Wednesday, 26 June 2024
ElectionTime

‘ลุงหนู’ บอก รู้นานแล้ว ‘ทีมกำนันป้อ’ จ่อซบ พท. มองเป็นเรื่องดี จะได้เลิกวลี ‘ไล่หนูตีงูเห่า’

(2 ก.พ. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงสถานะภายในพรรคของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรมช.คมนาคม และอดีตกรรมการบริหารพรรค ว่า สถานะยังเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ต้องเช็กกับนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคฯ

ส่วนที่มีข่าวว่ามีทีมงานของนายวีรศักดิ์ จะย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยนั้น นายอนุทิน ระบุว่า เรื่องนี้รู้มานานแล้ว มองว่ามันก็ดี เพราะจะมีการคละเคล้ากันไป จะได้เลิกวลี ‘ไล่หนูตีงูเห่า’ หากมาพรรคภูมิใจไทย เพราะคนของพรรคภูมิใจไทยก็ออกไปพรรคอื่น ซึ่งเราไม่ได้ไล่ใครทั้งนั้น ต่างคนต่างทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง แล้วมาแข่งกันทำความดี และขายนโยบายให้กับประชาชนเพื่อตัดสินใจ

'ชาติพัฒนากล้า' ชูนโยบาย 'เกษตรสร้างชาติ' ยกระดับสินค้า จัดตั้งกองทุนหนุนธุรกิจ จ้างงานผู้สูงวัย สร้างคุณค่าชีวิต

(3 ก.พ. 66) นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงนโยบายด้านการเกษตรของพรรคชาติพัฒนากล้าว่า โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย ไม่ได้เอื้อให้ผู้ประกอบการรายย่อย และเกษตรกร ให้ลืมตาอ้าปากได้มากนัก พรรคชาติพัฒนากล้า ขอนำเสนอนโยบาย 'เกษตรสร้างชาติ เพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยี – อุตสาหกรรม' โดยยก 4 ข้อหลักเพื่อไปสู่เป้าหมายได้ คือ

1.) พัฒนาสินค้าเกษตรเป็นเกษตรพรีเมี่ยม เพิ่มคุณภาพการผลิต จำหน่ายในราคาสูงได้ ปัญหาของเกษตรกรเวลานี้คือ เน้นปริมาณ ไม่ได้เน้นคุณภาพมากนัก ทำให้สินค้าผลิตออกมาขายไม่ได้มาตรฐาน หรือขายได้ในราคาถูก ไม่คุ้มต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น สินค้าภาคการเกษตรเกี่ยวเนื่องกับหลายกระทรวง ที่มีนโยบายไม่สอดคล้องกัน ทำให้สินค้าภาคการเกษตรไม่สามารถแก้ปัญหาได้มาอย่างยาวนาน

2.) ใช้เทคโนโลยีช่วยเกษตรแปรรูป โดยเสนอระบบ cloud factory ซึ่งเป็นระบบที่รัฐใช้เงินสนับสนุน มีโครงสร้างพื้นฐาน ให้ชาวบ้านมาใช้ มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงแล้ว ที่อุทยานหลวงปู่ทวด ต.บ้านใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้นำท้องถิ่นได้รวบรวมสินค้าชุมชน นำมาแปรรูป และตั้ง อย.กลางเพื่อสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตตามออเดอร์ หมดปัญหาผลิตมาไม่รู้จะขายใคร

3.) สอนเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการ ไม่ใช่แค่ผู้ผลิต ด้วยการค้าขายออนไลน์ ซึ่งมีตลาดแบบไร้พรมแดน หากทำได้ก็จะสร้างรายได้ให้กับประชาชนมหาศาล ลืมตาอ้าปากได้

‘นพดล’ จี้ รัฐบาล-กทม. เร่งจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5 ลั่น! ดันร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดทันที หาก พท.เป็นรัฐบาล

(3 ก.พ. 66) 'นายนพดล ปัทมะ' รองประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย เสนอ 5 ทางออก แก้ฝุ่น PM 2.5 จะต้องหมดไป ย้ำ รัฐบาลต้องจริงจังกับปัญหา สิทธิ์หายใจในอากาศสะอาดเป็นสิทธิมนุษยชน

“ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่เลือกคนรวย คนจน เด็กอนุบาล หรือผู้สูงอายุ เราจะไม่ปล่อยให้แก้ปัญหาแบบนี้อีกต่อไป พรรคเพื่อไทยมา PM2.5 ต้องหมดไป ต้องแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและโดยแก้เริ่มจากได้การมีรัฐบาลใหม่ที่เอาจริงเรื่องนี้" 

นพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ปัญหาค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพมหานครติดอันดับโลกขณะนี้ และอยู่ในระดับเป็นอันตรายต่อสุขภาพจากสภาพอากาศปิด ขณะที่ในหลายจังหวัดประสบปัญหาจากการเผาป่า เผาไร่ ที่ผ่านมา การแก้ไขปัญหาเป็นแบบไฟไหม้ฟางและปลายเหตุมาตลอด พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งระยะสั้น กลาง และระยะยาว หากได้เป็นรัฐบาลจะแก้ปัญหาโดย 

1.) เข้มงวดห้ามเผาป่า เผาไร่เช่น อ้อย ข้าวโพด และของเหลือจากผลิตผลทางการเกษตรอย่างเคร่งครัด พร้อมกับดำเนินนโยบายปลูกป่าเศรษฐกิจขนานใหญ่ ได้ทั้งการแก้ปัญหาโลกร้อนและซับฝุ่น PM2.5

'พปชร.' ปลื้ม ปชช. ขานรับนโยบาย 'ประชารัฐ 700' แถมดัน 'บิ๊กป้อม' ฟีเวอร์!! จ่อเปิดนโยบายที่เหลือต่อ

(3 ก.พ. 66) น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสตอบรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังเดินสายลงพื้นที่เปิดนโยบายเพิ่งเงิน บัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ทำให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่แสดงความชื่นชม บางคนถามว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตว่าต้องทำอย่างไรให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ให้ได้ เพื่อจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่ผ่านมาพรรคพปชร.ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีผลงานเป็นรูปธรรม เรื่องสวัสดิการประชารัฐ การบริหารจัดการน้ำ จัดที่ดินทำกิน ปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมง และมีนโยบายที่รอเปิดตัว จึงมั่นใจว่าทุกนโยบายจะถูกใจประชาชนอย่างแน่นอน

'พิธา' เสนอแก้ฝุ่น PM 2.5 ต้องยกเครื่องโครงสร้างอำนาจ ออก กม.ใหม่-ให้อำนาจท้องถิ่น-ปั้นขนส่งพลังงานไฟฟ้า

'ก้าวไกล' เปิดเวทีพบชาวน่าน ย้ำนโยบายรัฐสวัสดิการทำได้ทันที พร้อมปรับเบี้ยคนแก่เป็น 3,000 บาท ด้าน 'พิธา' เสนอแก้ฝุ่น PM 2.5 ต้องยกเครื่องโครงสร้างอำนาจ ออกกฎหมายใหม่-กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น-ปรับขนส่งสาธารณะใช้พลังงานไฟฟ้า

(3 ก.พ. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนำ และ ส.ส. พรรคก้าวไกล อาทิ อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน ร่วมจัดเวทีพบปะประชาชนที่จังหวัดน่าน พร้อมนำเสนอนโยบายและตอบคำถามของประชาชนในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นที่สนใจของประชาชน เช่น เรื่องปากท้องเศรษฐกิจ และปัญหาฝุ่นควัน pm 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ เป็นต้น

ณัฐชา ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล ได้นำเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเรื่องเงินผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่จะปรับจาก 600 บาทต่อเดือน ให้เป็น 3,000 บาทต่อเดือน โดยณัฐชาระบุว่านี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้ศึกษามาระยะหนึ่งแล้ว ศึกษาลงไปถึงรายละเอียดว่าแหล่งรายได้ที่จะนำมาใช้ทำนโยบายดังกล่าวมาจากไหน และสามารถทำได้ทันที หากพรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ผลที่จะเกิดขึ้นคือพี่น้องไม่ต้องมารอลุ้นให้ได้รับเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามอายุของตัวเองอีกแล้ว ขอเพียงมีอายุ 60 ปีขึ้นไปและเป็นคนไทย จะได้รับสิทธิทันที ไม่ต้องลงทะเบียนด้วย

