Sunday, 28 April 2024
LGBTQ

สยบดราม่า!! เปิดคุณสมบัติผู้บริจาคเลือด ห้ามใครบริจาคบ้าง หลังบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง เพจ ‘Madampam Makeup by Winlaphat’ โพสต์เสียความรู้สึก อ้างสภากาชาดไทย ไม่รับเลือดจากรักร่วมเพศ”

จากการที่ “บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง” เพจ ‘Madampam Makeup by Winlaphat’ ออกมาโพสต์ตำหนิสภากาชาดไทยที่ได้ปฏิเสธรับบริจาคเลือดของตนว่า ช่วงนี้ สภากาชาดขาดเลือด ผมกับเมียตั้งใจไปบริจาคเลือด แล้วทำคลิปช่วยประชาสัมพันธ์แล้วถึงได้รู้ว่า LGBT อย่าได้ริอาจไปบริจาคเลือดเชียว เพราะสภากาชาด ยังมีนโยบาย "ไม่รับเลือดจากรักร่วมเพศ" เพราะมองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นพาหนะนำโรค นี่มันโลกยุคไหนแล้วครับ 

โคตรเสียความรู้สึกเลยครับ ขอบใจมาก ผมจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับสภากาชาดตลอดไป งานอะไรก็ไม่ต้องมาให้ช่วยโปรโมท ถ้าในอนาคตผมต้องการเลือด ผมก็จะหาซื้อเอง 

ไม่อยากเชื่อ ว่าองค์กรที่ต้องการเลือดเพื่อช่วยคน ดันทำลายคนบริจาคเลือดด้วยการ เหยียดเพศ 

เมียผมน้องเดินร้องไห้กลับบ้านทั้งๆ ที่อยู่หน้าห้องบริจาค เพราะอะไร เพราะความผิดที่ไม่ได้ก่อเหรอ ผมไม่เข้าใจ การรับเลือดของเพศเดียวกันมันคือตราบาปอะไร

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สภากาชาดยังเคยขอให้เมียผมช่วยโปรโมทโครงการบริจาคเลือดอยู่เลย ย้อนแย้งสุดๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าไปดูระเบียบของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ระบุคุณสมบัติผู้บริจาคเลือด ทั้งหมด 31 ข้อดังนี้
1.) อายุ 17 ปีบริบูรณ์ - 70 ปี

2.) น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป

3.) รู้สึกสบายดี สุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะบริจาคโลหิต ไม่มีอาการผิดปกติต่างๆ เช่น อาการอ่อนเพลียจากการอดนอน อาการมึนเมาจากการดื่มแอลกอฮอล์หรือสารอื่นๆ

4.) นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ อย่างน้อย 5 ชั่วโมง

5.) หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ภายใน 6 ชั่วโมง

6.) หากมีโรคประจำตัวต่างๆ ที่พบบ่อยในผู้บริจาคโลหิต

7.) กรณีรับประทานยาต่างๆ

8.) งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนมาบริจาคโลหิต 24 ชั่วโมง

9.) อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรต้องงดบริจาคโลหิตชั่วคราว

10.) คลอดบุตร หรือแท้งบุตร เว้น 6 เดือนเพื่อให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงให้กลับเป็นปกติก่อน

11.) มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
(1.) ท่านหรือคู่ของท่านเคยมีเพศสัมพันธ์กับ : ผู้ที่ไม่ใช่คู่ของตนเอง / ผู้ทำงานบริการทางเพศ / ผู้เสพยาเสพติด / ผู้ที่อาจติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ หากผู้บริจาคโลหิตและคู่ มีพฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าว ย่อมมีผลกระทบต่อผู้ป่วยที่ได้รับโลหิตเช่นเดียวกัน จึงเป็นข้อกำหนดให้งดบริจาคโลหิตอย่างไม่มีกำหนด
(2.) ท่านเป็นเพศชาย ที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับเพศชาย ซึ่งอัตราการติดเชื้อเอชไอวี ของกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายสูงกว่าประชากรทั่วไปมาก และโอกาสที่จะมีผู้ที่อยู่ในระยะ window period ของการติดเชื้อ เอชไอวี ในกลุ่มนี้สูงกว่าประชากรทั่วไป (window period คือ ระยะเวลาที่เพิ่งเริ่มติดเชื้อ ในร่างกายยังมีเชื้อจำนวนน้อย ไม่สามารถตรวจพบร่องรอยการติดเชื้อได้ด้วยวิธีทางห้องปฏิบัติการแต่สามารถถ่ายทอดไปยังผู้รับโลหิตได้) ข้อนี้จึงยังเป็นข้อกำหนดไม่รับบริจาคโลหิตอย่างถาวร

12.) เคยใช้ยารักษาหรือป้องกันโรคเอชไอวีให้งดการบริจาคอย่างถาวร

13.) อุดฟัน ขูดหินปูน เว้น 3 วัน / ถอนฟัน รักษารากฟัน เว้น 7 วัน

14.) ท้องเสีย ท้องร่วง เว้น 7 วัน

15.) เจาะหู ผิวหนัง สัก ลบรอยสัก ฝังเข็ม เว้น 4 เดือน

16.) ผ่าตัดเล็ก เว้น 7 วัน / ผ่าตัดใหญ่ เว้น 6 เดือน

17.) เคยป่วยและได้รับโลหิต หรือส่วนประกอบโลหิต ภายใน 1 ปี ที่ผ่านมา

18.) เคยได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cells)

19.) เคยถูกเข็มที่เปื้อนเลือดตำ ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา

20.) เคยป่วยเป็นโรคตับอักเสบโดยทั่วไปการเป็นโรคตับอักเสบก่อนอายุ 11 ปี ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากไวรัสตับอักเสบ เอ เมื่อหายแล้วสามารถบริจาคโลหิตได้ แต่หากมีประวัติเป็นตับอักเสบหลังอายุ 11 ปี มักมีสาเหตุจากไวรัสตับอักเสบ บี หรือ ซี ต้องงดบริจาคโลหิตถาวร เพื่อลดความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเชื้อให้ผู้ป่วยที่ได้รับโลหิต

‘บางขุนเทียน’ จัดกิจกรรมวันวาเลนไทน์ เปิดพื้นที่ให้คู่รัก LGBTQ+ จูงมือจดแจ้งคู่สมรส 

วันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. 65 ของสำนักงานเขตบางขุนเทียน จัดงาน ”บางขุนเทียนแสงเทียนแห่งรัก" เปิดให้คู่รักชายหญิงเข้าจดทะเบียนสมรส นอกจากนี้ยังมีความพิเศษ คือ ได้เปิดให้คู่รักเพศทางเลือก LGBTQ+ ได้มาจดทะเบียนสมรสเช่นกัน โดยทุกคู่จะได้รับทะเบียนสมรสที่เรียกว่า ใบรับการแจ้งคู่ชีวิต พร้อมของที่ระลึกเป็นหลอดไฟเพื่อนำเป็นสัญลักษณ์ในการส่องสว่างชีวิตของคนทั้งคู่ 

คู่แรกที่ได้จดแจ้งชีวิตคู่อย่าง น.ส.ณัฐรดา ฉิมช้าง ชาวไทย กับ MISS SHANNON DENISE BATES ชาวอเมริกัน บอกว่า การแต่งงานเพศทุกเพศสำคัญไม่ว่าจะเพศอะไร สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีการแบ่งแยก การจดทะเบียนในวันนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นนำร่องทางกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตคู่สมบูรณ์ขึ้น เช่นในกรณีเจ็บป่วย เราไม่สามารถเซ็นยินยอมให้รักษาได้ เพราะโรงพยาบาลไม่ยินยอม ต้องไปตามครอบครัวมาเซ็นยินยอม ซึ่งถ้าข้อกฎหมายนี้ผ่าน เราก็สามารถให้เขาที่คอยอยู่กับเรามีสิทธิเซ็นยินยอมได้ แต่ถ้ายังไม่มีการเริ่มก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ 

ทัศนะ! ‘ความหลากหลายทางเพศ’ ใน ‘สังคมทำงาน’ เป็นอย่างไร? | Click on Clear THE TOPIC EP.149

📌 มุมมองต่อ ‘LGBTQ’ ของคุณเป็นแบบไหน...?? พบกับ ‘อาจารย์เคท ครั้งพิบูลย์’ อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

📌 ใน Topic : ทัศนะ! ‘ความหลากหลายทางเพศ’ ใน ‘สังคมทำงาน’...เป็นอย่างไร?

ร่วมจับประเด็น เน้นความรู้ได้ในรายการ Click on Clear THE TOPIC

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

‘LGBTQ+’ ตรวจสุขภาพเฉพาะทางได้ที่ไหนบ้าง มาดูกัน!!

เนื่องจากเดือนมิถุนายนของทุกปีถือเป็น Pride Month สำหรับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศหรือ LGBTQ+ ซึ่งปัจจุบันมีการรณรงค์สนับสนุนความเท่าเทียมและความภาคภูมิใจในตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องการดูแลสุขภาพนับเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับประชาชนทุกคนรวมถึงกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ
การตรวจสุขภาพ คือ การตรวจร่างกายในภาวะที่ร่างกายเป็นปกติดี ไม่มีอาการเจ็บป่วย โดยมีวัตถุประสงค์ในการค้นหาปัจจัยเสี่ยงและภาวะผิดปกติ เพื่อให้ทราบแนวทางป้องกันการเกิดโรคร้ายแรง ในทุกช่วงอายุควรเข้ารับการตรวจสุขภาพ ซึ่งสามารถเลือกตรวจสุขภาพประจำปีกับโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนก็ได้

>> การตรวจสุขภาพในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น
มุ่งเน้นไปที่การตรวจร่างกายทั่วไป (ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง) เพื่อค้นหาความผิดปกติ ประเมิน การเจริญเติบโตตามวัย และเฝ้าระวังด้านพัฒนาการ รวมไปถึงการรับวัคซีนต่าง ๆ ตามกำหนดเวลา เพื่อป้องกันการเกิดโรค



>> การตรวจสุขภาพในกลุ่มวัยทำงาน
สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 18 - 60 ปี โดยการซักประวัติเพื่อค้นหาความเสี่ยงของโรค โดยเฉพาะในกลุ่มที่ครอบครัวเคยมีประวัติป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง เบาหวาน ประกอบกับการตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต เพื่อช่วยในการคัดกรองภาวะเสี่ยงของโรค ซึ่งควรตรวจร่างกายอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง


 

- ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง
- ตรวจการได้ยินปีละ 1 ครั้ง
- แบบประเมินสภาวะสุขภาพ เช่น ภาวะซึมเศร้า การใช้ยาและสารเสพติด การดื่มแอลกอฮอล์ การติดนิโคตินในผู้สูบบุหรี่ เป็นต้น
- การตรวจตา สำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจวัดสายตาและตรวจคัดกรองโรคต้อหิน ภาวะความดันลูกตาสูง และความผิดปกติอื่นๆ โดยทีมจักษุแพทย์ อย่างน้อย 1 ครั้ง
- การถ่ายภาพรังสีทรวงอก (Chest x-ray) โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ไอเรื้อรัง เจ็บหน้าอก หรือมีอาการสงสัยว่าเป็นวัณโรคและมะเร็งปอด
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) ช่วยคัดกรองภาวะโลหิตจางหรือความผิดปกติอื่นของเม็ดเลือดหรือเกล็ดเลือด

'ก้าวไกล-ก้าวหน้า' จับมือจัด 'เสวนา-ปาร์ตี้' หลัง 'สมรสเท่าเทียม' ผ่านสภาวาระแรก

ปักธงความเท่าเทียม ก้าวไกลจัดเสวนาก้าวต่อไปหลังสมรสเท่าเทียมผ่านวาระแรก พร้อมปาร์ตี้สุดพิเศษ Progressive Pride Party โดยคณะก้าวหน้า เพื่อฉลองวาระแห่งความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าทางกฎหมายครั้งประวัติศาสตร์ของไทย

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นพณัช ชัยวิมล ผู้กำกับซีรีส์วาย GMM และปอย ตรีชฎา เพชรรัตน์ นักแสดงและนางแบบ ร่วมเสวนาถึงก้าวต่อไปของร่างพ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม โดยมีพริษฐ์ วัชรสินธุ์ ดำเนินรายการ ในหัวข้อ “อนาคตกฎหมาย #สมรสเท่าเทียม สู่ความหวังสังคมที่คนเท่ากัน” เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2565 ภายในงาน ธัญวัจน์ได้เปิดเผยความรู้สึกวินาทีที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านวาระแรกไว้ว่า  “จริงๆ วันนั้นตื่นขึ้นมารู้สึกมืดมิดแต่ในใจก็คือต้องทำให้ได้ ตอนประกาศปุ๊บมันเห็นเหมือนแสง เห้ย เราได้จริงๆ ด้วย เรารู้สึกมันเป็นมง(ลง)ประชาชน หลายคนยังมีความคิดและการไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ แม้แต่ในรายงานรัฐสภา ที่บอกว่าพวกเราผิดธรรมชาติ จึงต้องใช้กฎหมายแยกออกไป ซึ่งธัญพยายามจะบอกว่า เราบินไปดาวอังคาร เรายอมรับธรรมชาตินั้น แต่เราไม่ยอมรับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยังไง”

ธัญวัจน์กล่าวต่อไปว่า ตนเองเชื่อว่า ส.ส. ทุกคนทำงานตามหน้าที่ แต่ที่สุดแล้วทุกคนต้องมีหัวใจด้วย และการผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมวาระแรกนี้มันทำให้เห็น ส.ส. ที่มีหัวใจ ธัญวัจน เผยต่อไปถึงอนาคตของสมรสเท่าเทียมในวาระ 2 ว่าไม่ง่าย แต่ร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต ก็มีปัญหาในตัวเอง ยังไม่ให้สถานะคนหลากหลายทางเพศเท่ากับคู่สมรสต่างเพศ ดังนั้นตนต้องทำงานต่ออย่างหนักเพื่อผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมให้ผ่านให้ได้ โดยเชื่อว่าทางออกที่ดีที่สุดคือประเทศไทยมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมเป็นพื้นฐาน ทุกคนจดทะเบียนสมรสได้ แต่ก็มี พ.ร.บ. คู่ชีวิตด้วย เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากจดทะเบียนคู่ชีวิต

ขณะที่นพณัช ในฐานะผู้กำกับซีรีส์วายชื่อดังหลายเรื่อง กล่าวว่าส่วนตัวเป็นคนที่อินกับประเด็นนี้ เคยมีโอกาสได้เดินพาเหรดไพรด์ที่ไต้หวัน และรู้สึกว่าหัวใจพองฟูหลังทราบว่าพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมผ่านวาระแรก นพณัชยกตัวอย่างประสบการณ์ส่วนตัวในฐานะผู้กำกับซีรีส์วาย และได้อธิบายความสัมพันธ์ของซีรีส์วายกับการขับเคลื่อนเรื่องสิทธิว่า จุดเริ่มต้นของซีรีส์วายมาจากความบันเทิงเป็นหลัก ไม่ได้มีหน้าที่เพื่อขับเคลื่อนสิทธิความหลากหลาย แต่ปัจจุบันในฐานะผู้ผลิต ก็ต้องพยายามบาลานซ์ทั้งความบันเทิงและเรียกร้องสิทธิไปพร้อมๆ กัน ตอนนี้ซีรีส์วายรวมถึงซีรีส์ LGBT กำลังรวมทั้งความบันเทิงและการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมเข้าด้วยกัน 

ผู้กำกับซีรีส์ “เพราะเราคู่กัน” ยังอธิบายเพิ่มเติมถึงเรื่องที่สังคมสงสัย ว่านักแสดง ไอดอล สามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือเรียกร้องในประเด็นที่ละเอียดอ่อนได้หรือไม่ พร้อมยืนยันว่าบริษัทไม่มีนโยบายห้ามนักแสดงและไอดอลในการแสดงออก “คุณต้องรับรู้ว่าคุณคือไอดอล และมีอิทธิพลต่อความคิดของเยาวชน ไอดอลหนึ่งคนมีคนติดตามกว่าล้านคน การที่จะโพสต์อะไร ต้องคิดก่อนและรับผิดชอบต่อความเห็นที่คุณแชร์ ก็จะเห็นนักแสดง และน้องๆ ในซีรีส์วายหลายคนออกมาขับเคลื่อนประเด็นนี้” เขาสรุป

