Thursday, 3 July 2025
NewsFeed

วิกฤต Nissan!! เลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน หั่นเงินเดือน CEO เซ่นกำไรฮวบรอบ 15 ปี

(8 พ.ย.67) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น Nissan รายงานผลประกอบการขาดทุนในไตรมาสล่าสุด ทำให้ต้องประกาศเลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน หรือประมาณ 6% ของพนักงานทั้งหมด เนื่องจากยอดขายของรถยนต์ Nissan หลายรุ่นในสหรัฐอเมริกาไม่ดีในไตรมาสที่ผ่านมา

ตามรายงานของ AP Makoto Uchida ซีอีโอของ Nissan กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สถานการณ์นี้ 'เป็นเรื่องร้ายแรงมาก' โดยเขาได้ตัดสินใจลดเงินเดือนตัวเองลงครึ่งหนึ่ง และยังมีแผนลดกำลังการผลิตทั่วโลกลง 20% อีกด้วย

ในปี 2022 Uchida มีรายได้รวม 673 ล้านเยน (ประมาณ 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตามรายงานของ BBC

"นิสสันจะปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น" Uchida กล่าวเสริม

ทั้งนี้ Uchida ไม่ใช่ซีอีโอคนแรกที่ลดเงินเดือนเมื่อธุรกิจประสบปัญหา ในปี 2023 Eric Yuan ซีอีโอของ Zoom ได้ลดเงินเดือนตัวเองลง 98% ท่ามกลางการเลิกจ้าง และต่อมา Satish Malhotra ซีอีโอของ Container Store ก็สมัครใจลดเงินเดือนลง 10% เพื่อให้พนักงานได้รับโบนัสตามผลงาน

นอกจากนี้ ในปี 2013 ซีอีโอของ Nintendo ก็เคยลดเงินเดือนตัวเองลงครึ่งหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการเลิกจ้างเช่นกัน

ออสเตรเลียเล็งออกกฎเข้ม ต่ำกว่า 16 ปีห้ามใช้โซเชียลมีเดีย คาดบังคับใช้ปลายปีหน้า

นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซีของออสเตรเลียประกาศว่า รัฐบาลออสเตรเลียเตรียมออกกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบระบบตรวจสอบอายุผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยคาดว่ากฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ได้เร็วที่สุดในปลายปีหน้า

ผู้นำออสเตรเลียกล่าวว่า การใช้งานโซเชียลมีเดียที่มากเกินไปส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็ก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่อาจถูกล่อลวงให้เผยแพร่ภาพร่างกายที่ไม่เหมาะสม หรืออาจเผชิญกับปัญหาการถูกกลั่นแกล้ง (Bullying) ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งทางรัฐบาลได้วางแผนจะนำเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อรัฐสภาในปีนี้ และหากได้รับความเห็นชอบ จะมีผลบังคับใช้ใน 12 เดือนหลังจากที่รัฐสภาให้สัตยาบัน

ปัจจุบันหลายประเทศได้มีการออกกฎหมายควบคุมการใช้งานโซเชียลมีเดียของเด็ก โดยออสเตรเลียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเข้มงวดมากที่สุด เนื่องจากจะไม่มีข้อยกเว้นให้เด็กใช้งานได้ แม้ได้รับการอนุญาตจากพ่อแม่ ขณะที่ในฝรั่งเศสได้มีการเสนอให้ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีใช้โซเชียลมีเดีย แต่อนุญาตให้ใช้ได้หากได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง และในสหรัฐอเมริกาได้มีการเรียกร้องให้บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ติดตั้งระบบปิดกั้นการเข้าถึงโซเชียลมีเดียสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 13 ปีหากไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครอง

‘รถถัง’ เคลื่อนไหวหลังตกตาชั่งเสียแชมป์โลก ONE มวยไทย ลั่นทำเต็มที่แล้ว พร้อมขอร้องชาวเน็ต “อย่าว่าเมียผม”

(8 พ.ย.67) หลังจาก 'รถถัง จิตรเมืองนนท์' เจ้าของฉายา ดิไอรอนแมน ยอดนักชกชาวไทย ตกตาชั่งอีกครั้ง ทำน้ำหนักไม่ผ่านตามกำหนด ก่อนคิวเตรียมขึ้นชกกับ จาค็อบ สมิธ ผู้ท้าชิงจากสหราชอาณาจักร เพื่อป้องกันแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ที่สนามมวยลุมพินี (รามอินทรา) ในวันที่ 9 พ.ย. นี้ ทำให้ รถถัง ต้องถูกริบเข็มขัดแชมป์โลกตามกฎ ONE Championship แต่การชกจะยังคงมีอยู่ตามกำหนดการเดิม โดยถ้า สมิธ ชนะ จะคว้าแชมป์ไปครองทันที หาก สมิธ แพ้ แชมป์จะว่างลง

