Saturday, 4 May 2024
Covid19

โควิดหวนคืนยุโรปเต็มตัว แม้ฉีดวัคซีนได้มาก วีกเดียวติดพุ่ง 2 ล้าน ตายเฉียด 3 หมื่น 

องค์การอนามัยโลก แถลงที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า ยุโรปกำลังเผชิญผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยมีการยืนยันผู้ติดโควิดรายใหม่เกือบ 2 ล้านคนในทวีปยุโรป ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 7 พฤศจิกายน ถือเป็นตัวเลขสูงสุด ตั้งแต่โควิดเริ่มระบาด

นอกจากนั้น ยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกเกือบ 27,000 คน ในยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตจากโควิดทั่วโลกในช่วง 1 ถึง 7 พฤศจิกายน

ทีโดรส อัดฮานอม กีเบรเยซุส ผู้อำนวยการอนามัยโลก บอกว่า ขณะนี้ บางประเทศในยุโรป กลับมาใช้มาตรการจำกัดอย่างเข้มงวดอีกครั้ง เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด และลดแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุขในประเทศ

เยอรมนี ขยายสถานการณ์ฉุกเฉิน คุมเข้มโควิด หลังยอดผู้ป่วยพุ่ง หวั่น!! สธ.รับมือไม่อยู่

สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเยอรมนีเริ่มเลวร้ายลงต่อเนื่อง ทำให้หลายรัฐออกมากระตุ้นพรรคการเมือง ที่กำลังเจรจาจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ต่อเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก ขณะที่ผู้ป่วยโควิดเริ่มล้นโรงพยาบาลอีกครั้ง เตียงในห้องผู้ป่วยหนักใกล้เต็มความจุ

รัฐมนตรีสาธารณสุข 3 รัฐ จากทั้งหมด 16 รัฐของเยอรมนี คือ รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค, รัฐเฮสเซน, รัฐบรันเดินบวร์ค เรียกร้องให้พรรคการเมืองที่กำลังเปิดการเจรจาตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ขยายอำนาจรัฐในการบังคับใช้มาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เช่น การใช้มาตรการจำกัดพื้นที่ หรือการปิดโรงเรียน ขณะอัตราการติดเชื้อในประเทศระยะ 7 วัน ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง

โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้ติดเชื้อต่อประชากร 100,000 คน เพิ่มขึ้นเป็น 277.4 ซึ่งเป็นข้อมูลจากสถาบัน โรแบร์ท ค็อค หรือ RKI หน่วยงานด้านสาธารณสุขของเยอรมนี ที่เผยแพร่ในวันเสาร์ (13 พฤศจิกายน) ที่ผ่านมา และเพิ่มสูงขึ้นกว่า 500 ในหลายภูมิภาคของประเทศ

มาร์บูร์เกอร์ บันด์ ประธานสมาคมแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนี กล่าวกับสื่อเยอรมนีว่า ห้องฉุกเฉิน หรือไอซียู ที่ผู้ป่วยมากขึ้นจนไม่สามารถรับมือได้ไหว อาจต้องย้ายผู้ป่วยระหว่างภูมิภาค เพื่อไปหาเตียงว่าง ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

ด้านรัฐบาลกลางและบรรดาผู้นำ 16 รัฐของเยอรมนี เตรียมหารือกันเกี่ยวกับการใช้มาตรการใหม่ในการควบคุมการระบาดของไวรัสในสัปดาห์หน้านี้ แต่ 3 พรรคการเมืองที่กำลังเจรจาต่อรองจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ตกลงที่จะขยายสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่ไวรัสเริ่มต้นระบาด ที่ตามแผน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้

รัฐมนตรีสาธารณสุขของ 3 รัฐ แย้งว่า รัฐต้องเปิดทางเลือกเพื่อดำเนินการตามนโยบาย ซึ่งบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินที่จำเป็น เช่น การห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว, การจำกัดพื้นที่ หรือปิดโรงเรียน หากสถานการณ์เลวร้ายลง

