Saturday, 5 July 2025
NewsFeed

‘แพทองธาร’ ร่วมเวที ที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค!! ย้ำ!! สนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน สู่เศรษฐกิจดิจิทัล

(16 พ.ย. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค ในช่วงอาหารกลางวัน (ABAC Dialogue with APEC Economic Leaders) โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวในหัวข้อ ‘ประชาชน ภาคธุรกิจ และความรุ่งเรือง’ (People. Business. Prosperity.)ว่า ยินดีที่ได้มาร่วมกับสมาชิกสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) ซึ่งหัวข้อของการประชุมของ ABAC ในปีนี้สอดคล้องกับหัวข้อการประชุม APECของเปรูที่ว่า ‘เสริมสร้างพลัง การมีส่วนร่วม และการเติบโตอย่างยั่งยืน’ และตนสนับสนุนความคิดริเริ่มของเปรูในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจในระบบและเศรษฐกิจโลก (the transition to the formal and global economy)

โดยแรงงานมากกว่าครึ่งของเอเปคมาจากเศรษฐกิจนอกระบบ จึงเป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องให้ความสำคัญ รวมทั้งบทบาทของการใช้ดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อสร้างการเข้าถึงอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะ ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ และกลุ่มที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ในกลุ่มประเทศสมาชิกอย่างมาก  

ซึ่งที่ผ่านมามีการปรับตัวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและมีความท้าทาย ในเรื่องต้นทุน และทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็น ดังนั้นการสนับสนุนผ่านโครงการเสริมสร้างศักยภาพโอกาส ในการเพิ่มทักษะและพัฒนาทักษะใหม่ๆตลอดจนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างทั่วถึงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง รัฐบาลไทยได้ปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แน่ใจว่ามีมาตรการทางการเงินที่เหมาะสม

ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยัน สนับสนุนให้เอเปค พิจารณาโครงการชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดนต่อไป เพื่อส่งเสริมระบบการเงินที่เสรี มีความปลอดภัยและแข่งขันได้

นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า นอกจากการค้า การลงทุน และการบูรณาการทางเศรษฐกิจ ยังมีความสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค นั่นก็คือการเติบโตทางนวัตกรรมทางการเงิน และระบบการชำระเงินดิจิทัลที่จะเป็นเครื่องมือช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้ ได้ โดยประเทศไทย ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการวางระบบให้ประชาชนในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน สามารถชำระเงินผ่านรหัส QR code ระหว่างกันได้แล้วซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรม การเงิน ข้ามพรมแดน ได้อย่างสะดวกรวดเร็วอันเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจ ของแต่ละประเทศ

กองปราบ ยื่นขอหมายจับ!! ‘เจ๊พัช กฤษอนงค์’ ข้อหา 'กรรโชกทรัพย์ - ตัวกลางเรียกรับสินบน'

(16 พ.ย. 67) พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ได้เข้าสอบปากคำ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ ‘บอสพอล’ กับ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอสปัน ในเรือนจำ

เพื่อซักถามรายละเอียดทางคดีเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีที่ถูก น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ เรียกเงินเพื่อแลกกับการไม่เปิดโปงธุรกิจดิไอคอน ก่อนนำมาประมวลเรื่องราวควบคู่พยานหลักฐาน

ก่อนที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. จะนำหลักฐานและคำให้การของพยานในคดีทั้งหมด เข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขออนุมัติการออกหมายจับน.ส.กฤษอนงค์ หรือ เจ๊พัช

ในความผิดฐาน ‘กรรโชกทรัพย์’ และ ‘เป็นตัวกลางเรียกรับสินบน’ จากกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

‘อนุสรณ์’ ย้ำชัด!! อุดร ยังเป็นเมืองหลวง ลุย!! เดินหน้า รักษาโมเมนตัม เชิงบวก

(16 พ.ย. 67) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ช่วยหาเสียงให้นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายกอบจ.) อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ว่า พรรคเพื่อไทยยังคงรักษาโมเมนตัมเชิงบวกจากชัยชนะในศึกเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 1 จังหวัดพิษณุโลก ผสานกับผลงานรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ที่ผลิดอกออกผล

