Wednesday, 26 June 2024
ElectionTime

‘วิเวียน-ชพก.’ จ่อร้อง กกต. หลังเลือกตั้งล่วงหน้า เขต 8 สุดมั่ว!! แอปฯ ‘Smart Vote’ ใส่รูปผิดคน ทำ ปชช.สับสน-ผู้สมัครเสียโอกาส

(7 พ.ค. 66) นางสาววิเวียน จุลมนต์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 8 (จตุจักร หลักสี่) เบอร์ 10 พรรคชาติพัฒนากล้า ออกมาโวย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังได้รับแจ้งจากประชาชนที่ไปเลือกตั้งว่า ไม่มีภาพของตนในแอปพลิเคชันบนมือถือ ว่า ตนลงพื้นที่อย่างหนักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ภายใต้ความร้อน 43 องศา แต่ก็ยังไม่ร้อนเท่ากับวันนี้ ที่ได้รับแจ้งจากประชาชนว่าภาพของตนหายไปจากแอปพลิเคชัน ‘Smart Vote’ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ได้เผยแพร่ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจของประชาชน

'พุทธิพงษ์' รับปาก!! ขอแก้ปัญหาฝั่งธนฯ ครบทุกมิติ มั่นใจ!! แก้ทุกปัญหาตรงจุดแบบไม่กระทบเงินคงคลัง

(8 พ.ค. 66) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พรรคภูมิใจไทย ได้เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ฝั่งธนบุรี ว่า...

"ผมได้มีโอกาสไปพบปะและปราศรัยกับพี่น้องประชาชนที่วงเวียนใหญ่ หน้าพระบรมราชอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ฝั่งธนบุรี มีประชาชนมาฟังปราศรัยเป็นจำนวนมาก

"ประชาชนได้เล่าถึงปัญหาของคนฝั่งธนบุรีที่มีมานาน เช่น โรงพยาบาลของรัฐที่ครบวงจรยังมีไม่เพียงพอ ปัญหารถเมล์ที่มีจำนวนน้อยและไม่สะดวก รวมไปถึงปัญหาการทำมาค้าขายและค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างมาก 

ล้างหนี้นอกระบบ!! ‘สุดารัตน์’ ควง ‘น้องจินนี่’ ลงพื้นที่ตลาดนัดรถไฟ จ.หนองคาย ชูนโยบาย ‘กองทุนเครดิตปชช.’ แก้หนี้นอกระบบ ช่วยคลายทุกข์คนไทย

(8 พ.ค. 66) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย หมายเลข 32 พร้อมด้วย นางสาวยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือน้องจินนี่ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคไทยสร้างไทย นายพิชชาวุธ เหล่าศิริวิจิตร ผู้สมัครส.ส.พรรคไทยสร้างไทยหมายเลข 1 เขต 1 นางสาวทศพร จันทร์ศรี ผู้สมัครส.ส. หมายเลข 2 เขต 2 และ นายกฤษฎา เขมรัตน์ ผู้สมัครส.ส. หมายเลข 5 เขต 3 พรรคไทยสร้างไทย จังหวัดหนองคาย ได้ขึ้นรถซาเล้ง ขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน พร้อมเดินทักทายพ่อค้าแม่ขาย ที่ตลาดนัดรถไฟ  อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น 