ฟิลิปปินส์อนุมัติวัคซีน 'โนวาแวกซ์' ฉีด 2 โดส ห่างกันไม่เกิน 21 วัน

ทางการฟิลิปปินส์อนุมัติวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท โนวาแวกซ์ สำหรับการใช้แบบฉุกเฉิน เป็นวัคซีนชนิดที่ 9 ที่ผ่านการอนุมัติในประเทศ

รายงานรอยเตอร์ (17 พ.ย. 64) อ้างคำแถลงของโรลันโด เอนริเก โดมิงโก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของฟิลิปปินส์ ว่า วัคซีนของโนวาแวกซ์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบใช้โปรตีนภายใต้ชื่อทางการค้าว่า ‘โคโวแวกซ์’ และผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ได้รับการอนุมัติสำหรับการใช้งานแบบฉุกเฉินกับผู้ใหญ่ที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปในฟิลิปปินส์

เขากล่าวว่า วัคซีนโคโวแวกซ์ ซึ่งผลการทดลองทางคลินิกให้ประสิทธิผลถึง 89.7% เป็นวัคซีนที่ต้องฉีด 2 โดส ในเวลาห่างกันไม่เกิน 21 วัน

WHO คาด!! ระลอกใหม่โควิดในยุโรป อาจดับลมหายใจชาวยุโรปร่วม 7 แสนราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก หรือ WHO (The World Health Organization) แถลงคาดการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในภูมิภาคยุโรป เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า อาจจะส่งผลทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตรายใหม่มากกว่า 7 แสนรายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ยุโรปมีจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 2.2 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากตัวเลขผู้ป่วยเสียชีวิตสะสมในขณะนี้ 1.5 ล้านราย อันเป็นผลจากการที่จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ทะยานพุ่งสูงขึ้นทั่วทั้งทวีป จนเป็นเหตุให้บางประเทศต้องกลับไปใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า การออกมาประมาณการครั้งนี้ เพิ่มตัวเลขจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรป ที่ออกมาระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในยุโรป อาจทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตมากถึง 5 แสนราย ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า (2565)

บุคลากรการแพทย์สหรัฐฯ ลาออกครั้งใหญ่ เซ่นพิษ ‘โควิดระบาด – งานหนัก - ค่าจ้างต่ำ’

24 พ.ย. 64 สำนักข่าวซินหัวรายงาน เมื่อไม่นานนี้ นิตยสารแอตแลนติก (Atlantic) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าบุคลากรทางการแพทย์เกือบ 1 ใน 5 เลือกลาออกจากงานตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

บทความของนิตยสารฯ เมื่อวันเสาร์ (20 พ.ย.) อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่าอุตสาหกรรมการแพทย์สูญเสียบุคลากรจากการลาออกราว 5 แสนคน นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020

สหรัฐฯ อ่วม!! โควิดระลอกล่าสุด ‘รุนแรง-เลวร้าย’ กว่าปีก่อน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ระลอกล่าสุดในสหรัฐอเมริกา กำลังส่งผลกระทบต่อแผนกผู้ป่วยหนักของบางรัฐท้องถิ่น ขณะหลายพื้นที่ของประเทศเผชิญการระบาดที่รุนแรงกว่าปีก่อน

จากรายงานข่าวเมื่อวันจันทร์ (22 พ.ย. 64) อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันผลหรือเป็นผู้ป่วยต้องสงสัยใน 15 รัฐท้องถิ่น กำลังมีสัดส่วนการครองเตียงในแผนกผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว

พบ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ที่แอฟริกาใต้ กลายพันธุ์ 30 ขั้น!! คาดอาจร้ายกาจกว่าเดิม

นักไวรัสวิทยาในประเทศแอฟริกาใต้ค้นพบไวรัส Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ผ่านวิวัฒนาการกลายพันธุ์มาแล้วหลายขั้น และน่าจะเป็นตัวการที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในประเทศ

ทูลิโอ เดอ โอลิเวียรา นักไวรัสวิทยาได้แถลงว่าไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ที่พบใหม่นี้มีรหัส B.1.1.529 ที่ผ่านกระบวนการกลายพันธุ์มาแล้วมากกว่า 30 ขั้น ทำให้มันกลายเป็น Covid สายพันธุ์ที่แตกต่างกว่าทุกตัวที่เรารู้จัก และอาจโจมตีภูมิคุ้มกันในร่างกายเราได้ดียิ่งกว่าเดิม 

