Saturday, 5 July 2025
NewsFeed

3 ใน 4 มหาวิทยาลัยอังกฤษวิกฤต เหตุค่าเทอมแพง นศ.ต่างชาติแห่ไปเรียนที่อื่น

(15 พ.ย. 67) หน่วยงานกำกับดูแลการศึกษาระดับสูงเตือนให้มหาวิทยาลัยต้อง ‘เร่งดำเนินการ’ และพิจารณาการควบรวมกิจการหรือแบ่งปันต้นทุนเพื่อความอยู่รอดของสถาบันการศึกษา

มหาวิทยาลัยในอังกฤษกำลังเผชิญวิกฤติทางการเงิน โดยเกือบ3 ใน 4 คาดว่าจะประสบปัญหาขาดทุนในปีหน้า จากการคาดการณ์ของสำนักงานกำกับดูแลการศึกษาระดับสูง (OfS)

ข้อมูลจากสำนักงาน OfS ระบุว่า ในภาคการศึกษาหน้าหลายสถาบันจำเป็นต้องดำเนินการอย่าง 'กล้าหาญและเปลี่ยนแปลง' เพื่อชดเชยรายได้ที่คาดว่าจะลดลงถึง 3.4 พันล้านปอนด์ในปี 2025-26 ซึ่งมหาวิทยาลัยอาจต้องพิจารณาการควบรวมกิจการหรือการแบ่งปันต้นทุนระหว่างกัน

เซอร์เดวิด เบฮาน ประธาน OfS กล่าวว่า มหาวิทยาลัยควรทำงานร่วมกันให้มากขึ้น เช่น ไม่จำเป็นต้องมีการเปิดสอนหลักสูตรซ้ำซ้อนกันในมหาวิทยาลัยที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน "การที่มหาวิทยาลัยในเมืองเดียวกัน หรือภูมิภาคเดียวกัน แข่งขันกันในด้านหลักสูตรที่เปิดสอนนั้นไม่เหมาะสม" 

การตัดสินใจของรัฐบาลที่จะเพิ่มค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาภายในประเทศอีก 285 ปอนด์ เป็น 9,535 ปอนด์ต่อปี จะเพิ่มรายได้ 371 ล้านปอนด์ แต่การจ่ายเงินประกันแห่งชาติที่เพิ่มขึ้นก็จะทำให้รายได้ลดลง 430 ล้านปอนด์ ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 โดยการปรับเพิ่มครั้งนี้เป็นผลพวงมาจากภาวะเงินเฟ้อ

โจ เกรดี้ เลขาธิการสหภาพการศึกษามหาวิทยาลัยและวิทยาลัยกล่าวว่า "การเพิ่มค่าเล่าเรียนที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน"

ซูซาน แลพเวิร์ธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OfS กล่าวว่า รายงานความยั่งยืนทางการเงินของมหาวิทยาลัยแสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่พวกเขากำลังเผชิญในอนาคต

"ฉันทราบว่ามหาวิทยาลัยรับรู้ถึงความเสี่ยงเหล่านี้และกำลังพยายามหาวิธีแก้ไข การแข่งขันในการรับสมัครนักศึกษาในสหราชอาณาจักรที่เข้มข้นขึ้น ทำให้มหาวิทยาลัยบางแห่งเสียเปรียบ และต้องปรับแผนการรับนักศึกษาเสียใหม่ อีกทั้งการลดลงอย่างรวดเร็วของการสมัครวีซ่านักศึกษาต่างชาติก็ส่งผลกระทบอย่างมากเช่นกัน" แลพเวิร์ธกล่าว

ตัวเลขที่เผยแพร่โดยกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พบว่าจำนวนวีซ่านักศึกษาต่างชาติของอังกฤษในปีนี้ลดลง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของวปี 2023 ขณะที่ OfS คาดว่านักศึกษาระดับปริญญาตรีในสหราชอาณาจักรจะมีจำนวนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

รายงานจาก OfS ยังแสดงให้เห็นว่า มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ที่เน้นการวิจัย เช่น กลุ่มรัสเซล (Russell Group) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนทางขณะที่มหาวิทยาลัยขนาดเล็กหรือมหาวิทยาลัยที่พึ่งพารายได้จากการสอนกำลังประสบปัญหาด้านเงินทุน

การคาดการณ์ของ OfS ชี้ว่า 72% ของสถาบันการศึกษาระดับสูงอาจอยู่ในภาวะขาดทุนภายในปี 2025-26 และ 40% อาจมีเงินสดสำรองไม่ถึง 30 วัน

รายงานของ OfS สอดคล้องกับรายงานข่าวจากเอเอฟพี ที่ระบุว่า ในปี 2020 มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรมีนักศึกษาต่างชาติลงทะเบียนเรียนเกือบ 760,000 คน โดยนักศึกษาส่วนใหญ่มาจากประเทศอินเดีย, จีน และไนจีเรีย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา จำนวนวีซ่านักศึกษาได้ลดลงถึง 5% และระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนที่ผ่านมา คำร้องยื่นขอวีซ่านักศึกษาสำหรับสหราชอาณาจักรลดลงถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

การลดลงของจำนวนนักศึกษาต่างชาติเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาหลายแห่งเกิดความกังวล เนื่องจากนักศึกษาต่างชาติเป็นกลุ่มที่จ่ายค่าเล่าเรียนสูงกว่านักศึกษาชาวอังกฤษ

องค์กร Universities UK หรือ 'UUK' ซึ่งเป็นตัวแทนของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา 141 แห่งของสหราชอาณาจักร ออกมาเตือนในที่ประชุมเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า เงินทุนต่อนักศึกษาอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2547 โดยทุกมหาวิทยาลัยรู้สึกถึง 'วิกฤติทางการเงิน' อย่างต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ในกรุงลอนดอนเริ่มใช้ข้อจำกัดการออกวีซ่านักศึกษาเมื่อปีที่แล้ว

‘พีระพันธุ์’ เร่งเดินหน้ากฎหมายคุมราคาพลังงานไทย หมดยุคปรับราคาขึ้น - ลงรายวัน สร้างความเป็นธรรมทุกฝ่าย

วันที่ (14 พ.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานการประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันและก๊าซ  ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะสร้างประวัติการณ์ใหม่ในการกำกับดูแลราคาพลังงานเชื้อเพลิงของไทย และจะเป็นกลไกสำคัญในการ "รื้อ" ระบบกำหนดราคาน้ำมันให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยจะนำระบบ Cost Plus ซึ่งเป็นการคำนวณราคาน้ำมันตามต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่แท้จริง มาใช้แทนระบบอ้างอิงราคาน้ำมันต่างประเทศ ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศไม่ต้องเปลี่ยนแปลงรายวันอีกต่อไป

