Monday, 7 July 2025
NewsFeed

หลุดปม!! คดีล้มล้างฯ ภาค 2 นาทีทอง ‘อุ๊งอิ๊ง – ระบอบทักษิณ’

(24 พ.ย. 67) กรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อาศัยรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องที่ 1(ทักษิณ ชินวัตร)และผู้ถูกร้องที่ 2(พรรคเพื่อไทย) ยุติการกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และศาลรธน.ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2567 นั้น มีข้อมูลและเหตุการณ์ที่ควรจะได้บันทึก-ขีดเส้นใต้วิเคราะห์เป็นข้อ ๆ พอเป็นสังเขป

1) ภาพรวม ศาลรธน.มีมติ 'ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย' คำร้องประเด็นที่ 1,และประเด็นที่3-6 (กรณีชั้น 14 และครอบงำ ชี้นำ) เป็นเอกฉันท์หรือ9ต่อ0  และมีมติ 7 ต่อ2 ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ในประเด็นที่ 2 (กรณีพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา) คีย์เวิร์ดที่ศาลรธน.ไม่รับคำร้องทั้ง 6 ประเด็นอยู่ตรงข้อความ “แต่การพิจารณาว่าบุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อการล้มล้างฯ ตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมายและความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่า  น่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างฯ โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ”

อีกทั้งประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3-6  ศาลรธน.เห็นว่ายังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอ

2) น่าขีดเส้นใต้กรณีประเด็นที่ 2 ที่มีบุคคลยิ่งกว่าวิญญูชนอย่างตุลาการศาลรธน. 2 ท่าน (นายจิรนิต หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์) เห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ ซึ่งจากกรณีนี้มีนักกฎหมายหลายคนเห็นว่าหากมีการยื่นคำร้องตามรธน.มาตา 49 อีกครั้ง โดยผนวกรวมกับประเด็นที่ 1 (กรณีชั้น14) โดยเพิ่มพยานหลักฐานให้น่าเชื่อถือมากขึ้น ศาลรธน.อาจรับไว้พิจารณาก็ได้

3) มีรายงานข่าวทั้งทางเปิดและทางลับว่านายธีรยุทธจะนำข้อมูล-ประเด็นต่าง ๆ ที่ทำไว้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการยื่นคำร้องในช่องทางอื่น ๆ ต่อไป เขาได้ประกาศแล้วว่าการที่พรรคเพื่อไทยเตรียมฟ้องชุดใหญ่ไฟกะพริบไม่เป็นปัญหาเพราะทำด้วยสุจริตใจ สำหรับพรรคเพื่อไทยการประกาศ ‘เอาคืน’ นายธีรยุทธและผู้เกี่ยวข้องด้วยการฟ้องชุดใหญ่ กล่าวอย่างถึงที่สุดนักสังเกตการณ์ทางการเมืองส่วนใหญ่เห็นว่า ‘ไม่หล่อ’ เอาซะเลย!! 

4) ผลจากศาลรธน.ไม่รับคำร้องครั้งนี้ โดยภาพรวมฝ่ายต่าง ๆ เห็นว่าศาลเป็นกลางน่าเชื่อถือ แต่แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้พรรคเพื่อไทย ตัวนายทักษิณ ชินวัตร เหมือนพยัคฆ์ติดปีก ถูกปลดล็อกจากเงื่อนปมมรณะไปได้ แม้จะมีคดีอื่น ๆ ที่มีการร้องเรียนผ่านป.ป.ช.,กกต.แต่กว่าจะทราบผลก็ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน...นานพอที่จะทำให้ 'ระบอบทักษิณ' ที่คืนชีพได้ในเบื้องต้นแล้วในวันนี้ลงหลักปักฐานได้อีกครั้ง   

5) กล่าวได้ว่าผังอำนาจ-สมการการเมืองของประเทศในขณะนี้ ปฏิเสธได้ยากว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมยังต้องใช้บริการ ‘พรรคเพื่อไทย’ ของทักษิณเป็นแกนนำรัฐบาลในการหยุดหรือตรึงพรรคส้ม..ปมปัญหาตรงนี้ว่าไปแล้วทำให้ประเทศไทยต้องมี 'ค่าใช้จ่าย' ให้กับระบอบทักษิณ..ทั้งความขัดแย้งในสังคมที่ปฏิเสธระบอบทักษิณ, กระบวนการยุติธรรมที่ถูกด้อยค่า..ฯลฯ..