แอฟริกาใต้ เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 มากที่สุดในทวีปแอฟริกา มีผู้ติดเชื้อสะสมรวมถึง 2.9 ล้านคน และยังเป็นประเทศที่ค้นพบ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ Beta ที่มีรหัส B.1.351 เป็นครั้งแรกช่วงเดือนตุลาคม 2020 ก่อนที่จะกระจายไปทั่วโลก 

'ไบเดน' รับหวั่น!! Omicron​ แต่ยังไงก็ไม่ล็อกดาวน์ แนะ!! ปชช.สหรัฐฯ​ อย่าตื่นตระหนกเกินเหตุ 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เผย​ ตัวกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ Omicron​ เป็นบ่อเกิดแห่งความกังวล แต่แนะพลเมืองอเมริกาอย่าได้ตื่นตระหนก และเผยว่าอเมริกากำลังจัดทำแผนฉุกเฉินกับบริษัทยาทั้งหลายหากว่าวัคซีนใหม่มีความจำเป็น

ไบเดนระบุว่าสหรัฐฯ​ จะไม่กลับเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของ​ Omicron​ และจะเปิดตัวกรอบยุทธศาสตร์ในวันพฤหัสบดี​ (2 ธ.ค. 64) สำหรับต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ในช่วงฤดูหนาว พร้อมเรียกร้องประชาชนเข้ารับวัคซีน ฉีดเข็มกระตุ้นและสวมหน้ากาก

"ตัวกลายพันธุ์นี้เป็นบ่อเกิดแห่งความกังวล แต่ไม่ได้ก่อความตื่นตระหนก" ไบเดนกล่าวที่ทำเนียบขาว หลังประชุมร่วมกับคณะทำงานด้านโควิด-19 ของเขา "เรากำลังจะสู้และเอาชนะตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้" ไบเดนระบุ

ทั้งนี้​ Omicron​ กำลังกระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ​ ทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ จำกัดการเดินทางจากภูมิภาคทางใต้ของทวีปแอฟริกา หลังจากพบไวรัสตัวดังกล่าว ผนวกกับในวันจันทร์​ (29 พ.ย.) องค์การอนามัยโลกเตือนว่า​ Omicron​ มีความเสี่ยงสูงมากที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อพุ่งพรวดขึ้นในหมู่นานาประเทศ แม้จนถึงตอนนี้จะยังไม่พบผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับตัวกลายพันธุ์ล่าสุดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ดังกล่าวก็ตาม

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดน​ ยอมรับว่า​ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เคสผู้ติดเชื้อ​ Omicron​ จะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ แต่ เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวยืนยันว่าตัวกลายพันธุ์นี้ไม่ควรเป็นสาเหตุให้ชาวอเมริกันชนเปลี่ยนแผนการเดินทางช่วงวันหยุดยาว ตราบใดที่พวกเขาฉีดวัคซีนแล้วและสวมหน้ากาก

ไบเดนเชื่อว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะยังคงปกป้องการติดเชื้ออาการรุนแรง แต่ระบุรัฐบาลของเขากำลังทำงานร่วมกับบรรดาผู้ผลิตวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นไฟเซอร์, โมเดอร์นา​ และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เพื่อร่างแผนฉุกเฉิน

"ในกรณีที่...ซึ่งหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น วัคซีนรุ่นอัปเดตหรือเข็มกระตุ้นมีความจำเป็นสำหรับตอบโต้ตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้ เราจะเร่งพัฒนามันและใช้งานมันร่วมกับทุกเครื่องไม้เครื่องมือที่สามารถหยิบหาได้" เขากล่าว พร้อมระบุว่าเขาจะสั่งการไปยังสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ​ (เอฟดีเอ) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ​ (ซีดีซี) เพื่อให้วัคซีนเหล่านี้หยิบหาได้โดยเร็วที่สุด

