Wednesday, 26 June 2024
ElectionTime

‘ลุงหนู’ ลั่น หลังเลือกตั้ง ภท. พร้อมทำงานทุกบทบาท เชื่อ!! ส.ว. ไม่ฝืนตั้งรัฐบาลจากเสียง ส.ส.ข้างน้อย

(1 ก.พ. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายการเมืองของพรรค ในศึกการเลือกตั้ง ระบุว่า 

พรรคทำเต็มที่แน่นอน และหลังเลือกตั้ง เราพร้อมทำงานในทุกบทบาท ขึ้นกับความไว้วางใจของประชาชน ถ้าประชาชนเลือกเข้ามามาก ตนก็พร้อมเป็นนายกฯ ซึ่งบทบาทนายกฯ ของตนคือการประสานทุกฝ่ายช่วยกันทำงาน เรื่องข้าง เรื่องสี ขอให้พอ ประเทศไทยถูกความขัดแย้งเหนี่ยวรั้งมานานเกินไปแล้ว  

เมื่อถามว่า จากนี้พรรคภูมิใจไทย จะเปลี่ยนจากพรรคผู้ถูกเลือก เป็นพรรคที่เป็นผู้เลือกแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า เอาเข้าจริง เราเป็นผู้เลือกอยู่ตลอด ครั้งที่แล้ว ถ้าไม้ได้พรรคภูมิใจไทย จะตั้งรัฐบาลกันได้หรือไม่ ย้อนกลับไปมีการเสนอสิ่งต่าง ๆ มาให้ตนและพรรคมากมาย ตำแหน่งสูงกว่ารัฐมนตรีก็ให้ แต่ถามว่า รับไปแล้ว บ้านเมืองไปต่อได้ไหม ถ้าไม่ได้ ถึงเป็นนายกฯ ก็ไม่มีประโยชน์ คราวที่แล้ว เมื่อเราเลือก อำนาจ คสช.ก็หมดไปทันที แต่ถ้าไม่เลือก ตามรัฐธรรมนูญ คือ รัฐบาลรักษาการอยู่ต่อไปจนถึงการที่ ครม.ใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ แต่สิ่งเหล่านั้น ไม่เกิด เพราะการเลือกของภูมิใจไทย เราทำให้การเมืองเข้าสู่ระบบใหม่ และประเทศไทย ก็ยังไปข้างหน้าได้ด้วย

‘ทิพานัน’ ซบ ‘รทสช.’ รับหมวกลุยงานสื่อสาร ผสานรอยต่อคนไทย ‘ทุกสี-ทุกรุ่น-ทุกวัย’

เอกนัฎ ต้อนรับ ทิพานัน สวมเสื้อ รวมไทยสร้างชาติ พร้อม ลุยงานสื่อสาร บอกยังไม่ชัด ให้ลงเขต-ปาร์ตี้ลิสต์

(1 ก.พ. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อม นายมินทร์ ลักษิตานนท์ อดีตผู้สมัคร ส.ก. เขตจอมทอง และนายศุข ศักดิ์ณรงค์เดช อดีตผู้สมัคร ส.ก.ยานนาวา สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครทสช. รับใบสมัครสมาชิกพรรคตลอดชีพ และมอบเสื้อ แจ็กเก็ตพรรคให้ น.ส.ทิพานัน ขณะที่มีกองเชียร์จากเขตจอมทองสวมเสื้อสีเหลืองมาให้กำลังใจ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า เป็นข่าวดีของพรรคที่มีโอกาสต้อนรับสมาชิกคนใหม่ น.ส.ทิพานัน เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ทำงานเต็มที่ 100% ทั้งในพื้นที่และในฐานะรองโฆษกรัฐบาลทำหน้าที่ได้ดีสม่ำเสมอ เป็นโอกาสดีของพรรคที่จะได้ผู้ร่วมภารกิจรวบรวมคนทุกสี ทุกรุ่นทุกวัย ตามอุดมการณ์ของพรรคและเจตนารมณ์ของผู้ใหญ่ในพรรค ตนทาบทาม น.ส.ทิพานัน ให้มาช่วยงานสื่อสารของพรรค โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ ทั้งในและนอกแวดวงการเมืองด้วย เช่น หอการค้า หรือกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันถึงว่าจะให้มาเป็นทีมโฆษกพรรคหรือไม่ ตอนนี้มองแค่เรื่องงานสื่อสารก่อน