6) แม้จะมีความรู้สึกของผู้คนไม่น้อยว่า ความรู้ ความสามารถในการเป็นนายกฯสองเดือนเศษยังไม่ผ่านหรือเป็นไปด้วยความทุลักทุเล แต่ภาษากายของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ในขณะนี้บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังมีความคึกคัก มีความมั่นใจกับบทบาท-ตำแหน่ง จนแทบจะอ่านใจนายกฯได้เลยว่าเธอขอเวลาอีก3-4เดือน ทุกอย่างจะเข้าที่...ด้วยเหตุดังกล่าวนี้เองเมื่อปมศาลรธน.ถูกถอดสลัก..เป็นโชคดีที่ตัวนายทักษิณมีเวลาที่จะฟูมฟัก  เสริมวิทยายุทธ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ..อย่างช้าผ่านไตรมาสแรกปี2568 อาจจะเห็น ‘นิวอุ๊งอิ๊ง’

7) ซาวเสียงกูรูการเมือง นักสังเกตการณ์ทางการเมืองและแกนนำพรรคเพื่อไทยบางคน..สามารถสรุปได้ว่าถ้าไม่เกิดเหตุทางการเมืองแบบฟ้าถล่มดินทลาย ช่วงกลางหรือปลายปี 2568 หรือต้นปี 2569 อาจจะเกิดการยุบสภา...ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะทวงแชมป์เลือกตั้งกลับมาได้ และ ‘อุ๊งอิ๊ง’ จะเป็นนายกฯอีกรอบ

8) ช่วยกันดูแลประเทศไทย

‘รองโฆษกรัฐบาล’ ชี้!! ‘ญี่ปุ่น - จีน - ฮ่องกง’ แห่ลงทุน EEC เผย!! 10 เดือน เพิ่มขึ้น 128% มูลค่ากว่า 4.5 หมื่นล้านบาท

(24 พ.ย. 67) น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง รายงานผลการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ว่า ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน 251 ราย คิดเป็น 32% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปีนี้ เพิ่มขึ้น 128% มีมูลค่าการลงทุน 45,739 ล้านบาท คิดเป็น 28% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้น 146% 

นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนอันดับ 1 จากญี่ปุ่น 86 ราย ลงทุน 16,184 ล้านบาท ,จีน 59 ราย ลงทุน 8,030 ล้านบาท ,ฮ่องกง 18 ราย ลงทุน 5,219 ล้านบาท และประเทศอื่น 88 ราย ลงทุน 16,306 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการวิศวกรรม ธุรกิจบริการออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจบริการติดตั้ง ทดสอบ ซ่อมแซม บำรุงรักษาและฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบการทำงาน ธุรกิจบริการระบบซอฟต์แวร์ฐาน และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า 

น.ส. ศศิกานต์ กล่าวว่า สำหรับการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวน 786 ราย ประกอบด้วย 1. การลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 181 ราย 2. การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) จำนวน 605 ราย เงินลงทุนรวม 161,169 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทย 3,037 คน โดย นักลงทุนชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก 1.ญี่ปุ่น 211 ราย สัดส่วน 27% ลงทุน 91,700 ล้านบาท 2.สิงคโปร์ 110 ราย สัดส่วน 14% ลงทุน 14,779 ล้านบาท 3.จีน 103 ราย สัดส่วน 13% ลงทุน 13,806 ล้านบาท 4.สหรัฐฯ 103 ราย สัดส่วน 13% ลงทุน 4,552 ล้านบาท และ 5.ฮ่องกง 57 ราย สัดส่วน 7% ลงทุน 14,461 ล้านบาท

‘ดร.ปวิน’ สวนเดือด!! ‘นางแบก’ ด่าพรรคส้ม ลั่น!! ไม่เคยจับมือ กับ ‘คนทำลายประชาธิปไตย’

(24 พ.ย. 67) ศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้โพสต์ข้อความ ‘แรง’ โดยมีใจความว่า ...