พี่น้องประชาชนเข้ามา สวมกอดและขอถ่ายภาพร่วมกับคุณหญิงสุดารัตน์ อย่างคึกคัก ขณะที่พ่อค้าแม่ขาย ได้ ฝากของกินของใช้ รวมถึงของขึ้นชื่อของจังหวัดหนองคาย ให้คุณหญิงสุดารัตน์ และทีมงาน ระหว่างการลงพื้นที่ เดินสายปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน ขณะเดียวกันพ่อค้าแม่ขาย ยังอวยพรให้คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของคนอีสาน เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวอีสาน โดยเฉพาะเศรษฐกิจปากท้อง รวมถึงการค้าการขาย ที่เงียบเหงาต่อเนื่องมานาน จนหลายคน ต้องแบกรับภาระหนี้สิน ทั้งในและนอกระบบที่ไปกู้ยืมมาเพื่อต่อยอดธุรกิจ
.
คุณหญิงสุดารัตน์ ทราบดี ถึงความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน และพ่อค้าแม่ขาย เนื่องจากมีโอกาสเดินสายพบปะพี่น้องทั่วประเทศ จนพบว่าปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นปัญหาใหญ่ ที่กำลังสร้างความเครียด และความทุกข์ให้กับพี่น้องเป็นอย่างมาก ดังนั้นพรรคไทยสร้างไทย จึงสร้างนโยบาย กองทุนเครดิตประชาชนหรือบัตรเครดิตประชาชนขึ้นมา

เพื่อช่วยคนตัวเล็กกว่า 10 ล้านคน ล้างหนี้นอกระบบ สนับสนุนแหล่งเงินทุนให้เป็นที่พึ่งของประชาชนคนตัวเล็ก ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบปกติของธนาคาร หรือสถาบันการเงินได้  ช่วยให้คนตัวเล็กตั้งตัวได้ เป็นสินเชื่อรายย่อยที่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยตํ่า ไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือน วงเงินกู้ตั้งแต่ 5,000 บาท จนถึง 50,000 บาท เพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ และเป็นหลักประกันทางการเงินไปตลอดชีวิต หรือกองทุนวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้เกษตรกร และลูกหลานได้รวมตัวกันในการประกอบธุรกิจจากผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ โดยการแปรรูปเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตร

‘มณีรัตน์’ หนุนขายของออนไลน์-ลดค่าขนส่งระหว่างประเทศ ติดปีกให้ e-Commerce ไทย ก้าวขึ้นแข่งขันได้ในระดับสากล

เมื่อวานนี้ (7 พ.ค. 66) มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 23 พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า…

ปัจจุบันการซื้อสินค้าจากประเทศจีนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ผู้ค้าจีนสามารถส่งส่งสินค้ามาถึงผู้ซื้อในไทย ค่าส่งเพียง 20 บาท !! เขาทำกันได้อย่างไร ?? 

ค่าส่งสินค้าที่สูงเป็นปัญหาใหญ่ที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คนไทยกำลังประสบกันอยู่ เพราะบางครั้งค่าส่งสินค้าภายในประเทศยังเสียค่าส่งแพงกว่านี้ !! 

รัฐบาลจีนให้ความสำคัญและผลักดันธุรกิจค้าปลีก e-commerce ของจีนจนสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด หนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์จีนสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ คือค่าขนส่งสินค้าไปต่างประเทศที่ถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทำให้ผู้ค้าจีนได้เปรียบผู้ค้าประเทศอื่น ๆ ด้านราคาเมื่อคิดรวมค่าขนส่งกับค่าสินค้าเข้าด้วยกัน โดยรัฐบาลจีนให้ความช่วยเหลือผู้ค้าในส่วนนี้ โดยการสนับสนุนค่าส่งสินค้าไปต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์ม, ผลักดันเรื่องการบริหารจัดการระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพ, ควบคุมราคาค่าส่งสินค้าให้มีความเหมาะสม, ร่วมกับการเจรจาลดหย่อนภาษีนำเข้ากับประเทศคู่ค้า

ในทางกลับกันประเทศไทยมีสินค้าไทย ที่ได้รับความที่นิยมจากลูกค้าชาวจีนและประเทศอื่น ๆ จำนวนมาก แต่หากคนไทยขายของออนไลน์ส่งไปต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน กลับต้องเสียค่าขนส่งสูงกว่าจากจีนมาไทยหลายเท่า เป็นปัญหาที่ดับฝันโอกาสทางธุรกิจของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รายย่อยชาวไทยในการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มไปสู่ตลาดโลกอย่างสิ้นเชิง