‘พิธา’ ยก!! บันได 3 ขั้น แก้วิกฤติการเมือง มุ่งขจัดการลิดรอนเสรีภาพประชาชน

‘พิธา’ ยก บันได 3 ขั้นแก้วิกฤติการเมือง คืนสิทธิประกันตัว - นิรโทษกรรมคนเห็นต่าง - แก้กฎหมายลิดรอนเสรีภาพประชาชน ยกกรณี ‘ตะวัน-แบม’ เป็นเรื่องของคนทุกคน เรียกร้องคืนสิทธิประกันตัวไม่มีเงื่อนไข 

(1 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาปัญหาในการประกันตัวของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาในฐานความผิดจากการแสดงออกทางการเมือง เพื่อส่งให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักนิติรัฐและความยุติธรรม

พิธากล่าวว่า สิทธิในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน เป็นสิทธิที่ได้รับการรับรองตามหลักการระหว่างประเทศและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ แม้หากการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกนั้นอาจมีข้อจำกัดในทางกฎหมาย อันนำมาสู่การดำเนินคดีกับผู้แสดงความคิดเห็นหรือผู้แสดงออก แต่ประชาชนทุกคนที่ถูกดำเนินคดี ไม่ว่าจะผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหาหรือจำเลย ก็ย่อมมีสิทธิในการต่อสู้คดีและการได้รับการประกันตัวตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย อีกทั้งหน่วยงานรัฐและกระบวนการยุติธรรมก็ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลผู้นั้นบริสุทธิ์

อย่างไรก็ตามในรอบหลายปีที่ผ่านมา ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นเยาวชนกลับเข้าไม่ถึงสิทธิในการประกันตัว อันอาจเป็นปัญหามาจากบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย หรือดุลยพินิจรายกรณีจนถูกตั้งคำถามจากนักวิชาการ นักกฎหมาย ทนายความ ภาคประชาสังคม และประชาชนเป็นจำนวนมาก อันนำมาซึ่งการแสดงออกด้วยอารยะขัดขืนของคุณทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และคุณอรวรรณ ภู่พงษ์ ที่ได้แสดงออกด้วยการอดอาหารในระหว่างที่ถูกคุมขัง เมื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีที่เกิดจากการแสดงออกทางการเมือง และรวมถึงการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นแทรกแซงการใช้อำนาจของตุลาการในการพิจารณาอรรถคดีใดคดีหนึ่ง และข้อเท็จจริงจนถึงปัจจุบันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้พูดถึงปัญหาดังกล่าว และเห็นสมควรที่รัฐบาล สภา และ ศาล ได้ร่วมกันพิจารณาและหาทางออก

พิธากล่าวว่า ตนมี 3 ประเด็นที่ขอเสนอ ประเด็นที่ 1 ขอโน้มน้าวให้ทุกคนเห็นว่าเรื่องที่คุณตะวันและคุณแบมทำอยู่นั้น เป็นเรื่องของเราทุกคน ห่างจากที่นี่ 37 กิโลเมตร ประชาชน 2 คน ตัดสินใจใช้ร่างกายของตัวเองในการต่อสู้เรียกร้องในสิ่งที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สุด ที่รัฐควรให้กับประชาชน นั่นคือการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม ที่อิสระ ที่เที่ยงตรง และที่ผู้คนเชื่อถือเป็นที่พักพึง

“ผมเป็นนายประกันของคุณตะวันด้วยความภาคภูมิใจ มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมเขา ได้พูดคุยและสอบถามอาการ รู้สึกได้ว่าอาการของทั้ง 2 นั้นนับถอยหลังกันเป็นชั่วโมง แน่นอนว่าผมเป็นคนหนึ่งที่เป็นห่วงผลกระทบต่อร่างกาย แต่สำหรับนักสู้ทางการเมืองสองคนนั้น สุขภาพหรือความอิดโรยของเขาไม่ใช่เรื่องหลักที่เขาเป็นห่วงแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาเป็นห่วงคือ ระบบยุติธรรมของประเทศนี้ สิทธิในการประกันตัวของทุกมาตราในระบบกฎหมายอาญาที่มีอยู่ และเป็นห่วงเพื่อนของเขาทั้ง 15 คนที่ควรได้รับสิทธิประกันตัวอย่างไม่มีเงื่อนไข” พิธากล่าว

พิธากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของเราทุกคน เป็นเรื่องของเกษตรกรที่โดนยึดที่ดินอย่างไม่เป็นธรรม เป็นเรื่องของพี่น้องแรงงานที่อาจถูกว่าจ้างอย่างไม่เป็นธรรม แต่เมื่อไปพึ่งระบบยุติธรรมกลับไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นเรื่องของนักสู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่โดนฟ้องปิดปาก เป็นเรื่องของผู้แทนราษฎรทุกคน

“ทุกครั้งที่ผมไปหาคุณตะวันและคุณแบม ผมมองตาตะวันแล้วเห็นพิพิมลูกสาวของผมอยู่ในนั้น บูมเมอแรงปาออกไปมันกลับมาหาเรา ผู้แทนราษฎรในที่นี้ มีพ่อแม่ของเราที่สู้มาก่อน มีเราที่กำลังสู้อยู่ และมีลูกหลานของท่านที่ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าวันหนึ่งเขาอาจเอาชีวิตเข้าไปแลกกับเสรีภาพขั้นพื้นฐานของความเป็นพลเมือง อาจเป็นลูกของผมก็ได้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของเราทุกคนในประเทศไทย การที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่มีสิทธิเสรีภาพ ก็เท่ากับไม่มีสิทธิเสรีภาพ ไม่มีความเที่ยงตรงกับคนไทยทั้งประเทศเช่นกัน” พิธาระบุ

พิธากล่าวว่า ประเด็นที่ 2 คือสมดุลของ 3 เสาหลักในการแก้ปัญหาของประเทศไทย ตนอภิปรายครั้งแล้วครั้งเล่าว่าในทุกสังคมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ความรู้สึกของยุคสมัยจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อาจมีความเห็นต่างบางอย่างที่เราสบายใจหรือไม่สบายใจ อาจเป็นความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจที่เราไม่อยากรับฟังและทนไม่ได้ แต่เราจะทำอย่างไรได้นอกจากรับฟังเขาและหาฉันทามติร่วมกัน แต่ความเป็นจริง แทนที่เราจะรับฟัง กลับเลือกกดปราบผู้เห็นต่าง

'เอิร์ธ พงศกร' ประกาศชิง ส.ส.คลองเตย-วัฒนา อาสาสร้างความหวังให้คนในพื้นที่ ยังอุบชื่อพรรค

(1 ก.พ. 66) นายพงศกร ขวัญเมือง หรือ เอิร์ธ บุตรชาย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯกทม. ประกาศตัวลงสมัครชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) คลองเตย-วัฒนา กรุงเทพฯ ทว่าไม่ระบุว่าจะลงในนามพรรคใด

นายพงศกรเผยทางเฟซบุ๊กว่า

[ มาร่วมกันสร้างความหวังให้คลองเตยและวัฒนา ]

'กรุงเทพฯ' สำหรับแต่ละคนคงมีภาพจำที่แตกต่างกัน บางคนอาจนึกถึงตึกสูง ศูนย์กลางของความเจริญ เป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ

แต่สำหรับบางคน ก็อาจมองเห็นภาพความเหลื่อมล้ำ ชุมชนบ้านหลังคาติด ๆ กัน อยู่กันห้องเล็ก ๆ หลาย ๆ คน ภาพของคนหาเช้ากินค่ำ ที่ต้องดิ้นรนตื่นแต่เช้ามืด รีบไปทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงลูกและครอบครัว 

นายพงศกรกล่าวว่า “สำหรับผม พื้นที่ 'คลองเตย-วัฒนา' สะท้อนภาพของความแตกต่างนั้นได้อย่างชัดเจน โรงเรียนนานาชาติค่าเทอมแพง อยู่ตรงข้ามโรงเรียนของรัฐในชุมชน  คอนโดหรูสูงระฟ้า มีแค่รั้วกั้นกับบ้านในชุมชนแออัด ที่หลังหนึ่งอยู่กันหลายครอบครัว ความแตกต่างของโชคชะตา ทำให้ความหวังแตกต่างกันไป”

ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมได้พูดคุยกับพี่น้องในชุมชนหลายครั้ง แต่มีครั้งหนึ่งที่ผมได้ไปในชุมชน ชวนน้อง ๆ คุยเรื่องความฝันว่า

“โตขึ้นอยากเป็นอะไร?”