ภายใต้ระบบใหม่นี้จะมีการกำหนดราคามาตรฐานอ้างอิงเป็นราคากลางในแต่ละเดือนว่า ราคาน้ำมันเฉลี่ยแต่ละเดือนควรจะเป็นเท่าไร ถ้าหากผู้ประกอบการมีต้นทุนสูงกว่าราคากลางที่กำหนด ก็ต้องมาพิสูจน์ว่ามีต้นทุนที่สูงขึ้นจริงเพราะอะไร จึงจะปรับราคาได้ และให้ปรับได้เดือนละครั้งไม่ใช่ปรับรายวัน โดยคิดเป็นราคาเฉลี่ยในระยะเวลาที่กำหนดแทนการปรับราคารายวัน

สีจิ้นผิงถึงเปรู เปิดฉากประชุมเอเปค จับตาหารือครั้งสุดท้ายกับไบเดน

(15 พ.ย. 67) 'สีจิ้นผิง' ประธานาธิบดีจีน ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากกัสตาโว เอเดรียนเซน นายกรัฐมนตรีเปรู และคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่นๆ ขณะเดินทางถึงฐานทัพอากาศกายาโอในกรุงลิมา เมืองหลวงของเปรู เมื่อวันพฤหัสบดี (14 พ.ย.) ที่ผ่านมา

สีจิ้นผิงเดินทางถึงกรุงลิมาของเปรู เพื่อเยือนสาธารณรัฐเปรูอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ตามคำเชิญของดินา โบลัวร์เต ประธานาธิบดีเปรู

สีจิ้นผิง ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก กัสตาโว เอเดรียนเซน นายกรัฐมนตรีเปรู และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ เมื่อเดินทางถึงฐานทัพอากาศกายาโอในกรุงลิมา เมืองหลวงของเปรู เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

การเดินทางครั้งนี้ของสีจิ้นผิงมาถึงกรุงลิมาในฐานะแขกของรัฐบาลเปรู โดยเขาจะเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ซึ่งจัดขึ้นที่เปรู รวมถึงการเยือนเปรูอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของประธานาธิบดีดินา โบลัวร์เต นอกจากนี้ เขายังมีกำหนดเข้าร่วมพิธีเปิดท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ที่จีนลงทุนสร้างในเปรู

ในช่วงการต้อนรับ ประธานาธิบดีสีได้รับเกียรติจากการจัดทหารกองเกียรติยศและกองทหารม้าของเปรูที่ทำเนียบรัฐบาลในกรุงลิมา ซึ่งขบวนรถของประธานาธิบดีสีได้เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลหลังจากการต้อนรับจากกองทหารม้า โดยทางเปรูได้ปูพรมแดงตั้งแต่ทางขึ้นบันไดหน้าทำเนียบ จนไปถึงจุดที่รถของประธานาธิบดีสีมาจอดเทียบ โดยประธานาธิบดีโบลัวร์เตเดินมาต้อนรับสีจิ้นผิงด้วยตัวเองและนำทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ

ในขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ **เอล เปรูอาโน** ของรัฐบาลเปรู ได้เผยแพร่บทความจากประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ซึ่งระบุว่า จำเป็นต้องร่วมมือกันในการสร้างและบริหารท่าเรือชานเคย์ โดยให้ 'จากชานเคย์สู่เซี่ยงไฮ้' กลายเป็นเส้นทางแห่งความมั่งคั่ง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความร่วมมือระหว่างจีนกับเปรู และจีนกับประเทศในลาตินอเมริกา

จากรายงานของสื่อสหรัฐฯ หลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปค ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมีกำหนดพบปะหารือเป็นการส่วนตัวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายก่อนที่ไบเดนจะลงจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ มีรายงานจากสื่อสหรัฐว่าหลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปค ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง มีกำหนดพบปะหารือเป็นการส่วนตัวกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐ ซึ่งจะถือเป็นการซึ่งจะถือเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายก่อนที่ไบเดนจะลงจากตำแหน่ง

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับ นายสี จิ้นผิง

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ว่า ตนกับท่านสี จิ้นผิงนั้น อาจจะเรียกว่าค่อนข้างจะสนิทกับท่านค่อนข้างมาก โดยสมัยหนึ่งขณะที่ตนดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และได้ไปประชุมที่ฝูเจี้ยน ในสมัยที่ท่านสี จิ้นผิง เป็นผู้ว่ามณฑลฝูเจี้ยน ท่านก็เลี้ยงต้อนรับผมเป็นอย่างดี

หลายปีผ่านไป กระทั่งท่านได้ขึ้นเป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งขณะนั้นตนไปอยู่อังก์ถัด และทุกครั้งที่อังก์ถัดมีปัญหา ท่านเป็นรองประธานาธิบดีของจีน ก็จะหยิบยื่นมือมาช่วยตลอด เวลาจัดประชุมที่ไหนไม่ได้ ทางเมืองจีนก็จัดประชุมให้ หรือหากไม่มีเงิน ทางเมืองจีนก็พยายามนำเงินไปช่วยประเทศที่กําลังพัฒนาที่ต้องการช่วยเหลือ เป็นผู้ที่ช่วยเหลืออังก์ถัดตลอดเวลา

“ก่อนที่ท่านจะเป็นประธานาธิบดี ก็ได้ขอพบผม และขอให้ดูแลจีนเหมือนเดิม เรายังคบกันเหมือนเดิมนะ พร้อมบอกด้วยว่า ถ้าหากยังอยากอยู่ที่ยูเอ็นต่อก็บอกจีนได้เช่นกัน เพราะท่านต้องการให้ผมอยู่ช่วยต่อ”

หมีขาวโชว์เจ็ทขับไล่ล่องหน งาน China Airshow เซ็นสัญญาขายต่างชาติรายแรก แต่ไม่เผยผู้ซื้อ

เว็บไซต์โกลบอลไทมส์ ของจีนรายงานว่า ที่งานมหกรรมการบินและอากาศยานนานาชาติจีน (China Airshow) ที่เมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง มีการเปิดเผยว่า รัสเซียได้ลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบินรบเจเนอเรชั่นที่ 5 รุ่น Su-57 ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องบินขับไล่ stealth รุ่นที่ 5 ของโลก ให้กับคู่สัญญารายหนึ่งที่เป็นต่างชาติ แต่ไม่ได้มีการระบุรายละเอียดว่าใครเป็นผู้ซื้อเครื่องบินรบรัสเซียรุ่นนี้

ในสัญญาซื้อขายระบุว่า เครื่องบิน Su-57 ที่ขายให้ต่างชาติจะใช้ชื่อรุ่นว่า Su-57E ('E' หมายถึงการส่งออก) นาย Alexander Mikheev หัวหน้าบริษัท Rosoboronexport ยืนยันว่าได้ลงนามสัญญาฉบับแรกสำหรับการส่งออกเครื่องบิน Su-57 แล้ว แม้ว่าข้อมูลระบุตัวตนของผู้ซื้อจะยังคงเป็นความลับอย่างเคร่งครัด แต่การประกาศครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 ของรัสเซีย