ทั้งโครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ การเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม จากนี้ไปผลงานของรัฐบาลจะเห็นมรรคผลเป็นรูปธรรม ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคัก รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้จัดงบประมาณเพื่อการพัฒนาประเทศมาแล้ว 2 ปี อีก 2 ปีที่เหลือคาดว่านโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส สร้างรายได้ใหม่ แก้หนี้ ปราบยาเสพติด จะเดินหน้าเต็มสูบ

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ในสถานการณ์ยากลำบากที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยยังทำได้ดีขนาดนี้ เชื่อว่าช่วงเวลาที่เหลือตั้งแต่ปลายปีนี้จนถึงกลางปีหน้า จะได้เห็นแสงสว่างกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักสดใสอีกครั้ง

ทั้งนี้ นายศราวุธทำงานอย่างหนัก ชูการสานต่อนโยบายเดิม ริเริ่มนโยบายใหม่ ยกระดับคุณภาพชีวิตคนอุดร พร้อมทำงานสอดประสานกับรัฐบาลที่กำลังเร่งสร้างผลงานอย่างเต็มที่ ปรากฏการณ์ที่นายทักษิณมาช่วยหาเสียง มาเยี่ยมพี่น้องคนอุดรในรอบ 18 ปี ในครั้งนี้ เป็นภาพยืนยันว่าอุดรธานียังคงเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง และเป็นบ้านของพรรคเพื่อไทย

“พรรคเพื่อไทยขอโฟกัสที่ตัวเอง เช่นเดียวกับพี่น้องชาวอุดรธานี ที่ตัดสินใจได้ไม่ยากว่า จะใช้โอกาสนี้เลือกคนทำงาน เลือกคนในพื้นที่ ที่มีประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถ มาทำงานร่วมกับรัฐบาลเพื่อสร้างโอกาสให้คนอุดรฯ ต่อไป” นายอนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

สมุทรปราการ-วัดบางพลีใหญ่กลาง จัดใหญ่!! งานสืบสานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางประกอบพิธีพิจารณากองผ้าป่าสามัคคีที่ทางญาติโยมได้นำมาถวายให้กับทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ประจำปี 2567

ณ บริเวณลานกิจกรรมหน้าวิหารหลวงปู่กิ่ม วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี สมุทรปราการ โดยนาย ชาติชาย เตรยาวรรณ ประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์ประกอบพิธีพิจารณากองผ้าป่าสามัคคี พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา จากนั้น ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้นำองค์พระพุทธรูปพระพุทธเมตตามหาลาภ มอบให้กับนายชาติชาย เตรยาวรรณ ในฐานะประธานฝ่ายฆราวาส

ต่อมาท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) พร้อมด้วย คณะไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง นำโดย นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ ประธานไวยาวัจกร นายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี พ.ต.อ. ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ 

ร่วมเป็นสักขีพยานในการใส่สลากจับของรางวัล อาทิ ทองคำหนัก 1 บาท และทองคำหนัก 1 สลิง ทีวี ตู้เย็น พักลม จักรยาน รวมถึงของรางวัลใหญ่ๆ อีกหลายรายการ มูลค่านับล้านบาท นำมาจับฉลากภายในงานสอยดาวงานลอยกระทง ประจำปี 2567 ของทางวัดบางพลีใหญ่กลางสร้างความคึกคักและสร้างความฮือฮาแก่ผู้ที่เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ภายในงานยังได้มีการจำหน่ายกระทงประดิษฐ์ โดยคณะนักเรียนและกลุ่มแม่บ้าน อสม. นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายสินค้าและอาหารให้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานได้ชิม ช็อป 

อย่างไรก็ตาม เงินที่ได้จากการทำบุญทั้งหมดรวมถึงการจับฉลากสอยดาวในปีนี้ ทางคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางจะนำไปเป็นทุนการศึกษาช่วยเหลือเด็กนักเรียน รวมถึงไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเผาศพไร้ญาติโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

สมุทรปราการ-เทศบาลตำบลแพรกษา จัดใหญ่!! จัดเต็ม!! นฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567

เทศบาลตำบลแพรกษา จัดงาน 'นฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง' ประจำปี 2567 โดยการสนับสนุนของนาง อรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา และทาง ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ร่วมผลักดันและให้การสนับสนุนงานในครั้งนี้

โดยงานนฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 ถูกจัดขึ้นภายในสวนสาธารณะเทศบาลตำบลแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก ท่านชยชัย แสงอินทร์ รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย นายสุจินต์ วาจากิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายเฉลิม ประสาททอง ท้องถิ่นจังหวัดสมุทรปราการ 