บางคนบอก อยากทำงานรับจ้าง อยากขับวินมอเตอร์ไซค์ อยากเป็นข้าราชการ พนักงานออฟฟิศ แต่มีคำตอบหนึ่งที่ผมจำไม่ลืม คือคำตอบของน้องคนหนึ่งที่ตอบสั้น ๆ ว่า…

”ผมไม่กล้าฝันอะครับ ขอแค่เย็นนี้มีอะไรกินก็ดีแล้ว”

‘ไตรรงค์’ ลั่น!! ‘บิ๊กตู่’ สมัครปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ 1 ของรวมไทยสร้างชาติ

(1 ก.พ. 66) เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปี สถานีข่าวท็อปนิวส์ เดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 3 อย่างเป็นทางการ ได้มีการปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ ‘อนาคตประเทศไทย หลังการเลือกตั้ง 2566’

ช่วงหนึ่งของการพูดคุย ‘สันติสุข มะโรงสี’ ผู้ประกาศข่าวสถานีข่าว Top News เป็นผู้ดำเนินการเสวนา ได้สอบถามความเห็นจาก ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ถึงภาพรวมการเมืองปี 2566 โดยเริ่มจากการพูดติดตลกว่า “เท่าที่ดูผมมอง จะมีคนติดคุก เพิ่มขึ้น” ก่อนจะพูดถึงการทำงานของรัฐบาลว่า “ผมไม่อยากชมรัฐบาลนะ แต่มองว่าเป็นจริง จากการศึกษากับกระทรวงการคลัง องค์กรต่าง ๆ นักเศรษฐศาสตร์ดัง ๆ ในประเทศไทย เห็นตรงกันปี 66 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็แย่ ยุโรปก็ตกต่ำ ดูเหมือนว่าประเทศไทย อีกหนึ่งประเทศที่ดีขึ้น เราแพ้ชาติเดียวคือจีน ดังนั้นใครมาเป็นรัฐบาล ก็คงสามารถดูแลพี่น้องที่ยากจนได้ดีขึ้น เพราะไทยเราสามารถฝ่ามรสุมเศรษฐกิจโลกมาได้แล้ว และการท่องเที่ยวจะช่วยเราได้เยอะจากนี้”

และเมื่อ ‘สันติสุข มะโรงสี’ ผู้ประกาศข่าวสถานีข่าว Top News เป็นผู้ดำเนินการเสวนา ถามว่า ใครจะได้เป็นนายกฯ ‘สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ท็อปนิวส์ ดิจิทัล มีเดีย จำกัด ให้ความเห็นว่า “ถ้าวันนี้เราจะมองว่า ใครได้เป็นนายกฯ คนต่อไป ในระบบรัฐสภาฯ มีความจริงที่เราต้องยอมรับก่อน คือ พรรคเพื่อไทย มีโอกาสจะได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการใช้เงินมากที่สุด ที่เคยมีมา”

ถามว่าทำไมเพื่อไทย ถึงจะมาเป็นอันดับหนึ่ง จะมีส.ส.มากที่สุด ต้องกลับไปดูข้อมูล คะแนนนิยมของ ภาคอีสาน ตามมาด้วยภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และกทม. เพราะเพื่อไทยเขาคุมอีสานมาตลอด ต้องเรียนดร.ไตรรงค์ว่า มันเป็นความผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเดิมที่ท่านเคยอยู่ พรรคนี้ไม่ได้รุกในภาคอีสานเลย ต่อมาในภาคกลาง ผู้ที่คุมพื้นที่คือพรรคพลังประชารัฐ รัฐมนตรีสุชาติ ก็ทำหน้าที่ดูแลภาคกลาง พรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้เสื่อมทรุดเป็นครั้งแรก

