Friday, 4 July 2025
NewsFeed

นบข.ไฟเขียวมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปี 67/68 ดันราคาสินเชื่อข้าวหอมมะลิ

นบข.ไฟเขียว 3 มาตรการช่วยเหลือชาวนา ที่ได้จากการหารือร่วมกับเกษตรกร โรงสี และผู้ส่งออก เชื่อราคาข้าวปีนี้ไม่ลดลง และทบทวนโครงการปุ๋ยคนละครึ่งให้เกิดการยกระดับกระบวนการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2567 ว่า ที่ประขุมนบข.ไฟเขียวมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2567/68 รวม 3 มาตรการ  ประกอบด้วย (1) สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เป้าหมาย 3 ล้านตัน วงเงิน 8,362.76 ล้านบาท โดยช่วยค่าฝาก 1,500 บาท/ตัน 

ในกรณีเข้าร่วมกับสหกรณ์ สหกรณ์รับ 1,000 บาท/ตัน เกษตรกรรับ 500 บาท/ตัน เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง 1–5 เดือน เริ่มตั้งแต่ ครม. มีมติ - 28 ก.พ.2568 และเกษตรกรสามารถนำข้าวไปขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยข้าวหอมมะลิตันละ 12,500 บาท ปรับเพิ่มจากปีก่อนที่ตันละ 12,000 บาท (+500 บาท/ตัน) ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 11,000 ล้านบาท ปรับเพิ่มจากปีก่อนที่ตันละ 10,500 บาท (+500 บาท/ตัน) ข้าวหอมปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเจ้า ตันละ 9,000 บาท และข้าวเหนียว ตันละ 10,000 บาท หากข้าวราคาขึ้น เกษตรกรสามารถไปไถ่ถอนออกมา 

เพื่อนำมาจำหน่ายได้ (2) สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน ปรับเพิ่มจากปีก่อนที่เป้าหมาย 1 ล้านตัน  (+0.5 ล้านตัน) วงเงิน 656.25 ล้านบาท โดยสหกรณ์จ่ายดอกเบี้ย 1% รัฐช่วยดอกเบี้ย 3.5% ระยะเวลา 15 เดือน ระยะเวลาการจ่ายสินเชื่อตั้งแต่ ครม. มีมติ -30 ก.ย.2568 และ (3) ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการเก็บสต๊อก เป้าหมาย 4 ล้านตัน วงเงิน 585 ล้านบาท โดยรัฐช่วยดอกเบี้ย 3% เก็บสต๊อก 2–6 เดือน ระยะเวลารับซื้อตั้งแต่ ครม. มีมติ - 31 มี.ค.2568 

นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาทบทวนโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เนื่องจากการดำเนินการที่ผ่านมา พบว่า ยังมีข้อจำกัดและข้อพิจารณาเกี่ยวกับขั้นตอนและแนวทางการปฏิบัติ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำกลับไปทบทวนหลักเกณฑ์และวิธีการให้มีความเหมาะสม รัดกุม และสอดคล้องกับหลักการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 พ.ย.66 โดยให้คงมาตรการหรือโครงการในลักษณะที่เป็นการสนับสนุนการเพิ่มระดับผลิตภาพ (Productivity) ของภาคการเกษตร ผ่านการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพดิน การพัฒนาแหล่งน้ำ และสนับสนุนปัจจัยการผลิต เพื่อยกระดับกระบวนการผลิตและคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร และให้นำเสนอ นบข. อีกครั้ง

นอกจากนั้น ในการพัฒนาการผลิตข้าวให้มีความยั่งยืนในระยะยาว ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริหารจัดการข้าวให้มีความสมดุลกันระหว่างอุปสงค์และอุปทาน คำนึงถึงความเพียงพอในการบริโภคภายในประเทศ และที่สำคัญต้องทำให้ชาวนามีความแข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดี โดยรัฐบาลจะเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนด้านตลาดและการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าการเกษตร

รมว.แรงงาน 'พิพัฒน์' เป็นประธานพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานกระทรวงแรงงาน ประจำปี 2567 ณ วัดชัยมงคล พระอารามหลวง จ.สงขลา 

(9 พ.ย.67) เวลา 10.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของกระทรวงแรงงาน ประจำปี 2567 ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้ากระกฐินให้กระทรวงแรงงาน ตามที่ขอพระราชทานเพื่อน้อมนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดชัยมงคล พระอารามหลวง ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกทั้งเป็นการสนองสถาบันพระมหากษัตริย์ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและพระอารามหลวง พร้อมสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย

ในการนี้มี นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายจิรวัตร์ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงาน หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียง หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดสงขลา ภาคเอกชน และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสงขลา เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้ ผู้มีจิตกุศลร่วมถวายจตุปัจจัย ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและบูรณะพระอาราม ทำบุญกฐินพระราชทานของกระทรวงแรงงาน ประจำปี 2567 รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 2,583,812 บาท นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังได้มอบทุนการศึกษาให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนในอุปถัมภ์ จำนวน 2 ทุนๆ ละ 10,000 บาท จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดชัยมงคล และโรงเรียนชัยมงคลวิทย์ รวมเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท 

สำหรับวัดชัยมงคล พระอารามหลวง ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งวัดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2320 วัดมีพระบรมธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพบูชาของชาวจังหวัดสงขลา ซึ่งสร้างเมื่อใดไม่ทราบชัด เดิมวัดมีชื่อว่า วัดโคกเสม็ด เพราะตั้งอยู่บนเนินทรายที่มีต้นเสม็ดอยู่จำนวนมาก ในสมัยพระอาจารย์ศรีเป็นเจ้าอาวาส วัดชัยมงคลมีความเจริญรุ่งเรืองมาก และสมัยที่พระมหาแฉล้ม เขมปญฺโญ เป็นเจ้าอาวาส ได้ทำเรื่องเสนอคณะสงฆ์และบ้านเมืองเพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตสถาปนาวัดขึ้นเป็นพระอารามหลวง จนยกฐานะเป็นพระอารามหลวงเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2528

ทั้งนี้ กฐินพระราชทาน เป็นกฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานผ้าของหลวงแก่ผู้กราบบังคมทูล ขอพระราชทานเพื่อไปถวายยังวัดหลวงต่างๆ นอกจากวัดสำคัญที่ทรงกำหนดไว้ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระองค์เอง หรือจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ หรือองคมนตรี หรือผู้ที่ทรงเห็นสมควรเป็นผู้แทนพระองค์ไปถวาย จึงเปิดโอกาสให้กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ตลอดจนคณะบุคคลหรือบุคลากรที่สมควรรับพระราชทานผ้ากฐินไปถวายได้ โดยกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชน ได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน เพื่อเป็นการอุปถัมภ์พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบถ้วนไตรมาสให้ได้รับอานิสงส์ตามพระวินัย และเป็นทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม โดยเป็นการรวมพลังแห่งความสามัคคี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจในการสร้างบุญกุศลสร้างความสุขของการอยู่ร่วมกันในสังคม รวมทั้งเป็นการจรรโลงและส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้มั่นคงดำรงอยู่เจริญวัฒนาสถาพรสืบไป

‘อัครเดช’ ชู!! ‘เอกนัฏ’ มีวิสัยทัศน์ สนับสนุน ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ ผลักดัน!! ให้ไทย เป็นฐาน ‘อุตสาหกรรมรถ EV’ มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

(9 พ.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า 

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทาง GAC AION ได้จัดงาน AION Sourcing Day มีผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศได้รับคัดเลือกให้เจรจาธุรกิจเป็นรายบริษัทกับ GAC AION จำนวน 74 บริษัท คาดจะก่อให้เกิดมูลค่าซื้อขายชิ้นส่วนในประเทศ 2,250 ล้านบาท

ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าว เกิดขึ้นจาก GAC AION ได้ตัดสินใจสร้างฐานการผลิตแห่งแรกนอกประเทศจีนที่ประเทศไทย ด้วยมูลค่าเงินลงทุนกว่า 5,600 ล้านบาท เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) กำลังการผลิต 20,000 คันต่อปี และยังมีแผนจะขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า การลงทุนของ GAC AION ในครั้งนี้ยังได้มีการใช้ชิ้นส่วนรถยนต์จากผู้ผลิตในประเทศไทยมากกว่าที่ BOI กำหนดไว้ที่ 40% จึงเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งของการเติบโตแบบยั่งยืนในอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ของประเทศ

ความสำเร็จในครั้งนี้เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมได้เชิญนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่ง เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ  ร่วมพบปะและหารือกับผู้บริหารระดับสูงของ GAC AION 