นายสุขุม นามวิเศษ ผู้พิพากษาอาวุโสประจำศาลจังหวัดพระประแดง นายปรีชา เปล่งผิว อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ว่าที่ ร.ต.ลมบล บุญมานะ ผู้อำนวยการโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัยสมุทรปราการ และ นายเมธากุล สุวรรณบุตร สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท S.MILES Group ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ร่วมในงาน นฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567

ซึ่งงานดังกล่าวถูกจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 3 คืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน - 15 พฤศจิกายน 2566 โดยทางเทศบาลตำบลแพรกษาได้จัดให้มีการประกวดธิดาโรงงาน การประกวดหนูน้อยแพรกษา การเดินแบบชุดผ้าไทยจากนักเรียนโรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) การแสดงจากน้องๆ หนูๆ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา 

รวมถึงการแสดงจากกลุ่มผู้สูงอายุการแสดงบาสโลป นอกจากนี้ เทศบาลตำบลแพรกษาได้ให้ความสำคัญมุ่งเน้นการอนุรักษ์ผ้าไทยให้ประชาชนสวมใส่ผ้าไทย จัดให้มีกิจกรรมร่วมกันระหว่างกลุ่มผู้สูงอายุ อีกทั้ง การจัดงานในครั้งนี้ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับชุมชน มีการจำหน่ายอาหารจำนวนกว่า 50 ร้านค้า ชมการแสดงจากนักร้องและศิลปินชื่อดัง อาทิ น้ำแข็ง ทิพวรรณ ลำไย ไหทองคำ และ กวาง กมลชนก โดยให้ประชาชนเดินทางเข้ามาชมฟรีตลอดงาน 3 คืนเต็ม ซึ่งในปีนี้มีพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ รวมถึงพี่น้องประชาชนพื้นที่ใกล้เคียงต่างให้ความสนใจเดินทางมาร่วมงานและร่วมกิจกรรมกับทางเทศบาลตำบลแพรกษาเป็นจำนวนมาก

เจ้าสาวสุดช้ำ งานวิวาห์แทบไม่มีรูปสวย ขอแรง!! ช่างภาพช่วยรีทัช คนถกสนั่น

(16 พ.ย. 67) เป็นโพสต์ไวรัล ที่มีคนแชร์ออกไปจำนวนไม่น้อย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ลงในกรุ๊ป ว่าที่เจ้าสาว ส่งต่อของแต่งงาน ช่างแต่งหน้า สถานที่จัดงาน แบ่งปันข้อมูล ซึ่งมีสมาชิกกว่า 265,000 คน

โพสต์ดังกล่าว เธอได้โพสต์ภาพงานแต่งในชุดไทย ทั้งภาพกับเพื่อนเจ้าสาว 3 ใบ พร้อมว่า 

มีพี่ช่างภาพหรือพี่คนไหนรับรีทัชภาพ ทำให้ภาพสว่าง สวยขึ้นมาบ้างมั้ยคะ คือจ้างช่างภาพมาแล้วภาพแต่ละภาพที่ได้ออกมาคือเฮ้อออเลยค่ะ แทบจะไม่มีรูปสวยเลย ตัวอย่างภาพค่ะ นี่คือภาพที่ช่างภาพถ่ายให้ค่ะ

ซึ่งมีคนแชร์ออกไปมากกว่า 400 ครั้งด้วยกัน โดยหลายคนก็ได้เข้ามาโพสต์ภาพที่ปรับแสงให้ใหม่แล้ว ขณะที่หลายคนก็เข้ามาคอมเมนต์แนะนำ อาทิ

ขอแสดงความคิดเห็นตรงๆ นะครับ เรื่องที่ช่างภาพแต่งภาพแต่งรูปให้แบบนี้ก็ดูไม่ไหวจริง ๆ ครับ อีกใจนึงก็สงสารช่างภาพ สภาพแสงแบบนี้ต่อให้โคตรเก่งก็ยังลำบากครับ อีกใจนึงก็เอะใจว่าทำไมออร์แกไนซ์ไม่กันแสงให้ มันทำให้ในรูปออกมาไม่สวยครับ