Mikheev เน้นย้ำว่าสัญญานี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นของรัสเซียในการนำอาวุธประเภทใหม่และเทคโนโลยีทางการทหารเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ รวมถึง Su-57 ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำว่ารัสเซียได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตร ซึ่งขณะนี้ต่างก็กระตือรือร้นที่จะซื้ออาวุธที่ 'เชื่อถือได้และได้รับการพิสูจน์แล้ว'

ความคิดเห็นของ Mikheev เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่แหล่งข่าวรัสเซียรายอื่น ๆ รายงานว่ามีความสนใจอย่างมากใน Su-57 จากลูกค้าต่างประเทศ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน TASS เปิดเผยว่าสำนักงานความร่วมมือทางเทคนิคการทหารของรัฐบาลกลาง (FSMTC) ได้รับคำขออย่างเป็นทางการในการซื้อเครื่องบินรบหลายบทบาทของรัสเซียจากลูกค้ารายหนึ่งที่ไม่ได้เปิดเผย

สำหรับงาน Airshow China 2024 รัสเซียได้ส่งเครื่องบิน Su-57 จำนวนสองลำมาจัดแสดงในงาน โดยหนึ่งลำมีการแสดงการบิน และอีกหนึ่งลำถูกนำมาแสดงในรูปแบบสถิติเพื่อให้ตัวแทนทางทหารจากทั่วโลกและสื่อมวลชน 

Mikheev กล่าวกับ Global Times ว่า "Airshow China เป็นหนึ่งในงานแสดงอวกาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับ Rosoboronexport เพราะที่จูไห่ คือที่ที่บริษัท บริษัท Rosoboronexport ของรัสเซีย ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2000 ได้แสดงผลิตภัณฑ์ของตนเป็นครั้งแรก นั่นคือเหตุผลที่เรารู้สึกยินดีที่ได้จัดการแสดงแรกของ Su-57E ที่นี่ ซึ่งเครื่องบินของเราสามารถแสดงให้พันธมิตรหลักของรัสเซียได้เห็นและชื่นชม"

มิคเฮฟ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากเรื่องบิน Su-57 เราได้นำเสนอขีปนาวุธนำวิถีล่าสุดและระเบิดอากาศสำหรับเครื่องบินเจ็ทรุ่นที่ 5 และเฮลิคอปเตอร์สำหรับการโจมตีด้วย

เมื่อไบเดนพลาด ทรัมป์อาจพลิกกระดาน ใช้การทูตฟื้นสัมพันธ์ ลดแซงชั่นเนปิดอว์

เป็นที่ทราบกันมาพอสมควรถึงการที่ชาติตะวันตกให้การช่วยเหลือกองกำลังป้องกันตนเอง (PDF)​ และกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหลายที่ต่อสู้กับกองทัพเมียนมาที่ผ่านมา ซึ่งในอดีตมีการส่งทั้งกำลังบำรุงและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ซึ่งส่วนใหญ่มาจากฝั่งไทย

และสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนที่จะมีการเลือกตั้งคือการทะลักของผู้อพยพไปยังประเทศรอบข้างเมียนมาไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดียและไทย แต่ทว่าจีนกับอินเดียก็ใช้นโยบายผลักดันคนที่แห่หนีออกมาให้กลับประเทศซึ่งต่างจากไทยที่อ้าแขนรับแถมจะทำให้อยู่แบบถูกกฎหมายเสียด้วย

เอาเป็นว่าเอย่าขอไม่บ่นเรื่องนี้แต่มาเข้าเรื่องระหว่างอเมริกากับเมียนมาดีกว่า ในสมัยประธานาธิบดี โจ ไบเดน อเมริกาและชาติตะวันตกแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนชนกลุ่มน้อยทั้งทางตรงหรือทางอ้อมก็ดี เราจะเห็นได้จากคลิปที่หลุดออกมาตามสื่อโซเชียลจนบางทีก็ต้องขอบคุณคนเหล่านั้นที่ถ่ายภาพเบื้องหลังให้ชมกัน แต่การสนับสนุนทั้งกลุ่มต่อต้านรัฐบาลก็ดี ชนกลุ่มน้อยก็ดีเป็นการผลักดันให้กองทัพเมียนมาหันหน้าหาจีนและรัสเซียมากขึ้น ยิ่งจีนและอินเดียเป็นพันธมิตรแนบแน่นกับรัสเซียด้วยแล้วทำให้เส้นทางตะวันตกจากจีนสู่อินเดียหากสงครามในเมียนมาสงบลงดินแดนฝั่งนี้แทบจะเป็นของกลุ่มโลกใหม่ทั้งแถบ

ซึ่งคิดว่านี่เป็นเกมส์ที่ไบเดนก้าวพลาดมาก แต่ทรัมป์ก็น่าจะมองเห็น หากทรัมป์ยังให้การสนับสนุนสงครามต่อไป ไม่เพียงแต่เมียนมาจะยิ่งตอบโต้อย่างแข็งกร้าวกับสหรัฐมากขึ้น และถ้าวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์สงครามโลกจริงละก็ ประเทศอย่างเมียนมาจะเป็นตัวสำคัญในการสนับสนุนด้านอาหารแก่ประเทศที่เป็นพันธมิตรเขา

เอย่ามองว่าทรัมป์น่าจะใช้วิธีทางการทูตเข้าหากองทัพเมียนมา ลดหรือเลิกการแซงชั่นอันจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางการทูตของ 2 ประเทศดีขึ้นด้วยเช่นกัน

เรื่องเหล่านี้อาจจะลุกลามไปถึงการเลิกสนับสนุนกลุ่มต่อต้านหรือพลิกขั้วขายกลุ่มต่อต้านให้รัฐบาลเมียนมานั้นไหมก็ไม่อาจจะทราบได้คงต้องดูต่อไป แต่ที่สำคัญคือจะเหลือทางไหนที่จะให้สหรัฐเดินเพื่อรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้มากกว่า

งานนี้ดูว่าจะมีความเป็นไปได้โดยเฉพาะการที่ทรัมป์แสดงออกในการไม่แยแสคนต่างด้าวในประเทศตนเองพร้อมไล่ออกจากสหรัฐนี่ก็เป็นการแสดงออกว่าจากนี้กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมาคงไม่ได้อยู่สุขสบายเหมือนในอดีตอีกต่อไปแน่นอน

‘โอลิมปิก ลียง’ ถูกปรับตกชั้นไปเล่น ‘ลีก เดอซ์’ หลังมีหนี้สินมหาศาล!! เกือบ 20,000 ล้านบาท

(16 พ.ย. 67) หน่วยงานกำกับดูแลวงการฟุตบอลฝรั่งเศส สั่งปรับตกชั้น โอลิมปิก ลียง สโมสรชั้นนำในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส เป็นการชั่วคราว เมื่อวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ฐานกระทำผิดกฎทางการเงินอย่างร้ายแรง

นอกจากถูกสั่งให้ลงไปเล่นใน ลีก เดอซ์ แล้ว ลียง ยังโดนห้ามซื้อ-ขายนักเตะอีกด้วย ซึ่งถ้าหากพวกเขาไม่สามารถชำระหนี้ได้หมดเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลปัจจุบัน ก็จะถูกปรับตกชั้นจากเวที ลีก เอิง อย่างเป็นทางการ 

