Wednesday, 26 June 2024
ElectionTime

'กรณ์' นำทีมพรรคชาติพัฒนากล้า บุก 'ฉะเชิงเทรา' ซูมแนวทางปั้นรายได้เข้าจังหวัดปีละ 3,000 ล้านบาท

(4 ก.พ.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือนายกอุ๊ ที่ปรึกษาพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติพัฒนากล้า เดินทางไปยัง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อดูต้นแบบเศรษฐกิจสายมู ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคชาติพัฒนากล้า 

โดยนายกอุ๊ ได้จัดทำเส้นทางท่องเที่ยวสายมู ของ จ.ฉะเชิงเทรา เชื่อมต่อจากวัดหลวงพ่อโสธร และวัดสมานรัตนาราม โดยได้จัดสร้างพระพิฆเนศ องค์ยืน และ ตลาดชุมชน ขึ้น ณ อุทยานพระพิฆเนศคลองเขื่อน  

นายกรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศรัทธามากมาย หากมีการฟื้นฟูหรือสร้างสตอรี่เรื่องเล่า จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มากมาย นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า คือ 1 จังหวัด 1 พันล้านบาท โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดไหนไม่มีสถานที่ที่ดึงความน่าสนใจได้เพียงพอ ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ เช่น ที่ จ.ฉะเชิงเทรานี้ เป็นต้นแบบสำคัญ และสามารถขยายผลต่อไปทั่วประเทศได้ สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนปีละหลายพันล้านบาท 

'โรม' ปราศรัย 'นครพนม' ชูนโยบายสวัสดิการถ้วนหน้า วอน 'อีสาน' กาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

'โรม' ปราศรัยนครพนม ชูนโยบายสวัสดิการถ้วนหน้า-แก้ปัญหาเกษตร-คืนที่ดินให้ประชาชน ยกย่องคนอีสานต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ขอกาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

(4 ก.พ.66) ที่วัดโพธิ์ศรี อ.บ้านแพง จ.นครพนม รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ปราศรัยแนะนำ เทิดศักดิ์ แพงสาร หรือ ‘ทนายเก๋’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขต 1 (อ.บ้านแพง, อ.ศรีสงคราม, อ.นาทม, อ.นาหว้า) พรรคก้าวไกล พร้อมนำเสนอนโยบายพรรค มีประชาชนร่วมรับฟังราว 300 คน

รังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศในทุกด้าน และยืนยันว่าทุกนโยบายทำได้จริง ด้านการเมือง เริ่มต้นที่การปฏิรูปกองทัพ จัดการงบประมาณที่ใช้ไม่ถูกจุด นำมาจัดสรรใหม่ให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนทุกพื้นที่และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ด้านเศรษฐกิจ เราต้องการยุติทุนผูกขาดเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถแข่งขันและเติบโตได้ สร้างสวัสดิการถ้วนหน้าครบวงจร ทั้งเงินเด็กเล็กเดือนละ 1,200 บาทต่อเดือน เงินผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน ค่าแรงงานขั้นต่ำ 450 บาททันทีพร้อมระบบปรับขึ้นทุกปี ช่วยค่าเช่าบ้านหรือค่าเช่าห้องพักเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย จึงขอให้พี่น้องประชาชนกาพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เปลี่ยนประเทศไทยให้ไม่เหมือนเดิม

“การจะแก้ปัญหาของประเทศ ต้องชนกับผู้มีอำนาจ พรรคก้าวไกลพร้อมเคียงข้างประชาชนและพร้อมชนกับโครงสร้างอำนาจเหล่านั้น ตั้งแต่อดีตพี่น้องคนอีสานเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เช่นยุค 4 รัฐมนตรีอีสาน ที่ต่อสู้กับระบอบเผด็จการและความอยุติธรรม ผมชื่นชมยกย่องการต่อสู้ของพวกเขาและยึดเป็นแบบอย่าง ทำให้การอภิปรายมีลักษณะทะลุฟ้าทะลุแผ่นดินอย่างที่ผ่านมา และพร้อมจะทำหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างตรงไปตรงมาต่อไป” รังสิมันต์กล่าว

ระหว่างการปราศรัย ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่มารับฟังปราศรัยถามคำถาม ส่วนมากเกี่ยวกับปัญหาการเกษตร ปัญหาปากท้องและที่ดินทำกิน โฆษกพรรคก้าวไกลจึงกล่าวถึงแนวทางการลดต้นทุนและการเพิ่มมูลค่าแก่สินค้าเกษตร เช่น จะทำอย่างไรให้พี่น้องเกษตรกรสามารถเข้าถึงปุ๋ยราคาถูก หรือการนำผลผลิตทางการเกษตรที่ราคาตกมาเพิ่มมูลค่าด้วยการผลิตสุรา กลายเป็นสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องปลดล็อกการแข่งขันให้มีความเป็นธรรมระหว่างผู้ผลิตรายใหญ่กับผู้ผลิตรายย่อย ซึ่งพรรคก้าวไกลเคยเสนอร่างกฎหมายสุราก้าวหน้า แต่ไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ

'พิธา' เปิดเวทีท่าแพแนะนำผู้สมัครใหม่ พร้อมประกาศศักดา กา 'ก้าวไกล' ขจัดต้นตอปัญหาประเทศจากคนบ้าอำนาจ 3 คน

'พิธา' เปิดเวทีประตูท่าแพเชียงใหม่ แนะนำผู้สมัคร 'ลำพูน-แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่' ครบทุกเขต ย้ำก้าวไกลเป็นพรรคเดียวยืนยันแก้ปัญหาที่ต้นตอ เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ไว้ใจได้ เหมือนเสื้อปกาเกอะญอ 'ไม่มีปก-ไม่มีตะเข็บ-ไม่มีเงื่อนไขซ่อนในกระเป๋า' ข้างหลังอย่างไรข้างหน้าอย่างนั้น ไม่แทงกั๊กจุดยืนร่วมรัฐบาล ยืนยันพร้อมร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านวันนี้เท่านั้น ไม่เอาพรรคทหารจำแลงเด็ดขาด

เมื่อคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนำและ ส.ส. พรรคก้าวไกล อาทิ วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน, อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมเวทีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ใน 3 จังหวัดภาคเหนือ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ประกอบด้วยจังหวัดลำพูน, แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ โดยเวทีในวันนี้จัดขึ้นที่ประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ ท่ามกลางประชาชนผู้สนใจเข้ารับฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น

นอกจากการปราศรัยแนะนำตัวและวิสัยทัศน์ของว่าที่ผู้สมัครในทั้งสามจังหวัดภาคเหนือแล้ว ยังมีการปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายที่สำคัญของพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรัฐสวัสดิการ การกระจายอำนาจ ฝุ่น pm 2.5 นโยบายที่ดิน เป็นต้น ก่อนที่จะมีการปิดเวทีด้วยการปราศรัยของพิธาเป็นลำดับสุดท้าย

พิธาได้กล่าวตอนหนึ่งว่า คำขวัญสำคัญของเวทีปราศรัยวันนี้ คือคำว่า “แก้ที่เก๊า กาก้าวไกล” เก๊า คือภาษาเมืองที่แปลว่าต้นเหตุ หมายความว่าเราต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ จึงจะทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ที่ว่าไม่เหมือนเดิมก็คือเราคือพรรคที่จะทำให้ 'การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต'

'เก๊า' หรือต้นตอปัญหาของประเทศไทยในเรื่องแรก คือการเมืองแบบเดิม คือคนบ้าอำนาจสามคน และรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เขียนโดยการมีส่วนร่วมของคนบ้าอำนาจเหล่านี้ ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าเราจะต้องแก้เก๊านี้ด้วยการปิดสวิตช์ 3ป. หากพรรคก้าวไกลได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน ภายใน 100 วันแรกที่เราเดินเข้าทำเนียบรัฐบาล เราจะออกประชามติ ว่าจะให้มีการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือไม่ เพื่อเอา คสช. ออกจากการเมืองไทยอย่างถาวร

'กรณ์' พบ 'ศศิน-อดิศร์' หารือแนวคิดการใช้ 'พันธบัตรป่าไม้' กลไกเพิ่มพื้นที่ป่าเศรษฐกิจยั่งยืน - สร้างรายได้เกษตรกร

(5 ก.พ.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยทีมงาน เดินทางไปยัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าพบ นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และ ดร. อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษานโยบายทรัพยากรธรรมชาติและการลดก๊าซเรือนกระจก TDRI และ อนุกรรมการพันธบัตรป่าไม้ เพื่อหารือถึงแนวคิดการใช้ 'พันธบัตรป่าไม้' ที่จะเป็นความหวังในการแก้ปัญหาการลดลงของพื้นที่ป่าอันเกิดจากการบุกรุก ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนแล้ว ยังมีป่าเศรษฐกิจไว้ใช้อย่างยั่งยืนด้วย