ความน่ารังเกียจของ E นางแบกบางตัว คือการสร้างวาทกรรมว่า พรรคส้มคือจุดสุดยอดของความ Jungไรทางการเมือง ทั้ง ๆ ที่ตัวคุณและพรรคที่คุณสนับสนุนคือ ความ Jungไรทางการเมืองของแท้ อย่างน้อยพรรคส้มก็ไม่เคยจับมือกับคนที่ทำลายประชาธิปไตย คือแทนที่คุณจะไปด่า E พวกทำลายประชาธิปไตยเหล่านั้น กลับมาจิกกัดพรรคที่สมควรได้จัดตั้งรัฐบาล edok 

ซีอีโอ Xiaomi ชี้!! ใช้เวลาแค่ 230 วัน ขายรถไฟฟ้าได้ 1 แสนคัน ขิงใส่!! ‘Tesla’ ใช้เวลานานกว่า ‘7 ปีครึ่ง’ กว่าจะมาถึงจุดนี้

(24 พ.ย. 67) เล่ย จุน (Lei Jun) ซีอีโอของ Xiaomi กล่าวว่า เทสลา (Tesla) ใช้เวลาถึงเจ็ดปีครึ่งในการขายได้ถึง 100,000 คัน แต่ Xiaomi ใช้เวลาเพียงแค่ 230 วันเท่านั้น และเรียกความสำเร็จของบริษัทว่าเป็น ‘ปาฏิหาริย์ที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน’ ในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมยานยนต์

‘เสียวหมี่’ (Xiaomi ) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติจีน รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 5.3 พันล้านหยวน หรือราว 2.5 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน โดยธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าครบ 100,000 คันเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน เพียงไม่กี่เดือนหลังจากเปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม

MG มีข้อเสนอสุดคุ้ม!! ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุดถึง 5 ปี เผย!! เป็นข้อเสนอพิเศษเดียวกัน กับที่งาน ‘MOTOR EXPO’

(24 พ.ย. 67) บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย มอบความคุ้มค่าผ่านแคมเปญ MG NEW YEAR’s SUPERDEAL ด้วยดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุดถึง 5 ปี ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นานสูงสุด 3 ปี และมั่นใจกับการใช้รถระยะยาวด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ และระบบขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งานไม่จำกัดผู้ขับขี่ ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ เอ็มจี 140 แห่ง ทั่วประเทศ หรือจองออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ https://onlinebooking.mgcars.com/ 

แคมเปญนี้ ยังเป็นข้อเสนอพิเศษเดียวกันกับงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2024 (MOTOR EXPO 2024) อีกด้วย

‘ทนายวันชัย’ โพสต์เฟซ!! ถึง ‘นักร้อง’ กรณีศาลรัฐธรรมนูญ ชี้!! ถูกตบคว่ำ หมอไม่รับเย็บ จุดอย่างไรก็ไม่ติด ท่านไม่เอาด้วย

(24 พ.ย. 67) ทนายวันชัย สอนศิริ โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ ‘นักร้อง’ โดยมีใจความว่า ...

สมน้ำหน้า นักร้องถูกตบกระบาลหน้าคว่ำ หมอไม่รับเย็บ....

