Friday, 26 April 2024
พิธาลิ้มเจริญรัตน์

'พิธา' ได้ใจชาวชัยภูมิ ลงพื้นที่น้ำท่วม พร้อมให้กำลังใจ ชี้ แรงไม่เท่าปี 54 วอนรัฐอย่าประมาท

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส.องค์การ ชัยบุตร และ ส.ส.สุรวาท ทองบุ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนางสาวนัฏฐิกา โล่ห์วีระ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ เขต 1 พรรคก้าวไกลลงพื้นที่ตลาดสดเทศบาลเมืองชัยภูมิ และชุมชนโนนสมอ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวให้กำลังใจกับประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมและกล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่าสถานการณ์ฝนตกในเดือนกันยายนที่ชัยภูมิสูงกว่าปีที่แล้วในทุกอำเภอ สถานการณ์อ่างเก็บน้ำล้นทุกแห่ง ประกอบกับฝนตกหนักอย่างเฉียบพลันในวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ระดับน้ำในอ่างที่ชัยภูมิเพิ่มขึ้นเกือบทุกอ่าง โดยข้อมูลการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของ Gistda เช้าวันนี้พบว่ามีพื้นที่อำเภอเมืองชัยภูมิ น้ำท่วมกว่า 68,324 ไร่ และทั้งจังหวัดชัยภูมิมีพื้นที่น้ำท่วมแล้วกว่า 228,840 ไร่

‘พิธา’ แจ้งติดโควิดรอบสองภายใน 1 เดือน คาด!! ติดจากช่างภาพที่ร่วมงาน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ แจ้งติดเชื้อโควิด-19 รอบที่ 2 ภายใน 1 เดือน โดยระบุว่า... 

เรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพครับ จากที่ผมได้ชี้แจงกับพี่น้องประชาชนผ่านช่องทางส่วนตัวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ว่าผมและลูกสาวของผมตรวจพบเชื้อโควิดผ่านชุดตรวจ ATK ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เข้าสู่ระบบ HI และกักตัวเป็นเวลา 10 วันหลังจากที่มีอาการ จนหายจากอาการโควิดและตรวจไม่พบเชื้อในสัปดาห์ถัดมา กลับไปทำงานตามปกติและยังตรวจ ATK เป็นประจำทุกวัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานซืนนี้ผมได้มีอาการไม่สบายอีกครั้งหนึ่งและตรวจพบเชื้อโควิดผ่านชุดตรวจ ATK ผลเป็นบวกทั้งๆ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ ผมจึงไปตรวจยืนยันผลอีกครั้งโดยการตรวจ PCR ก็พบว่าติดเชื้อโควิดอีกครั้งหนึ่ง โดยมีค่า CT อยู่ที่ 19 ซึ่งแพทย์ระบุว่าหมายถึงปริมาณเชื้อมาก วินิจฉัยว่าเป็นการติดโควิด (reinfection) อีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ซากเชื้อจากการเป็นโควิดครั้งก่อน

การติดโควิดครั้งที่สองของผมสันนิษฐานว่าติดจากช่างภาพที่ร่วมงานกัน (ถือเป็น close contact เดียวที่ติดโควิด) โดยผมติดคนเดียว ลูกสาวของผมไม่ได้ติดด้วยและตอนนี้ลูกอยู่ในความดูแลของคุณแม่แล้วครับ

เมื่อผมได้คอนเฟิร์มผลด้วยการตรวจ PCR ว่าเป็นการติดซ้ำครั้งที่ 2 (Reinfection) แน่นอน ผมได้สอบถามแพทย์เรื่องการติดซ้ำของสายพันธุ์โอมิครอน BA1 และ BA2 ได้รับการชี้แจงว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้และในอังกฤษมีผู้ติดโควิดซ้ำถึง 650,000 คน โดยโอมิครอนมีโอกาสติดซ้ำมากกว่าเดลตาถึง 5 เท่า ตอนนี้กำลังมีการส่งต่อผลแล็ปของผมเพื่อตรวจสายพันธุ์ต่อไปครับ

ผมขอใช้โอกาสนี้ขอโทษที่ผมไม่สามารถไปร่วมงาน Nation Dinner Talk ในเย็นวันนี้ได้ และไม่สามารถไปพบปะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติตามแผนเดิมได้ อย่างไรก็ตามผมก็ขอทำงานในสถานการณ์ที่ต้องกักตัวต่อไป และขอติดตามการบริหารสถานการณ์โควิดและการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของรัฐบาลต่อไป

ตัวผมในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ติดตามการบริหารสถานการณ์โควิดมาโดยตลอด ขอใช้โอกาสนี้สื่อสารกับทุกท่านครับว่า ในบริบทการเปลี่ยนผ่านของโควิดจากโรคระบาดระดับโลก (Pandemic) เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) นั้นยังมี 2 ปัจจัยสำคัญที่เรายังจำเป็นต้องติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราสามารถเปิดเศรษฐกิจได้อย่างสมดุลกับการรักษาความมั่นคงทางสาธารณสุขให้กับพี่น้องประชาชน

‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้า กวาดส.ส.ได้เกิน 100 ที่นั่ง หลังมีเวลาเตรียมตัวนานกว่าครั้งก่อน

30 เม.ย.2565 - ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคก้าวไกลจัดประชุมสามัญประจำปี โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนการเริ่มประชุมถึงการตั้งเป้าจำนวนส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า มีตัวเลขในใจอยู่แล้ว โดยจะพยายามพูดคุยเรื่องนี้กันภายใน แต่จะไม่เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ ตนไม่อยากใช้ตัวเลขเป็นหลักแล้วให้ว่าที่ผู้สมัครนั่งคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในนั้นหรือไม่ เพราะไม่อยากให้เสียกำลังใจ

"ดูได้จากผลการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และผลการเลือกตั้งท้องถิ่นของกลุ่มคณะก้าวหน้า มั่นใจว่าจะเกินกว่าร้อยที่นั่ง ซึ่งเราจะทำงานหนักด้วยข้อมูล และละเอียดมากขึ้น ครั้งที่แล้วที่เป็นพรรคอนาคตใหม่การเตรียมตัวมีค่อนข้างน้อย แต่ตอนนี้เราเริ่มเตรียมการมาเป็นปีแล้วในการเตรียมว่าที่ผู้สมัคร สัมภาษณ์ผู้สมัคร เทรนผู้สมัคร ให้ผู้สมัครได้ทดลองงานซึ่งคิดว่าเป็นการทำงานในพื้นที่อย่างเข้มข้นมากขึ้น ประกอบกับการทำงานในสภาของส.ส. ก็จะเป็นการทำงานที่คู่ขนานกันไป แต่ก็จะเน้นทำงานในพื้นที่มากขึ้น" หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า จุดแข็งของพรรคก้าวไกลคือความหลากหลายของว่าที่ผู้สมัครที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนจากหลายกลุ่มจริงๆ ทั้งกลุ่ม LGBTQ กลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงคนที่มีประสบการณ์ทางการเมืองและคนที่ไม่มีประสบการณ์มารวมกันอยู่ โดยประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงได้นั้นความกระจุกจะต้องกระจายออกผ่านการกระจายอํานาจ เชิงเศรษฐกิจต้องเปลี่ยนจากฐานรากขึ้นมาข้างบนโดยการทำลายทุนผูกขาด วิธีการมองต้องเอาจากข้างนอกเข้ามาข้างใน ไม่ใช่เอาความเป็นไทยไปสู่ข้างนอก ถ้าเราเขย่าประเทศกับหัวกลับหางแบบนี้ประเทศไทยก็จะมีทางรอดออกไปได้

เมื่อถามถึงกระแสนายกรัฐมนตรีสำรองที่มีชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายพิธา กล่าวว่า ตั้งระบบรัฐสภานายกรัฐมนตรีควรที่จะเป็นส.ส.และคนที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ในช่วงการเลือกตั้ง ส่วนนายกรัฐมนตรีจะเหมาะสมหรือไม่ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อย่างไรก็ตามพล.อ.ประวิตร ก็ยังมีเรื่องที่ค้างคาใจที่ตนคิดว่าประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับข้อชี้แจง ทั้งเรื่องของป่ารอยต่อ และเรื่องการค้ามนุษย์ ซึ่งก็ต้องมีการชี้แจง

‘พิธา’ ชี้กรณีจัดงบฯ ปี’66 เปรียบเหมือน "ช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้" - ชำแหละ 3 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เป็นปีแห่งความหวังและการฟื้นฟูแต่กลับจัดงบฯ ไม่ตอบโจทย์