ทั้งนี้ ตามรายงานระบุว่า ตอนนี้ ลียง มีหนี้สินเพิ่มจาก 458 ล้านยูโร (ประมาณ 16,946 ล้านบาท) เป็น 508 ล้านยูโร (ประมาณ 18,796 ล้านบาท) เรียบร้อย 

สำหรับ โอลิมปิก ลียง ถือเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลเมืองน้ำหอม และประสบความสำเร็จอย่างมากช่วงต้นยุค 2000 ที่พวกเขาคว้าแชมป์ ลีก เอิง ได้ถึง 7 สมัย (2000/01, 2002/03, 2003/04, 2004/05, 2005/06, 2006/07 และ 2007/08)

‘รัสเซีย’ เปิดตัว!! เครื่องบินรบรุ่นใหม่ ในงาน Airshow China 2024 เมืองจูไห่

งานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติแห่งประเทศจีน หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Airshow China หรือ Zhuhai Airshow เป็นนิทรรศการการค้าการบินและอวกาศที่สำคัญของจีน มีกำหนดจัดขึ้นทุกๆ สองปีในเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 ถือเป็นงานแสดงทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน โดยปี ค.ศ. 2024 นี้ เป็นงานแสดงทางอากาศครั้งที่ 15 ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-17 พฤศจิกายน 2567 นี้ โดยมีผู้ร่วมแสดงสินค้าจากต่างประเทศจาก 47 ประเทศ ราว 150 ราย โดยร่วมนำเสนอเครื่องบินทางทหารและพลเรือน เทคโนโลยีอวกาศ อาวุธ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ และสงครามอิเล็กทรอนิกส์ โดยไฮไลต์สำคัญของงานนี้คือเครื่องบินรบจากฝั่งรัสเซีย 

โดยเมื่อวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา รัสเซียได้เปิดตัวเครื่องบินรบสเตลท์รุ่นที่ 5 รุ่นใหม่ซึ่งเป็น เครื่องบินความเร็วเหนือเสียงที่มีความคล่องตัวสูงรุ่น SU-57E [รุ่นส่งออก] ในงาน Airshow China 2024 ณ เมืองจูไห่ของจีน โดยเครื่องบินลำนี้ได้แสดงการบินผาดโผนโดยเซอร์เกย์ บ็อกดาน (Sergey Bogdan) นักบินทดสอบฝีมือดีชาวรัสเซีย ทั้งนี้เครื่องบินขับไล่หลายบทบาท Su-57 ได้รับการออกแบบมาให้หลบเลี่ยงเรดาร์และโจมตีเป้าหมายทางอากาศและภาคพื้นดินรวมถึงฐานป้องกันภัยทางอากาศ เครื่องบินดังกล่าวพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Sukhoi «Компания „Сухой“» โดยผสมผสานความสามารถในการพรางตัว ความคล่องตัวสูง การบินแบบซูเปอร์ครูซ ระบบอากาศยานแบบบูรณาการ และความจุในการบรรทุกขนาดใหญ่ โดยเครื่องบิน Su-57 ลำแรกเข้าประจำการในกองกำลังอวกาศของรัสเซีย ในปี ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้นายวาดิม บาเดคกา (Vadim Badekha) ซีอีโอของบริษัท United Aircraft Corporation (UAC) เผยว่า "เครื่องบิน Su-57 ถือเป็นเครื่องบินรุ่นที่ 5 ที่ดีที่สุดในโลก และด้วยคุณลักษณะหลายประการทำให้เครื่องบินรุ่นนี้ไม่มีใครเทียบได้" เขายังกล่าวเสริมว่า "เครื่องบินรุ่นนี้ได้รับความสนใจจากพันธมิตรระยะยาวเป็นเวลานานแล้ว" และ “มีหลายคนต่อคิวรอซื้อเครื่องบินรุ่นนี้อยู่” บริษัทรัสเทค (Rostec) ซึ่งเป็นบริษัทด้านการป้องกันประเทศของรัฐบาลรัสเซีย กล่าวถึงเครื่องบิน Su-57E ว่าเป็นดาวเด่นของงานนิทรรศการที่จัดขึ้นในประเทศจีน โดยระบุว่าเครื่องบินรุ่นนี้สามารถใช้กับอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูงได้และอุปกรณ์ตรวจจับไม่สามารถตรวจจับได้อย่างชัดเจน ท่ามกลางความขัดแย้งในยูเครน ในปี  ค.ศ. 2022 บริษัทรัสเทคได้ประกาศแผนที่จะเพิ่มการผลิตเครื่องบินขับไล่ Su-57 โดยระบุว่ากองทัพอากาศรัสเซียจะได้รับเครื่องบิน Su-57 ใหม่นี้

นอกจากเครื่องบินรบ Su-57 แล้ว หน่วยงานรัสอบารอนเอ็กพอร์ต (Rosoboronexport) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลรัสเซียที่ดูแลการค้าอาวุธระหว่างประเทศซึ่งเป็นผู้ร่วมจัดงานแสดงอาวุธร่วมของรัสเซียในงานนี้ยังจัดแสดงอาวุธ ยิงจากอากาศรุ่นล่าสุด เฮลิคอปเตอร์หลากหลายรุ่น และระบบป้องกันภัยทางอากาศอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีขีปนาวุธร่อน X-69 ซึ่งเป็นขีปนาวุธร่อน โจมตีจากอากาศสู่พื้นแบบสเตลท์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ รวมถึงขีปนาวุธนำวิถียิงจากอากาศ Grom-E1 ระเบิดทางอากาศที่แก้ไขแล้ว K08BE และระเบิดทางอากาศร่อนนำวิถี UPAB-1500B-E ในงานนี้ทางรัสเซียยังได้เปิดตัวเครื่องยนต์ AL51 รุ่นที่ 5 ที่ใช้ขับเคลื่อนเครื่องบิน Su-57 รุ่นใหม่อีกด้วย ซึ่งเป็นพระเอกของงาน โดยเครื่องยนต์ AL-51 ถือเป็นความสำเร็จด้านวิศวกรรมการบินและอวกาศขั้นสูงที่สุดของรัสเซียที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 เช่น Su-57

บอยโก้ นิโคลอฟ (Boyko Nikolov ) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการบินจาก BulgarianMilitary.com ให้ความเห็นเกี่ยวกับเครื่องยนต์ AL51 เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า เครื่องยนต์นี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยนต์หลักเท่านั้นแต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของ Su-57 ในฐานะเครื่องบินขับไล่ที่ทรงพลัง คล่องแคล่ว และล่องหนได้ เป็นเครื่องบินที่ท้าทายอำนาจทางอากาศของชาติตะวันตก ในปัจจุบันได้ AL-51 ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิศวกรรมการบินของรัสเซียและทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในศักยภาพการปฏิบัติภารกิจโดยรวมของเครื่องบิน Su-57