โดยทางรถถัง ได้เคลื่อนไหว ด้วยการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า "7ปีที่เราอยู่ด้วยกันมา ผมเต็มที่ที่สุดแล้ว จากกันแล้วก็จะไม่จากไกลผมสัญญาว่าจะเอากลับมาให้ได้ #ไม่ต้องด่าคนอื่นนะพี่ ๆ ด่าผมคนเดียวผม ผมเต็มที่ที่สุดแล้ว" โดยมีแฟนคลับเข้าไปให้กำลังใจจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ 'บอย ท่าพระจันทร์' โดยได้คอมเมนต์ว่า 

ไม่ว่าใครจะด่า หรือว่าน้องยังไง อยากให้รู้ว่าพวกพี่ ๆ และเพื่อน ๆ เป็นกำลังใจให้น้องเสมอ #สู้

นอกจากนี้ รถถังยังได้ออกมาโพสต์ขอร้องทุกคนอย่าคอมเมนต์เสีย ๆ หาย ๆ ถึงภรรยาของตน เพราะเป็นคนที่คอยกำลังใจตนอยู่ตลอด โดยระบุว่า

"ใช่ คุณด่าได้เต็มที่เลยว่าผมไม่มืออาชีพ แต่อยากบอกอะไรให้นะ คุณมาลองอยู่กับผมสักไฟต์สิว่าผมทำอะไรบ้างแต่ละวัน ผมแม่งโคตรอยากทำให้ได้เลย ผมอยากไลฟ์สดให้ดูเลยว่าผมต้องอดทนขนาดไหน ผมแม่งโคตรอยากรักษาเข็มขัดเส้นนี้ไว้ไห้นานเลย พวกคุณรู้มั้ย"

"คุณลองมาเป็นผมดูมั้ยก่อนที่จะด่าจะว่าอะไรออกมาเคยลองคิดกลับไปมองตัวเองมั้ยว่าด่าเขาแล้วผมจะทำได้มั้ย ผมไม่เคยด่าเลยนะ เพราะผมรู้ว่าถ้าผมอยู่จุดแต่ละคนแล้วผมคงทำไม่ได้แน่ สักวันคุณจะเข้าใจ และขอฝากไว้นะครับ ทุกวันนี้ผมทำเพื่อครอบครัวและประเทศไทยจริงๆ มวยไทยผมรักมากที่สุด ขอบคุณที่ทนอ่านนะครับและขอร้องอย่าเมนต์เสีย ๆ หาย ๆ ว่าเมียผมเลยเขาคือคนที่ให้กำลังใจผมตลอดเวลา"

เส้นทางขนส่ง 'MIDDLE Corridor' กระตุ้นการค้าระหว่าง ​​ประเทศในเอเชียกลางและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กรุงเทพ, 30 ตุลาคม 2567 สถานทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทยได้จัดสัมมนาในหัวข้อเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศทรานส์แคสเปียน (Middle Corridor) และประเทศคาซัคสถานในฐานะจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงที่มีศักยภาพ ผู้ร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้ประกอบไปด้วยตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ, นักวิชาการ ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการขนส่งที่มีประสบการณ์

​นาย อาร์มัน อิสเซตอฟ เอกอัครราชทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทย กล่าวเปิดงานโดยเน้นย้ำว่าประเทศคาซัคสถานที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญบนเส้นทาง ทรานส์แคสเปียน คาซัคสถานประเทศซึ่งเป็นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาคยูเรเชียน โดยมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงด้านการค้าและการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในศตวรรษที่ 21 คาซัคสถานได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ณ วันนี้มีจุดผ่านแดนประเทศของเราถึง 11 จุด โดยเส้นทางที่สำคัญที่สุดคือเส้นทางทรานส์แคสเปียน