ที่ อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรม "Hackathon งบ 66 : ร่วมออกแบบ #งบประมาณฉบับก้าวไกล ที่เราอยากเห็น" ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยมีประชาชนร่วมตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 และมีการนำเสนอ หลังจากมีการแบ่งกลุ่มไปตรวจสอบงบฯ ในด้านต่างๆ ตามที่ตนสนใจ อาทิ เศรษฐกิจ เกษตรกร การศึกษา สาธาณสุข สวัสดิการ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน รายได้รัฐ ปลดล็อกท้องถิ่น เป็นต้น 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า แผนการอภิปราย พ.ร.บ งบฯ เราต้องการที่จะชี้แจงให้เห็นว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการฟื้นฟูประเทศ เพราะด้วยปัจจัยไม่ว่าจะเป็น 1.เรื่องสถานการณ์โควิดที่ทั่วโลกจากเคยมีผู้ติดเชื้อสูงสุด 4 ล้านคน ตอนนี้เหลืออยู่แค่ 5 แสนคน ขณะเดียวกันอัตราเสียชีวิตก็ลดลง การฉีดวัคซีนก็เยอะขึ้น การท่องเที่ยวการเดินทางเริ่มกลับมา 2. การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาซึ่งทำให้คนมีความหวังผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งปีหน้าก็จะมีการเลือกตั้งใหญ่ด้วย และ 3. บทอวสานของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ที่ครบ 8 ปีแล้ว ซึ่งอาจจะต้องสิ้นสุดลง ทั้ง 3 ปัจจัยนี้คือสิ่งที่ตนเห็นว่าคือความหวัง และเราต้องสร้างความหวังด้วยการจัดงบฯ ปีนี้ให้ดี เพื่อให้ประเทศไทยไปข้างหน้าและสามารถปรับตัวได้ใน 10 ปี แต่ถ้ายังจัดงบฯ แบบเดิมๆ ในทางตรงกันข้ามก็จะถอยหลังไปอีก 10 ปี เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญมากๆ น้ำขึ้นต้องรีบตัก ซึ่งจะตักได้มากก็ขึ้นอยู่กับว่ากระบวยของประเทศนั้นใหญ่แค่ไหน แต่ถ้ากระบวยยังเท่าเดิม คือจัดสรรงบแบบเดิมก็ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์

"อย่างไรก็ตาม แต่เมื่อดูการจัดงบฯ ปี 2566 แล้ว เปรียบไปก็เหมือนกับว่าเป็นการจัดงบฯ ในลักษณะเป็นช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ เพราะถ้าไปดูที่ได้รับมากที่สุดก็คือ งบกลาง  8 แสนกว่าล้าน และนอกจากนี้ 80 เปอร์เซ็นต์ ก็ถูกใช้ไปกับงบฯ บำนาญและสวัสดิการข้าราชการ ส่วนถ้าไปดูงบฯ ที่ปรับสูงมากที่สุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้วคืองบฯ รัฐวิสาหกิจ โดยหน่วยรับที่ได้สูงสุด คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. ซึ่งปรากฏว่าก็เป็นงบฯ ที่จ่ายอุดหนุนการเกษตรที่ย้อนหลังไปจนถึงปี 2551 จึงอาจกล่าวได้ว่า แทนที่จะเป็นการจัดงบฯ เพื่อฟื้นฟูไปสู่อนาคต แต่เป็นการจัดงบฯ ของอดีต สมมติว่าประเทศเราเก็บภาษีได้ 100 บาท พบว่า 70 บาทถูกใช้จ่ายกับอดีตจนหมดเลย ทั้งเงินบำนาญและสวัสดิการข้าราชการ เงินกู้ จะมีเหลืออยู่เพียง 30 บาทที่สำหรับบริหารในอนาคต" พิธา กล่าว