ในคราวนั้นนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ได้ขอให้ทาง GAC AION สนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์จากผู้ผลิตในประเทศให้มากกว่าที่ทาง BOI กำหนดที่ 40% เพื่อส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME) รวมถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศไทย อีกทั้งพิจารณาให้ผู้ผลิตของไทยเป็นคู่ค้าที่สำคัญของทาง GAC AION และเพิ่มศักยภาพในการผลิตผ่านการถ่ายโอนองค์ความรู้และเทคโนโลยีในการผลิต จนนำมาสู่ความร่วมมือตามที่ได้มีการจัดงานAion Sourcing Day ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้

เมื่อนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการนัดหารือกับผู้บริหารของบริษัท GAC AION พร้อมด้วย นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม และนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันโครงการดังกล่าว ส่งเสริมให้โครงการดังกล่าวเป็นโครงการต้นแบบสำหรับนักลงทุนหรือผู้ผลิตรถยนต์ EV ที่จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตในการส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจากผู้ประกอบการของคนไทยหรือผู้ประกอบการ SME ไทย

สำหรับแนวทางดังกล่าวจะเห็นว่า เป็นเรื่องที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเมื่อได้รับตำแหน่งดังกล่าวแล้ว จึงได้ส่งเสริมแนวนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง 

นายอัครเดช กล่าวต่ออีกว่า ในเดือนธันวาคมที่จะถึง ทาง GAC AION ได้เชิญนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมไปเยือนมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อพบผู้นำระดับสูงของมณฑลเพื่อสานต่อความร่วมมือทั้งในด้านการค้าและการลงทุนในอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกด้วย

ทำความเข้าใจ ‘YPTA’ ของ ‘Airasia’ เยาวชนที่เดินทางโดยลำพัง เปิดแนวทางป้องกัน เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ถึงจุดหมายดังใจ

(9 พ.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘Happ Study Abroad’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ  ผู้โดยสารเยาวชนที่เดินทางลำพัง โดยมีใจความว่า ...

ทำความเข้าใจ YPTA ของ Airasia

1. YPTA หมายถึง ผู้โดยสารเยาวชนที่เดินทางลำพัง
2. เยาวชนในที่นี้ คือ อายุ 12-16 ปี
3. รายละเอียดต่าง ๆ ตามใน https://support.airasia.com/.../Are-children-allowed-to... 
4. เอกสารสละสิทธิ์การเรียกร้องเพื่อรับรอง YPTA ที่เป็นเอกสารภายในของสายการบิน แต่ละสายการบินอาจมีแบบฟอร์มและวิธีปฏิบัติแตกต่างกัน เจ้าหน้าที่เช็กอินมีหน้าที่แจ้งให้ผู้ปกครองลงนามเอกสารนี้ 
5. YPTA ต้องมาแสดงตัวเช็กอินพร้อมผู้ปกครองที่เคาน์เตอร์เท่านั้น

* เหตุการณ์สายการบินปฏิเสธไม่ให้น้องเล็กและเพื่อนขึ้นเครื่องจาก Dmk -Jai เมื่อ 3 พ.ย.67 ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าเพราะผู้ปกครองไม่ได้เซ็นเอกสารสละสิทธิ์การเรียกร้องเพื่อรับรอง YPTA ณ เคาน์เตอร์เช็กอิน 

* ผู้ปกครองแย้งกลับว่า เจ้าหน้าที่เช็กอินไม่ได้ยื่นเอกสารใดๆมาให้เซ็น ในเมื่อเจ้าหน้าที่ไม่แจ้ง ไม่ยื่นเอกสารให้ลงนาม ผู้ปกครองจะทราบได้อย่างไร 

* รายละเอียดผู้โดยสารตรงตามพาสปอร์ต เจ้าหน้าที่เช็กอินเห็นอยู่แล้ว เพราะมีหน้าที่ต้องตรวจทาน และเด็ก ๆ ก็ยืนแสดงตัวอยู่หน้าเคาน์เตอร์ตลอดเวลา ดูหน้าก็รู้ว่าเป็นเด็กทั้งคู่ แต่ก็ไม่ได้ถามไถ่ ทักท้วงใด ๆ และทำการออกบัตรโดยสาร พร้อมโหลดสัมภาระให้เรียบร้อย 

