องค์การอนามัยโลก แถลงที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า ยุโรปกำลังเผชิญผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยมีการยืนยันผู้ติดโควิดรายใหม่เกือบ 2 ล้านคนในทวีปยุโรป ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 7 พฤศจิกายน ถือเป็นตัวเลขสูงสุด ตั้งแต่โควิดเริ่มระบาด

นอกจากนั้น ยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกเกือบ 27,000 คน ในยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตจากโควิดทั่วโลกในช่วง 1 ถึง 7 พฤศจิกายน

ทีโดรส อัดฮานอม กีเบรเยซุส ผู้อำนวยการอนามัยโลก บอกว่า ขณะนี้ บางประเทศในยุโรป กลับมาใช้มาตรการจำกัดอย่างเข้มงวดอีกครั้ง เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด และลดแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุขในประเทศ

องค์การอนามัยโลกระบุต่อไปว่า บางประเทศในยุโรปตะวันตก ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับสูง ยังคงเผชิญผู้ป่วยโควิดพุ่งขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า วัคซีนไม่สามารถทดแทน มาตรการป้องกันอื่น ๆ หรือหยุดการระบาดของไวรัสได้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นอนามัยโลก ขอแนะนำว่า ประเทศต่าง ๆ ให้ดำเนินมาตรการบนเงื่อนไขที่เกิดขึ้นตามจริง

อย่างไรก็ตาม วัคซีนก็ยังคงมีความสำคัญ โดย องค์การอนามัยโลก เผยว่า โครงการ COVAX ได้จัดหาวัคซีนให้แก่ประเทศต่าง ๆ 144 ชาติ ไปแล้วเกือบ 500 ล้านโดส และประชากร 40% ของทุกประเทศในโลก จะต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิดในช่วงสิ้นปีนี้ตามเป้าหมายในเบื้องต้น และจำเป็นต้องเพิ่มวัคซีนอีก 550 ล้านโดส ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกได้เรียกร้องรัฐบาลและบริษัทผู้ผลิตวัคซีนให้ทำงานร่วมกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้

สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิดจนถึงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 พ.ย. 64) ทางองค์การอนามัยโลกรายงานว่า โลกมีผู้ติดเชื้อโควิดสะสม 251,788,329 คน และเสียชีวิต สะสม 5,077,901 ราย

ที่มา: https://www.facebook.com/351495409269379/posts/574526640299587/