'พิธา' เชิญชวนประชาชนร่วมตามหาอนาคตใหม่ให้กับพรรคก้าวไกล  ชูแคมเปญ 'ก้าวไกล NEXT' เปิดระดมความคิดเห็นเพื่อปฏิรูปพรรคทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เตรียมจัดทาวน์ฮอลล์ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า แคมเปญ 'ก้าวไกล NEXT' ถ้าให้ความหมายตรงๆ ก็คือการปฏิรูปพรรคโดยเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม แต่ถ้าใช้หัวใจตอบก็ต้องบอกว่า นี่คือการตามหาอนาคตใหม่ให้กับพรรคก้าวไกล ซึ่งในความหมายนี้มี 2 มิติ ได้แก่ 1.มิติสู่อนาคต คือ ปัญหาต่างๆ ที่ประเทศไทยเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นโควิด ภูมิรัฐศาสตร์ โลกร้อน น้ำท่วม ไฟป่า รวมถึงของแพงค่าแรงถูกที่หนักสุดในรอบ 20 ปีนี้ สิ่งที่เราเป็นอยู่อาจยังไม่เพียงพอ ดังนั้น ต้องทำงานให้หนักขึ้นกว่าเดิม เป็นนักรบอยู่ห้องแอร์อย่างเดียวคิดกันเองไม่ได้ ต้องไปฟังความคิดเห็นประชาชนด้วย 2.มิติสู่อดีต ในที่นี้คือการตามหาสปิริตของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งสิ่งที่เราเคยเริ่มต้นไว้นั้นก็คือการทำพรรคการเมืองให้เป็นพรรคมวลชน เป็นพรรคของประชาชน มีฐานการเมืองที่เข้มแข็ง ไม่ได้เป็นพรรคใครคนใดคนหนึ่ง วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะกลับไปตามหาสปิริตนั้น ทำให้พรรคก้าวไกลกลับมาคึกคัก เตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง

"ในส่วนของการปฏิรูปพรรค เมื่อดูแล้วเรากำหนดคร่าวๆ 7 มิติ เพื่อให้ประชาชนได้มาร่วมกันแสดงความเห็น คือ 1.ผู้แทนที่คุณอยากเห็น 2.การสื่อสารของพรรค 3.การนำเสนอนโยบาย 4.งานในสภาและกรรมาธิการ 5.การทำงานพื้นที่ 6.งานสมาชิกและอาสาสมัคร และ 7.การระดมทุน โดยทั้งหมดนี้จะเปิดกว้างให้ประชาชนได้เข้าร่วมใน 2 รูปแบบ คือ 1.การจัดทำกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นในลักษณะของทาวน์ ฮอลล์ โดยผมและแกนนำพรรคก้าวไกลจะเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อพบปะประชาชน และ 2. ร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์  https://next.moveforwardparty.org โดยกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ มีวงคุยแรกนี้กับสื่อมวลชน จากนั้นจะตระเวนไปทุกภูมิภาค ก่อนที่จะมีเวทีใหญ่วันที่ 28 สิงหาคม และทั้งหมดที่เราระดมความเห็นนี้ ก็จะนำมาสู่การเปิดแคมเปญใหญ่ในวันที่  9 เดือน 9 ซึ่งจะเป็นก้าวต่อไปของเราที่จะก้าวไกลกว่าเดิม จริงอยู่ว่าเราต้องการ ส.ส.เข้าสภาให้มากที่สุด แต่เราก็ต้องทำงานทางความคิดด้วย ทำให้คนชื่อว่าสังคมที่ก้าวหน้าเป็นไปได้ ยังมีความหวัง ในช่วงเวลาที่ประชาชนหมดหวังมากที่สุดตลอดหลายสิบปีมานี้" พิธา กล่าว

'พิธา' ชี้ มติครม.แก้กฎกระทรวงสรรพสามิตอนุมัติผลิตสุราพื้นบ้าน จงใจใช้เป็นข้ออ้างคว่ำ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง มติครม.เเก้กฎกระทรวงเกี่ยวกับการผลิตสุราว่ามติดังกล่าวไม่เข้าใจจุดประสงค์ของพ.ร.บ. สุราก้าวหน้าเลย การที่มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ. .... ปลดล็อคการผลิตเพื่อการค้าและการผลิตเพื่อบริโภค ควบคู่กับการคุ้มครองสินค้าสุราให้ได้คุณภาพมีมาตรฐานและความปลอดภัยต่อสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม แทนที่จะมีมติเห็นชอบพ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ชัดเจนว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ ถึงเเม้คุณวิษณุ เครืองามจะบอกว่าไม่ได้ปาดหน้า พ.ร.บ. สุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล เเละอ้างว่าทำมานาน 6 เดือน ก่อนสุราก้าวหน้าก็ตาม