นายกรณ์ กล่าวว่า ถือเป็นความโชคดีที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ อาจารย์ศศิน นักอนุรักษ์พื้นที่ป่าที่มีชื่อเสียง หลายท่านรู้จักเป็นอย่างดี และ ดร.อดิศร์ นักวิชาการที่มีความคิดแหลมคม ท่านได้ออกหนังสือมาหลายเล่มแล้ว และอาจารย์ศศิน ได้แนะนำให้ตนไปศึกษา สุดท้ายได้ออกมาเป็นนโยบาย 'พันธบัตรป่าไม้' ของพรรคชาติพัฒนากล้าในเฉดสีเขียว ซึ่งเป็น 1 ในยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเฉดสี เพื่อเป็นเครื่องมือใช้ในการส่งเสริมการปลูกป่า 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เป้าหมายของการออกพันธบัตรป่าไม้ คือ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าในประเทศให้ได้ 40% ของพื้นที่โดยรวม ซึ่งหมายถึงเราต้องปลูกป่าเพิ่ม 26 ล้านไร่ แต่เมื่อย้อนกลับไปดูนโยบายของทุกรัฐบาลที่ผ่านมา พบว่ามีการส่งเสริมให้มีการปลูกป่า ด้วย 2 วิธีหลัก คือ 

1. ใช้กฎหมายควบคุมการบุกรุกป่า ซึ่งก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากพื้นที่ป่าลดลงทุกปี 

และ 2. การจัดสรรงบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมาใช้งบประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี เมื่อมาคำนวณดูในแง่ของต้นทุนการปลูกป่าพบว่า ถ้าใช้ 500 ล้านบาทอย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถปลูกป่าได้ไม่เกิน 2 แสนไร่ต่อปี และถ้าจะให้ได้ตามเป้าหมาย 26 ล้านไร่ ต้องใช้เวลาประมาณ 130 ปี 

นายกรณ์ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรเอาจริงเอาจังกับการเพิ่มพื้นที่ป่า เพราะจะส่งผลโดยตรงในเรื่องของการบริหารจัดการแหล่งน้ำ การลดภาวะโลกร้อน การไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทยตามเป้าหมายที่รัฐบาลประกาศไว้ต่อหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งถ้าเราทำได้ดีก็จะสามารถได้พื้นที่กลับคืนมาจากการบุกรุกและแปลงสภาพป่าดั้งเดิมเป็นไร่ข้าวโพด ที่มีการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง และการเผาป่าจนเกิดมลพิษ ฝุ่น ควัน และ PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ 

'พิธา' ลั่น!! คืนที่ดินนายทุนให้ประชาชน พร้อมปฏิรูปที่ดิน ภายใต้รัฐบาลก้าวไกล

(5 ก.พ.66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ร่วมเปิดเวทีนำเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลและรับฟังความคิดเห็นประชาชน ที่วัดแม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน และที่บ้านห้วยงิ้ว อ.จุน จ.พะเยา โดยผู้สนใจเข้าร่วมเวทีส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่มีปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดินทำกิน ในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่เป็น ส.ป.ก. ซึ่งมีข้อจำกัดในการทำกินที่ทำให้ไม่สามารถต่อยอดได้

พิธา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรามีปัญหา '3 ท.' คือ ทัศนคติ, เทคโนโลยี และทุน การแก้ปัญหาทั้ง 3 ท. นี้ จะเกิดขึ้นได้ภายใต้รัฐบาลก้าวไกล เพราะเรามีทัศนคติที่ต่างออกไป ว่าเราต้องปลูกคนไปปลูกป่า ให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่า ทำกินกับป่า และรักษาป่าไปพร้อมกันได้ ให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการสนับสนุนการกระจายที่ดิน เช่น การข้อบัญญัติท้องถิ่นแบบในต่างประเทศ ที่อนุญาตให้ประชาชนตัดไม้ได้ แต่ต้องปลูกทดแทน เช่น ตัด 1 ต้นต้องปลูก 3 ต้นมาทดแทน เป็นต้น

ในเรื่องของเทคโนโลยี วันนี้เรามีเครื่องมือในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ นั่นคือเทคโนโลยี One Map ที่มีอัตราส่วนละเอียดขึ้นเป็น 1 : 4,000 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ถูกนำมาใช้เนื่องจากหน่วยงานรัฐทั้ง 8 กระทรวงต่างคนต่างไม่ยอม แต่ถ้าตนได้เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ ตนจะบูรณาการนำเทคโนโลยี One Map ที่มีอยู่แล้วมาใช้ทันที

สุดท้ายคือเรื่องของทุน รัฐบาลก้าวไกลจะเพิ่มงบประมาณในการพิสูจน์สิทธิจาก 300 ล้านบาทเป็น 10,000 ล้านบาท ให้เกิดการพิสูจน์ได้ทันทีทั่วประเทศ

พิธากล่าวอีกว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะทำการปฏิรูปที่ดินครั้งใหญ่ เพื่อจบปัญหาคาราคาซังด้านที่ดินที่ตกอยู่ในมือของนายทุนขุนศึกศักดินามาเป็นเวลานานเกินไปแล้ว โดยจะดำเนินการทั้งหมด 5 ข้อ อันประกอบด้วย...