'สิงคโปร์' เตรียมยกเลิก กม.ห้าม ‘เกย์’ มีเซ็กซ์ แต่ยังไม่อนุญาต ‘สมรสเพศเดียวกัน’

นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง แห่งสิงคโปร์ ประกาศวานนี้ (21 ส.ค.) ว่า รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมจะยกเลิกกฎหมายอาญาที่ห้ามชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ซึ่งเป็นกฎหมายเก่าที่ใช้มาตั้งแต่ยุคอาณานิคม ทว่ายังไม่มีแผนอนุญาตการสมรสระหว่างคนเพศเดียวกัน

กลุ่มนักเคลื่อนไหว LGBTQ ได้ออกมาชื่นชมการตัดสินใจนายกฯ ลี ที่จะยกเลิกมาตรา 377A ในประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกำหนดบทลงโทษสำหรับการมีเซ็กซ์ระหว่างผู้ชาย แต่ก็แสดงความกังวลว่า ผู้นำสิงคโปร์ยังคงปฏิเสธที่จะแก้ไขคำนิยามของการสมรสให้ครอบคลุมคู่รักเพศเดียวกัน และนั่นแปลว่าการแบ่งแยกกีดกันยังไม่หมดไปเสียทีเดียว

ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันชาติสิงคโปร์ ลี ระบุว่า สังคมสิงคโปร์ทุกวันนี้ โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยหนุ่มสาวมีแนวคิดเปิดกว้างและยอมรับผู้ที่มีรสนิยมรักเพศเดียวกันมากขึ้น

“ผมเชื่อว่านี่คือการกระทำที่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่คนสิงคโปร์ส่วนใหญ่ยอมรับได้” นายกฯ ลี กล่าว

ทั้งนี้ ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่ามาตรา 377A จะถูกยกเลิกเมื่อใด

สิงคโปร์ถือเป็นประเทศล่าสุดในเอเชียที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่การยกเลิกกฎหมายกีดกัน LGBTQ โดยก่อนหน้านี้ ศาลสูงสุดอินเดียก็มีคำพิพากษายกเลิกกฎหมายห้ามการมีเซ็กซ์ระหว่างผู้ชายเมื่อปี 2018 ส่วนประเทศไทยเองกำลังมีการผลักดันร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม-คู่ชีวิต

กฎหมายอาญามาตรา 377A ของสิงคโปร์กำหนดระวางโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี สำหรับการมีเซ็กซ์ระหว่างชายและชาย ทว่าไม่ได้มีการบังคับใช้จริงมานานหลายสิบปีแล้ว อีกทั้งกฎหมายนี้ไม่ได้ครอบคลุมถึงเซ็กซ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง หรือเพศทางเลือกอื่น ๆ

องค์กรเพื่อสิทธิ LGBTQ หลายกลุ่มได้ออกคำแถลงร่วมเมื่อวันอาทิตย์ (21 ส.ค.) โดยระบุว่ารู้สึก “โล่งใจ” กับคำประกาศของนายกฯ

“สำหรับทุกคนที่เคยมีประสบการณ์ถูกบูลลี่ ถูกปฏิเสธ และถูกคุกคามจากกฎหมายนี้ การยกเลิกมันไปในที่สุดจะช่วยให้พวกเราสามารถเริ่มต้นกระบวนการเยียวยา และสำหรับใครก็ตามที่ปรารถนาให้สิงคโปร์เป็นสังคมที่มีความเท่าเทียมและหลอมรวมมากขึ้น การยกเลิกกฎหมายนี้ถือเป็นสัญญาณว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง” คำแถลงร่วมระบุ

อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงฉบับนี้ยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลสิงคโปร์หยุดฟังเสียงของพวกอนุรักษนิยมเคร่งศาสนาที่ต้องการให้คงนิยามของการสมรสในรัฐธรรมนูญว่าหมายถึงการแต่งงานระหว่าง 'ผู้ชายกับผู้หญิง' เท่านั้น เพราะนั่นถือเป็นการบ่งบอกกลาย ๆ ว่าพลเมือง LGBTQ ไม่มีสิทธิเท่าเทียมในด้านนี้

กระแสต่อต้านการยกเลิกมาตรา 377A มีมาโดยตลอดเช่นกัน โดยเมื่อเดือน ก.พ. ศาลสูงสุดสิงคโปร์มีคำตัดสินว่า เนื่องจากกฎหมายนี้ไม่ได้ถูกบังคับใช้จริงมานานแล้ว จึงไม่ถือว่าละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญอย่างที่ฝ่ายผู้ร้องเรียนอ้าง ขณะที่นายกฯ ลี เองยอมรับว่า มีกลุ่มองค์กรมุสลิม คาทอลิก และโปรเตสแตนต์บางกลุ่มที่ยังไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 377A

5 ประเทศสุดอันตรายต่อกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQ+ ฟาก 'แคนาดา' ยืนหนึ่ง สวรรค์ของกลุ่มหลากเพศ

การวัดว่าประเทศไหนเป็นมิตร หรือไม่เป็นมิตรกับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศนั้น มีการใช้หลาย ๆ ปัจจัยมาเป็นเกณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายคู่ชีวิต หรือกฎหมายอื่น ๆ สำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ ความเป็นมิตรของผู้คนในประเทศนั้นต่อ LGBTQ+ รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับกิจกรรมหรืออีเวนต์ Pride ต่าง ๆ ในประเทศนั้น