* การที่เจ้าหน้าที่อีกคนอ้างภายหลังว่าผู้ปกครองจองตั๋วโดยใส่วันเดือนปีเกิดไม่ตรงตามพาสปอร์ตนั้นไม่เป็นความจริง เด็กทั้งสองอายุเกิน 12 ปีแล้ว ใน website สามารถจองตั๋วได้เลย โดยเลือกตั๋วผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป)

* หนังสือให้ความยินยอมที่พ่อแม่ทำมาจากอำเภอหรือเขต ใช้ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ ตม. (สายการบินไม่ได้ขอดูเอกสารนี้)

แนวทางป้องกันสำหรับผู้ปกครอง
1. จองตั๋วทาง website หรือ app ของสายการบินโดยตรง เพื่อความสะดวกในการติดต่อ หากเกิดความผิดพลาดใด ๆ
2. เตรียมหนังสือให้ความยินยอมฉบับจริง หรือโหลดเก็บไว้ในโทรศัพท์ เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตม.
3. ขณะเช็กอินให้ผู้ปกครองถามเจ้าหน้าที่ ขอเซ็นเอกสารของสายการบินทุกครั้ง
4. รอที่สนามบินจนกว่าเครื่องจะออก และโทร.ติดต่อเด็กเพื่ออัปเดตสถานะเป็นระยะ

จับตา!! ‘Mou44 – คดีล้มล้างฯ - ศึกอบจ.อุดรฯ - ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ’ แม้ ‘รัฐนาวาของอุ๊งอิ๊ง’ จะโคลงเคลง!! แต่ ‘ทักษิณ’ ยังชิลเดินหน้าปลุกแนวรบ

(9 พ.ย. 67) ไฮไลต์เหตุบ้านการเมืองที่เป็นแรงกระเพื่อมทางการเมืองขณะนี้มีมากเป็นสิบ ๆ กรณี  แต่จะโฉบจับเอามาขีดเส้นใต้สัก4กรณี  ชี้ทิศทางสถานการณ์สัปดาห์หน้า...

1) กรณีตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย..วัดใจกันว่าฝั่งการเมืองหรือกระทรวงการคลังจะเปลี่ยนตัวจาก โต้ง กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นพงษ์ภาณุ  เศวตดรุณ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวฯอดีตลูกหม้อกระทรวงการคลัง หรือยอมเปิดทางให้กุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดพลังงาน/ลูกหม้อกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นตัวเลือกฝั่งแบงก์ชาติ..

ร้อนปรอทแตกถ้ายืนยันดันโต้ง,ร้อนพอประมาณถ้าเลือกพงษ์ภาณุและร้อนอุ่น ๆ หากเลือกกุลิศ..

2) สัปดาห์ที่ผ่านมาคณะทำงานของอัยการสูงสุดสอบเพิ่มเติมผู้ร้อง (ทนายธีรยุทธ   สุวรรณเกสร) และผู้ถูกร้อง (ทักษิณ-เพื่อไทย) ซึ่งส่งอ.ชูศักดิ์ ศิรินิล ไปให้ถ้อยคำ ต้นสัปดาห์นี้อัยการจะส่งรายงานไปยังศาลรธน. ดูไทม์ไลน์แล้วพุธที่ 13 พ.ย. ศาลรธน.อาจจะยังพิจารณาไม่ทันว่าจะรับคำร้องที่นายธีรยุทธร้องไว้พิจารณาหรือไม่ แต่พุธที่ 20 และ 27 พ.ย.น่าจับตา..มีลุ้น

คดีหรือคำร้องที่พูดถึงนี้ไม่ใช่อะไรอื่น คือกรณีที่เรียกกันว่า ‘คดีล้มล้างฯภาค2’ ที่ไฮไลต์คำร้องอยู่ที่กรณีป่วยทิพย์ ชั้น 14 และกรณีการครอบครองครอบงำ ปรากฏว่าตอนอัยการเชิญไปให้ปากคำเพิ่มเติมเมื่อ 5 พ.ย.ทนายธีรยุทธขออธิบายความเพิ่มเติมว่า..กรณีการดำเนินการเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ของรัฐบาลแพทองธารขณะนี้นั้นอาจนำไปสู่การสูญเสียอธิปไตย เป็นการละเมิดพระบรมราชโองการเรื่องการกำหนดเส้นไหล่ทวีป ปี 2516...ฯลฯ..

ร้อนปรอทแตกพันเปอร์เซ็นต์ถ้าศาลรธน.รับไว้พิจารณา..!!