​ข้อมูลจากองค์กรระหว่างประเทศที่เผยแพร่โดยธนาคารโลกเมื่อปี 2023 ระบุว่าเส้นทางขนส่ง Middle Corridor ช่วยย่นระยะเวลาขนส่งระหว่างประเทศจีนและยุโรปอีกทั้งเพิ่มการขนส่งขึ้นถึงสามเท่าจนถึงระดับ 11 ล้านตันภายในปี 2030 UN ESCAP ในแผนนโยบายที่ได้แถลงเมื่อปี 2023 กล่าวว่า Middle Corridor และเส้นทางรถไฟจากประเทศจีนเชื่อมสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่เปิดในปี 2021 จะช่วยกระตุ้นการค้าระหว่างภูมิภาคเอเชียกลางและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

​การสัมมนายังได้เชิญผู้ประกอบการขนส่งจากบริษัท Rhenus Logistics นายศิวาพัชญ์ เผ่าพรหม ตัวแทนบริษัทฯ ขึ้นพูดเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ด้านการขนส่งที่เชื่อมโยงจากประเทศไทยสู่ประเทศคาซัคสถาน โดยเน้นถึงโอกาสการเติบโตทางด้านการค้าและศักยภาพที่สำคัญในการเชื่อมโยงการขนส่ง และ นายพีระพล พิภวากร ตัวแทนจาก Kazakh Thai Alliance มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการเปิดตลาดคาซัคสถาน รวมถึง วิธีการ และ แนวทางในการนำสินค้าเข้าไปเปิดตลาดในประเทศคาซัคสถาน

​ช่วงท้ายของการสัมมนาได้เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น รวมไปถึงการพูดคุยกับหน่วยงานต่างๆที่มาร่วมงานเพื่อสร้างความร่วมมือในอนาคต สถานทูตคาซัคสถานขอขอบคุณผู้ร่วมงานทุกท่านและวิทยากรที่สละเวลามาร่วมงานในครั้งนี้ อีกทั้งอยากเน้นย้ำถึงความสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศคาซัคสถานและประเทศไทย

'รัสเซล โครว์' เยือนไทยอีกครั้ง แวะชิมเมนูดัง 'เจ๊ไฝ' พร้อมอวยยศฉ่ำ “เธอเป็นร็อคสตาร์ตัวจริง”

(8 พ.ย.67) นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง ‘รัสเซล โครว์’ กลับมาไทยอีกครั้ง ไม่พลาดทำหน้าที่ทูตท่องเที่ยว แวะหา ‘เจ๊ไฝ’ ชิมเมนูดัง พร้อมบอ “เธอเป็นร็อคสตาร์ตัวจริง” หยอดคำชมกรุงเทพฯ ฉ่ำ

กลับมาทำหน้าที่เป็นทูตเที่ยวไทยอีกแล้ว สำหรับ 'Russell Crowe' (รัสเซล โครว์) นักแสดงชื่อดังแห่งวงการฮอลลีวูด เจ้าของรางวัลออสการ์ระดับตำนาน ที่ฝากผลงานไว้ให้โลกจดจำมากมาย

ไม่ว่าจะเป็น Gladiator (2000),A Beautiful Mind (2001), American Gangster (2007), Les Misérables (2012), Proof of Life (2000), The Insider (1999)

หลังเคยเดินทางมาถ่ายทำภาพยนตร์ 'The Greatest Beer Run Ever' ที่เมืองไทย ในปี พ.ศ. 2564 และได้โพสต์ภาพต่าง ๆ ในเมืองไทย จนกลายเป็นไวรัลเรียกเสียงฮือฮา ชาวเน็ตแห่แซวว่า เหมือนเป็นทูตด้านการท่องเที่ยว

ล่าสุด นักแสดงคนดัง ก็ได้ออกมาโพสต์ภาพคู่กับ 'เจ๊ไฝ' ในแพลตฟอร์ม X พร้อมบอกว่า
“Popped in to see my friend Jay Fai at her unique and wonderful restaurant.
Crab curry!
Crab omelette!!
If you know, you know.
If you don’t … you should.
She is an absolute rockstar!
Bangkok remains an exhilarating experience. So nice to be back in amazing Thailand !!”

โดยแปลเป็นไทยว่า “แวะมาเยี่ยมเพื่อนของผม เจ๊ไฝ ที่ร้านอาหารอันเป็นเอกลักษณ์และยอดเยี่ยมของเธอ แกงปู! ไข่เจียวปู!! ถ้าใครรู้จัก ก็จะรู้ว่าอร่อยแค่ไหน ถ้าใครยังไม่รู้จัก… ควรต้องมาลอง
เธอเป็นร็อคสตาร์ตัวจริงเลย!

กรุงเทพฯ ยังคงเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ดีใจมากที่ได้กลับมาเมืองไทยอันน่าทึ่งอีกครั้ง!!”