ตนต้องขอยืนยันว่า หากจะอ้างเหตุผลเช่นนี้ เท่าพิภพ ส.ส.พรรคก้าวไกล ทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว และทางพรรคได้ยื่นร่างกฎหมายฉบับนี้มาตั้งเเต่ สมัยพรรคอนาคตใหม่ไม่ถูกยุบ เเละก่อนหน้าที่จะยื่นก็มีการเรียกกรมสรรพสามิตในกมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งเท่าพิภพเป็นกรรมาธิการอยู่หลายครั้ง เเต่ก็มีเเต่คำสัญญาว่าจะเเก้ไขเเละก็เงียบหายไป จึงต้องใช้ช่องทางในเชิงนิติบัญญัติเพื่อเเก้ปัญหา

ชัดเจนว่าการมีมติครม.ก่อนการลงมติพ.ร.บ. สุราก้าวหน้าออกมาเพียง 1 วัน เป็นการจงใจเพื่อให้ ส.ส. รัฐบาลอภิปรายเป็นเหตุผลกับสภาฯว่า พ.ร.บ. สุราก้าวหน้าไม่จำเป็นอีกต่อไปเเล้ว เพราะกฎกระทรวงออกมาเเล้ว ซึ่งจริงๆ เเล้วพ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ยังคงจำเป็นในการประกันหลักเสมอภาคในการเเข่งขันทางธุรกิจของประชาชน เนื่องจากเป็นกฎหมายลำดับชั้นสูงกว่าที่เเก้ยากกว่ากฎกระทรวง ซึ่งตนเองก็ได้เตรียมตอบทุกข้อสงสัยในสภาอยู่เเล้ว

นอกจากนี้พิธาระบุว่าตนได้ดูรายละเอียดกฎกระทรวงดังกล่าวตอนเปิดรับฟังความคิดเห็นเมื่อสัปดาห์ก่อนในเว็บไซต์กรมสรรพสามิต และคิดว่าน่าจะใช้เวลาระยะหนึ่ง เเต่ก็ไม่คิดว่าเสร็จสิ้นเร็วขนาดนี้ รู้สึกว่าพี่น้องประชาชนและพรรคก้าวไกลโดนหลอกมาตั้งนาน ที่แท้กฎกระทรวงก็เเก้ไม่ยากอย่างที่อ้าง เเละเมื่อดูรายละเอียดมีการปลดล็อกกำลังการผลิตก็จริง เเต่ก็มีการใส่ข้อจำกัดอื่น ทำให้ไม่ใช่การปลดล็อกการผลิตสุราให้รายย่อยจริง

‘พิธา’ ซัดขายที่ดินให้ต่างชาติเป็นทางลัดโบราณ หวั่นราคาบ้านในไทยพุ่งสูงเหมือนอังกฤษ - ฮ่องกง

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้สดถามนายกฯ นโยบายต่างชาติซื้อที่ดินได้ มีการประเมินข้อดี-ข้อเสีย ของนโยบายหรือไม่ ชี้ มาตรการดึงต่างชาติลงทุน-อาศัยในไทยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นแนวคิดสุดโบราณ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดถึงนโยบายต่างชาติซื้อที่ดินว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีกฎกระทรวงที่ย้อนหลัง ไปถึงรัชกาลที่ 4 ที่มีบันทึกเรื่องของกฎหมายให้ชาวต่างชาติมาใช้ที่ดินในประเทศไทย แต่ในภาวะปัจจุบันนโยบายนี้เป็นนโยบายที่ผิดที่ผิดทาง เพราะผลบวกที่ได้ทางเศรษฐกิจยังไม่มีการประเมินที่แน่ชัด ในขณะที่ประชาชนชาวไทยจำนวนมากที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน

ปัญหาข้อแรก ตั้งคำถามถึงเป้าหมายที่ชัดเจนของการแก้กฎกระทรวงเพื่อให้ต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดินในประเทศไทยคืออะไร เพราะจากข้อมูลพบว่าในรอบ 20 ปี มีต่างชาติเพียง 8 คน เป้าหมายจากคำสัมภาษณ์ที่เห็นมีเพียงระบุกว้าง ๆ ว่า ต้องการดึงดูดชาวต่างชาติ 1 ล้านคน ซึ่งว่าการเปลี่ยนกฎกระทรวงในครั้งนี้ยังมองไม่เห็นเป้าหมายและความชัดเจนว่าต้องการอะไรกันแน่ แล้วตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามีการเปลี่ยนตัวเลขกลับไปมา จึงไม่แน่ใจในเป้าหมาย