‘อารี ไกรนรา’ ถกแกนนำชาวบ้าน 4 ตำบล ในอำเภอหัวไทร อ้อน!! หากยังไม่มีพรรคในใจ ‘ภูมิใจไทย’ คือคำตอบ

เมื่อวานนี้ (4 ก.พ. 66) นายอารี ไกรนรา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ประธานยุทธศาสตร์พรรคภูมิใจไทย นครศรีธรรมราช นัดประชุมแกนนำชาวบ้านทั้งท้องถิ่น ท้องที่ ในสี่ตำบลของอำเภอหัวไทร ประกอบด้วยตำบลแหลม ต.บ้านราม ต.เขาพังไกร และ ต.ควนชะลิก ประมาณ 30 คน

นายอารี ได้เล่าประวัติตัวเองให้ฟังตั้งแต่การทำงานในรั้วรามคำแหง ความผูกพันกับอดีตนักศึกษากิจกรรม การช่วยเหลือน้องๆ (เด็กใต้) ในบางครั้ง ทั้งเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งเรื่องเงินลงทะเบียน ตลอดจนการตัดสินใจลาออกจากการเป็นข้าราชการในมหาวิทยาลัยมาทำงานการเมือง พร้อมกับตำแหน่งต่างๆ ทางการเมืองที่เคยทำมา

นายอารี กล่าวว่า ตนได้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อชาติ และลาออกจาก ส.ส.เพื่อมาร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย

'เทมส์ ชาติพัฒนากล้า' ชู 'เศรษฐกิจสีรุ้ง' โอกาสของ ศก.ไทย ชี้!! สังคมเปิดกว้าง-ยอมรับ ดึงดูด นทท.LGBTQ+ มหาศาล

(5 ก.พ.66) นายเทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.ภูเก็ต พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยว ที่เป็นกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เมื่อเปรียบเทียบกับคนในวัยเดียวกัน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนกลุ่มนี้มีไลฟ์สไตล์ แบบ Work hard, Play hard มีแนวโน้มในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากและบ่อยกว่าคนทั่วไป มีค่านิยมการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างเฟ้นหาสิ่งดีมีระดับผ่านสินค้าและบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ลงทุนกับเรื่องนวัตกรรม เทคโนโลยี ของแบรนด์คุณภาพดีราคาสูง เป็นต้น ที่สำคัญคือ ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายทางครอบครัวมากเท่ากับครอบครัวพ่อแม่ลูก ฯลฯ 

“พรรคเราเห็นโอกาสนี้และพูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น จึงเสนอยุทธศาสตร์ Rainbow Economy (เรนโบว์อีโคโนมี) หรือเศรษฐกิจสีรุ้ง ที่ส่งเสริมและเปิดกว้างสำหรับการสร้างเศรษฐกิจรองรับ LGBTQ+ ทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQ ทั่วโลก 1 ล้านล้านบาท การดึงคนเหล่านี้ให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ สร้างกิจกรรมที่ดึงดูดความสนใจและเทศกาลอย่างที่ทั่วโลกนิยมกัน โดยภาครัฐเป็นแกนใหญ่สนับสนุน ไม่ปล่อยแค่ให้เอกชนทำกันอย่างที่ผ่านมา และไม่เพียงแต่มิติในด้านความเท่าเทียมของความหลากหลายทางเพศ รัฐจะต้องส่งเสริมจริงจังสร้างสภาพแวดล้อมทุกด้านรองรับเศรษฐกิจสีรุ้งด้วย” นายเทมส์ กล่าว 

'อุ๊งอิ๊ง' แจง 'สุรเกียรติ์ เสถียรไทย' ไม่เคยดีลกับเพื่อไทย ย้อนถามคนให้ข่าว แคนดิเดตนายกฯ ตัวย่อ 'ส.' คือใคร?