'ศ.นพ.นิธิ' ชี้ ต้องจับตา Omicron อย่างใกล้ชิด อย่าตระหนกเกินเหตุ ย้ำ!! ต้องสวมหน้ากาก - ล้างมือ - เว้นระยะห่าง

เรียกได้ว่ากลายเป็นข่าวระทึกโลกส่งท้ายปี 2021 กันเลยก็ว่าได้ สำหรับข่าวการค้นพบโควิด-19 สายพันธุ์ ‘Omicron (B.1.1.529)’ ซึ่งพบในแอฟริกาใต้ และขยายวงพบเจอในหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร, เบลเยียม, เยอรมนี, อิตาลี, สาธารณรัฐเช็ก, ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, เนเธอร์แลนด์, แคนาดา และล่าสุดกับสิงคโปร์ 

ปัจจุบันมีข้อมูลเพียงว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนนี้มีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่งที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบ แต่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของความรุนแรงของโรค ยังอยู่ระหว่างการศึกษา 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และอธิการบดีวิทยาลัย วิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ (ววจ.) ได้เผยถึงความเข้าใจต่อโควิดสายพันธุ์ Omicron กับ THE STATES TIMES ผ่านรายการ Click on Clear THE TOPIC EP.96 เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 64 ไว้อย่างน่าสนใจ ว่า...

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในปัจจุบัน ภายใต้สถานการณ์ของวัคซีนที่ยังฉีดกันไม่ทั่วถึงทั้งโลก ก็จะยังคงมีการกลายพันธุ์ให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งโควิดเองก็มีการกลายพันธุ์ซ้ำหลายหน เช่นเดียวกันกับสายพันธุ์ล่าสุดอย่าง Omicron ที่ในความเป็นจริงอาจจะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เราเพิ่งจะรู้จักมันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากมองสายพันธุ์ Omicron ที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ ก็ไม่ได้ระบาดทั่วทั้งโลก และเท่าที่ทราบ คือ ต้นตออย่าง ‘แอฟริกาใต้’ ผู้คนที่ติดเชื้อก็ยังมีอาการไม่หนักมากนัก ฉะนั้นอย่าพึ่งตื่นตระหนก!! เพียงแต่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งตอนนี้หลายๆ ประเทศก็มีการเฝ้าระวังดูแลอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกันกับในประเทศไทย 

ทั้งนี้ เริ่มมีคำถามว่า วัคซีนและยาจะยังมีประโยชน์หรือไม่? เพราะหลายคนกังวลว่าจะรับมือ Omicron ไม่ได้ดีเท่ากับไวรัสรุ่นแรก ๆ แต่อยากให้เชื่อมั่นว่าวัคซีนที่มีอยู่ในตลาดยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยหนักได้ดีอยู่ ขณะเดียวกันไวรัสส่วนใหญ่ มักจะอ่อนแอลงไปตามธรรมชาติ และวัคซีนมี่ผลิตออกมาก็ทำได้เพียงวิ่งตามการกลายพันธุ์ของไวรัส ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกัน

ศ.นพ.นิธิ เผยอีกว่า ตอนนี้สิ่งที่คนไทยต้องตระหนัก คือ วัคซีนประจำตัว ได้แก่...
1.) การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ช่วยให้ไม่แพร่เชื้อจากเราไปให้คนอื่นด้วยนอกจากที่จะรับเชื้อมา
2.) การอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเท และการรักษาระยะห่าง ควรมีความเคร่งครัดมากขึ้น และมีสติมากขึ้น
3.) ใครที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือถึงเวลาได้รับเข็มกระตุ้นแล้ว ก็ควรเร่งเข้ารับวัคซีน

‘นักวิชาการ’ แนะ!! คนไทยรอรับศึก Omicron เชื่อหลุดมาแน่ หลังทุกสายพันธุ์ไม่เคยอุดอยู่

2 ธ.ค. 64 ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า…

Covid-19 : ข่าวร้าย ยืนยันความสามารถในการแพร่เชื้อของ Omicron ที่เหนือกว่า Delta มากถึงมากที่สุด 
“The war is not over.”