แน่นอนว่า นี่เป็นการพบกันของสองตำนานจากสองวงการอีกครั้ง ซึ่งการพบกันในครั้งนี้ ก็ทำชาวเน็ต รวมถึงแฟน ๆ เข้ามาคอมเมนต์รอตามรอย 'รัสเซล โครว์' เป็นจำนวนมาก และลุ้นว่าเจ้าตัวจะไปเที่ยวที่ไหน ในประเทศไทยอีกบ้าง จนมียอดชมกว่า 1 แสนครั้ง

จีนก้าวหน้าสร้างอาวุธล้างโลก ตามแบบหนัง Star Wars สำเร็จแล้ว

(8 พ.ย.67) นักวิทยาศาสตร์จีนประกาศความสำเร็จในการพัฒนาปืนเลเซอร์พลังสูงที่มีลักษณะคล้ายอาวุธล้างโลกในภาพยนตร์ไซไฟชื่อดังอย่าง 'Star Wars' ซึ่งในภาพยนตร์นั้น ปืนเลเซอร์ 'Death Star' มีหลักการทำงานโดยการรวมคลื่นไมโครเวฟพลังงานสูงจำนวนมากให้กลายเป็นลำแสงที่มีพลังทำลายล้างสูง สามารถยิงทำลายเป้าหมายเฉพาะจุดได้ และแม้กระทั่งดาวเคราะห์

นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนได้นำแนวคิดนี้มาพัฒนาระบบอาวุธไมโครเวฟพลังสูง โดยใช้ยานส่งสัญญาณหลายตัวซิงโครไนซ์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าด้วยกันด้วยเทคโนโลยีจับเวลาที่แม่นยำ เพื่อสร้างลำแสงเลเซอร์ที่เข้มข้นเพียงลำเดียวสำหรับเล็งโจมตีเป้าหมายเฉพาะจุด 

อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของปืนเลเซอร์นี้ไม่ได้พัฒนาเพื่อทำลายดาวเคราะห์ ทีมวิจัยของจีนระบุว่าเทคโนโลยีนี้มุ่งใช้เพื่อปิดการทำงานของดาวเทียม โดยเฉพาะการตัดสัญญาณดาวเทียม GPS ของสหรัฐฯ และดาวเทียมเป้าหมายอื่น ๆ จีนได้ทดสอบการใช้งานอาวุธนี้และยืนยันว่าสามารถรบกวนการทำงานของดาวเทียม GPS และกระทบการส่งข้อมูลของดาวเทียมเป้าหมายได้ นอกจากนี้ ในอนาคตจีนยังจะใช้เทคโนโลยีนี้ระงับสัญญาณดาวเทียมจากสหรัฐฯ หรือชาติพันธมิตร ในกรณีที่ต้องการฝึกอบรมหรือทดสอบเทคโนโลยีใหม่ภายในประเทศ เพื่อป้องกันการสอดแนมจากดาวเทียมต่างชาติ

สื่อจีนรายงานว่าอาวุธนี้จะใช้ในอวกาศเท่านั้น ไม่ได้ใช้บนภาคพื้นดิน ทางทะเล หรือในบรรยากาศโลก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของทีมนักวิทยาศาสตร์จีนที่สามารถนำแนวคิดจากโลกจินตนาการมาสู่เทคโนโลยีจริง 

น่าสังเกตว่า การประกาศความสำเร็จของปืนเลเซอร์ 'Death Star' ของจีนนั้นเกิดขึ้นหลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะและดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ซึ่งทั่วโลกจับตาดูสงครามการค้าระลอกใหม่ระหว่างจีน-สหรัฐฯ เนื่องจากทรัมป์ได้ประกาศจะขึ้นภาษีสินค้าจีนถึง 60% รวมถึงความขัดแย้งในน่านน้ำทะเลจีนใต้ ที่คาดว่าจะทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

ฝูงลิง 43 ตัว หลุดจากห้องแล็บวิจัย แนะประชาชนปิดประตู-หน้าต่างป้องกัน

(8 พ.ย.67) ชาวบ้านในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับความหวาดกลัว หลังมีการประกาศเตือนให้หลีกเลี่ยงฝูงลิงที่อาจติดเชื้อโรค ภายหลังลิงจำนวนประมาณ 40 ตัวหลบหนีออกมาจากศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง

รายงานข่าวระบุว่า ลิงกลุ่มนี้หลุดออกมาจากศูนย์วิจัยวานรอัลฟา เจเนซิส ในเมืองเยมาสซี ซึ่งห่างจากเมืองชาร์ลสตันไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 100 กิโลเมตร เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน

“มีการจัดวางกับดักไว้ทั่วพื้นที่ และในขณะนี้กรมตำรวจเมืองเยมาสซีกำลังใช้กล้องตรวจจับความร้อนในการตามหาฝูงลิงเหล่านั้น” ตำรวจระบุในคืนวันพุธ พร้อมเตือนว่า “ขอแนะนำให้ชาวบ้านปิดประตูและหน้าต่างอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้ลิงเหล่านี้เข้ามาในบ้าน”

ศูนย์วิจัยอัลฟา เจเนซิส ใช้สถานที่ในเมืองเยมาสซีเป็นที่เลี้ยงลิงสำหรับการวิจัยและทดลองทางการแพทย์ โดยในเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่าพวกเขาให้บริการด้านการวิจัยทางชีวภาพและการเพาะพันธุ์ลิง ซึ่งลิงเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในการทดลองทางคลินิกสำหรับการศึกษาเกี่ยวกับโรคต่าง ๆ

ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าลิงที่หลบหนีเมื่อวันพุธเป็นลิงที่อยู่ในขั้นตอนการทดลองหรือมีเชื้อโรคอยู่ภายในตัวหรือไม่ เจ้าหน้าที่จึงได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติด้วยความระมัดระวังอย่างสูงสุดในการจัดการกับลิงที่หลบหนี และประชาชนทั่วไปได้รับคำเตือนว่า หากพบเห็นลิงเหล่านี้ ขออย่าได้เข้าใกล้หรือสัมผัส และให้รีบแจ้งตำรวจทันที

ทั้งตำรวจและศูนย์วิจัยอัลฟา เจเนซิส ยังไม่ได้ระบุถึงสายพันธุ์ของลิงที่หลบหนี แต่ที่ผ่านมา บริษัทมักทำงานกับลิงวอก ลิงมาคาก และลิงคาปูชิน

เหตุการณ์นี้นับเป็นการหลบหนีครั้งที่สองของฝูงลิงจากศูนย์วิจัยอัลฟา เจเนซิสในรอบกว่า 10 ปี โดยก่อนหน้านี้ในปี 2016 ลิงราว 19 ตัวหายออกไปนานประมาณ 6 ชั่วโมงก่อนที่ทั้งหมดจะถูกนำกลับมา

นายกจีนเสนอชาติลุ่มน้ำโขง เร่งลงนามการค้าเสรีจีน-อาเซียน

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (7 พ.ย.67) หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ครั้งที่ 8 โดยเรียกร้องให้ 6 ประเทศสมาชิกยกระดับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้ร่วมมือกันมายาวนานกว่า 30 ปี

การประชุมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายน ที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยมีผู้นำจากกัมพูชา จีน ลาว เมียนมา ไทย เวียดนาม รวมถึงประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) เข้าร่วมด้วย

โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1992 เพื่อส่งเสริมการเติบโตของการค้า การลงทุน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาคให้มีความเชื่อมโยงมากขึ้น 

หลี่เฉียงกล่าวว่า โครงการนี้ได้กลายเป็นเวทีสำคัญในการหารือความร่วมมือเพื่อพัฒนาภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และเน้นว่าจีนและประเทศสมาชิกควรทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางเศรษฐกิจร่วมกัน พร้อมดำเนินความร่วมมือเชิงปฏิบัติในหลายด้านอย่างลึกซึ้ง ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลง

หลี่เฉียงได้เสนอให้ประเทศสมาชิกขยายการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจและสร้างตลาดขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเสนอให้พัฒนาหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางคุณภาพสูง ดำเนินความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และเร่งการลงนามพิธีสารฉบับปรับปรุงของเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน

เขายังเรียกร้องให้มีการพัฒนาแบบขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยส่งเสริมการพัฒนาเครือข่ายไฟฟ้าระดับภูมิภาค การร่วมมือในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่พลังงานใหม่ ยานยนต์ และโซลาร์เซลล์ รวมทั้งขยายความร่วมมือในพลังงานสะอาด การผลิตอัจฉริยะ คลังข้อมูลขนาดใหญ่ และเมืองอัจฉริยะ