(5 ก.พ.66) เมื่อเวลา 13.45 น. ที่ จ.ภูเก็ต น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาระบุว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีตัวย่อ 'ส.' ส่วน น.ส.แพทองธาร และ นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจชื่อดัง เป็นตัวหลอก ว่า เขาคือใคร และฝากขออักษรตัวต่อไปด้วย เพราะตนไม่ทราบจริง ๆ และตนก็เพิ่งได้ยินเรื่องนี้ ส่วนที่ระบุว่าเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลไทยรักไทย (ทรท.) ซึ่งมีคนทายว่าเป็น นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกฯ และอดีตรมว.ต่างประเทศ นั้น ไม่ใช่ เพราะไม่ได้มีการพูดคุยด้วย ขณะนี้เขาไม่ได้มีการเข้ามาพูดคุยกับพรรค เพื่อไทยเลย

เมื่อถามว่า การเมืองลักษณะนี้เป็นการบอนไซพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะขณะนี้ถือว่ามีความชัดเจนเรื่องแคนดิเดต 2 คนแล้ว และมีการคาดว่าคนที่ 3 จะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ความจริงเกิดกระแสในทุกด้านอยู่แล้ว ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะหาเสียงแบบแลนด์สไลด์หรือจับมือกับใครก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีจุดยืนที่มั่นคง และยังเดินหน้าหาเสียงกับประชาชนต่อไป ยื่นนโยบายสู่มือประชาชน และสัญญาว่าจะทำได้ และที่สำคัญพรรคเพื่อไทยจะเลือกคนที่มีคุณภาพให้กับประชาชนอย่างแน่นอน ส่วนแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3 จะเป็นคนในพรรคหรือนอกพรรคนั้น เมื่อถึงเวลาจะบอกอย่างแน่นอน

ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า เรื่องนี้ไม่เป็นการบอนไซที่มีการปล่อยตัวย่อ 'ส.' ออกมา เพราะกระบวนการพิจารณาแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยมีคณะกรรมการ มีเป้าหมายที่ชัดเจน ทุกอย่างเพื่อประชาชน ตนในฐานะที่ป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ไม่จำเป็น เพราะไม่มีข้อบังคับใดที่เขียนไว้ หรือกฎหมายใดที่บันทึกไว้ เช่นพรรคอื่นที่มีการระบุว่าหัวหน้าพรรคต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ของพรรคเพื่อไทยเปิดกว้าง ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการบอนไซ แต่จะเป็นการหาเสียงที่ดีที่สุด

'ลุงหนู' มั่นใจ!! ได้ ส.ส.พื้นที่ กทม. แน่นอน โว!! 'ภูมิใจไทย' มีทีมงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด

(5 ก.พ.66) เมื่อเวลา 17.05 น. ที่ศูนย์เยาวชนคลองเตย กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความมั่นใจในการเลือกตั้งพื้นที่ กทม. ว่า ก็ต้องมั่นใจ เพราะทีมงานพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่กทม. ตอนนี้ถือว่าสมบูรณ์ที่สุดตั้งแต่มีพรรคมา นำโดยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. และทีม ส.ส.กทม. ที่มาลงในนามพรรคภูมิใจไทย ซึ่งก็ต้องมั่นใจ เพราะเราได้มีการพูดคุยถึงนโยบาย และวิธีการทำงานจนทำให้ได้ ส.ส.เหล่านั้นมาร่วมงาน ตนเชื่อว่าจะทำให้มีความต่อเนื่องในการทำงานของ ส.ส. เพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนอย่างรวดเร็ว พร้อมย้ำว่าทีม กทม.เป็นหัวใจสำคัญของพรรค และตลอดเวลา 4 ปี เราไม่มีส.ส.ใน กทม. แต่ก็ทำประโยชน์ได้มาก ในส่วนนี้ก็อยากจะทำให้ได้มากขึ้นไปอีก พร้อมเปิดเผยว่าตั้งใจจะส่งผู้สมัคร ส.ส.ให้ครบทุกเขตทั่วประเทศ

เมื่อถามว่า เขตคลองเตย ถือว่ายากหรือไม่ เพราะมีนายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายพงศกร ขวัญเมือง อดีตโฆษก กทม. ลงสมัครด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า ยากทุกเขต ไม่ใช่เฉพาะกทม. แต่ยากทุกเขต ทุกพื้นที่ เพราะฉะนั้น คนที่สมัครจะต้องมีคุณสมบัติหลายอย่างรวมกัน ทั้งขยัน เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่ ต้องอยู่กับพรรคที่มีนโยบายเป็นประโยชน์กับประชาชน และสนองนโยบายเหล่านั้นได้ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวง พรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมมากๆ ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ 

นายกฯ ปทุมธานี แนะ!! ปชช. ให้เลือก ส.ส. ที่ผลงาน ความสามารถ

เมื่อไม่นานมานี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริการส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้แนะนำประชาชนเลือก ส.ส. ที่ผลงาน ผ่านช่อง SCTVCHANNEL โดยระบุว่า...


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top