3) ว่ากันตามเนื้อผ้า..กรณีเกาะกูดและMOU2544 สัปดาห์ก่อนโน้นรัฐบาลทำท่าทำทางจะตั้งหลักได้ดีพอประมาณ เชิญระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศมาชี้แจง แต่ล่าสุดเมื่อ8พ.ย.ท่านนายกฯอิ๊งค์กับรองนายกฯอ้วน ออกมาช่วยกันตอบคำถาม..อาการน่าเป็นห่วงก็เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะกรณีที่ท่านนายกฯบอกว่าเขมรยังขีดเส้นอ้อมเกาะกูดให้ไทยเลย..

ต้องหมายเหตุว่านาทีนี้..คนส่วนใหญ่เขาตาสว่างกันหมดแล้วว่า..คำว่า 'เกาะกูด' มิได้หมายถึงเฉพาะตัวเกาะ  แต่หมายถึงทะเลอาณาเขตรอบตัวเกาะ..

การชี้แจงของนายกฯ น่าจะทำให้การล่า 1 แสนรายชื่อให้ยกเลิกMOU2544เพื่อเซฟเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของคณะนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม และการขับเคลื่อนอย่างแข็งแรงของพรรคพปชร.ตลอดจนภาคประชาชนในสัปดาห์หน้า..สัปดาห์ต่อ ๆ ไปแข็งแกร่งมากขึ้นตามลำดับ..

มีพรายกระซิบว่า...รัฐบาลอาจจะแก้เกมผ่อนคลายสถานการณ์ด้วยการเชิญภาคส่วนต่าง ๆ มาล้อมวงคุย..รับฟังข้อมูล..ก็อาจจะช่วยได้บ้างตามสมควร..

4) แม้รัฐนาวาลูกสาวจะออกอาการโคลงเคลง ซึ่งเหตุปัจจัยส่วนหนึ่งมากผู้เป็นพ่อ..แต่ในยามนี้ผู้เป็นพ่ออย่างทักษิณ ชินวัตร ดูจะไม่ออกอาการอะไรมาก ยังชิล ๆ..มองการเมืองข้ามช็อตเดินหน้าปลุกแนวรบเพื่อไทย ให้” แดงทั้งแผ่นดิน”แบบโดนัลด์ ทรัมป์  ก็มิปาน..

วันที่ 13-14 พ.ย.ทักษิณในฐานะผู้ช่วยหาเสียง จะไปช่วยปราศรัยหาเสียงให้ ‘ศราวุธ  เพชรพนมทวน’ (เขยของอินทรีอีสาน-พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก) ผู้สมัครนายกอบจ.อุดรธานี 3 จุด..เฉพาะจุดสุดท้ายที่ทุ่งศรีเมืองกลางเมืองอุดร วางดัชนีชี้วัดเอาไว้ว่าต้องมีมวลมหาประชาชนชาวอุดรมาฟัง 2 หมื่นคน..

ว่ากันว่า ‘ทักษิณ’ เพิ่งปลาบปลื้มหัวใจพองโตจากขอนแก่นโมเดล เมื่อสัปดาห์ก่อนโน้นที่ วัฒนา ช่างเหลา นำมวลชนคนเสื้อแดงชูป้ายทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง ล้มแชมป์เก่า6สมัยลงได้อย่างน่าอัศจรรย์..

รอบนี้เลือกนายกฯอบจ.อุดรฯพรรค 24 พ.ย.เพื่อไทยเจอศึกใหญ่เพราะพรรคส้มหมายมั่นจะเปลี่ยนอุดรฯเป็นเมืองหลวงคนเสื้อส้ม ปักธงนายกอบจ.ให้ได้เป็นผืนแรก..ถึงขั้นต้องจัดทัพหลวง ‘พิธา-ธนาธร’ออกรบเอง...ทักษิณมีหรือจะไม่รู้ว่าถ้าแพ้ที่สมรภูมินี้  จะชี้ช้ำยิ่งกว่าถูกศาลรธน.รับคดีล้มล้างฯไว้พิจารณาเป็นร้อยเท่า..

อีกทั้ง การโหมข่าวเลือกตั้งอบจ.อุดรฯยังช่วยเบนข่าวMOU2544 ที่กำลังขยี้นายกฯอิ๊งค์ได้อีกต่างหาก!!