สำหรับประเทศที่เป็นมิตรกับผู้มีความหลากหลายทางเพศเป็นอันดับหนึ่ง ก็คือ 'แคนาดา' เป็นสิ่งที่แทบไม่ต้องคิดเลย ด้วยภาพลักษณ์ต่าง ๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอนุญาตให้คนเพศเดียวกันแต่งงานได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 รวมไปถึงผู้นำที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ รวมไปถึงงานอีเวนต์ Pride ที่มีกว่า 25 งาน ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าทำไมแคนาดาถึงเป็นประเทศในฝันของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ

แต่ในมุมที่สวยงาม ก็ยังมีมุมที่โหดร้ายดำรงอยู่เช่นเดียวกัน แม้ว่าปัจจุบันจะมีการยอมรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น เพราะว่าถือเป็นสิทธิมนุษยชน รวมไปถึงทุกคนล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ยังมีอีกหลาย ๆ ประเทศที่ไม่ได้เห็นพ้องเช่นนั้น ยังมีกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของผู้มีความหลากหลายทางเพศ รวมไปถึงการไม่ยอมรับ 

สำหรับประเทศที่อันตรายที่สุดสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทางเพศ 5 อันดับมีดังนี้

เริ่มต้นที่ประเทศ 'ไนจีเรีย' ที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของแอฟริกา เป็นประเทศที่อันตรายเป็นอันดับหนึ่ง เพราะว่าหากใครเป็น LGBT ในประเทศนี้มีบทลงโทษโดยการจำคุกถึง 14 ปี เพราะเป็นประเทศที่ใช้กฎหมายชารีอะห์ที่ไม่สนับสนุนสิทธิในการมีความหลากหลายทางเพศ แม้แต่การอภิปรายหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของความหลากหลายทางเพศ ก็เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย การแต่งงานของเพศเดียวกันก็เป็นความผิด โดยมีการร่างเป็น พรบ. ขึ้นในปี ค.ศ. 2013 รวมไปถึงยังมีการใช้ความรุนแรงกับบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศด้วย

ตามมาด้วย 'กาตาร์' ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันได้เป็นอันดับที่ 11 ของโลก สำหรับกาตาร์ก็มีการใช้กฎหมายชารีอะห์เช่นเดียวกัน นอกจากการเป็น LGBTQ+ ในประเทศนี้จะมีโทษจำคุกแล้ว ยังถูกลงโทษด้วยการใช้ความรุนแรงอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกตราเป็นกฎหมายที่ใช้กับคนรักเพศเดียวกัน เคยมีนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศกาตาร์ แต่ถูกสงสัยว่าเป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เมื่อถูกตรวจสอบก็ถูกส่งกลับทันทีโดยรัฐบาล

สำหรับอีกหนึ่งประเทศที่ถือว่าเป็นประเทศมุสลิมที่ค่อนข้างหัวโบราณ ความหลากหลายทางเพศจึงไม่เป็นที่ยอมรับเช่นเดียวกัน ก็คือ 'เยเมน' บทลงโทษของเกย์ไม่ว่าจะเป็นชายรักชาย หรือหญิงรักหญิง ก็จะมีตั้งแต่จำคุก ไปจนถึงใช้ความรุนแรง หรือการประหารชีวิตโดยการปาหิน คนรักเพศเดียวกันในประเทศนี้จะถูกปฏิเสธทั้งในแค่ของหน้าที่การงาน และการปฏิบัติจากสังคมด้วย

'ธัญวัจน์' ชี้!! การลงโทษลูกที่มีความหลากหลายทางเพศ  สะท้อน!! ความล้าหลัง วอน!! 'พูดคุย-เรียนรู้' ด้วยใจที่เปิดกว้าง

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สัดส่วนผู้มีความหลากหลายทางเพศ กล่าวถึงกรณีที่มีลูกนักการเมืองท่านหนึ่ง หนีออกจากบ้านเนื่องจากถูกผู้เป็นพ่อลงโทษด้วยเหตุผลรสนิยมทางเพศ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดที่ล้าหลัง ไม่เพียงแต่เป็นการทำร้ายร่างกายลูก แต่เป็นการเหยียบย่ำตัวตนของลูกด้วย  

ธัญวัจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความหลากหลายทางเพศเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นครอบครัวทุกยุคทุกสมัย แม้ในปัจจุบันที่แม้สังคมจะยอมรับและก้าวหน้าไปมากแล้วก็ตาม วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ที่หลายครอบครัวยุคถือสร้างความกดดันและความรุนแรงกับผู้ที่มีความหลากหลายมาตลอด บางคนไม่สามารถแสดงตัวตนได้ที่บ้านเพราะกลัวพ่อแม่จะรับไม่ได้ พ่อแม่ผิดหวังเสียใจ การปลูกฝังแนวคิดแบบนี้จากในครอบครัวสู่สังคมคืออุปสรรคใหญ่ไม่ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ ไม่เพียงแต่มิติความเท่าเทียมสากล แต่รวมถึงมิติทางกฎหมาย ธรรมเนียมปฏิบัติที่แสดงออกต่อกันของคนในสังคม

ส่อแววสิ้นชาติ!! ‘ญี่ปุ่น’ อัดฉีดงบรณรงค์ครอบครัวปั๊มลูกเพิ่ม หวั่น!! ถ้าไม่เร่งแก้ปัญหานี้โดยเร็ว สิ้นชาติแน่นอน