แต่ประเด็นสำคัญ คือ การเลือกตั้งท้ายที่สุดแล้ว ใครจะพูดว่าไม่แบ่งขั้ว ปรองดอง ต้องบอกเลยเป็นไปไม่ได้ เพราะการเมืองปัจจุบันมันแยกเป็นขั้ว ภาคบังคับอยู่ที่แถลงการณ์ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ออกมาสนับสนุน แบม-ตะวัน กลุ่ม 3 นิ้ว ที่เรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ในการขอยกเลิกมาตรา 112 และอ้างว่า พรรคไหนเสนอยกเลิก 112 จะเลือกพรรคการเมืองนี้ แต่พอเป็นแบบนั้น ปรากฏว่า พรรคฝ่ายค้านส่วนใหญ่ แถลงยอมรับใน 2 ข้อแรกของตะวัน-แบม แต่ไม่แตะมาตรา 112 แต่เพียงเท่านี้ก็เหมือนการยอมรับแล้ว ว่าคนพวกนี้ทำถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่มีการพูดจาไม่เหมาะสมต่อสถาบันฯ

ส่วนในแง่ของการประกาศจุดยืนของพรรคการเมือง พรรคพลังประชารัฐ จุดยืนของพลเอกประวิตร เชื่อว่าไม่เอาเพื่อไทยแน่นอน เพราะท่านเป็นผบ.ทบ.มาก่อน เคยดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยา จึงเชื่อว่าจะไม่มีวันทำร้ายสถาบันฯ แน่นอน ดังนั้น การเมืองมีขั้วและขั้วนั้น คือไม่เอาทักษิณ ไม่จับมือเพื่อไทย

เมื่อถามว่า ในพรรคไทยสร้างไทย จัดว่าอยู่ในขั้วไม่เอาทักษิณด้วยหรือไม่ ‘สนธิญาณ’ กล่าวว่า หญิงหน่อยก็เหมือนจตุพร ที่ไม่เอาทักษิณแล้ว รับไม่ได้กับพฤติกรรมที่หลอกลวงสารพัด วีรกรรมร้ายแรงเยอะ

‘ก้าวไกล’ ปักธง 4 เขตครบ จ.สระบุรี ชู!! ล้วงกระเป๋าตังค์ไปไม่ว่างเปล่า

‘ก้าวไกล’ ลุยสระบุรี แนะนำว่าที่ผู้สมัครครบ 4 เขต ‘แป๊ะ บางสนาน’ เอาด้วย ด้าน ‘เพชร กรุณพล’ เผย ประชาชนถูกใจนโยบายรัฐสวัสดิการ หวังได้เห็นก้าวไกลเป็นพรรครัฐบาลนำการเปลี่ยนแปลงใหญ่  

(1 ก.พ. 66) กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ทั้ง 4 เขตของจังหวัดสระบุรี และประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคก้าวไกล ที่ตลาดเช้าหนองแค, ตลาดนัดสามแยกหนองแค, ตลาดล้ง, บขส. และตลาดเสาไห้ 

กรุณพล ระบุว่าจากการพูดคุยกับประชาชน นโยบายที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือนโยบายด้านรัฐสวัสดิการ โดยเฉพาะนโยบายการปรับเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 เป็น 3,000 บาท และเงินเด็กเล็ก 0-6 ขวบ เดือนละ 1,200 บาท

กรุณพล มองว่า นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะประชาชนเคยมีชีวิตที่ดีกว่านี้ มีหนี้ที่น้อยกว่านี้ การลงพื้นที่ทำให้ตนได้เห็นผู้สูงอายุหลายคนที่ยังต้องดิ้นรนหาเงินเลี้ยงชีพ ทั้งที่ควรได้พักผ่อนจากการทำงานมาทั้งชีวิต เพราะรายได้ที่ผ่านมาจากการทำงานไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพอย่างมีคุณภาพ และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเงินเก็บไว้ใช้ในชีวิตบั้นปลาย นี่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่คนไทยต้องเผชิญร่วมกัน และมีแต่จะรุนแรงขึ้นในอนาคต จากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาแล้วหลายปี

8 ปีที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลทหารจำแลง วันนี้หลายคนล้วงกระเป๋าเจอแต่ความว่างเปล่า ลูกค้าหายไป กำลังซื้อลดลง เยาวชนจบใหม่ไม่มีงานทำ ค้าขายลำบาก ค่าครองชีพแพงขึ้น ประชาชนตระหนักว่าการเมืองเป็นเรื่องของคนทุกคน ประเทศชาติจะดีหรือร้ายล้วนเป็นเรื่องของการเมืองทั้งสิ้น