เปิดตัว!! หนังสือการ์ตูน ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ผู้กำกับ เผย!! อยากให้คนรุ่นใหม่ เข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น

(9 พ.ย. 67) นายวิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ เปิดตัวหนังสือการ์ตูนต่อยอดแอนิเมชัน เสริมฉากที่ไม่มีในหนัง พิมพ์ 4 สีทั้งเล่ม ปกแข็งทนทาน บอกเล่าเหตุการณ์ย่อยเรื่องยากให้ง่าย เข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น ภูมิใจมีเด็ก ป.5 อ่านแล้วรู้เรื่อง สนุกแทบวางไม่ลง เผยมีอีกหลายเรื่องอยากคลี่คลาย ให้เด็กรุ่นหลัง ได้รู้ที่มาที่ไปให้แข็งแรง และหยัดยืนเติบโตได้

"ในระหว่างทำแอนิเมชัน เราเคยคิดเรื่องการดัดแปลงเป็นหนังสือการ์ตูน แต่ภาพยังไม่ค่อยชัดมาก ตอนนั้นคิดแค่ว่าเอาแอนิเมชันให้จบก่อน พอจบแล้วเสียงตอบรับดี เนื้อหาของเรื่องมันได้ บทที่ใส่ไปในเรื่องมันพร้อมที่จะทำ คิดว่าถ้ามันประสบผลสำเร็จ ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเป็นรายได้ให้กับพวกเราด้วย แต่ผมก็ไม่อยากที่จะให้หนังสือมันแพงมาก ผมต้องการให้หนังสือมีคุณค่า ผมจึงทำเป็นปกแข็งและทำสี่สีทั้งเล่ม" นายวิวัธน์ กล่าว

สำหรับการจัดทำหนังสือการ์ตูนดังกล่าว นายวิวัธน์ กล่าวว่า เดิมตั้งเป้าไว้ที่ 3 เดือน สุดท้ายอยู่ที่ 4 เดือน แต่ถือว่าเร็วเมื่อเทียบกับการวาดการ์ตูนใหม่ทั้งหมด หากฉากไหนไม่สมบูรณ์ก็นำมาวาดเพิ่ม แต่ด้วยความที่มีแหล่งวัตถุดิบอยู่แล้ว และได้คุณเก่ง สุทธิ บุญมนัส เป็นคนวาดการ์ตูนและวางโครงเรื่อง ทำให้เล่าเรื่องราวอย่างราบรื่น ออกมาเป็นการ์ตูนแบบญี่ปุ่นที่เด็กๆ ย่อยง่ายและสนใจอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมาจากการสืบค้นกว่า 3 ปี มาเรียบเรียงใหม่ ถือเป็นการรวมพลังของคนทำแอนิเมชันเพื่อส่งต่องานให้สมบูรณ์

"สิ่งที่ภูมิใจที่สุด คือ เด็กอ่านแล้วรู้เรื่อง อ่านแล้วสนุก อันนี้คือหัวใจสำคัญในการทำประวัติศาสตร์ที่เล่ายาก ๆ เป็นเรื่องที่ตึงเครียด แต่ทำให้เด็กสามารถอ่านแล้วสนุกกับเนื้อหา และได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปด้วยกัน คือคุณทำตำราเรียนมา 1 เล่ม มันมีแต่ข้อความ เด็กมันเบื่อไม่อยากอ่าน แต่พอทำเป็นการ์ตูน เด็กเกิดความสนใจที่จะศึกษาต่อ ผมคิดว่าเราประสบความสำเร็จมาก คุณแม่ส่งรูปมาให้ดูว่าลูกชาย ป.5 นั่งอ่านการ์ตูนโดยที่วางไม่ลง พวกเรารู้สึกหายเหนื่อยในสิ่งที่ทำมา มันได้ประโยชน์จริง ๆ" นายวิวัธน์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยความภาคภูมิใจ

‘รัสเซีย’ สั่งจำคุก!! ทหารที่ก่อเหตุฆ่ายกครัว ‘ชาวยูเครน’ ชี้!! เป็นกรณีตัวอย่างที่หายาก ในคดีอาชญากรรมสงคราม

(9 พ.ย. 67) ในสงคราม ‘รัสเซีย – ยูเครน’ ที่ดำเนินมาเกิน 2 ปีครึ่งนั้น หนึ่งในข้อครหายูเครนพยายามฟ้องเอาผิดรัสเซียและประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน คือเรื่องของการก่ออาชญากรรมสงคราม ที่รวมถึงการสังหารพลเรือนอย่างไร้ความปรานี

