขณะไปที่หอประชุมวารินชำราบ ซึ่งมากผิดปกติเกินความจำเป็น แถมยังต้องใช้งบประมาณดูแลข้าวกล่องไปแจกให้เจ้าหน้าที่ ได้กินเป็นพันกล่อง หากลดจำนวนหรืองดเว้นการดูแลต้อนรับคนๆ เดียวในภาวะเดือดร้อนยากลำบาก สามารถนำข้าวกล่องที่ดูแลเจ้าหน้าที่ไปดูแลชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้หลายร้อยครอบครัว ไม่ต้องให้ชาวบ้านส่งเสียงโอดครวญผ่านสื่อแบบนี้ 

พล.อ.ประยุทธ์ประกาศว่าจะมาทำงาน ไม่สร้างภาระให้ใคร แล้วภาพที่มีการเกณฑ์เจัาหน้าที่ตำรวจมาดูแลทั้งจังหวัดเรียกว่าอะไรกันแน่ ส่วนที่จังหวัดขอนแก่น สื่อมวลชนได้รายงานคำพูดจาของพล.อ.ประยุทธ์อย่างยืดยาว ล้วนแต่เป็นเรื่องวนเวียนซ้ำซาก ชาวบ้านต้องการฟังสิ่งที่เป็นความหวัง ความช่วยเหลือเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน และการวางแผนป้องกันแก้ไขในระยะยาวจากคนเป็นนายกรัฐมนตรี

'วัน' จวก!! 'ประยุทธ์' ไม่จริงใจแก้ปัญหายาเสพติด ชี้!! น่าอนาถใจ 'ยาบ้า' หาง่าย ราคาเท่าบะหมี่กึ่งฯ

'วัน' แนะแก้ปัญหายาเสพติดต้องกำจัดสารตั้งต้น ปิดเส้นทางลำเลียงยา อัด 'ประยุทธ์' ไม่จริงใจแก้ปัญหายยาเสพติดในไทย ประชาชนหวั่นยาเสพติดที่จับได้อาจเล็ดรอดสู่ตลาดอีกครั้ง

นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดยาเสพติดในประเทศไทย มีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะยาบ้าระบาดทุกพื้นที่ของประเทศ น่าอนาถใจในอดีตยาบ้าจากเม็ดละ 300-400 บาท เพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเหลือเม็ดละ 7 บาท ราคาเท่ามาม่า บริหารยังไงให้ยาบ้าถูกขนาดนี้ แสดงว่ามียาบ้ามหาศาลในประเทศไทย หาซื้อได้ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย ปัญหามาจากการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปล่อยปละละเลย ไม่จริงใจที่จะแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง 

ทั้งนี้การบริหารจัดการยาเสพติด รัฐบาลทำไมไม่ศึกษาจากรัฐบาลที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง เป็นรองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบด้านการปราบปรามและป้องกันยาเสพติด สามารถป้องกันได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ยาบ้าลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด

'ส.ส.ธนกร' ซัด 'หน.เพื่อไทย' ถนัดแต่เรื่องเสี้ยม หวังให้แตกคอ แต่สุดท้าย 'ตู่-ป้อม' ก็ยังเหนียวแน่น

'ธนกร' โว ผลงาน พปชร.ประชาชนตอบรับเพียบ ลั่น 'บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม' เน้นลุยงานช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ในเวลาที่เหลือ ชี้ ส.ส.ไหลเข้า-ไหลออกเรื่องปกติ แจงใครจะเป็นตัวเลือกของประชาชน สุดท้ายประชาชนจะเป็นคนตัดสินเอง ย้อนถ้าฝ่ายค้านแพ้ภัยตัวเองก็อย่าโยนบาปให้รัฐบาล