ช่วงนี้สถานการณ์ในประเทศค่อนข้างดีมากนะครับ ขอให้ไปชาร์จแบตกันไว้ให้เต็มที่ ใช้ชีวิต พบปะคนที่รัก ทำยอดขาย เลี้ยงสังสรรค์ ดูหนัง ตัดผม อยากทำอะไรรีบทำครับ ผู้ร้ายตัวใหม่กำลังมาแล้ว และเก่งกว่าเดิมเยอะ แต่จะโหดกว่าหรือไม่ยังต้องลุ้นครับ 

>> สถานการณ์ใน South Africa : 

ตัวเลข New Case วันนี้ 2 ธ.ค. 8,561 คน ยืนยันความน่ากังวลทุกอย่างแล้วครับ เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 25 พ.ย. ยังแค่ 1,275 

เกิด Exponential ขึ้นแล้วทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในมาตรการควบคุม Level 1 ที่เดิมสามารถกด Delta ลงได้อย่างอยู่หมัด แอฟริกาใต้ฉีดวัคซีน 2 เข็มไปได้แค่ 24.6% แต่ก็เอา Delta อยู่ แต่คงไม่ใช่สำหรับ Omicron แล้วล่ะครับ 

>> กราฟ %Increase : ระดับปรากฏการณ์ แบบไม่เคยเห็นมาก่อน 

ผมทำกราฟมาให้ดูในช่วง Transition ระหว่างสายพันธุ์ที่เก่งกว่าเดิม แล้วเกิดการระบาดเป็น Wave ใหม่ของ S.Africa มาให้ดูเทียบกัน 3 ครั้ง

ครั้งที่ 1 จากไวรัส Wuhan มาเป็น Beta %Increase เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายใน 9 สัปดาห์ 
ครั้งที่ 2 จาก Beta มาเป็น Delta มหาโหด %Increase เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายใน 9 สัปดาห์ 
ครั้งที่ 3 ล่าสุด ชันสุด โหดสุด จาก Delta มาเป็น Omicron ระดับ Super Virus %Increase เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายในเวลาแค่ 2 สัปดาห์!!!

ตอนนี้การระบาดของ Omicron ใน S.Africa มีระดับ Exponential ที่มี %Increase 27% หรือมี Doubling Day แค่ 3 วัน ทั้งที่อยู่ใน New Normal

ถ้าย้อนนึกเทียบกันกับบ้านเราที่ใช้ New Normal ที่คุม Alpha ได้สำเร็จช่วง พ.ค. - มิ.ย. 64 พอ Delta เข้ามาก็เกิด Exponential แต่ %Increase แค่ 12% หรือ Doubling Day ประมาณ 6-7 วัน แค่นั้นก็โกลาหลแล้วนะครับ 

>> พูดง่าย ๆ และสิ่งที่น่ากังวลก็คือ :
1.) Omicron เก่งกว่า Delta มากกว่าที่ Delta เก่งกว่า Alpha ประมาณ 2 เท่า
2.) Omicron อาจเก่งกว่า Delta ประมาณ 4 เท่า
3.) Alpha ยังมีประเทศใหญ่ที่กดลง Zero New Case ได้หลายประเทศ ส่วน Delta ไม่มีเลยสักประเทศ แต่พอ Dance ได้ถ้ามีวัคซีน หรือทุบแหลกแบบจีน ส่วน Omicron การลง Zero New Case ทำไม่ได้แน่ และอาจจะ Dance ไม่ไหวด้วยถ้าวัคซีนไม่ 100%
4.) จีนกด Delta แทบไม่อยู่แล้ว มีผุดขึ้นให้ทุบอยู่เรื่อย ถ้า Omicron ล่ะ จีนจะแตกหรือไม่ ถ้าจีนแตกเศรษฐกิจจะบรรลัยกันทั้งโลก
5.) ประเทศไทย Wave ของ Alpha ติดเชื้อไป 2 แสน Delta เก่งกว่า Alpha 60% ติดเชื้อเพิ่ม 10 เท่ากลายเป็น 2 ล้าน แล้ว Omicron ที่เก่งกว่า Delta 200 - 400% ตัวเลขจะไปไกลแค่ไหน วัคซีนจะเอาอยู่หรือไม่
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top