ด้านการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐาน หลี่เฉียงได้เสนอให้มีการเชื่อมโยงถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ รวมถึงด้านนโยบายและกฎระเบียบ เพื่อเร่งการบูรณาการทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ทั้งนี้ จีนจะออก 'วีซ่าล้านช้าง-แม่น้ำโขง' ให้กับประเทศสมาชิกทั้ง 5 ประเทศ และออกวีซ่าเข้าประเทศแบบหลายครั้ง ระยะ 5 ปี ให้กับนักธุรกิจที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์

เขายังได้เน้นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย และธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย 

ผู้นำต่างชาติที่เข้าร่วมการประชุมต่างชื่นชมบทบาทสำคัญของจีนในการผลักดันความร่วมมือในภูมิภาคนี้ และยืนยันที่จะเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การเกษตร การเชื่อมต่อเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาสีเขียว การดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และด้านอื่น ๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุม

พร้อมดูแลดุจครอบครัว! ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ และตำรวจทางหลวง นำขบวนเปิดทางกว่า 450 กิโลเมตร ส่งทารกอายุ 14 วัน และเด็กน้อย 3 ขวบป่วยวิกฤตถึงโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วใน 4 ชั่วโมง

วันนี้ (8 พ.ย.67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่มุ่งให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่พี่น้องประชาชน พร้อมป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งได้กำชับเน้นย้ำให้ทุกหน่วยนำไปขับเคลื่อนให้มีผลปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และล่าสุดขอชื่นชมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร และตำรวจทางหลวง อำนวยความสะดวกการจราจร เร่งนำส่งเด็กมีอาการป่วยวิกฤต 2 เคส จากจังหวัดขอนแก่นส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชน รวมถึงตำรวจทางหลวง ตำรวจจราจรท้องที่ และเจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จึงสามารถนำส่งผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

โดยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 08.27 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้รับการประสานงานจากโรงพยาบาลขอนแก่น ว่ามีผู้ป่วยเป็นเด็กทารกแรกเกิดอายุ 14 วัน มีภาวะหลอดเลือดใหญ่หัวใจสลับขั้ว ทางเดินหายใจตีบแคบ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องส่งเข้ารับการรักษาต่อที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร เมื่อได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้เข้าสนับสนุนบริเวณ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดทางนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว

ต่อมาวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 06.00 น. ได้รับการประสานงานจากโรงพยาบาลขอนแก่น ว่าต้องการตำรวจนำขบวนเปิดเส้นทางเพื่อส่งตัวเด็กหญิง อายุ 3 ปี 4 เดือน ป่วยปอดติดเชื้อขั้นรุนแรง ไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร ตำรวจทางหลวงจึงได้นำเปิดเส้นทาง จนถึง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้เข้าสมทบ นำขบวนเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว และนำส่งผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเคสนี้เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้เวลาในการเดินทางให้น้อยที่สุด จึงต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเปิดเส้นทางเร่งด่วน เพื่อนำผู้ป่วยวิกฤตส่งรักษาต่อยังแพทย์เฉพาะทางโดยเร็วที่สุด เนื่องด้วยระยะทางไกลกว่า 450 กิโลเมตร หากไม่มีรถนำ รถพยาบาลจะสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก ไม่สามารถทำเวลาได้เต็มที่และอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง พล.ต.ท.ประจวบฯ จึงได้สั่งการให้ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ตำรวจทางหลวง และตำรวจท้องที่เข้าช่วยเหลืออำนวยความสะดวกนำขบวนเปิดเส้นทางโดยทันที เมื่อได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้นในการเดินทาง และถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ และ พล.ต.ท.กรไชยฯ ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ตำรวจทางหลวง รวมถึงตำรวจท้องที่ทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมช่วยเหลือ ดูแล และอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ ไม่ว่าจะเหตุด่วน เหตุร้าย เหตุฉุกเฉิน ขอให้นึกถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราพร้อมดูแลทุกท่านดุจสมาชิกในครอบครัว 

ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์ว่า หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้ง ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง
- โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ 
- โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 
- โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ 
- โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผบ.ทร. นายกสมาคมสามสมอ ประชุมคณะกรรมการสมาคม ปีงป.68

เมื่อวานนี้ (7 พ.ย.67) พลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ นายกสมาคมสามสมอสมาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสามสมอสมาคม เพื่อพิจารณาแผนการดำเนินการ และประมาณการรายได้ ค่าใช้จ่าย สามสมอสมาคมประจำปี งบประมาณ 68 ก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ณ ห้องนารายณ์ทรงสุบรรณ  อาคาร 5 พระราชวังเดิม กทม.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top