แต่ล่าสุดที่รัสเซียมีความเคลื่อนไหวน่าสนใจ หลังศาลรัสเซียตัดสินจำคุกทหารรัสเซีย 2 นายตลอดชีวิต ในข้อหาสังหารครอบครัวชาวยูเครน 9 คนในแคว้นโดเนตสก์ พื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนที่ถูกยึดครอง เป็นกรณีตัวอย่างที่หายากที่ประเทศนี้จะเอาผิดทหารของตัวเองในคดีอาชญากรรมสงคราม

อัยการกล่าวว่า ครอบครัวคัปคาเนตส์ (Kapkanets) ทั้งหมดถูกสังหารที่บ้านของพวกเขาในภูมิภาคโดเนตสก์เมื่อปี 2023 โดยฝีมือของ แอนตัน โซปอฟ วัย 21 ปี และสตานิสลาฟ ราอู วัย 28 ปี ซึ่งในบรรดาเหยื่อมีเด็กด้วย

โซปอฟและราอูถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่า เอ็ดเวิร์ด คัปคาเนตส์ วัย 53 ปี, ทาเทียนา ภรรยาของเขา, ลูกชายคนโตและภรรยา, หลานสาววัย 9 ขวบ หลานชายวัย 4 ขวบ และญาติห่าง ๆ ของครอบครัวอีก 3 คน

ดมิโทร ลูบิเนตส์ ผู้ตรวจการแผ่นดินของยูเครนกล่าวว่าในวันเกิดเหตุ ครอบครัวนี้กำลังฉลองวันเกิดให้หนึ่งในสมาชิกในครอบครัว เจ้าหน้าที่ยูเครนในขณะนั้นกล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่าครอบครัวนี้ถูกฆ่าเพราะปฏิเสธที่จะยกบ้านให้กองทหารรัสเซีย

ทั้งนี้ รายละเอียดบางอย่างของคดียังไม่ชัดเจน เช่น ทหารรับสารภาพหรือไม่ เนื่องจากการพิจารณาคดีจัดขึ้นในห้องปิด แต่สำนักข่าว TASS ของรัฐรัสเซียรายงานว่า โซปอฟและราอูถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรม ‘โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเกลียดชังทางการเมือง อุดมการณ์ เชื้อชาติ หรือศาสนา’

ที่ผ่านมารัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาอาชญากรรมสงครามทั้งหมดในยูเครน แม้จะมีหลักฐานยืนยันชัดเจนที่ขัดแย้งกันก็ตาม ซึ่งรวมถึงเหตุระเบิดโรงละครในเมืองมาริอูโปลซึ่งเป็นที่พักพิงของผู้คนหลายร้อยคนในเดือน มี.ค. 2022 และการสังหารหมู่ผู้คนหลายร้อยคนในเมืองบูชาในเดือนเดียวกัน

‘นิวยอร์กไทม์ส’ รายงาน!! โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศถอนตัว จากข้อตกลงปารีส ขยายการขุดเจาะน้ำมัน ส่งออกก๊าซธรรมชาติ

(10 พ.ย. 67) นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่า แผนนี้รวมถึงการเพิกถอนการยกเว้นของรัฐแคลิฟอร์เนียสำหรับมาตรฐานมลพิษที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และย้ายสำนักงานใหญ่ของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (EPA) จากวอชิงตัน

แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกของทีมงานเปลี่ยนผ่านของทรัมป์ ระบุ

ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของไบเดนได้ระงับการออกใบอนุญาต LNG ใหม่ในเดือนมกราคม เพื่อการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ซึ่งกำหนดให้สาธารณชนแสดงความคิดเห็นภายในสิ้นปีนี้

‘นิพิฏฐ์’ สงสาร!! ทนายตั้มจูบหน้าผากลา ‘เมียรัก’ ฝากเพื่อนทนาย ให้กำลังใจเพื่อน ขอให้เขาเข้มแข็ง

(10 พ.ย. 67) นาย นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ และทนายความ โพสต์ภาพของนาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน กำลังหอมหน้าผากของนาง ปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือ เดือน ภรรยาคนสวย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงิน บนรถตู้ ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวไปขออำนาจศาลเพื่อฝากขัง พร้อมข้อความลงในเฟซบุ๊ก ‘นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ’ ระบุว่า …