ในครั้งนี้หากได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ประเด็นการค้าขายออนไลน์ เป็นประเด็นสำคัญที่อยากจะผลักดัน โดยหนึ่งในนั้นคือการปลดล็อก ลดค่าขนส่งสินค้ารายย่อยระหว่างประเทศ เพื่อติดปีก e-Commerce ไทย สนับสนุนให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล

‘ชนินทร์’ อ้อนขอโอกาส ปชช. อีกครั้ง หากในอดีตยังคงโกรธ ‘ปชป.’ พร้อมปล่อยคลิป “คุณคือลมหายใจ” เพื่อส่งสารไปยังคนกรุงเทพฯ

(8 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ พรรคการเมืองต่างปรับยุทธศาสตร์การหาเสียง โดยความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ พื้นที่กรุงเทพมหานคร มีความน่าสนใจ คือ นายชนินทร์ รุ่งแสง ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตบางกอกน้อย บางพลัด เบอร์ 7 ภายหลังที่การหาเสียงสะดุดไปหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากติดโควิดและประสบอุบัติเหตุ ล่าสุดเมื่อออกจากโรงพยาบาล นายชนินทร์จึงเร่งหาเสียง และเพิ่มจัดทำคลิป “คุณคือลมหายใจ” เพื่อส่งสารไปยังคนกรุงเทพฯ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/Chaninroongsang และแอปพลิเคชันติ๊กต็อก https://www.tiktok.com/@bang_chanin

นายชนินทร์ กล่าวว่า ความรู้สึกในคลิปดังกล่าวเปรียบได้ว่าตนเป็นตัวแทนของเพื่อนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคนในกรุงเทพฯ ที่ทำงานอย่างไม่ย่อท้อให้กับพื้นที่ของตัวเองตลอด 4 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในการจัดทำนี้ได้เชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบายกรุงเทพฯ แล น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง มาร่วมในคลิปนี้ด้วย ซึ่งตนได้เลือกเพลงประกอบที่มีเนื้อหาใจความประกอบตรงกับสถานการณ์

‘ชัยวุฒิ’ เชื่อโค้งสุดท้าย คนกรุงเชียร์ลุงป้อม มั่นใจช่วยประเทศไทย ‘ก้าวข้ามขัดแย้ง’ 

(8 พ.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับนายพณิชย์ วิทยาภัทร์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 2 เบอร์ 11 พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ชุมชนบ้านครัวเหนือ เขตราชเทวี รับฟังปัญหาพี่น้องในชุมชน พร้อมบอกเล่านโยบายของพรรคพลังประชารัฐให้กับพี่น้องในพื้นที่ได้รับฟัง นอกจากนี้ยังได้พบชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในชุมชนได้สอบถามถึงนโยบายของการหาเสียงของพรรคพลังประชาชน โดยนายชัยวุฒิได้ตอบคำถามของชาวต่างชาติเรื่องนโยบายให้นักท่องเที่ยวฟัง เมื่อตอบคำถามเรียบร้อย ก็นำทีมหาเสียงในชุมชนต่อและได้เห็นวิถีชีวิตของพี่น้องชุมชนชาวคลองแสนแสบ และยังได้เข้าไปเยี่ยมชมร้านลุงอู๊ดบ้านครัวผ้าไหมไทย ซึ่งเปิดมากว่า 100 ปี ได้เห็นการทอผ้าใหม่และสอบถามถึงเรื่องของเส้นไหมที่นำมาทอ ประวัติความเป็นมาของร้านและความเป็นมาของชุมชนมุสลิมที่คลองแสนแสบนี้