ช่างภาพไม่มีไฟ ไม่มีแฟลชเลยเหรอ 555 ค่าตัวเท่าไหร่ครับ อยากรู้จริง ๆ

เอาจริง ๆ นะครับ ผมสงสารช่างภาพมาก วางแบ๊กดรอปแบบนี้ ต่อให้ช่างภาพเก่งแค่ไหน ก็ลำบากครับ วางไม่ดูแสงเลย แถมยังไม่หาอะไรมาบังแสงให้อีก วางได้แย่มาก แต่ถ้าเอาจริงๆ รูปแบบนี้มันก็พอแต่งได้อยู่ครับ ไม่เกินความสามารถของช่างภาพหรอกครับ เป็นกำลังใจให้บ่าวสาวนะครับ

มองเป็น 2 ประเด็นครับ คือออร์แกไนซ์เห็นว่าแสงเข้าตอนมาทำฉากไหมครับว่าแสงมันล้น และทแยงเข้ามาแบบนี้ ทำให้ถ่ายยากครับ อันที่จริงแบ๊กดรอปควรอยู่ในจุดที่แสงไม่แรงจนเกินไปครับ บอกเลยแสงแบบนี้ยากครับ สิ่งที่จะช่วยได้จากตัวช่างคือแฟลชครับ แต่ต้องยิงแรงมากๆ มู้ดหายหมด อีกอย่างคือยกเต็นท์งานมาบังแดดครับ ปล่อยให้มืดไปเลย แล้วเอาไฟมาตั้งและผมทำมาแล้วครับ (มีเต็นท์ว่างอยู่พอดี) ยอมเสียเวลาดีกว่ามานั่งแก้ไฟล์ครับ แบบนี้เสียหายทั้งช่างและเจ้าภาพ แต่เห็นใจทั้งคู่ครับ ประสบการณ์จะสอนตัวช่างเองครับ

ถ้าขอไฟล์ Raw มาได้แก้ให้ได้ครับสอบถามได้

ช่างภาพใจร้ายมากกกกก

'ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ' ตรวจการดูแลความปลอดภัยบริเวณพื้นที่จัดงานลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

(15 พ.ย.67) เวลา 17.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางตรวจความพร้อมในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวในเทศกาลประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ และคณะ ร่วมลงเรือตรวจการณ์ ตรวจความเรียบร้อยการดูแลพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ร่วมงานลอยกระทงตามสถานที่จัดงานริมน้ำ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ตรวจความพร้อมการดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาร่วมงานลอยกระทงที่เอเชียทีค ก่อนลงเรือตรวจการณ์ กองบังคับการตำรวจน้ำ ที่บริเวณท่าเรือเอเชียทีค ริเวอร์ฟร้อนท์ ตรวจความพร้อมตลอดแม่น้ำเจ้าพระยา ไปยังสถานที่จัดงานลอยกระทงที่ไอคอนสยาม และท่าน้ำรัฐสภา (เกียกกาย) จากนั้นเดินทางไปยังวัดเสมียนนารี พระอารามหลวง ถ.กำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร เพื่อตรวจความเรียบร้อยการดูแลความปลอดภัยบริเวณพื้นที่จัดงานประเพณีลอยกระทง

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้ได้ลงเรือตรวจการณ์พร้อมด้วยตำรวจนครบาล ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ และตรวจความเรียบร้อยบริเวณสถานที่จัดงานลอยกระทง พบว่ามีพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมงานลอยกระทงตามสถานที่จัดงานต่าง ๆ จำนวนมาก ได้กำชับตำรวจว่าวันนี้เป็นโอกาสดีอีกหนึ่งโอกาสในการดูแลพี่น้องประชาชน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำแผนไว้แล้ว และกำชับให้ตำรวจบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้ร่วมงานประเพณีลอยกระทงด้วยความสุขและปลอดภัย สำหรับภาพรวมการดูแลความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในสถานที่จัดงานลอยกระทงในวันนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

'พิพัฒน์' รมว.แรงงาน มอบที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ 'ธนัสถ์' เปิดประชุมนานาชาติ  APOSHO ครั้งที่ 38 หนุนความปลอดภัยอาชีวอนามัยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

(15 พ.ย. 67) เวลา 09.00 น.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดการประชุมนานาชาติ Asia Pacific Occupational Safety & Health Organization (APOSHO) ครั้งที่ 38 โดยมี นายประสพชัย ยูวะเวส นายกสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ กล่าวรายงาน ณ โรงแรมรอยัล ริเวอร์

นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า งานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทุกประเทศ อีกทั้งยังเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของแรงงานและการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย โดยการประชุมนานาชาติ APOSHO ครั้งที่ 38 นี้ เป็นเวทีที่สำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศ ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานของภูมิภาคและประเทศไทย

นอกจากนี้ การประชุมครั้งนี้ยังถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในการผลักดันนโยบายและแนวปฏิบัติที่ดี ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อประโยชน์ของลูกจ้างและนายจ้างในทุกภาคส่วน ด้วย

นายธนัสถ์ กล่าวต่อว่า ขอขอบคุณคณะผู้จัดงาน และผู้แทนจากทุกประเทศที่ได้มีส่วนร่วมในการประชุมครั้งนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลการประชุมครั้งนี้ จะนำมาซึ่งความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและแนวทางในการพัฒนาความปลอดภัยและอาชีวอนามัยที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง 2 องค์กร คือ สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ฯ และสมาคมอาชีวอนามัย และความปลอดภัย โดยในปี 2567 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมประจำปีขององค์กร APOSHO เป็นครั้งที่ 3 เพื่อแลกเปลี่ยนและนำเสนอข้อมูลทางวิชาการด้านความปลอดภัย เพื่อแสดงให้เห็นถึงแนวทางในการพัฒนางานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย ให้กับแรงงานมีความปลอดภัยในการทำงาน 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขานรับนโยบายรัฐบาล แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ประจำปี พ.ศ.2567

(15 พ.ย.67) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ประจำปี พ.ศ.2567 ณ ห้องประชุม ศปก.ตร.ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมแถลง

เนื่องด้วยวันนี้ 15 พฤศจิกายน 2567 เป็นวันลอยกระทง ประจำปี พ.ศ.2567 และรัฐบาลกำหนดแนวทางการจัดงาน “ลอยกระทง วิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ซึ่งเป็นงานเทศกาลที่จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยภาพรวมการจัดงานทั่วประเทศมี 3,592 แห่ง (กรุงเทพมหานคร 121 แห่ง และจังหวัดอื่น ๆ 3,471 แห่ง) แบ่งเป็นพื้นที่การจัดงานขนาดใหญ่จำนวน 74 แห่ง ใช้กำลังตำรวจกว่า 30,000 นาย ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มาตรการป้องกันและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับพลุ ประทัด และดอกไม้เพลิง มาตรการคุ้มครองเด็ก การรักษาความสงบเรียบร้อย การบริหารจัดการพื้นที่ ตรวจตราท่าน้ำ ท่าเรือต่าง ๆ และมาตรการอำนวยความสะดวกการจราจร ในช่วงวันลอยกระทง โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่งต่าง ๆ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย และระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศร่วมกันกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท ในห้วงวันที่ 8-14 พฤศจิกายน 2567 ผลการดำเนินการ ดังนี้

1. อาชญากรรมทั่วไป 
- ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด คนเข้าเมือง และสถานบริการ : รวมจับกุม 26,392 คดี ผู้ต้องหา 27,284 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 61,466,470 บาท ในส่วนคดียาเสพติด สามารถตรวจยึดของกลาง ยาบ้า 62,895,138 เม็ด , ยาไอซ์ 461,292 กรัม , เคตามีน 570,469 กรัม , เฮโรอีน 115.33 กิโลกรัม , ฝิ่น 135 กรัม , ยาอี 1,663 เม็ด , โคเคน 13 กรัม , กัญชา 4.4 กิโลกรัม และน้ำกระท่อม 144,000 มิลลิลิตร 

- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน : รวมจับกุม 1,446 คดี ผู้ต้องหา 1,405 คน ของกลางอาวุธปืนสงคราม 2 กระบอก อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 920 กระบอก อาวุธปืนมีทะเบียน 197 กระบอก วัตถุระเบิด 35 ลูก พลุ/ดอกไม้ไฟ 4,174 ดอก เครื่องกระสุนปืน 6,292 นัด รวมมูลค่า 2,442,231 บาท 

2. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 
- ความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน หลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย เผยแพร่ข่าวปลอม ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก และพนันออนไลน์ : รวมจับกุม 2,362 คดี ผู้ต้องหา 2,350 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 18,924,237 บาท

- ความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 รวมจับกุม 295 คดี ผู้ต้องหา 277 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 3,968,083 บาท 
 
