'พิธา' เปิดเวทีท่าแพแนะนำผู้สมัครใหม่ พร้อมประกาศศักดา กา 'ก้าวไกล' ขจัดต้นตอปัญหาประเทศจากคนบ้าอำนาจ 3 คน

'พิธา' เปิดเวทีประตูท่าแพเชียงใหม่ แนะนำผู้สมัคร 'ลำพูน-แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่' ครบทุกเขต ย้ำก้าวไกลเป็นพรรคเดียวยืนยันแก้ปัญหาที่ต้นตอ เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ไว้ใจได้ เหมือนเสื้อปกาเกอะญอ 'ไม่มีปก-ไม่มีตะเข็บ-ไม่มีเงื่อนไขซ่อนในกระเป๋า' ข้างหลังอย่างไรข้างหน้าอย่างนั้น ไม่แทงกั๊กจุดยืนร่วมรัฐบาล ยืนยันพร้อมร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านวันนี้เท่านั้น ไม่เอาพรรคทหารจำแลงเด็ดขาด

เมื่อคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนำและ ส.ส. พรรคก้าวไกล อาทิ วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน, อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมเวทีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ใน 3 จังหวัดภาคเหนือ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ประกอบด้วยจังหวัดลำพูน, แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ โดยเวทีในวันนี้จัดขึ้นที่ประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ ท่ามกลางประชาชนผู้สนใจเข้ารับฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น

นอกจากการปราศรัยแนะนำตัวและวิสัยทัศน์ของว่าที่ผู้สมัครในทั้งสามจังหวัดภาคเหนือแล้ว ยังมีการปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายที่สำคัญของพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรัฐสวัสดิการ การกระจายอำนาจ ฝุ่น pm 2.5 นโยบายที่ดิน เป็นต้น ก่อนที่จะมีการปิดเวทีด้วยการปราศรัยของพิธาเป็นลำดับสุดท้าย

พิธาได้กล่าวตอนหนึ่งว่า คำขวัญสำคัญของเวทีปราศรัยวันนี้ คือคำว่า “แก้ที่เก๊า กาก้าวไกล” เก๊า คือภาษาเมืองที่แปลว่าต้นเหตุ หมายความว่าเราต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ จึงจะทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ที่ว่าไม่เหมือนเดิมก็คือเราคือพรรคที่จะทำให้ 'การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต'

'เก๊า' หรือต้นตอปัญหาของประเทศไทยในเรื่องแรก คือการเมืองแบบเดิม คือคนบ้าอำนาจสามคน และรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เขียนโดยการมีส่วนร่วมของคนบ้าอำนาจเหล่านี้ ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าเราจะต้องแก้เก๊านี้ด้วยการปิดสวิตช์ 3ป. หากพรรคก้าวไกลได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน ภายใน 100 วันแรกที่เราเดินเข้าทำเนียบรัฐบาล เราจะออกประชามติ ว่าจะให้มีการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือไม่ เพื่อเอา คสช. ออกจากการเมืองไทยอย่างถาวร

พิธายังกล่าวต่อไปอีกว่า ที่ผ่านมาหลายคนบอกว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่สุดโต่ง แต่ตนยืนยันอีกครั้งว่าพรรคก้าวไกลเสนอในสิ่งที่เป็นความปกติของโลก ประเทศไทยที่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงมาหลายทศวรรษตั้งแต่ปีที่ตัวเองเกิด คือเศรษฐกิจที่ทุนผูกขาดเป็นใหญ่ และโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน โรคระบาด ดิจิทัลดิสรัปชั่น แต่ระบบราชการไทยยังรับมือกับปัญหาใหม่ๆ ด้วยวิธีเดิมๆ นี่ต่างหากคือสิ่งที่สุดโต่ง