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า “เมื่อก่อนสมัยที่ตนอยู่เตรียมอุดมศึกษา ต้องมาเรียนพิเศษที่กิ่งเพชร กิ่งเพชรเป็นย่านชุมชนที่อยู่กันหนาแน่นพอสมควร และก็มีตึกเก่าๆ เยอะ 8 ปี ไม่มีอะไรเลยครับ มีร้านกาแฟขึ้นมาอีกร้านนึง ซึ่งก็เป็นความสามารถของนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่มาปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติเยอะนะเดินมาในซอยไม่น่าเชื่อว่าคนต่างชาติจะเยอะ ตนคิดว่าต่างชาติน่าจะชอบวิถีคนไทย คือ เรียบง่าย ค่าครองชีพไม่สูง คนไทยใจดี เที่ยวไหนก็ไม่มีปัญหา ไม่มีอันตรายเหมือนอยู่ประเทศอื่น คนก็เลยมาเที่ยวกันเยอะ”

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อด้วยว่า “กทม. เป็นพื้นที่ฐานเสียงเก่าของพรรค ประชาชนคุ้นเคยอยู่แล้ว ตนเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้รับการเลือกตั้งในหลายพื้นที่ อย่างการมาลงพื้นที่วันนี้ได้ทำความเข้าใจกับประชาชนในหลายๆ เรื่องที่ประชาชนสงสัย สุดท้ายตอนนี้ชาวบ้านเข้าใจแล้ว ต่างก็เชียร์ลุงป้อม อยากให้ลุงป้อมมาดูแลบ้านเมือง ก้าวข้ามความขัดแย้ง ทำให้กรุงเทพฯ อยู่ในความสงบสุข ที่มาเดินในย่านราชเทวี เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีคนมาท่องเที่ยว ช็อปปิ้งเต็มไปหมด มีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้น สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเดินหน้าต่อไปได้ บ้านเมืองต้องสงบสุข เราต้องไม่ทะเลาะกัน เพราะความขัดแย้ง ความรุนแรง จะทำให้นักท่องเที่ยวหรือการพัฒนาต่างๆ มีปัญหาอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่คนกรุงเทพฯ ต้องการ”

‘กรณ์’ ชีพจรลงเท้า!! ลุยช่วย ‘อรทัย-เทมส์’ หาเสียง จ.ภูเก็ต ชาวบ้านพร้อมเทคะแนนให้ มั่นใจ!! เป็นม้ามืดเข้าวิน 2 เขต

(8 พ.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช พร้อมด้วย นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 1 จ.ภูเก็ต ลงพื้นที่ ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง พบแกนนำชาวบ้านกลุ่มธุรกิจประมงชายฝั่ง เลี้ยงปลาช่อนทะเล หรือ Black Salmon เป็นสัตว์เศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดภูเก็ต ที่หวังจะเป็นตัวขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้มั่นคงให้กับชาวบ้าน โดยนายกรณ์ ได้แนะนำเกี่ยวกับนโยบายกองทุนสร้างสรรค์ สู่การท่องเที่ยว พูดถึงนโยบายกองทุนสร้างสรรค์รายละ 1 ล้านบาท  

ต่อมาได้เข้าเยี่ยมประชาชนที่ตลาดสี่กอ อ.กะทู้ โดยมีประชาชนในตลาดให้ความสนใจกับนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด โดยชาวบ้านเล่าว่า ช่วงโควิดระบาดหนัก แม่ค้ามีภาระจึงไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้จนต้องพึ่งหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยแพงและยังไม่รู้ว่าจะผ่อนหมดเมื่อไร จึงหวังว่า นางสาวอรทัย เบอร์ 1 จะได้เป็นผู้แทนผลักดันให้นโยบายนี้เป็นจริง พ่อค้าแม่ค้ากะทู้พร้อมเทคะแนนให้ 