(6 ต.ค. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนมั่นใจในผลงานของพรรคพลังประชารัฐ เพราะจากการลงพื้นที่หลายครั้งพบว่า ได้รับการตอบรับและฝากขอบคุณไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหมอย่างล้นหลาม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของท่านนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการให้รัฐบาลลุยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหลือโดยไม่ต้องไปสนใจเกมการเมืองของฝ่ายค้านและคนบางกลุ่ม จึงทำให้ฝ่ายค้านย่ามใจจนวันนี้ คิดว่าการกระทำที่ผ่านมาของตัวเองประชาชนให้การยอมรับ อย่างไรก็ตาม เรื่อง ส.ส.ไหลออกและไหลเข้านั้นเป็นเรื่องปกติของการเมืองใกล้เลือกตั้ง และเป็นกันทุกพรรคอยู่แล้ว ดังนั้น เชื่อว่าประชาชนรอให้บทเรียนฝ่ายค้านในการเลือกตั้งสมัยหน้าอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลาที่ฝ่ายค้านแพ้ภัยตัวเองก็อย่าโยนบาปให้รัฐบาลก็แล้วกัน

ส่วนกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่น่าใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรคก็เป็นตัวเลือกได้ อย่างน้อยก็ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์นั้น นายธนกร กล่าวว่า เข้าใจว่าเรื่องเสี้ยมอาจจะเป็นงานถนัดของฝ่ายค้าน แต่แค่แตกคอกันเองในพรรคยังทำให้สงบไม่ได้ ก็ไม่ควรมาเสี้ยมพรรคอื่นให้เขาแตกคอกันเอง 

อย่างไรก็ตาม ทั้งพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรต่างเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของประชาชนในขณะนี้ แต่อาจจะเป็นหนามทิ่มแทงใจ นพ.ชลน่านก็เท่านั้นเอง ที่สำคัญพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรไม่มีวันแตกคอกัน เพราะเป็นความรักความผูกพันธ์ที่มั่นคงยั่งยืน มุ่งทำงานรับใช้ประชาชน ไม่เหมือนความรักของฝ่ายค้านที่ฉาบฉวย หลงใหลชั่วครู่ชั่วคราวแล้วก็ทิ้งกันไป

"สุดท้ายประชาชนจะเป็นคนตัดสินเอง คงไม่ต้องลำบากรบกวน นพ.ชลน่านให้มาทำตัวเป็นหมอเดาทำนายให้" ธนกร กล่าวทิ้งท้าย

'ไอติม' ชี้!! 'อำนาจกองทัพ - กม.ปิดปาก - ส.ว.แต่งตั้ง' มรดกตกทอดจาก 6 ตุลาฯ 19 ที่ต้องรื้อถอน

'ไอติม' ขึ้นเวทีเสวนา 46 ปี 6 ตุลา ชี้ระบบ ส.ว. แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร - กฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพหลายฉบับ - การแทรกแซงการเมืองของกองทัพ เกิดขึ้นหลังรัฐประหาร 6 ตุลาฯ และยังส่งทอดมรดกมาถึงปัจจุบัน แนะต้องรื้อทิ้งเพื่อคืนความปกติให้บ้านเมือง

พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล ร่วมเสวนาภายใต้หัวข้อ “เหลียวหลัง 6 ตุลา แลหน้าสังคมไทย” ที่วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของเหตุการณ์ 6 ตุลา ที่ยังส่งมรดก 3 ประการมาถึงระบบการเมืองไทยในปัจจุบัน

โดยพริษฐ์ยกตัวอย่างประการแรก ซึ่งก็คือรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ โดยรัฐธรรมนูญปี 2560 มีความคล้ายคลึงกับรัฐธรรมนูญปี 2521 ที่เขียนขึ้นหลังการรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519 ในแง่ของเนื้อหาและการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร เช่น กลไกของวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งแต่มีอำนาจในการกุมทิศทางประเทศ ผ่านการร่วมโหวตกฎหมายสำคัญ และร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีกับ ส.ส.

ประการที่สอง เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่ลิดรอนการแสดงเสรีภาพ ซึ่งมีหนึ่งในคำสั่งคณะรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519 กว่า 47 ที่ยังมีผลบังคับใช้มาจนถึงปัจจุบัน คือคำสั่งฉบับที่ 41 ที่แก้ไขกฎหมายหมิ่นประมาททั้งระบบ ให้เพิ่มโทษจำคุกฐานหมิ่นประมาททั้งบุคคลธรรมดา เจ้าพนักงาน ศาล ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยมีโทษหนักกว่าสากลและเปิดช่องให้ถูกบังคับใช้ด้วยมาตรฐานที่ไม่คงเส้นคงวา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top