เมื่อมองจากภายนอก เครื่องยนต์ AL-51 แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพการทำงานที่หลากหลาย โครงสร้างที่มีระบบภายนอกและท่อต่าง ๆ มากมาย แสดงให้เห็นถึงการออกแบบที่จัดวางอย่างพิถีพิถันและเชื่อมโยงกัน ส่วนประกอบทุกชิ้นได้รับการออกแบบมาให้รับมือกับการจัดการความร้อนได้อย่างเหมาะสมที่สุด แรงขับ และประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 ที่คาดว่าจะทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและภายใต้สภาวะกดดันสูง การออกแบบเครื่องยนต์สะท้อนถึงความสมดุลระหว่างกำลัง ประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือ ซึ่งแต่ละส่วนมีความจำเป็นต่อการตอบสนองความต้องการของการรบสมัยใหม่

คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของเครื่องยนต์ AL-51 ประการหนึ่ง คือความสามารถในการควบคุมทิศทางแรงขับ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้นักบินสามารถควบคุมเครื่องบินให้บินไปในทิศทางที่เกินขีดจำกัดของอากาศพลศาสตร์ทั่วไปได้ โดยเปลี่ยนทิศทางแรงขับที่เกิดจากเครื่องยนต์ คุณสมบัตินี้ทำให้ Su-57 มีข้อได้เปรียบที่ไม่มีใครเทียบได้ในการต่อสู้ทางอากาศ ช่วยให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่ หลบหลีกขีปนาวุธ หลบการยิงของศัตรู และได้รับความได้เปรียบในตำแหน่งในการต่อสู้แบบประชิดตัว โดยการกำหนดทิศทางแรงขับของ AL-51 ถูกควบคุมโดยชุดการเชื่อมโยงไฮดรอลิกและกลไกที่มองเห็นได้รอบพื้นที่หัวฉีด แสดงให้เห็นถึงวิศวกรรมแม่นยำที่จำเป็นในการทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือภายใต้สภาวะอุณหภูมิสูงและความเค้นมหาศาล

เค้าโครงภายนอกของเครื่องยนต์ยังแสดงให้เห็นระบบระบายความร้อนและระบายความร้อนที่ซับซ้อนอีกด้วย ที่ระดับความสูงและความเร็วสูงเครื่องยนต์จะต้องเผชิญกับความเครียดจากความร้อนอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในโหมดการเผาไหม้ต่อเนื่อง ซึ่งอุณหภูมิอาจสูงเกินหลายพันองศาฟาเรนไฮต์ เครื่องยนต์ AL-51 ใช้วัสดุขั้นสูงและสารเคลือบทนความร้อนเพื่อทนต่ออุณหภูมิดังกล่าวร่วมกับเครือข่ายท่อระบายความร้อนและวาล์วที่ซับซ้อนซึ่งควบคุมอุณหภูมิภายใน ซึ่งระบบจัดการความร้อนนี้มีความจำเป็นต่อการรักษาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ตลอดอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำหรับเครื่องบินรบสมัยใหม่ที่ต้องพร้อมสำหรับภารกิจหลายครั้ง โดยต้องบำรุงรักษาน้อยที่สุด AL-51 ซึ่งเป็นจุดเด่นของเครื่องยนต์รุ่นที่ 5 ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดสัญญาณอินฟราเรด [IR] ลง ซึ่งการลดการปล่อยอินฟราเรดถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับปฏิบัติการล่องหน เนื่องจากความร้อนเป็นหนึ่งในวิธีหลักที่เซ็นเซอร์ของศัตรูใช้ในการตรวจจับเครื่องบิน โดยการใช้วัสดุพิเศษและแผ่นกันความร้อน รวมถึงการปรับการไหลของไอเสียให้เหมาะสมผ่านระบบระบายความร้อนและการผสมภายใน AL-51 ช่วยลดสัญญาณความร้อนของ Su-57 ทำให้เครื่องบินมีความสามารถในการเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่มีการสู้รบซึ่งกองกำลังของศัตรูอาจใช้ขีปนาวุธติดตามอินฟราเรดขั้นสูง

โครงสร้างภายในของเครื่องยนต์ประกอบด้วยโลหะผสมที่มีความแข็งแรงสูงและวัสดุผสม ซึ่งช่วยให้เครื่องยนต์มีความทนทานในขณะที่ยังคงรักษาน้ำหนักให้เหมาะสมได้ โครงสร้างน้ำหนักเบาโดยไม่ลดทอนความแข็งแกร่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะของเครื่องยนต์รุ่นที่ 5 ช่วยให้ Su-57 ทำความเร็วได้สูงขึ้นและประหยัดเชื้อเพลิงได้มากขึ้น ซึ่งองค์ประกอบของ AL-51 จะช่วยลดน้ำหนักโดยรวมของเครื่องบิน ซึ่งหมายความว่าเครื่องบินสามารถบรรทุกเชื้อเพลิง อาวุธ หรืออุปกรณ์สำคัญอื่นๆ ได้มากขึ้นโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับภารกิจระยะไกล ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทุกปอนด์ล้วนมีความสำคัญในแง่ของการประหยัดเชื้อเพลิงและความจุของน้ำหนักบรรทุก

ข้อได้เปรียบที่สำคัญของ AL-51 คือ การผสมผสานรวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องบินที่ทันสมัยและระบบควบคุมเครื่องยนต์แบบดิจิทัล เครื่องยนต์ใช้หน่วยควบคุมดิจิทัลขั้นสูงซึ่งตรวจสอบพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น การไหลของเชื้อเพลิง ปริมาณอากาศเข้า และอุณหภูมิไอเสียอย่างต่อเนื่อง

ระบบควบคุมแบบดิจิทัลนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ ทำให้เครื่องยนต์สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพการบินที่เปลี่ยนแปลงได้ทันที ถือเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับนักบินที่ต้องการการควบคุมที่แม่นยำในสถานการณ์การสู้รบ นอกจากนี้ ระบบนี้ยังช่วยให้สามารถวินิจฉัยและบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ได้ ลดระยะเวลาหยุดทำงานและทำให้ Su-57 พร้อมสำหรับภารกิจ

อย่างไรก็ตามความซับซ้อนของ AL-51 ทำให้มีปัญหาบางประการ แม้ว่าเครือข่ายท่อและข้อต่อภายนอกที่หนาแน่นจะบ่งบอกถึงความซับซ้อนของเครื่องยนต์ แต่ก็ทำให้ต้องมีการบำรุงรักษามาก ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ห่างไกลหรือท้าทาย เครื่องยนต์เหล่านี้อาจต้องใช้อุปกรณ์สนับสนุนเฉพาะทางและบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งอาจจำกัดความสามารถในการใช้งานเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ที่เรียบง่ายกว่า