จากนั้นนายกรณ์ ลงพื้นที่เขต 2 ภูเก็ต เพื่อช่วยนายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้สมัคร ส.ส. เบอร์ 7 ที่ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ที่ตลาดนาคา โดยมีนักท่องเที่ยว และพ่อค้าแม่ค้าให้การต้อนรับนายกรณ์ และคณะอย่างคึกคัก พร้อมกับส่งเสียงพร้อมสนับสนุนให้นายเทมส์เป็นผู้แทน เนื่องจากที่เป็นคนลงพื้นที่ต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีตั้งแต่ช่วงโควิด

‘อภิสิทธิ์’ ลุยตลาดพลู ชวนเจ้าของประเทศไปใช้สิทธิ์ 14 พ.ค. นี้ อ้อนขอคะแนนให้ ‘แนน ศิริภา’ การันตีความสามารถ พร้อมรับใช้ปชช.

(8 พ.ค. 66) ที่ตลาดพลู เขตธนบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงให้ น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตธนบุรี คลองสาน และราษฎร์บูรณะ หมายเลข 11 พรรคปชป. โดยนายอภิสิทธิ์ ขึ้นรถปราศรัยขนาดเล็กปราศรัย เชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. นี้ เพื่อยืนยันสิทธิและยืนยันความเป็นเจ้าของประเทศ เพื่ออนาคตของทุกคน โดยขอให้พี่น้องชาวธนบุรี คลองสาน และราษฎร์บูรณะ เข้าคูหาเลือก น.ส.ศิริภา เบอร์ 11 บัตรสีม่วง มาเป็นผู้แทนของพี่น้องชาวฝั่งธนบุรี ส่วนบัตรสีเขียว เลือกหมายเลข 26 พรรคประชาธิปัตย์

โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้ามาให้กำลังใจ ขอถ่ายรูปกับ นายอภิสิทธิ์ และบอกคิดถึงนายอภิสิทธิ์ เป็นจำนวนมาก โดยนายอภิสิทธิ์ พร้อมกับ น.ส.ศิริภา ได้เดินเท้าพบปะพี่น้องประชาชน ที่มาเดินทางมาท่องเที่ยวตลาดพลู รวมถึงประชาชนที่มารอใช้บริการรถไฟที่สถานีรถไฟตลาดพลู เพื่อขอคะแนนเสียงและแสดงความตั้งใจในการเลือกตั้งครั้งนี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า น.ส.ศิริภา เป็นคนรุ่นใหม่ของปชป. ตนได้มีโอกาสทำงานกับ น.ส.ศิริภา  โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการต่างประเทศ ของพรรคปชป. น.ส.ศิริภาเป็นคนรุ่นใหม่ของพรรคที่มีบทบาทสำคัญ ในการเป็นตัวแทนของประเทศไทย ในการประชุมในการประชุมตัวแทนของพรรคการเมืองในระดับภูมิภาคมาแล้วหลายครั้ง ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ และยังเป็นเลขาส่วนตัวของ นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ จึงขอยืนยันว่า น.ส.ศิริภา เป็นบุคคลที่มีความพร้อม มีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ที่จะรับใช้พี่น้องประชาชน ในนามของพรรคประชาธิปัตย์

‘กรณ์’ เคลียร์ชัด!! ‘เงินเดือน 4 หมื่นบาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี’ ชี้!! ช่วยลดหย่อนสูงสุด 4.8 แสนต่อปี ผู้เสียภาษีเป็นปลื้ม!!

เมื่อไม่นานมานี้ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรึ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ ฟังหูไว้หู ทางช่อง 9 MCOT HD ดำเนินรายการโดย ชุติมา พึ่งความสุข และอาจารย์วีระ ธีรภัทร ในหัวข้อ ‘The Special: คุยกับ ชาติพัฒนากล้า’ ในบางช่วงบางตอนได้พูดถึงนโยบายเงินเดือน 4 หมื่นบาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี โดยนายกรณ์ระบุว่า..