3. จับกุมบุคคลตามหมายจับ รวม 3,080 หมายจับ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันมีความพร้อมในทุกพื้นที่ ติดตามสถานการณ์ และการจัดงานเทศกาลลอยกระทง เข้มงวดกวดขัน ปราบปราม แก้ไขปัญหาอาชญากรรมอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวในการป้องกันอาชญากรรมหรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันลอยกระทง หากต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเบาะแส เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับอาชญากรรมต่าง ๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

‘แพทองธาร - สีจิ้นผิง’ หารือ!! นอกรอบ พร้อมดัน!! สร้างทางรถไฟ ‘จีน – ไทย’

(16 พ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘สีจิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน พบปะหารือกับ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรีไทย นอกรอบการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ในกรุงลิมาของเปรู กล่าวว่าจีนและไทยควรเร่งรัดการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย และขยับขยายความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น พลังงานใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์

จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและมีมิตรภาพ แนวคิด ‘จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน’ ได้ยืนหยัดผ่านกาลเวลาและมีพลังชีวิตชีวาใหม่ โดยสีจิ้นผิงย้อนนึกถึงการเยือนไทยในเดือนพฤศจิกายน 2022 และได้บรรลุฉันทามติสำคัญกับคณะผู้นำของไทยเกี่ยวกับการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน พร้อมแสดงความยินดีที่มีการดำเนินการตามผลลัพธ์ของการเยือนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ความร่วมมือทวิภาคีก้าวหน้าเชิงบวกหลายด้านและนำพาผลประโยชน์อันจับต้องได้มาสู่ประชาชน

สีจิ้นผิงกล่าวว่าเนื่องในปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย รวมถึงปีทองแห่งมิตรภาพความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ จีนพร้อมทำงานร่วมกับไทยเพื่อสานต่อมิตรภาพดั้งเดิม เสริมสร้างการจัดวางยุทธศาสตร์การพัฒนา ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์บริหารปกครอง เดินหน้าความร่วมมืออันเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันในด้านต่างๆ สนับสนุนการสร้างความทันสมัยของทั้งสองประเทศ และผลักดันการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน

จีนและไทยควรเพิ่มการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การศึกษา และเยาวชน รวมถึงจัดงานอย่างการบูชาพระเขี้ยวแก้วในไทย ผูกโยงสายใยระหว่างประชาชนของสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และส่งต่อมิตรภาพจีน-ไทยจากรุ่นสู่รุ่น

นอกจากนั้นจีนยินดีจะเสริมสร้างการประสานงานและการสื่อสารกับไทยภายใต้กลไกพหุภาคีต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง อาเซียน กลุ่มประเทศบริกส์ และเอเปค เพื่อคุ้มครองความเป็นหนึ่งเดียวกันและความร่วมมือของอาเซียน นานาประเทศในภูมิภาค และมีส่วนส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

ด้านแพทองธารกล่าวว่าปัจจุบันโลกและภูมิภาคกำลังประสบกับความสับสนอลหม่านเพิ่มขึ้น และแผนริเริ่มระดับโลกหลายรายการที่จีนนำเสนอนั้นมีการมองการณ์ไกลเชิงยุทธศาสตร์และเอื้อต่อการเสริมสร้างความสามัคคีและความร่วมมือระหว่างประเทศ

ด้วยจีนเป็นเพื่อนที่ดีและหุ้นส่วนที่ดี ไทยนับถือชื่นชมความสำเร็จอันโดดเด่นของจีนในด้านต่าง ๆ เช่น การบรรเทาความยากจน และมุ่งหวังใช้วาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน และปีทองแห่งมิตรภาพความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นโอกาสส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระดับสูงกับจีน โดยมีเป้าหมายร่วมกำหนดอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นของความสัมพันธ์ไทย-จีนตลอด 50 ปีข้างหน้า

ไทยคาดหวังจะเรียนรู้ประสบการณ์การพัฒนาที่ประสบผลสำเร็จของจีน เดินหน้าความร่วมมือด้านทางรถไฟไทย-จีน และโครงการความร่วมมือตามแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) อื่นๆ เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและระหว่างประชาชน และส่งเสริมมิตรภาพดั้งเดิมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยไทยพร้อมเสริมสร้างการทำงานกับจีนภายใต้กรอบพหุภาคีต่างๆ เช่น เอเปค และร่วมคุ้มครองระบบการค้าเสรี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top