ปัญหาข้อที่สอง พิธา ตั้งคำถามถึงผลกระทบและข้อเสียงของการแก้ไขกฎกระทรวงว่าได้คำนึงถึงผลกระทบในทางลบที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ ยกตัวอย่างประเทศอังกฤษ ว่าหลังจากการปล่อยให้ต่างชาติเข้าไปซื้อที่ดินทำให้ราคาบ้านสูงเพิ่มขึ้นถึง 19% และตัวอย่างในประเทศฮ่องกงที่การเปิดเสรีเข้าซื้อที่ดินทำให้ราคาที่อยู่อาศัยสูงขึ้นจนคนในประเทศที่มีรายได้น้อยต้องอาศัยอยู่ในที่พักเล็ก ๆ ที่เป็นเหมือน “อพาร์ทเมนท์โรงศพ”

ทั้งนี้ พิธา ระบุว่า ตนกังวลเรื่องความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงที่ดิน ขณะที่ทางรัฐบาลพยายามจะให้ชาวต่างชาติ 1 ล้านคนเข้ามาซื้อที่ดิน แต่ 75% ของคนไทยยังไม่สามารถเข้าถึงที่ดินทำกินของประเทศบ้านเกิดตัวเองได้ คนไทยธรรมดาที่มีที่ดินจริง ๆ มีเพียง 20 เปอร์เซ็นเท่านั้น โควตาของต่างชาติคนละ 1 ไร่ก็ไปเบียดเบียนที่ดินของพี่น้องประชาชนแล้ว ยังมีประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย ยกตัวอย่างข้อมูลจากกระทรวงพัฒนาสังคมและมนุษย์ 1 ใน  5 ของคนจนไม่มีที่อยู่ และ 15 ปีต่อมา 1 ใน 3 ของคนจนไม่มีที่อยู่อาศัย พร้อมตั้งคำถามว่านายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องเรียงลำดับความสำคัญ ในขณะที่ประชาชนป่าสงวนหรือในพื้นที่อุทยานเงื่อนไขและข้อจำกัดในการเข้าถึงที่ดินจำนวนมาก ต่างชาติกลับมีเงื่อนไขเพียง 5 บรรทัดเท่านั้น ก็ต้องตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่าจะให้ความสำคัญกับการให้ต่างชาติมีที่ดินก่อน หรือประชาชนมีที่ทำกินก่อน

‘ธนกร’ ซัด ‘พิธา’ วิจารณ์ ‘BCG Model’ มั่วนิ่ม เหน็บ!! ไม่พูดสักเรื่อง ก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้

‘ธนกร’ สวน ‘พิธา’ หยุดวิจารณ์ BCG Model ถ้าไม่รู้จริง อัดอย่าเอาทุกเรื่องมาปนกันจนประชาชนสับสน แจงปัญหา PM2.5 นายกฯ สั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ไขมาอย่างต่อเนื่อง เหน็บไม่พูดเรื่องที่ไม่รู้จริงสักเรื่องก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้ โว BCG Model จะเป็นฐานเศรษฐกิจหลักของประเทศที่สร้างมูลค่ากว่า 4.4 ล้านล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า

นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า รัฐบาลฝันที่จะใช้การประชุมเอเปกสร้างเศรษฐกิจสีเขียว แต่แค่ PM2.5 ฝุ่นข้ามชาติ ยังไร้ภาวะผู้นำที่จะแก้ไขว่า ถ้านายพิธาไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรเพื่อให้ตัวเองได้คะแนนนิยม การไม่วิจารณ์เรื่องการประชุมเอเปกแบบมั่ว ๆ ด้วยชุดข้อมูลผิด ๆ สักเรื่องก็คงไม่มีใครหาว่านายพิธาเป็นใบ้ เพราะนายพิธาไม่ควรเอาทุกเรื่องมาโยงเป็นเรื่องเดียวกันจนทำให้ประชาชนสับสน 