หากคุณมีเงินเดือน 6 หมื่นบาท ถามว่าคุณได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ไหม คำตอบคือ ได้!! เพราะว่าผมเขียนว่า 4 หมื่นบาทแรกไม่ต้องเสียภาษี นี่คือความหมายที่ต้องการจะสื่อนะครับ และก็เป็นแบบนี้ในทุก ๆ เดือน ไม่ใช่เอาเงินทั้งหมด 12 เดือนมารวมกัน แล้วคิดแค่ 4 หมื่นบาทแรกนะครับ แต่ต้องคิดแบบนี้ครับ เอาเงินเดือนในทุกเดือน ๆ มาคูณ 12 และหักลบค่าใช่จ่าย ลดหย่อนต่าง ๆ และหัก 480,000 ออกไป แล้วเหลือเท่าไหร่ค่อยมาเอามาคำนวณภาษี

“ก่อนหน้านี้ เกณฑ์การเสียภาษีอยู่ที่ 26,000 บาท ซึ่งมันนานมาแล้ว และค่าครองชีพทุกวันนี้ก็สูงขึ้น เท่ากับว่า 40,000 บาทในวันนี้ ก็คือ 26,000 เมื่อวันนู่นนั่นแหละ” นายกรณ์กล่าว

นายกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ผมเจอคำถามที่ว่า แบบนี้รัฐไหวเหรอ? ในแง่ของรายได้จากภาษีมันลดลงจริง ๆ แต่ลดลงแค่นิดเดียว พอเราบอกว่า 4 หมื่นบาทแรกไม่ต้องเสียภาษี ทุกคนที่มีเงินเดือนได้ประโยชน์หมด หรือจำนวนกว่า 4 ล้านคน แต่สมมติว่ามีเงินเดือนเกิน 4 หมื่นบาท ก็จะได้ประโยชน์ 7,500 ต่อเดือน แต่หากคิดเป็นสัดส่วนของรายได้ กลุ่มคนที่มีรายได้น้อยเขาจะประหยัดมากกว่า แต่โดยรวมทั้งหมดจะทำให้รายได้จากภาษีส่วนบุคคลของรัฐลดลงปีละ 2.1 หมื่นล้าน ชาติพัฒนากล้าคำนวณมาเรียบร้อยแล้ว เทียบกับรายได้ปกติประมาณ 1.5 หมื่นล้าน ก็ถือว่าลดลงไม่เยอะ 

นอกจากนี้นายกรณ์ยังกล่าวถึงสาเหตุที่คิดนโยบายนี้ในช่วงเวลานี้อีกว่า…มีเหตุผลอยู่ 3 ประเด็น 

1.ค่าครองชีพที่สูงขึ้น กลุ่มคนมีเงินเดือนคือกลุ่มที่เสียภาษีตลอด และหลีกเลี่ยงไม่ได้ แบกรับภาระมาเยอะ 

2. ลดภาษีนิติบุคคลมา 10 กว่าปีแล้ว จาก 30% ลดลงมาเหลือ 20% ถ้าไปดูกันจริง ๆ มันมีสิ่งที่เรียกว่า ลักลั่นอยู่ ก็เลยเป็นสาเหตุให้คนที่มีรายได้สูง เช่น หมอ นักแสดง เขาไปตั้งบริษัท และรับรายได้ผ่านบริษัท เพราะบริษัทจ่ายภาษีน้อยกว่าภาษีบุคคล

และ 3. ปีนี้ สำนักงบฯ ประเมินแล้วว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1.7 หมื่นล้าน จึงมองว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเริ่มทำนโยบายนี้

‘กกต.-ไปรษณีย์’ นำทีมสื่อร่วมสังเกตการณ์นับบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ยัน ไม่มีบัตรเสีย-ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน มั่นใจ!! เลือกตั้งไม่เป็นโมฆะ