ในแง่ของการพรางตัว แม้ว่า AL-51 จะมีคุณสมบัติในการลดอินฟราเรดบางประการ แต่ก็อาจไม่ถึงระดับการลดอินฟราเรดที่พบในเครื่องยนต์รุ่นที่ห้าของตะวันตก เช่น F135 ที่ใช้ใน F-35 สิ่งนี้อาจทำให้ Su-57 ถูกตรวจจับได้ง่ายขึ้นในบางสถานการณ์ อย่างไรก็ตามปรัชญาการออกแบบของรัสเซียมักให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและความทนทานมากกว่าความสามารถในการพรางตัวเพียงอย่างเดียว โดยสร้างสมดุลระหว่างความสามารถในการตรวจจับกับความคล่องตัวในการใช้งานที่แข็งแกร่ง

ส่วนประกอบที่โดดเด่นอย่างหนึ่งที่มองเห็นได้ใน AL-51 คือส่วนเผาไหม้ท้าย เครื่องยนต์เผาไหม้ท้ายช่วยเพิ่มแรงขับอย่างมาก ทำให้ Su-57 สามารถบินด้วยความเร็วเหนือเสียงได้โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องยนต์แบบดั้งเดิม ทำให้สามารถบินแบบ “ซูเปอร์ครูซ” ได้ ซูเปอร์ครูซเป็นคุณสมบัติเฉพาะของเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 เนื่องจากช่วยให้บินด้วยความเร็วสูงได้โดยไม่ต้องเสียเชื้อเพลิงจำนวนมากจากการใช้ระบบเผาไหม้ท้าย

แม้ว่า AL-51 จะทำได้เพียงบางส่วน แต่รายงานบางฉบับระบุว่าเครื่องยนต์อาจไม่ประหยัดเชื้อเพลิงเท่าเครื่องยนต์ในเครื่องบินบางรุ่นของชาติตะวันตก ซึ่งอาจจำกัดความทนทานในภารกิจบางรูปแบบ

นอกจากนี้ การออกแบบเครื่องยนต์ยังรวมถึงการทำงานซ้ำซ้อนเพื่อเพิ่มความทนทานในสถานการณ์การรบ ระบบควบคุมซ้ำซ้อนและส่วนประกอบที่ทนทานต่อความผิดพลาดหมายความว่าหากระบบใดระบบหนึ่งเสียหาย เครื่องยนต์จะยังคงทำงานต่อไป ทำให้เครื่องบินสามารถกลับฐานได้ คุณสมบัตินี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความอยู่รอดของเครื่องบินในสภาพแวดล้อมที่มีภัยคุกคามสูงซึ่งอาจเกิดความเสียหายได้

บทบาทของ AL-51 ในการเสริมศักยภาพการปฏิบัติการของ Su-57 นั้นไม่สามารถพูดเกินจริงได้ โดยเครื่องยนต์นี้รองรับความเก่งกาจของ Su-57 ในบทบาทต่างๆ ตั้งแต่ความเหนือกว่าทางอากาศและการสกัดกั้น ไปจนถึงการโจมตีภาคพื้นดินและการลาดตระเวน การผสมผสานระหว่างความเร็ว ความคล่องตัว และความสามารถในการพรางตัวของ Su-57 ทำให้ Su-57 สามารถตอบสนองภารกิจต่าง ๆ ได้หลากหลาย ซึ่งแต่ละอย่างต้องใช้คุณลักษณะเฉพาะที่ AL-51 มอบให้

โดยสรุปแล้ว เครื่องยนต์ AL-51 ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรบของ Su-57 อย่างมาก โดยทำให้ Su-57 เทียบเท่ากับเครื่องบินรบรุ่นล่าสุด แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น ความต้องการในการบำรุงรักษาที่สูงขึ้นและความสามารถในการตรวจจับอินฟราเรดที่สูงขึ้น แต่ก็มีคุณสมบัติด้านประสิทธิภาพอันทรงพลังที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัว ความเร็ว และความยืดหยุ่นในการปฏิบัติภารกิจของ Su-57

เครื่องยนต์ AL-51 ช่วยให้ Su-57 ปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพในน่านฟ้าที่มีการสู้รบ โดยมอบตัวเลือกการรบทางอากาศขั้นสูงให้กับกองทัพอากาศรัสเซีย ในขณะที่ Su-57 ยังคงพัฒนาต่อไป เทคโนโลยีในเครื่องยนต์ เช่น AL-51 ก็จะพัฒนาตามไปด้วย โดยสัญญาว่าจะมีความสามารถที่มากขึ้นสำหรับการปฏิบัติการทางอากาศของรัสเซียในอนาคต

การพัฒนาเครื่องยนต์ AL-51 สำหรับเครื่องบินขับไล่ Su-57 รุ่นที่ 5 ของรัสเซียเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายทางเทคนิคและทางการเงิน ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษปี 2000 เป็นต้นมา วิศวกรชาวรัสเซียต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในการสร้างเครื่องยนต์ที่สามารถเร่งความเร็วได้เร็วและควบคุมแรงขับขั้นสูงได้ในขณะเดียวกันก็ต้องลดอินฟราเรดของเครื่องบินเพื่อความสามารถในการพรางตัว การบรรลุข้อกำหนดเหล่านี้ต้องใช้วัสดุทนอุณหภูมิสูงแบบใหม่และวิศวกรรมที่ล้ำสมัย ซึ่งทำได้ยากเนื่องจากงบประมาณของรัสเซียมีจำกัดและไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงบางอย่างได้ เส้นทางสู่การสร้าง AL-51 นั้นจึงดำเนินไปอย่างช้าๆ โดยระยะเวลาของเครื่องยนต์ขยายออกไปเนื่องจากวิศวกรต้องจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความทนทาน การจัดการความร้อน และประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง

ข้อจำกัดทางการเงินเป็นอุปสรรคสำคัญ เนื่องจากงบประมาณด้านการป้องกันประเทศของรัสเซียถูกขยายออกไปสำหรับโครงการอื่นๆ หลายโครงการ ทำให้เงินทุนสำหรับการพัฒนาเครื่องยนต์ AL-51 ไม่คงที่ โดยบางครั้งการพัฒนาก็ช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง ทำให้ความสามารถในการควบคุมแรงขับของเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญต่อความคล่องตัวของเครื่องบิน Su-57 ก่อให้เกิดความท้าทายทางเทคนิคที่สำคัญ เนื่องจากรุ่นก่อนๆ ไม่สามารถทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือภายใต้สภาวะกดดันสูง

ปัญหาเหล่านี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก เมื่อชาติตะวันตกคว่ำบาตร ทำให้การเข้าถึงวัสดุและอุปกรณ์เฉพาะทางมีจำกัด ส่งผลให้วิศวกรของรัสเซียต้องหาทางเลือกในประเทศ ซึ่งเพิ่มเวลาและความซับซ้อนให้กับโครงการ

ในช่วงปลายทศวรรษที่ 2010 ในที่สุด AL-51 ก็พร้อมสำหรับการผลิตในจำนวนจำกัด แม้ว่าจะยังคงเผชิญกับความท้าทายในการใช้งาน เช่น ความทนทานที่ลดลงและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ลดลงเมื่อเทียบกับเครื่องบินของชาติตะวันตก แม้ว่าจะมีฟังก์ชันการทำงานและทรงพลัง แต่ AL-51 ก็สะท้อนถึงการประนีประนอมหลายประการอันเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านงบประมาณและภูมิรัฐศาสตร์