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ยกคำร้องว่าพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณไม่ได้ล้มล้างการปกครอง เป็นการตบกระบาลเปรี้ยงไปยังบรรดานักร้องจนหน้าคว่ำคะมำไปตาม ๆ กัน แท้ที่จริงนักร้องพวกนี้คือพวกที่พยายามจะล้มล้างและเซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา หาเรื่องจับแพะชนแกะ โยงเรื่องโน้นเรื่องนี้สารพัดให้เป็นประเด็น เป็นนิติสงคราม เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ทำให้เป็นเรื่อง คำวินิจฉัยในวันนี้ชี้ให้เห็นได้ว่า อย่าร้องกันมั่ว ๆ ส่งเดช ไม่เข้าท่าเข้าทาง

คนพวกนี้สู้ในสภาก็ไม่ได้ จะจัดม๊อบนอกสภาก็ไม่ไหว ทำอย่างไรก็จุดไม่ติด การร้องศาลรัฐธรรมนูญก็คงเป็นวิธีเดียวที่คนพวกนี้จะทำได้ เคยได้ผลเรื่องคุณเศรษฐามาแล้วก็เลยได้อกได้ใจ หวังว่าจะเอาศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นเครื่องมือกำจัดรัฐบาลเหมือนที่เคยทำได้ แต่ศาลท่านไม่เอาด้วย ยิ่งผลคะแนนที่ออกมานั้นมันเกือบจะเอกฉันท์เต็มร้อย ทำให้ไอ้ห้อยไอ้โหนประเภทนักร้องที่จะเล่นเกมแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้ ทำให้หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ

สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ เพื่อไทยและคุณทักษิณก็อย่างมัวกระหยิ่มยิ้มย่อง ต้องใช้โอกาสนี้สปีดการทำงานให้เต็มสูบ เรื่องปราบปรามยาเสพติด แก้ปัญหาเศรษฐกิจ การทำมาค้าขาย ต้องเห็นผลให้ได้ภายในเดือนสองเดือนนี้ ศาลท่านก็ยกคำร้องแล้วว่าคุณทักษิณไม่เกี่ยวกับเรื่องครอบงำชี้นำอะไรทั้งนั้น ลุยได้ต้องลุย เดินเครื่องได้ต้องเดิน เพื่อไทยเป็นรัฐบาลนะ ไม่ใช่เป็นฝ่ายค้าน ผลงานต้องมี ไม่ใช่มีแต่น้ำลายพ่นกันไปวันๆ เวลาก็เหลือเพียงสองปีเศษ จะเอาสองร้อยเสียงขึ้นไป ต้องไม่ใช่เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ คนเขารอผลงานและการแก้ปัญหาอยู่ อย่าให้เขารอนานไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นทักษิณก็ทักษิณเถอะ เพื่อไทยก็เพื่อไทยเถอะ ยังขืนอืดอาดยืดยาด...ระวังจะโดนเหมือนที่เคยโดนมาแล้ว

‘ก.ล.ต.’ แจง!! ‘หมอบุญ’ มีพฤติกรรมฉ้อโกง อาจไม่เกี่ยวกับ THG ชี้!! เป็นการลงนามโดยส่วนตัว ยังไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ

(24 พ.ย. 67) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวว่า นายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยผ่านการทำสัญญากู้ยืมเงินนั้น ก.ล.ต.ได้ติดตามข่าวดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนายแพทย์บุญเป็นอดีตประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THG) โดยในเบื้องต้นจากข้อมูลที่ปรากฏตามข่าวพบว่า นายแพทย์บุญได้กระทำในนามส่วนตัวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ THG จึงอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งยังไม่เข้าข่ายการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ที่มุ่งเน้นการทุจริตฉ้อโกงในบริษัทที่ออกเสนอขายหลักทรัพย์กับประชาชน อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. จะติดตามกรณีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยหากพบการกระทำที่อาจเข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ก็จะเร่งดำเนินการและประสานงานกับพนักงานสอบสวนต่อไป

สำหรับกรณีบริษัท THG ได้เปิดเผยข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 เกี่ยวกับการตรวจพบรายการอันควรสงสัยของบริษัทย่อยของ THG ในการทำรายการให้กู้ยืมเงินให้กับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มครอบครัววนาสิน รวมทั้งการสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งในประเทศสิงคโปร์ แต่ไม่ได้รับมอบสินค้าจริงนั้น ก.ล.ต. ได้ดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการกระทำที่อาจเข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ 