(6 มี.ค. 66) รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังตื่นตระหนกกับปัญหาเด็กเกิดน้อย ประชากรหดตัว หวั่นอนาคตเศรษฐกิจพินาศ จนถึงขั้นสิ้นชาติ

ด้าน โมริ มาซาโกะ หนึ่งในทีมที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีคิชิดะ ฟูมิโอะ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อญี่ปุ่น หลังพบว่า ในปีที่ผ่านมามีทารกแรกเกิดในญี่ปุ่นน้อยที่สุดเป็นประวติการณ์ว่า นอกเหนือจากปัญหาทางเศรษฐกิจถดถอยจากปัญหาประชากรลดน้อยลงแล้ว ความหวาดกลัวในอนาคตจะเกาะกินใจเด็กญี่ปุ่นรุ่นใหม่ เมื่อต้องเผชิญความจริงที่ว่า ญี่ปุ่นมีสิทธิ์ที่จะสูญสิ้นชาติได้

โดย โมริ มาซาโกะ ชี้ว่า ในปี 2022 ที่ผ่านมา มียอดตัวเลขผู้เสียชีวิตในญี่ปุ่น 1.58 ล้านคน ซึ่งสูงกว่ายอดเด็กแรกเกิดที่ราว ๆ 8 แสนคนถึง 2 เท่า และอัตราการเด็กเกิดใหม่ในญี่ปุ่นมีตัวเลขดิ่งลงอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ประชากรเหลืออยู่เพียง 124.6 ล้านคน ลดลงจากปีที่ญี่ปุ่นมีประชากรมากที่สุดในปี 2008 ที่ 128 ล้านคน และในจำนวนประชากรญี่ปุ่นในปัจจุบัน มีกลุ่มผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นถึง 29%

สิ่งที่น่าวิตกอย่างมากคือ การที่เด็กรุ่นใหม่เกิดน้อยมาก จะทำให้ญี่ปุ่นสูญเสียศักยภาพในการขับเคลื่อนประเทศในมิติต่าง ๆ ความแข็งแกร่งด้านอุตสาหกรรม และ เศรษฐกิจจะถดถอยลงเรื่อย ๆ ส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ ลองคิดดูว่า เมื่อขาดแคลนกลุ่มเยาวชน คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ เราจะหาใครมาทำหน้าที่ปกป้องประเทศจากภัยคุกคามของชาติอื่นในอนาคตได้

ด้วยเหตุนี้ นายกรัฐมนตรีคิชิดะ ฟูมิโอะ เตรียมที่จะอัดฉีดงบประมาณเพื่อจูงใจให้ครอบครัวชาวญี่ปุ่นมีลูกมากขึ้น ด้วยการเพิ่มเงินโบนัสพิเศษให้กับครอบครัวที่มีเด็กเกิดใหม่จากเดิม 4.2 แสนเยน ต่อคน เป็น 5 แสนเยนในปีนี้ และอาจมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบการทำงานในญี่ปุ่นให้เอื้อต่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่น สามารถทำงานไปด้วย ดูแลลูกไปด้วยได้ง่ายขึ้น

 

เปิ้ล ไอริณ’ ฟาดแรง!! หลังโดนแบนร่วมงานบางกอกไพรด์ เหตุปมการเมือง ลั่น!! ไม่ยุติธรรม เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครอง

‘เปิ้ล ไอริณ’ เสียความรู้สึกตั้งใจไปร้องเพลงให้กระหึ่มใจกลางเมือง แต่ถูกแคนเซิล ลั่นไม่ยุติธรรมโดนตัดสิทธิ์จากให้มีบทบาท 4 เหลือแค่ 1 แต่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแล้ว ไม่ให้ไปงานนี้ เพราะไม่ไปยืนแผ่นดินเดียวกัน หนักแผ่นดิน!! ชี้ดาราแค่หุ่นเชิด ไม่รู้อิงการเมือง หนุน sex worker

(6 มิ.ย. 66) กรณีที่ ‘เปิ้ล ไอริณ ศรีแกล้ว’ ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่าถูกเจ้าของงานบางกอกไพรด์ 2023 สั่งแบนห้ามร่วมงาน หลังแสดงความเห็นค้านแก้ ม.112 เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งในงานดังกล่าว มีทั้ง ‘ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 รวมทั้ง ‘อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร’ จากพรรคเพื่อไทย และ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมงาน พร้อมด้วยชาว LGBTQIAN+ และศิลปิน ดารามากมาย

ล่าสุด ‘เปิ้ล ไอริณ’ ได้เปิดใจหลังถ่ายรายการ ‘รายการคุยทะลุดรามา’ ช่องเวิร์กพอยท์ ยันตอนแรกต้องทำถึง 4 บทบาท แต่ภายหลังกลับลดจนเหลือบทบาทเดียว ซึ่งทำให้ตนเสียชีวิต แต่พอมาถึงตอนนี้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วที่ช่วยไม่ให้ไป เพราะตอนแรกตนไม่ทราบว่าจะมีนักการเมืองมาร่วมเดินขบวนด้วย