จากนั้น มีหนึ่งในคำถามสำคัญจากวงพูดคุย เกี่ยวกับปัญหาฝุ่น pm 2.5 ที่นับวันสถานการณ์มีแต่จะเลวร้ายลง ทางพรรคก้าวไกลมีนโยบายอย่างไร พิธาได้ตอบคำถามนี้โดยระบุว่าปัญหาฝุ่น pm 2.5 เป็นปัญหาที่มีต้นตอจากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่ หากเป็นเขตเมือง ก็มักเกิดจากรถยนต์ โรงงาน และการก่อสร้าง ส่วนในพื้นที่ชนบทมักเกิดจากการเผาไหม้จากภาคเกษตร การใช้พลังงานถ่านหิน หรือการเผาป่าที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ สาเหตุเหล่านี้เป็นที่รับรู้กันมายาวนาน แต่การแก้ไขปัญหาไม่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะโครงสร้างอำนาจที่มีปัญหา

กล่าวคือปัญหาของฝุ่น pm 2.5 เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แต่ความรับผิดชอบที่อธิบดีมีอยู่นั้น ไม่ได้มาพร้อมกับอำนาจ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษไม่สามารถไปสั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยมลพิษออกมาตรการเพื่อระงับฝุ่น pm 2.5 ได้ ผลก็คือที่ผ่านมามีเพียงการขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งส่วนมากก็มักไม่ได้รับความร่วมมือกลับมา

‘เพื่อไทย’ ติวเข้ม ว่าที่ผู้สมัครฯ สู้ศึกเลือกตั้ง 66 ภายใต้แนวคิด ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’

(3 ก.พ. 66) ที่ รร.เซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ จ.เชียงใหม่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และประธานยุทธศาสตร์ด้านการเลือกตั้ง ภาคเหนือตอนบน พรรคเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบายพรรคเพื่อไทย และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ร่วมโครงการสัมมนาเตรียมความพร้อมผู้สมัครส.ส.ภาคเหนือตอนบนพรรคเพื่อไทย โดยมีผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย และทีมทำงาน เข้าร่วมงานอย้างพร้อมเพรียง

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กล่าวว่า จุดประสงค์การจัดงานครั้งนี้ เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้งให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือตอนบนทั้ง 8 จังหวัดคือ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่และน่าน ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ผู้ประสงค์จะลงสมัคร ส.ส.ครบถ้วนแล้วทั้งหมด 36 เขต 

ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวเปิดงานสัมมนาพร้อมทั้งแสดงความชื่นชมว่าที่ผู้สมัครและคณะทำงานทุกเขต ที่ได้แสดงพลังเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง พูดได้เต็มปากว่า เพื่อไทยพร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นแน่นอนในเดือนพ.ค. โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อไทยต้องการชัยชนะอย่างถล่มทลายเพื่อจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน ชูธงขายนโยบายที่ทำได้จริง โดยผู้แทนที่ใกล้ชิดประชาชนและแคนดิเดตนายกฯ ที่บริหารเป็น พร้อมนำนโยบายของพรรคไปผลักดันให้เกิดขึ้นจริง

'รทสช.' พร้อม!! จ่อเข็นนโยบายแรกเดือนนี้ ยัน!! ไม่มุ่งโกยแต่คะแนน จนกระทบงบประมาณ

(4 ก.พ.66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายของ รทสช.จะมีออกมาหรือยัง เพราะขณะนีัหลายพรรคเริ่มเปิดกันออกมาแล้ว ว่า รทสช.จะเริ่มทยอยเปิดนโยบายออกมาในเดือนนี้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เป็นห่วงมากว่านโยบายอะไรที่ออกไปแล้ว ไม่ใช่คิดแต่ว่าจะได้คะแนน แต่เป็นห่วงว่าจะกระทบกับงบประมาณหรือไม่ ดังนั้น รทสช.จะต้องคำนึงถึงตรงนี้ให้มาก 

'คิง ก่อนบ่าย' ลั่น!! พร้อมเป็นผู้แทนฯ เพื่อทำงานให้คนประจวบฯ

(4 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ ประจวบคีรีขันธ์ ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้สัมภาษณ์ นายณภัทร ชุ่มจิตตรี หรือ 'คิง ก่อนบ่าย' ก่อนที่จะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ในนามว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ประจวบคีรีขันธ์ พรรคพลังประชารัฐ ว่ามีการเตรียมพร้อมอย่างไร 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top