ทั้งนี้ ในปัจจุบันนายแพทย์บุญไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ก.ล.ต. ได้ขอให้พนักงานอัยการฟ้องนายแพทย์บุญ ต่อศาลแพ่ง กรณีเผยแพร่ข้อความที่อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและราคา THG เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร

‘อัครเดช’ นำทีม ‘กมธ.อุตสาหกรรม’ ยกคณะลุย!! ‘สวีเดน - เดนมาร์ก’ ประสานความร่วมมือ เดินหน้าการลงทุน ต่อยอด!! ให้อุตสาหกรรมไทย

(24 พ.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดเผยถึงการนำคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม เดินทางไปราชการที่ประเทศเดนมาร์ก และประเทศสวีเดน ว่า

เมื่อคณะเดินทางมาถึงที่ประเทศเดนมาร์ก ได้เข้าพบกับผู้นำของสภาอุตสาหกรรมของประเทศเดนมาร์ก พร้อมเจ้าหน้าที่จากสถานทูตไทย ในประเทศเดนมาร์กเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ ทางด้าน AI และทางด้านพลังงานทางเลือกหรือพลังงานสะอาด ซึ่งต้องการร่วมมือกันผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งทางสภาอุตสาหกรรมของประเทศเดนมาร์กนั้น ก็ได้ให้ความสนใจ ที่จะเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่

กมธ.อุตสาหกรรม มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกับสถานทูตไทย ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เชิญทางสภาอุตสาหกรรมของประเทศเดนมาร์ก ให้เดินทางมา สัมมนาและประชุมทางด้านอุตสาหกรรมการแพทย์ร่วมกันอีกครั้งที่ประเทศไทย เพื่อยกระดับความร่วมมือให้เห็นผลเป็นรูปธรรม และพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์ของไทยทางด้าน AI ให้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอีกด้วย

ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่ประเทศเดนมาร์กแล้ว นายอัครเดช และคณะกรรมาธิการ ได้เดินทางต่อไปยังประเทศสวีเดน ซึ่งการเดินทางเยือนในครั้งนี้ ก็เพื่อพบปะกับผู้บริหารของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ นั่นก็คือ AB Tetra Pak ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตอาหาร รวมทั้งภาชนะหีบห่อต่าง ๆ ที่ใช้บรรจุอาหาร ซึ่งบริษัทนี้ถือได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังมากในระดับโลก ซึ่งนายอัครเดช ก็ได้กล่าวว่า จากการประชุมหารือร่วมกันนั้น ปรากฏว่า ทางกรรมการผู้จัดการ ของ AB Tetra Pak มีความสนใจที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติมที่ประเทศไทย อีกทั้ง ทั้ง 2 ฝ่ายยังมีแนวคิดที่จะส่งเสริมและพัฒนา SMEs ของไทยที่เกี่ยวข้องกับอาหาร โดยจะส่งเสริมทางด้านการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอดความร่วมมือทางด้านอุตสาหกรรมอาหารร่วมกัน 

นอกจากนี้ นายอัครเดช ก็ยังได้เข้าพบประธาน ENVAC ซึ่งทางด้าน ENVAC นั้นเป็นบริษัทชั้นนำของโลกในการกำจัดขยะทางท่อทดแทนการขนส่งทางรถบรรทุกขยะนายอัครเดช กล่าวว่า ได้เชิญ ENVAC ให้มาลงทุนที่ประเทศไทย เพื่อมาดำเนินการกำจัดขยะโดยใช้ระบบท่อลำเลียงขยะซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ เพื่อให้การกำจัดขยะนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยที่อาศัยอยู่ในเขตที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น เนื่องจากการลำเลียงขยะโดยระบบท่อลำเลียงจะเป็นการลดมลภาวะและลดการจราจรติดขัดจากรถบรรทุกขยะ ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานที่กรรมาธิการอุตสาหกรรมฯไปพบปะหารือ จะเป็นการส่งเสริมการลงทุน และพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวมอีกด้วย

‘สนธิ’ ประเมิน!! การเมืองใกล้สุกงอม พร้อมลงถนน ถ้าจำเป็น จวก!! การเมืองโจรสีเทา เล็งเข้าพบ ขอคำตอบจาก ‘แพทองธาร’