“ตอนแรกเปิ้ลได้รับการติดต่อทาบทามไปงานนั้น โดยเปิ้ลจะมีบทบาท 4 อย่าง หนึ่งเปิดตัว พบนักข่าว เปิดงาน สองจะใช้เพลง money ของเปิ้ล ร้องแห่ตามถนน สามเปิ้ลจะร่วมขบวนแห่ไปด้วย สี่จะต้องมีการขึ้นเวที แต่พอใกล้ถึงเวลาจริงๆ เปิ้ลก็เพิ่งมาทราบว่าทางงานบอกไม่ต้องไปงานที่สนามศุภชลาศัย แล้วให้ไปแค่ที่สยามเลย เราก็บอกว่ามันแคนเซิลง่ายๆ อย่างนั้นเลยเหรอ เรารู้สึกเสียความรู้สึก เราตั้งใจไปคอนเสิร์ต ไปร้องให้กระหึ่มใจกลางเมือง นี่คือความฝันสูงสุดของเปิ้ลเลย แต่เปิ้ลก็ต้องโดนทำลายความฝัน ที่ตอนแรกไม่ทราบสาเหตุ

เปิ้ลว่ามันไม่ยุติธรรมกับเปิ้ล จาก 4 มาเหลือ 1 มันก็โดนตัดสิทธิ์ โดยที่ไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว แต่มา ณ วันนี้เปิ้ลถือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ช่วยเหลือเปิ้ลเอาไว้ไม่ให้เปิ้ลต้องไปงานนี้ เปิ้ลจะไปทำไม งานที่มีเจ้าภาพงานเป็นตระกูลที่รัฐบาลต้องเข้าไปทำรัฐประหาร เพราะว่าเงินมันเหลือในคลัง 0 บาทแล้ว คุณสร้างหนี้เอาไว้ 84,000 ล้าน ตอนนี้รัฐบาลต้องจ่ายหนี้ข้าวของคุณ ชาวนาที่ผูกคอตายไป รัฐบาลต้องแบกรับภาระเดือนละ 30,000 ล้าน มันใช่หน้าที่ของพวกเราไหมที่เปิ้ลจะต้องไปนั่งซัปพอร์ตเขา อย่าเป็นอัลไซเมอร์ค่ะ จำกันให้ได้ ดีนะที่เปิ้ลไม่ไปยืนแผ่นดินเดียวกัน หนักแผ่นดินค่ะตรงนั้น เปิ้ลไปยืนไม่ได้หรอก” เปิ้ล ไอริณ กล่าว

คาดดาราที่ไปไม่รู้ว่าอิงการเมือง ใช้ดาราเป็นหุ่นเชิด งงสนับสนุน
“แล้วเปิ้ลจะบอกอีกสองเรื่อง เรื่องแรก ดาราที่ไปหลายคนไม่รู้ว่ามันอิงการเมืองอยู่ เนื่องจากว่าถ้าดาราไปในเรื่องของการเมืองมันมีค่าใช้จ่ายสูง ไปช่วยหาเสียง ไปการเมือง แต่เขาใช้คำพูดกับเปิ้ลว่าเดินขบวนเพื่อเรียกร้องให้ LGBTQ ได้รับความเท่าเทียม แต่เขาไม่ได้บอกเลยว่ามีนักการเมืองมา ดาราทุกคนไปก็งง แถมยังไปอิงการเปิดตัว Pride Clinic ของ รพ.บำรุงราษฎร์ ซึ่งมีการผ่าตัดแปลงเพศ เท่ากับเอาดาราไปเป็นหุ่นเชิด แต่มีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ด้านหลังรึเปล่า

ฉะนั้น คราวหลัง ศิลปินทุกคนต้องระวังคำว่า กทม. ไว้แล้วนะคะ กทม. จัด แต่พอไปถึงปุ๊บ สิ่งที่มันเป็นนโยบายเขาถามให้ละเอียดก่อน อะไรเปิ้ลก็ไม่ติดใจ แต่ท้ายของนโยบายที่เปิ้ลอ่านมาคือ สนับสนุน sex workerแล้วดาราที่ไปมีศิลปินแกรมมี่ด้วย ที่มีพี่เบิร์ด ธงไชย อยู่ด้วย สนับสนุน sex worker เหรอ เปิ้ลงง จุดประสงค์กับสิ่งที่คุณต้องการ กับสิ่งที่เราอุตส่าห์ตั้งใจไปมันคนละเรื่องกันหรือเปล่า ดีใจที่ไม่ได้ไป ถือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเปิ้ลไว้ค่ะ”

โดนตัดสิทธิ์ต้องมีเหตุผล ก่อนหน้านี้เพิ่งสนับสนุนนโยบาย ‘ลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’
“ถามว่าปีนี้มีนักการเมืองหลายพรรคไปเลย ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นหรือเปล่า อ้าว แล้วทำไมเปิ้ลถึงโดนตัดสิทธิ์ได้ มันต้องมีสาเหตุสิ เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะก่อนหน้านั้นเปิ้ลเพิ่งออกมาสนับสนุนนโยบายของ ลุงตู่ เปิ้ลกับลุงตู่อาจจะเหมือนกันตรงนี้ อยากพูดอะไรก็พูด

ความจริงก็คือความจริง ทำไมเปิ้ลต้องโดนตัดสิทธิ์ด้วย มีเหตุผลอะไร แล้วคุณชัชชาติ เขาเคยอยู่พรรคไหน มันเป็นคำถามของเด็กอนุบาลที่ไม่น่ามาถามเปิ้ลด้วยซ้ำไป (เขาเปลี่ยนเป็นให้เราไปร่วมงานแทนขึ้นขบวน เราก็เลยไม่คิดที่จะไปงาน?) เปิ้ลไม่อยากตอบคำถามพวกนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะเปิ้ลไม่ได้เป็นหุ้นสื่อค่ะ”