‘เพื่อไทย’ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ เพิ่ม 61 คน แง้ม!! ต้นเดือน มี.ค. จัดปราศรัยใหญ่ ที่โคราช

‘เพื่อไทย’ เปิดอีก 61 ผู้ประสงค์รับสมัครเลือกตั้ง มี ลูกชาย-หลาน พร้อมทีมงาน ‘กำนันป้อ’ ‘โฮม ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช’ โผล่ร่วมงานด้วย จ่อลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่โคราช ต้นมี.ค.

(2 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ประธาน ส.ส.พรรคพท. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค พร้อมด้วยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร่วมแถลงเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลางและภาคใต้รวม 61 คน

โดยนพ.ชลน่าน กล่าวว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคเพื่อไทย วันนี้เป็นกลยุทธ์หนึ่งในสามกลยุทธ์หลักของพรรคเพื่อไทย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ 

1.) แคนดิเดตนายกฯ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่นำพาการบริหารการเลือกตั้งหรือบริหารแผ่นดิน ย้ำว่าพร้อมประกาศทั้ง 3 รายชื่อ โดยจะประกาศในระยะเวลาอันใกล้ 

2.) กลยุทธ์นโยบายที่เป็นนโยบายจับต้องได้ ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้แต่ทำสำเร็จมาแล้ว 

และ 3.) ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ที่เราจะประกาศรายชื่อทั้ง 61 คน มั่นใจว่าผู้สมัครทุกคนมีศักยภาพและความพร้อม

ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. 61 คน ซึ่งล้วนเป็นอดีตส.ส.ที่ย้ายมาจากพรรคการเมืองอื่น หลายคนเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกบริหารสภาท้องถิ่น และเป็นตัวแทนที่อยู่ในเขตเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนมาตลอด

เมื่อถามว่า การได้บ้านใหญ่ของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มาจะช่วยเสริมทัพให้พื้นที่จ.นครราชสีมาได้มากแค่ไหน และจะมาช่วยงานพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยนายวีระศักดิ์มีปัญหาด้านสุขภาพ ขอพักรักษาตัวแต่ก็ได้ส่งบุตรชาย หลาน และทีมงานเข้ามาเพิ่มศักยภาพพรรคเพื่อไทย ซึ่งจ.นครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ เรามีความพร้อมอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึง กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีกำหนดการลงพื้นที่หาเสียงในจ.นครราชสีมา จะส่งผลกระทบกับพรรคเพื่อไทยในพื้นที่นี้หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เดิมทีเราวางโปรแกรมปราศรัยในพื้นที่จ.นครราชสีมาไว้แล้ว ตั้งใจว่าต้นเดือนมีนาคมหลังจากเปิดตัวผู้สมัครแล้ว และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบ่งเขตครบ เราจะทำการปราศรัยใหญ่ที่จ.นครราชสีมา

ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า ตนมองว่ายิ่งเป็นการหาเสียงให้พรรค พท.เป็นอย่างดียิ่ง มั่นใจว่าประชาชนจะเกิดการเปรียบเทียบและเห็นในสิ่งที่มีความชัดเจนในการทำงาน ทำหน้าที่ และอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ไปหาเสียงทุกจังหวัด เพราะพรรคเพื่อไทยจะได้หาเสียงได้ง่ายขึ้น

‘บิ๊กป้อม’ ใช้ใจบันดาลแรง นำทัพ ‘พปชร.’ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่

ถ้าใครได้ฟังสิ่งที่ออกจาก ‘ลุงป้อม’ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากงานกิจกรรมระดมทุนพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2566 ที่ผ่านมานั้น จะเห็นภาพที่เปลี่ยนแปลงไป

อย่างแรก ก็คือ แกพูดเยอะขึ้น ไอ้ที่เห็นภาพแบบถามคำตอบคำอย่างที่คุ้นนั้น แทบจะพลิกจนคนเห็นแล้วตกใจ