(24 พ.ย. 67) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอล์ค กล่าวถึงการประกาศทิศทางทางการเมือง ในการจัดงาน ‘ความจริง มีหนึ่งเดียว เพื่อชาติ ครั้งที่ 4’ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันนี้ ว่าหลักๆ แล้วผู้ปราศรัยแต่ละคนจะมีประเด็นที่พูดถึงสังคมและชาติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียอธิปไตยของชาติ MOU 44 กฎหมายใหม่ ข้อตกลงใหม่ของ WHO องค์การอนามัยโลก จะเป็นผลร้ายต่อประเทศอย่างไร และส่วนตัวจะเป็นคนพูดสรุปปิดท้าย พยายามชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่จำเป็นว่าจะเป็นรัฐบาลการเมืองหรือรัฐบาลทหาร ยังมีปัญหาที่คนไทยทุกคนต้องทนกับมันมาตลอด โดยไม่มีใครเข้ามาแก้ไข กระบวนการยุติธรรมที่ล้มเหลวทุกอย่าง โดยจะยกตัวอย่างหลายเรื่อง เช่น กรณีทนายตั้ม การฉ้อโกงที่มีมากอย่างผิดปกติ เรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังไม่จบ เรื่องเขากระโดง ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ทำให้คนไทยช้ำใจที่ศาลฎีกาพิพากษาแล้วว่าเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย แต่อธิบดีกรมที่ดินออกมาแถลงว่าไม่ใช่ จึงจะชี้ให้ประชาชนเห็นทุกอย่าง วันนี้คือประเทศไทยที่เราอยู่มา และตั้งคำถาม ถามว่าเราอยากจะอยู่ในประเทศนี้หรือไม่ จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปหรือต้องหาวิธีคิดที่จะทำอะไร เพื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะทุกวันนี้นักการเมืองไม่ได้สนใจอะไร การเมืองประชาธิปไตยในบ้านเรา สามารถตั้งพรรคการเมืองกันได้ง่าย ไม่พอใจไปตั้งพรรคซึ่งไม่ใช่การเมืองที่สร้างสรรค์และคนที่เข้ามาในการเมืองแต่ละคนไม่เหมือนต่างชาติ ระบอบการเมืองไทยเปิดโอกาสให้โจรคนสีเทา คนมีเงินเข้ามาเล่นการเมือง และเมื่อมีอำนาจทางการเมืองก็จะเกิดเหตุอย่างเช่น เขากระโดง

นายสนธิยังประเมินสถานการณ์การเมือง ณ วันนี้ว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยฟาดฟันพรรคภูมิใจไทย เรื่องเขากระโดง เพราะต้องการเกิดการต่อรองเรื่อง สนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งการเมืองมีอยู่แค่นี้ มีแต่ความเลวทราม และตนจะพูดถึงชั้น 14 ด้วยว่าเป็นไปได้อย่างไร ถือเป็นการขยี้กระบวนการยุติธรรมไทย ตนคิดว่าถึงเวลาต้องรวบรวมกลุ่มคนที่เห็นด้วยหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้สังคมไทยหรือนักการเมืองเลวๆ ได้รับรู้

ส่วนการรวบรวมคนจะมีม็อบหรือไม่ นายสนธิ กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องวัดไปตามสถานการณ์ อย่าตั้งคำถามว่าจะให้ตนออกถนนหรือเปล่า เพราะไม่รู้ ตนไม่อยากลง แต่ถ้าจำเป็น เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตก็จะทำ ซึ่งตอนนี้เริ่มร้อนแรงแล้ว อาจต้องรอให้เดือดกว่านี้อีกนิดหน่อย และคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้สำหรับประชาชนอย่างตนใกล้สุกงอมแล้ว แต่สำหรับนักการเมือง พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ดูรายงาน สว.สีน้ำเงิน ไม่มีใครแตกถ้านักการเมืองคุม สส. สว. ได้ แล้วประเทศไทยจะเหลืออะไร