ขี้สงสาร ผมน่าจะมีจุดอ่อนอยู่เรื่องหนึ่ง คือ ขี้สงสาร เห็นใครทุกข์ลำบากไม่ว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี ผมสงสารไปหมด ขอเขียนอีกครั้งเถอะ แม้จริตผมไม่ตรงกับทนายตั้ม ผมเคยเขียนต่อว่าเขาครั้งหนึ่ง ตอนเขาไปทำบุญ และอธิษฐานให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษใครคนหนึ่ง (ผมจำไม่ได้แล้วว่าเขาให้ลงโทษใคร) ผมขึ้นเฟซบุ๊กต่อว่าเขาทันทีว่า จะบ้ารึ!! การอธิษฐานขอพร เขาไม่อธิษฐานขอพรให้พระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษใคร มีแต่ขอพรให้ตัวเองและผู้อื่นพ้นทุกข์ ได้วิชานี้มาจากไหนวะ!!! นี่มันวิชามารนะ!! 

หลังจากนั้นทนายตั้ม ลงเฟซบุ๊กขอถอนคำอธิษฐาน ด้วยความขี้สงสารของผม เห็นภาพทนายตั้มโอบกอดภรรยาแ ละจูบที่หน้าผากภรรยา ผมก็สะท้อนใจ ผมบ่นกับภรรยาว่า สงสารเขา ปกติคนเป็นสามีต้องปกป้องภรรยา เขาคงปวดใจที่ปกป้องภรรยาไม่ได้ ทำให้ภรรยาต้องมารับวิบากด้วย

ภรรยาผมสวนขึ้นมาว่า ดีนะขนาดอยู่ในรถควบคุมผู้ต้องหา เขายังจูบหน้าผากภรรยา แต่เธอไม่เคยจูบหน้าผากฉันนานแล้ว เป็นงั้นไปอีก!!!

ยิ่งอ่านข่าวว่า เขาไม่ขอประกันตัวเอง แต่ขอให้ภรรยาได้ประกันตัว ผมก็ยิ่งเห็นใจเขาเข้าไปอีก ประกันออกมาแล้วผิดเงื่อนไข ค่อยถอนประกันก็ได้

ผมฝากเพื่อนทนายตั้ม จะช่วยเขาหรือไม่ช่วยเขาก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและรูปคดี แต่การให้กำลังใจให้เขาเข้มแข็ง ไม่ผิดอะไรหรอก เขาเรียกว่าเพื่อนแท้มิใช่เพื่อนกิน จำหลักไว้นะครับผู้ต้องหาหรือจำเลย ไม่ว่าเขาผิดหรือถูก เขา ‘จำเป็น’ ต้องมีทนายความเป็นที่ปรึกษา ผิด-ถูกก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง เหมือนผู้ป่วยไม่ว่าเป็นโจรหรือพระ หมอก็ต้องรักษาอาการเจ็บป่วยให้

เพื่อนทนายความคนไหนไปเยี่ยมเขา ก็ซื้อหนังสือปรัชญา สโตอิก (Stoicism) เล่มดี ๆ ไปฝากเขาสักเล่มสองเล่ม เพื่อให้เขาอยู่ได้โดยมีหลักคิด ที่ไม่ทุกข์จนเกินไป ใครไม่ชอบใจข้อเขียนผมก็เมตตาผมเถอะ ผมเหมือนผลไม้ที่หมดรสฝาด หมดรสเปรี้ยวแล้ว มีแต่รสหวาน ที่อยากให้เพื่อนร่วมโลกอยู่กันอย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนกันเท่านั้น

‘น้อง ป.5 - น้อง อ.3’ รีวิวหลังอ่าน ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ สนุกมาก วางไม่ลง!! ได้เรียนรู้ ความจริงในประวัติศาสตร์

(10 พ.ย. 67) รีวิวจาก น้อง ป.5 และน้อง อ.3 ที่ได้อ่าน ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก 

เด็กอ่านแล้วรู้เรื่อง อ่านแล้วสนุก

ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้จัดสร้าง ที่ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นจริงในประวัติศาสตร์ ให้กับคนรุ่นใหม่ได้เข้าใจ จะได้ไม่ถูก ‘บิดเบือน’

ระหว่างอ่าน!! มีถามแม่ “กษัตริย์ เป็นคนดีไหม”

ถ้าเป็นคุณ ‘จะตอบคำถามนี้ ของลูกว่าอย่างไร’ 

ส่งข้อความมาคุยกันกับ THE STATES TIMES


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top