ในปัจจุบันเครื่องยนต์ AL-51 ยังคงได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจากวิศวกรของรัสเซียที่พยายามจะลดช่องว่างด้านประสิทธิภาพกับคู่แข่งในระดับนานาชาติ โดยเครื่องยนต์ AL-51 ได้แสดงออกถึงความเพียรพยายามของรัสเซียในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านอวกาศในการสร้างเครื่องยนต์เครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 ที่สามารถแข่งขันกับตะวันตกภายใต้เงื่อนไขที่ท้าทายได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่รับประกันต่อความมั่นคงของรัสเซียท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและตะวันตกทั้งในปัจจุบันและอนาคต 

‘กรณ์’ ประทับใจ ได้ไปดู!! ‘ลิซ่า’ โชว์ ชู!! สวย เก่ง เป็นกันเอง ไม่ทิ้งความเป็นไทย

(16 พ.ย. 67) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ ‘ลิซ่า’ โดยมีใจความว่า ...

เมื่อคืนก่อนประทับใจมากกับการได้ไปดู Lisa ออก mini-concert + fan meet ในงานที่จัดโดย Dentiste

ผมเป็นคนชอบ K-Pop อยู่แล้ว (ในระดับหนึ่ง..) แต่ไม่เคยเป็นแฟน Black Pink ผมไม่คุ้นกับดนตรีที่มีการ choreographed หรือ synthesise มากเกินไป แต่ก็ชอบในพลังและลีลาการเต้น คือเป็นโชว์ที่สนุก แต่ให้เปิดฟังเฉยๆคงไม่ใช่ (เว้น Psy ที่ยังฟังไม่เบื่อ)

แต่กับลิซ่าผมยอมเลย ออร่าการเป็น personality ระดับโลกชัดเจนมาก และไม่ใช่เพียงเพราะสวย เก่ง แต่เป็นเพราะบุคลิกนิสัยที่ทำให้แฟนๆ รู้สึกเป็นกันเองกับเขา ไม่มีอัตตาความเป็น Diva เหมือนนักร้องดังๆ บางคน ลิซ่าอายุเท่ากับลูกสาวผม ผมเลยมองเขาในฐานะผู้เป็นพ่อ และมีความรู้สึกปลื้มใจแทนคุณแม่และพ่อเลี้ยงของลิซ่า บนเวที ลิซ่าเล่าว่าบินเข้าไทยปุ๊บก็รีบดอดไปหาคุณแม่ทันที และมีอีกช่วงที่แฟนๆขอให้เธอเต้นท่าหนึ่ง แต่ลิซ่าปฏิเสธแบบอายๆว่า ’ท่านั้นไม่ได้คะ คืนนี้คุณแม่มาดูด้วย‘ 

ช่วงที่ผมว่าน่ารักที่สุดคือช่วงที่เขาคัดแฟนคลับที่แต่งตัวเด่นๆขึ้นเวที ช่วงนี้ทำให้เห็นว่าทำไมลิซ่าถึงเป็นที่รักของแฟนๆ ลิซ่าสามารถทำให้ทุกคนที่ขึ้นเวทีรู้สึกเป็นบุคคลสำคัญของเธอในช่วงเวลานั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

สุดท้ายคือ ลิซ่าที่ไม่ใช่ ‘ลิซ่า แบลคพิงค์‘ สามารถแสดงออกถึงความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่ (ในฐานะนักแสดงอีกด้วย) ตรงนี้มีผลต่อคะแนนนิยมชมชอบประเทศบ้านเกิดของเธออย่างมาก

ขอบคุณ Dentiste อีกครั้งนะครับ นอกจากสินค้าคุณภาพระดับโลกแล้ว การเลือกลิซ่าเป็น presenter แต่แรกๆ สะท้อนวิสัยทัศน์ที่แหลมคมมากของผู้ตัดสินใจ

‘อาจารย์อ๊อด’ ร่วมด้วย!! ช่วยแฉ ชี้!! ทนายกร่าง ทำแสบไว้หลายเรื่อง

(16 พ.ย. 67) อาจารย์อ๊อด หรือ อ.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์เคมีชื่อดัง ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการ ‘SondhiX’ ซึ่งดำเนินรายการโดย นายนพรัฐ พรวนสุข บรรณาธิการอาวุโส สื่อเครือผู้จัดการ-News1 โดยได้พูดถึงประเด็นที่สังคมไทย กำลังให้ความสนใจ เกี่ยวกับ ทนายชื่อดัง โดยเนื้อหาในการพูดคุยกันนั้น มีดังนี้ ...

ผมก็ประกาศว่าเอาให้สุด ไม่เหมือนคุณอา (นายสนธิ) ส่วนนี้นะ คือสุดซอยของผมนี่คือจนตรอก ตรอกนี่จะเล็กกว่าซอยเอาให้จนตรอกไปเลย ไม่ว่าจะเป็นผมหรือเขานะ

ทำไมถึงแค้นขนาดนั้น?

มันเริ่มจากผมไปนั่งเป็นที่ปรึกษาให้กับ บริษัทของ ‘เสี่ยเปี๊ยก’ ที่เพชรบุรี ผู้รับเหมาก็ฟ้องเสี่ยเปี๊ยก เสี่ยเปี๊ยกก็ฟ้องผู้รับเหมา ก็ฟ้องกันไปฟ้องกันมา แล้วปรากฏว่า ผมก็มีชื่อติดไปด้วย โดนฟ้องเป็นคดีแพ่งนะครับ ไม่ใช่คดีอาญา ซึ่งผมโดนหางเลขเพราะว่าผมก็ขอลาออกไปช่วยผู้รับเหมานะครับ ก็เลยโดนกล่าวหาว่าเห้ยเราไปฮั้วกับผู้รับเหมาอะไรประมาณเนี้ย มันก็เป็นเรื่องของการผิดสัญญาธรรมดา หลังจากนั้นเนี่ยทางเสี่ยเปี๊ยก เค้าก็มีทนายเค้าอยู่ละครับมันก็เป็นเรื่องภายในอะครับ

ปรากฏว่าสํานวนฟ้องมันหลุดไปได้ยังไงไม่รู้นะครับ แล้วก็ไปถึงมือหลายคน ซึ่งมาถึงบางอ้อหลังจากที่อาจารย์อ๊อดได้มีโอกาสไปกินข้าวกับทนายตั้ม ตั้มก็บอกว่าเรื่องพี่อ๊อดน่ะมาที่ผมเยอะมากเลย อ้าวแล้วทําไมตั้มไม่ทํา ตั้มไม่ทําตั้มส่งให้คนอื่นต่อเราก็เลยถึงบางอ้อไงเพราะว่าเรื่องเนี้ยก็ไปโผล่ที่ facebook ของทนายคนนึง

โพสต์เลย อาจารย์ชื่อดังที่มีความเชี่ยวชาญด้านกัญชงกัญชาโกงหลอกนักลงทุนร้อย 150 ล้านโหตรงเป๊ะเลยนะกับคําฟ้อง

จนในที่สุดเขาก็พยายาม สโคปเข้าเรื่อยๆ ให้นึกถึงเป็น ‘อาจารย์อ๊อด วีระชัย’ เนี่ย!!