เก๊าที่สอง คือปากท้องแบบเดิมๆ ที่พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะต้องแก้ไขด้วยการทลายทุนผูกขาดและการสร้างรัฐสวัสดิการ ที่จะดูแลประชาชนทุกคนในทุกวัยอย่างคนเท่ากัน ไม่ใช่ด้วยระบบอุปถัมภ์ หรือพิสูจน์ความจนและการลงทะเบียนให้ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เราจะเปลี่ยนงบประมาณกองทัพที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ มาทำสวัสดิการให้ประชาชน เราจะผลักดันสิ่งที่ทลายทุนผูกขาดอย่างเช่นกฎหมายสุราก้าวหน้า เพื่อสร้างปากท้องที่ดีให้กับประชาชน

พิธายังกล่าวต่อไปว่า วันนี้ตนใส่เสื้อชาติพันธุ์ปกาเกอะญอมาบนเวที ไม่ใช่แค่เพราะเป็นชุดของชาวชาติพันธุ์ที่พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญ แต่มันคือสัญลักษณ์สำคัญ เพราะเสื้อตัวนี้ ทั้งข้างหน้าและข้างหลังเป็นลายเดียวกัน ไม่มีกระเป๋า ไม่มีตะเข็บ นี่คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของตนและพรรคก้าวไกลได้ดีที่สุด

“พรรคก้าวไกลคือความเปลี่ยนแปลงที่ไว้ใจได้ เราไม่เคยกั๊ก ไม่เคยกึ่ง ๆ ต่อหน้าพูดอย่างไรข้างหลังก็เป็นเช่นนั้น ไม่มีเงื่อนไขซ่อนอยู่ในกระเป๋า ว่าอาจจะร่วมกับใครได้ถ้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราพูดมาเสมอ ชัดเจนมาตลอด ว่าจะไม่มีทางจับมือกับพรรคทหารจำแลงไม่ว่าจะเป็นพลังประชารัฐหรือรวมไทยสร้างชาติ ไม่มีวงเล็บ คำตอบเดียวของพรรคก้าวไกล คือพรรคร่วมฝ่ายค้านในตอนนี้คือคำตอบที่ดีที่สุดของประเทศไทยในปัจจุบัน” พิธากล่าว

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในทุกเขตของจังหวัดลำพูน แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ ประกอบด้วย :

ลำพูน

เขต 1 วิทวัส ปันสวนปลูก อดีตวิศวกรผู้จัดการโรงงาน และเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

เขต 2 ชัชพีร์ วรรณาพิรัชย์ อดีตกำนันตำบลห้วยยาบ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.บ้านธิ และเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร

แม่ฮ่องสอน

เขต 1 สมเกียรติ บุญคำมา อดีตนายสิบสังกัดกองทัพบก และคนทำงาน NGOs ด้านผู้ลี้ภัย

เขต 2 สะท้าน ชีววิชัยพงศ์ ชาวชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ คนทำงาน NGOs ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิทธิชุมชน

เชียงใหม่

เขต 1 เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู เจ้าของธุรกิจ และอดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่

เขต 2 ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ วิศวกรและเจ้าของธุรกิจ อดีตผู้สมัคร สท.นครเชียงใหม่ ในนามคณะก้าวหน้า

เขต 3 ณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล เจ้าของธุรกิจเกสต์เฮาส์

เขต 4 พุธิตา ชัยอนันต์ อดีตนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

เขต 5 สมชิด กันธะยา อดีตนายก อบต.โป่งแยง

เขต 6 อรพรรณ จันตาเรือง อดีตรองนายก อบต.เชียงดาว

เขต 7 สมดุลย์ อุตเจริญ เกษตรกรเจ้าของสวนส้ม

เขต 8 การณิก จันทดา อดีตพนักงานต้อนรับสายการบิน และเภสัชกร

เขต 9 สมเกียรติ มีธรรม คนทำงาน NGOs ด้านทรัพยากรน้ำ ที่ดิน และสิทธิชุมชน

เขต 10 ณรงค์ชัย เตโม ชาวชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ และคนทำงาน NGOs ด้านชาติพันธุ์

เขต 11 ปิยะพงษ์ ปัญญาดา คนทำงาน NGOs ด้านเยาวชน ชาติพันธุ์ และผู้สูงอายุ