ส่วนหนึ่ง ก็อาจจะเป็นเพราะการตัดสินใจ ประกาศก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 30 ของไทย โดยมีทัพ พปชร. ที่ยังคงอยู่ให้ความเคารพ และผลักดันแบบไม่มีใครคิดแตกแถว

แถมทุกคนยังแลดูเชื่อมั่น และอยากให้พี่ใหญ่แห่ง 3ป. นี้ ขึ้นมาอยู่ในสถานภาพสมกับบารมีที่มีอย่างจริงจัง

ในวันนั้น ทุกถ้อยคำของ ‘ลุงป้อม’ บอกเล่าตามแรง ที่แกมักจะพูดว่า มีแรงกลับคืนมาได้ เพราะใช้ใจบันดาล ซึ่งเนื้อความวันนั้น จับสาระสำคัญได้เยอะกว่าที่ผ่านมา เสมือนที่ผ่านมาแกเลือกที่จะไม่พูดเลยยังไงยังงั้น

วันนั้น ลุงป้อม พูดถึง สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันวา่า สังคมไทยยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐ ยังคงมุ่งมั่น ยืนหยัด ที่จะทำงานการเมืองสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ 'การสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข' ให้พี่น้องประชาชนชาวไทย มีความอยู่ดี กินดี อย่างมีความสุข ใน 3 พันธกิจหลัก...

1.) สวัสดิการประชารัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ
2.) เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถ และโอกาสที่เท่าเทียม
3.) สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง และแบ่งปัน

พิธีกรมีการถามเรื่อง ผมไม่รู้?
ลุงป้อมตอบว่า ที่ผมตอบว่า "ไม่รู้" ความจริงแล้ว ผมอาจจะรู้ก็ได้นะครับ แต่ว่าผมก็จะต้องหาผู้รู้ที่รู้มากกว่าผม มาแนะนำผม คนที่รู้เนี่ย อยู่รอบตัวผมเยอะแยะ ผมก็เอามาใส่ในตัวผมให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

พิธีกรถามเปิดใจลุงป้อม เรื่องการใช้ใจบันดาลแรง ไม่ใช่ใช้แรงบันดาลใจ

ลุงป้อมตอบว่า พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง และตัวเองก็เอาใจนี่แหละครับ ในการที่จะบันดาลแรงที่ได้ร่วงโรยไป ทุกวันนี้เดินก็ไม่ค่อยไหว แต่ก็ใช้ใจบันดาลแรงนี่แหละ ในการเดิน

ตลอดงานในวันนั้น ดู ลุงป้อม จะมีความเป็นตัวเองมากที่สุด มีรอยยิ้มที่แลดูมีความสุขแบบผ่อนคลาย แถมยังมีการฉายพูดถึงสิ่งที่อยากบอกกับผู้ร่วมงานวันนั้นแบบคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ เดินหน้าประเทศไทย ลุงป้อมพูดถึงปัญหาความยากจน พวกชาวนา ชาวไร่ พวกเกษตรกรหาชาวกินค่ำ ที่จะต้องดูแลคนพวกนี้ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และก็จะได้ทำให้ประเทศไทยนั้น มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป

เคล็บลับให้ได้ใจคน คือ 'ความจริงใจ' ไม่ว่าใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นฝูง เป็นน้อง พูดอะไรไป “ความจริงใจ ซื้อใจคน”

พูดถึงชีวิตช่วงผ่านศึกสงครามมาหลาย ๆ สงคราม เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ซึ่งตลอดระยะเวลานั้นก็ได้พยายามทำงานประเทศชาติ เพื่อกองทัพ และก็เพื่อประชาชน และพอมาทำงานการเมือง ก็หวังที่จะทำการเมืองเพื่อประชาชน ให้ประชาชนเราได้อยู่ดี กินดีขึ้น

‘ภูมิใจไทย’ เปิดตัว ‘กำนันฉอย’ ส.ส.กาญจน์ ที่ดึงมาจาก พปชร.

(2 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ชูมือเปิดตัว นายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ (ซ้ายมือนายอนุทิน) เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย

นอกจากนี้ ยังมีนายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ อดีต ส.ส.นครปฐม พรรคพลังประชารัฐ, นายมณเฑียร สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ และ นางนันทนา สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ ที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ก่อนหน้านี้ มาร่วมแสดงความยินดีด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top