หลังจากนั้น ช่วงประมาณ 25 ตุลาคม 2565 สื่อก็รุมกันเล่น อาจารย์ก็สู้แหลกเลย ทำให้ต้องทะเลาะกับทุกคนเลย ก็มีที่มาจาก ‘ทนายพม่า’ คนนี้แหละ ‘ดำรัฐฉาน’

ทนายคนนี้ เขาเอาไปเล่นใหญ่เลย อ.อ๊อด โกง 150 ล้าน 

ไม่ได้มีข้อเท็จจริงอะไรเลย จนในที่สุดเสี่ยเปี๊ยก ก็ไปจ้างคนนี้มาเป็นทนาย อ.อ๊อด ก็สู้เลยทีนี้ มาด่าว่าเราโกง สุดท้ายอาจารย์ก็โดนไป 44 คดี 

ส่วนใหญ่เป็นหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา คืออาจารย์อ๊อดพยายามโพสต์อธิบายครับมันก็ต้องพาดพิง แล้วเราไม่รู้ข้อกฎหมาย เราก็พูดชื่อเค้าตรง ๆ เค้าก็ฟ้องเลยแต่ศาลยกฟ้อง ก็ด้วยบอกว่าเรามีส่วนคือเราอธิบายความ ผมก็เพิ่งมารู้ข้อกฎหมายตอนหลัง เราเป็นอาจารย์เคมีไม่รู้เรื่องกฎหมาย 

มันเป็นกลยุทธ์ของเขา เพื่อที่จะหลอกให้เราไปตกหลุมพราง พอเราตอบโต้เขา ก็กลายเป็นหมิ่นประมาท จัดการเล่นเราตรงนั้น เรียกค่าเสียหายคดีละ 3 แสนบาท  วางศาลแค่ พันเดียว แต่เรียกเรา 3 แสน

เท่านั้นยังไม่พอ ใครมีเรื่องกับอ.อ๊อด ก็ไปเรียกเขามารวมกัน จะว่าความให้อีก อ.อ๊อด ก็ได้แต่ตั้งการ์ดรับอย่างเดียวเลย เหมือนนักมวยอ่ะ มาตุ๊บตั๊บ กันเต็มไปหมดเลย

จนในที่สุดผมก็ได้รับคำแนะนำที่ดีจาก ท่านอดีตศาลที่ท่านได้เกษียณไปแล้ว ผมถึงได้โต้กลับแล้วผมก็ชนะ

พฤติกรรมที่ทํากับผม ผมร่างหนังสือร้องสภาทนายความ ผมร่างก็คือขอให้สภาทนายความเนี่ยลบชื่อออกเลยนะ ผมก็เอาจากที่ให้คําสัมภาษณ์สื่อทุกวันเนี่ย ร้องต่อสภาทนายความ

ปรากฏว่าวันดีคืนดี มีหมายศาลครับมาที่บ้านบอกว่าเราไปร้องเรียนที่สภาทนายความเนี่ยร้องเท็จ

จาก ‘ทนายดํารัฐฉาน’ ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท แล้วก็แจ้งเท็จ ร้องเท็จ ร้องเท็จเนี่ยหนักโทษหนักนะครับ ฟ้องที่ศาลแขวงดอนเมือง 

แต่ก่อนที่หมายศาลจะมา มีจดหมายจากสํานักงานทนายเดรัจฉาน มาที่บ้านครับจะเราก็งง เอ๊ะเขามีหน้าที่อะไรส่งหมายศาลมาให้เราก่อน ก่อนที่หมายศาลจริงจะมาส่งจดหมายมาก่อน ว่าคุณถูกฟ้องนะมันเหมือนข่มขู่เราอะแต่เราก็งงมากได้รับมา แต่ว่าเผอิญอาจารย์อ๊อดเนี่ยโดนฟ้องมาเกือบทั้งชีวิต เราก็เลยเฉย ๆ นะ รับมาปุ๊บก็สู้คดีครับสู้ไปจนศาลก็ตัดสินให้เราชนะ ก็ชนะเค้าก็อุทธรณ์ ศาลไม่รับอุทธรณ์ เมื่อไม่รับอุทธรณ์ก็ไม่ถึงฎีกา คดีก็ถึงที่สุดเลย หมายความว่า เราชนะทั้งสามศาล

ทีนี้พอมาเห็นคุณอาสนธิโดนเนี่ย เราก็เลยมองแล้วว่าเอ๊ะมันคล้าย ๆ กัน เขาจะประกาศหาแนวร่วมแล้วเขาก็จะใช้ความรู้ทางกฎหมาย บิดข้อเท็จจริง แล้วเขาก็จะไม่เอ่ยชื่อ ซึ่งลักษณะนี้มันก็จะคล้ายกับของ อ.อ๊อด ไง

อาจารย์อ๊อตเป็นที่ปรึกษา แล้วก็ถูกฟ้องพ่วงไปกับผู้รับเหมาเป็นเรื่องของการผิดสัญญาการก่อสร้าง แต่ไปบอกคนอื่นว่า อาจารย์ชื่อดัง ม.เกษตร หลอกลงทุน จนอาจารย์ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม 

เขาจะถล่มใคร คนๆ นั้นต้องตายภายใน 3 วัน 7 วัน คือไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอะ
เป็นภัยสังคมนะอย่างนี้

เพราะว่าไม่ได้สู้ตามกระบวนการปกติ

ไปด่าคนอื่นว่าใช้ศาลเตี้ย ตัวเองน่ะเป็นศาลเลยเอาโซเชียลตัดสินเขาจนเขาต้องเข้าโรงพยาบาลคือเขาจะผิดจะถูกอะไรต้องให้ศาลตัดสินใช่ไหมครับแล้วที่สําคัญเนี่ยเขาจะยียวนกวนประสาท อาจารย์อ๊อด ต้องตั้งสติ ต้องไม่ตอบโต้เขา แต่ก็ยังงงอยู่ว่าทำไมเขาถึงกร่างได้ แล้วเขาก็ทำแบบนี้กับทุกคน แล้วก็บิดเล็กบิดน้อยทั้งจิตวิทยาทั้งโซเชียลทั้งกฎหมาย

เอาให้สุดซอย และสุดตรอก จนตรอกเลยละกันนะ

คุณอาสนธิบอกว่า ‘คลานเข่า’ มาที่บ้านพระอาทิตย์ ก็ไม่เปิดให้ ของอาจารย์อ๊อดเนี่ย คลานมาหน้า ม.เกษตร อาจารย์ ‘เตะเสย’ เลยนะ!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top