‘กกต.-ไปรษณีย์’ นำทีมสื่อมวลชนสังเกตการณ์นับจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ก่อนส่งถึง 400 เขต ภายในวันที่ 12 พ.ค. 66 ขออย่ากังวลปมจ่าหน้าซองผิด ตรวจสอบได้ส่งถึงทุกคะแนนไม่มีบัตรเสีย การันตีไม่ทำคะแนนตกน้ำ มั่นใจ!! ไม่กระทบการเลือกตั้งเป็นโมฆะ

(8 พ.ค. 66) ที่สำนักงานไปรษณีย์ สำนักงานใหญ่ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วย นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย ได้นำคณะสื่อมวลชนร่วมติดตามการนับจำนวนและคัดแยกบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง ที่ผ่านการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า และบัตรลงคะแนนผู้พิการ ผู้สูงอายุ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ที่ส่งเข้ามาถึงประเทศไทยแล้ว

นายดนันท์ กล่าวว่า ในส่วนของบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักรมีทยอยเข้ามา กว่า 60,000 ใบ หรือประมาณ 67% จาก 45 ประเทศ จากจำนวนทั้งหมด 67 ประเทศ มีคณะกรรมการ 3 ฝ่าย คือ กรมการกงสุล กกต. และไปรษณีย์ตรวจคัดแยก ขณะนี้ บัตรเลือกตั้งล่วงหน้าในประเทศ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ถูกได้ขนส่งมายังศูนย์คัดแยกเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างทำการคัดแยกโดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วย กกต. และไปรษณีย์ โดยในเบื้องต้นอยู่ในส่วนของการตรวจนับ และคัดแยก ยังไม่ถึงการคัดกรองที่จำตรวจเรื่องของการจ่าหน้าซองบัตร

อย่างไรก็ตาม กระบวนการคัดแยก ตรวจสอบจะใช้เวลาภายในวันที่ 7-9 พ.ค. ช้าสุดคือ วันที่ 10 พ.ค.นี้ และเริ่มส่งไปยัง 400 เขต คาดว่าจะถึงภูมิลำเนาของภายในวันที่ 12 พ.ค.นี้ ยืนยันว่าการดำเนินการในศูนย์คัดแยกจะมีวอร์รูมคอยมอนิเตอร์ดูการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเจ้าหน้าที่ กกต.มาร่วมทำงานด้วย สำหรับเจ้าหน้าที่ที่เข้าพื้นที่ต้องลงทะเบียน ยืนยันตัวตน ห้ามนำอุปกรณ์ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือเข้าไป และเมื่อออกจากศูนย์ จะต้องมีการตรวจค้นก่อน สำหรับขั้นตอนการตรวจนับและคัดแยกบัตรเลือกตั้ง จะตรวจรหัสซ้ำ 3 รอบ เพื่อให้แน่ใจว่าบัตรลงคะแนนจะถูกส่งตรงตามที่ผู้ลงคะแนน

ด้าน นายแสวง กล่าวว่า จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าประมาณ 91.83% ต้องขอบคุณผู้มาใช้สิทธิ์ ที่มาด้วยแรงศรัทธาประชาธิปไตย ซึ่งสำนักงาน กกต.สัญญาว่า จะรักษาทุกเสียงที่ประชาชนได้ลงคะแนนไว้ ส่วนกรรมการประจำหน่วย และอนุกรรมการประจำเขต ซึ่งการทำงานอาจจะมีการผิดพลาดบ้าง แต่ขอบคุณที่อดทนทั้งต่อสภาพอากาศ และแรงเสียดทานทางการเมือง ทำงานร่วมกว่า 16 ชั่วโมง รวมถึงประชาชนที่ร่วมกันตรวจสอบการทำงานของ กปน. และ กกต. ซึ่งมีทั้งเรื่องจริง เรื่องเท็จ แต่สั่งให้ ผอ.ทุกจังหวัด รายงานเข้ามาทุกเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าว ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร มีการแก้ไขอย่างไร เป็นเรื่องดีที่สิ่งที่เราทำอยู่นั้นอยู่ในสายตาของประชาชนเสมอ