เขาไม่ให้ขึ้นคอนเสิร์ต ขึ้นรถแห่ ส่วนนึงอาจปกป้องเพราะตนโพสต์ข้อความทางการเมือง
“ก็อาจจะเป็นจริงนะคะ เพราะถ้าเกิดเปิ้ลขึ้นเวที ประโยคแรกเปิ้ลคงจะพูดว่า SAVE 112 ก็ดีแล้วที่เขาไม่ให้เปิ้ลไป เขาก็คิดถูกแล้ว ถามว่าเราก็โอเค เลือกที่จะไม่ไปไหม ก็คงจะแตกต่างกัน เปิ้ลก็ออกมาแสดงจุดยืน SAVE 112 ที่อีกกลุ่มต้องการที่จะยกเลิกและแก้ไข มันก็ขัดแย้งกันอยู่แล้ว มันก็อาจจะมีการเห็นต่างบางอย่างแต่ในสิ่งนึงเปิ้ลก็ยังสงสัยว่า งานนี้มีคอนเซ็ปต์ว่ารักความต่าง สนับสนุนความเท่าเทียม คำพูดยังแบบว่า… คำถามต่อไปดีกว่าค่ะ”

ยันไม่ได้อยากดัง
“เปิ้ลใช้เฟซบุ๊กมา 20 ปี ไม่เคยขึ้นจอดำเลย นี่เป็นสาเหตุที่เปิ้ลเสียใจ ที่หลายๆ คนก็เรียกร้องแม่ แล้วสิ่งที่เขาเอามาล่อเราตอนแรก อยากให้เราไป เขาพูดกับเราว่าเราจะได้เป็นแม่เลย เด็กๆ จะได้ไปเจอพี่เปิ้ลด้วย จุดประสงค์ของเรามีเท่านี้ไม่ได้อยากจะดังอะไรทั้งสิ้น แต่เรารู้สึกว่าถ้าเราเห็นภาพทุกคนร้องเพลงเรา เพลงเราไปดังก้องถนนได้ เปิ้ลจะมีความสุข เป็นฝันของเปิ้ล จะเป็นวันที่อยู่ในความทรงจำของเปิ้ลจนวันตายเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไร ถ้าเพลงของเปิ้ลอีกฝั่งนึงจะดับลงไป แต่เพลงสรรเสริญพระบารมีจะดังก้องขึ้น มันก็คุ้มค่าแล้วค่ะ”

ย้ำไม่หนุน sex worker
“ตัวเปิ้ลเองไม่ได้สนับสนุน sex worker มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงเปิ้ลจะภาพเซ็กซี่ แต่การที่เราสนับสนุนให้เด็กมีเพศสัมพันธ์เพื่อหารายได้ ยังไงเปิ้ลก็ไม่สนับสนุน จะกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยเปิ้ลก็ค้านตลอด วันนึงถ้าเปิ้ลเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนเรื่องพวกนี้ที่ มันก็คงไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของเปิ้ล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังคุ้มครองเปิ้ลอยู่ไม่ให้ได้ไปงานนั้น คนละคลื่นพลังงาน พอพลังงานมันไม่บาลานซ์กัน ทำยังไงก็ไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว

เมื่อก่อน คำว่า ‘บูลลี่’ หรือความคิดเห็นที่กระทบเราเปิ้ลต้องขอบคุณทั้งหมด มันเป็นวัคซีนให้เปิ้ลตอนนี้ เปิ้ลเชื่อเรื่อง ฟิสิกส์ควอนตัม พลังงานมวลรวม ยิ่งเราต้องการจะปกป้องอะไร สิ่งสูงสุดแค่ไหน สิ่งใหญ่โตแค่ไหน พลังงานมวลรวม อุปสรรคปัญหาหรืออะไรต่างๆ มันก็เข้ามาเท่านั้น เปิ้ลรู้ก่อนหน้านี้แล้ว เปิ้ลรู้และรับมือกับมันได้ เพราะเปิ้ลอยู่กับสิ่งนี้มา 30 กว่าปีในวงการแล้ว ก็ไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรในชีวิต เปิ้ลเขียนในเพลงไปแล้วว่าโฟกัสสิ่งใดสิ่งนั้นขยายผล ตัวเปิ้ลไม่ได้โฟกัสเรื่องลบเลย ซึ่งลึกๆ เปิ้ลก็เมตตาพวกเขานะ มันเหมือนจุดดำในกระดาษขาว เปิ้ลมีลิควิดเปเปอร์ในจิตใต้สำนึกที่สามารถลบจุดดำนั้นได้ค่ะ”

ไม่แคร์ถูกแอนตี้ เพราะไม่ได้รับงานในวงการ อยู่อย่างพอเพียง
“ไม่ได้มายด์เลยค่ะ ตอนนี้จริงๆ ไม่ได้จะรับงานในวงการเลย ไม่ได้มายด์เรื่องเงินอยู่แล้ว ตัวเปิ้ลอยู่อย่างพอเพียงนะ ทำเพลง money เห็นเปิ้ลมีบ้านช่อง ดูเฟซบุ๊กเปิ้ลดีๆ สิ ไปส่องดูอีกที เปิ้ลไปเที่ยวบนดอย ที่พักหลักร้อย เปิ้ลใช้เงินอย่างประหยัด เพราะเปิ้ลจะเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์หลังตายเพื่อมอบเป็นการกุศลให้กับเด็ก 5 มูลนิธิเปิ้ลอยู่ของเปิ้ลได้ เพราะลึกๆ แล้วเปิ้ลเป็นคนประหยัด เปิ้ลรู้ว่าเปิ้ลอายุไม่ยืน เปิ้ลเลยรีบสะสมทำความดี”
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top