ทั้งนี้ เรื่อง BCG Model เป็นเรื่องหลักที่รัฐบาลจะนำไปหารือในการประชุมเอเปกครั้งนี้ ซึ่งเป็นจุดแข็งในภาคเกษตรของไทย มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดขยะ และเน้นการใช้กระบวนการที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รวมถึงในอนาคตการประกอบธุรกิจภายใต้แนวคิด BCG อาจจะได้ประโยชน์ทางด้านภาษีเมื่อทำการค้าระหว่างประเทศด้วย สอดคล้องกับเทรนด์ของโลกเรื่องสิ่งแวดล้อม ถือเป็นหนึ่งทางออกที่ครอบคลุมให้ทุกการพัฒนาไม่มุ่งเน้นเพียงการพัฒนาเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ต้องพัฒนาคู่ไปกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลด้วย 

ส่วนเรื่องปัญหา PM2.5 นั้น รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ดังนั้น หากนายพิธาไม่รู้ก็ควรจะหาข้อมูลให้ได้ข้อเท็จจริงก่อน ไม่ใช่วิพากษ์วิจารณ์แบบตีหัวแล้วเข้าบ้าน ซึ่งไม่น่าจะใช่แนวทางของนักการเมืองรุ่นใหม่อย่างที่พรรคนายพิธามักจะกล่าวอ้างอยู่บ่อย ๆ

นายธนกร กล่าวอีกว่า BCG Model ดำเนินการภายใต้นโยบายของรัฐบาลไทยตามแผนการปฏิบัติด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2570 สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างน้อย 5 เป้าหมาย ได้แก่ การผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ความหลากหลาย ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การลดความเหลื่อมล้ำ อีกทั้งยังสอดรับกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นหลักสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย 

‘พิธา’ จวก รบ.จัดประชุมเอเปคสร้างภาพให้ ‘บิ๊กตู่’ ชี้ ควรเป็นเวทีรับฟังความเห็นต่าง แต่กลับทำร้ายปชช.

พิธา ฉะ รัฐบาล จัดฉากประชุมนานาชาติ เพียงหวังสร้างภาพให้ ‘บิ๊กตู่’ เพื่อยกระดับตัวเอง แทนที่จะรับฟังความเห็นต่าง แต่กลับส่งเจ้าหน้าที่สกัดกั้นทำร้ายประชาชน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมของประชาชนที่รวมตัวกันการสลายชุมนุมของตำรวจต่อกลุ่ม ‘ราษฎรหยุดเอเปค 2022’ ที่ต้องการเพียงแค่เดินขบวนจากลานคนเมือง มุ่งหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดกั้นบุกจับกุม มีคนถูกกระสุนยาง แก๊สน้ำตาเป็นจำนวนมาก โดยพิธา ระบุว่าถือเป็นความอับอายที่รัฐบาลไทยมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการเช่นนี้ทั้งที่การประชุม APEC ควรเป็นเวทีที่เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ไม่ใช่แค่เพื่อพูดคุยตกลงกันในระดับผู้นำประเทศเท่านั้น แต่รวมถึงประชาชน ภาคประชาสังคมต่าง ๆ ด้วย

‘ก้าวไกล’ ลุยขอนแก่น เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขต 1 ตั้งเป้าปักธงส้มครบ 11 เขต - พร้อมล้างบางงูเห่า

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2565 ที่ลานสนามฟุตซอลบ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมทั้งอภิชาติ ศิริสุนทร กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลสัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมเวทีแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 1 โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

หัวหน้าพรรคก้าวไกลเริ่มต้นด้วยการเกริ่นถึงชุดนโยบาย ‘สวัสดิการไทยก้าวหน้า’ ที่พรรคก้าวไกลเสนอเพิ่มเงินผู้สูงวัยเป็น 3,000 บาทต่อเดือน เป็นอัตราเดียวแบบถ้วนหน้า ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ แต่ยังช่วยประชากรวัยทำงานด้วย ตนเองเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะเป็นคนหนึ่งในวัยทำงานที่มีทั้งลูกที่ต้องดูแล มีพ่อแม่ที่ต้องเป็นห่วง มั่นใจว่าการเพิ่มเงินผู้สูงวัยจะช่วยแบ่งเบาภาระของประชากรวัยทำงาน ให้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top