ส่วนวันเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. จะไม่ให้มีสิ่งผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นอีก และคาดว่าเลือกตั้งในวันดังกล่าว การบริหารจัดการจะง่ายกว่านี้ เพราะไม่ต้องส่งไปรษณีย์ และบุคลากรที่จะทำงานมีมากกว่านี้ การลงคะแนนตรงตามหน่วยเลือกตั้งนั้นๆ ประชาชนจะไม่สับสน แต่คิดว่าเรื่องหีบไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือ ปัญหาการจ่าหน้าซอง แต่ก็ยืนยันว่าเรามีกระบวนการตรวจสอบ ขอให้ผู้ใช้สิทธิ์มั่นใจว่า ซองบรรจุบัตรเลือกตั้งจะถูกส่งไปยังหน่วยเลือกตั้งของผู้มีสิทธิ์

นายแสวง ยังกล่าวถึงกระบวนการตรวจสอบคัดแยกบัตร กรณีกรรมการประจำหน่วยเขียนรหัสจังหวัด หรือเขตเลือกตั้งผิดพลาดว่า หลังปิดหีบจะมีการตรวจสอบว่าต้นขั้วที่ใช้ไป กับจำนวนบัตรที่ออกเสียงตรงกันหรือไม่ และกรรมการประจำหน่วยจะทำบัญชีมา เมื่อไปรษณีย์ได้รับถุงบัตรมาแล้ว ก็จะทำการตรวจเบื้องต้น เมื่อคัดแยกเสร็จก็จะดูว่า จำนวนซองที่คัดแยกกับยอดต้นขั้วตรงกันหรือไม่ ดังนั้น ยอดจะกระทบกันโดยอัตโนมัติ

“ถ้ามีการจ่าหน้าซอง ถ้าถูกต้องทั้ง 3 จุด ก็จะถูกแยกออกไปเลย แต่ถ้ามีปัญหากรอกครบแต่เขียนเขตหรือรหัสเลือกตั้งผิด จะยึดรหัสเขตเลือกตั้ง 3 ตัวท้าย ซึ่งอยู่ด้านล่างของซองเป็นหลัก แต่ถ้ากรอกไม่ครบ หรือไม่มีรายละเอียดใดๆ หรือไม่มีการกรอกอะไรเลย ซึ่งส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมี แต่ถ้ามีจะถูกส่งมาให้คณะกรรมการ ที่มีเจ้าหน้าที่ กกต. และไปรษณีย์วินิจฉัยว่า ซองนี้จะไปลงเขตใด ซึ่งจะต้องไปสอบทานกับต้นขั้วก่อน ยอมรับว่าอาจจะยุ่งยากพอสมควร” นายแสวง กล่าว

เมื่อถามว่า มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ ซึ่งส่วนใหญ่พบว่า มีการกรอกรหัส 3 ตัวท้ายผิด นายแสวงกล่าวว่า เขตเลือกตั้งนั้นคิดว่าประชาชนทราบ แต่รหัสเขต 3 ตัวท้าย ไม่รู้ว่าประชาชนเข้าใจหรือไม่ อาจจะเข้าใจว่า กปน.ต้องกรอกรหัสไปรษณีย์ที่ตนเองมีภูมิลำเนาอยู่ ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของ กปน. แต่การที่เราออกแบบการจ่าหน้าซอง ให้เขียนถึง 3 ชั้น เพื่อที่เวลาเกิดปัญหาก็จะสามารถตรวจสอบได้ และสามารถส่งบัตรเลือกตั้งนั้นส่งไปยังหน่วยเลือกตั้งที่ประชาชนผู้มีสิทธิ์อยู่ ดังนั้น ยืนยันว่า แม้จะมีการตั้งข้อสังเกตการทำงานของ กปน. แต่ยืนยันว่าบัตรทุกใบไม่เป็นบัตรเสีย คะแนนเสียงไม่ตกน้ำ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top