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าพร้อมคุยกับนายสนธิและทุกฝ่ายนั้น นายสนธิ กล่าวว่า ได้เตรียมตัวแล้ว โดยจะรวบรวมเรียบเรียงคำร้องเรียนที่จะพูด เพื่อจะเข้าพบนายกรัฐมนตรี จะยื่นรายละเอียดให้ดู และจะถามคำตอบอย่างตรงไปตรงมาในหลายเรื่อง ซึ่งทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้น

คนเขียน ‘พ่อรวยสอนลูก’ ติดหนี้เกือบ 4 หมื่นล้านบาท ถูกฟ้องให้!! ล้มละลาย โกงผู้ร่วมธุรกิจ หลอกลวงนักเรียน

(24 พ.ย. 67) จุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้ เกิดขึ้นเมื่อบริษัท Learning Annex ซึ่งเป็นบริษัทพาร์ทเนอร์แรก ๆ ของเขาที่ช่วยทำการตลาดให้กับหนังสือ ‘พ่อรวย สอนลูก’ ยื่นฟ้องต่อบริษัท Rich Global LLC หลายสิบล้านดอลลาร์ หลังไม่แบ่งเปอร์เซนต์กำไรจากการขายหนังสือตามที่เคยตกลงไว้ก่อนหน้านี้ และเมื่อศาลบังคับให้บริษัทต้องจ่าย เขากลับเลือกยื่นล้มละลายแทน โดยให้เหตุผลว่า บริษัท Rich Global LLC มีทรัพย์สินเพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์เท่านั้น 

ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่า คิโยซากิได้ดำเนินการยักย้าย ถ่ายเททรัพย์สินของบริษัท กระจายไปยังบริษัทอื่น ๆ ในเครือของเขา จนทำให้บริษัทที่เป็นคู่พิพาทกับ Learning Annex เหลือทรัพย์สินเพียงไม่กี่ดอลลาร์ เพราะการฟ้องครั้งนี้ ยื่นฟ้องต่อบริษัท ไม่ใช่บุคคล จึงทำให้การล้มละลายเกิดขึ้นกับบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่ตัวคิโยซากิ 

ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงวิจารณ์ว่า สัมมนาสอนการลงทุนของเขา ค่อนข้างเข้าข่ายหลอกลวง โดยเริ่มต้นให้ลงเรียนแบบฟรี ก่อนจะโน้มน้าวให้นักเรียนเริ่มลงเรียนในวิชาที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ 500 ดอลลาร์ ไปจนถึง 45,000 ดอลลาร์ แต่ประเด็นนี้ ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า สิ่งนี้ เป็นการหลอกลวงจริงหรือไม่ 

นอกจากนี้ คิโยซากิ ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองมีหนี้ราว 1.2 พันล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่หนี้ของเขาจะใช้ไปกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ ซึ่งเขามีความเชื่อว่า การออมเงินสดมีความเสี่ยง หลังประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ประกาศระงับการแปลงค่าเงินดอลลาร์เป็นทองคำ หรือสินทรัพย์สำรองอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 1971 เขาใช้หนี้เป็นเหมือนเงินสด และเลือกที่จะออมเป็นเงินและทองแทน ซึ่งแนวคิดนี้ ทำให้เขามีหนี้สินสะสมทั้งหมด 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.99 หมื่นล้านบาท 

‘ถ้าผมล้มละลาย ธนาคารก็จะล้มละลายไปด้วย นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม’ คิโยซากิ กล่าว 

‘คิโยซากิ’ นับได้ว่า ยังเป็นนักธุรกิจที่หลายคนมองเขาเป็นคนต้นแบบ และดำเนินตามแนวคิดของเขา แต่สุดท้าย เรื่องการเงิน การลงทุน เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้หลายด้าน ก่อนตัดสินใจทุ่มเงินลงไปที่ไหน เพื่อจะได้ไม่เผชิญกับความเสี่ยงในระดับที่เราอาจรับมือไม่ไหว หากเชื่อฟังใครมากเกินไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top