Friday, 3 May 2024
Apple

'อียู' เตรียมบังคับผู้ผลิตสมาร์ตโฟนใช้หัวชาร์จ USB-C เหมือนกันหมด ด้าน Apple แย้ง 'ถ่วงนวัตกรรม'

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สหภาพยุโรป (อียู) เตรียมบังคับให้ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนใช้หัวชาร์จไฟชนิด USB-C เป็นมาตรฐานแบบเดียวกันหมด ด้านบริษัท Apple ผู้พัฒนาหัวชาร์จแบบ ‘ไลต์นิง’ สำหรับไอโฟน แย้ง!! เป็นการถ่วงนวัตกรรม

โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ทางคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ออกกฎระเบียบใหม่ โดยมีเป้าหมายในการออกกฎเพื่อลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้ที่ชาร์จไฟของเดิมที่มีอยู่เมื่อซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่

ปัจจุบัน ผู้บริโภคในยุโรป ซึ่งมีประชากรราว 450 ล้านคน มีหัวชาร์จให้เลือกใช้งาน 3 ประเภทหลักๆ คือ ‘ไลต์นิง’ ของ Apple, ไมโครยูเอสบีที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่ และ USB-C ที่เป็นแบบใหม่ ซึ่งใช้งานแพร่หลายมากขึ้น 

แต่ตามข้อเสนอของอียู จะกำหนดที่ชาร์จแบบ USB-C ให้เป็นมาตรฐานสากลสำหรับยุโรป และทันทีที่รัฐบาลของชาติสมาชิกและรัฐสภายุโรปอนุมัติ ก็จะส่งผลสะเทือนต่อตลาดสมาร์ตโฟนทั่วโลก 

'ณัฐชา' จี้ ‘นายกฯ-ชัยวุฒิ’ ใช้งบจ้างแฮกเกอร์ ล้วงข้อมูลแนวร่วมกลุ่ม 3 นิ้วหรือไม่

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองการ การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน แถลงข่าวกรณีที่มีนักวิชาการและนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ได้รับอีเมลจากบริษัท Apple เตือนว่าแฮกเกอร์กำลังพยายามเข้าถึงโทรศัพท์ของคุณ (นักวิชาการ/นักกิจกรรมที่ได้รับ e-mail) ด้วยเหตุผลเพราะคุณเป็นใคร (who you are) หรือไม่ก็เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำ (what you do) 
โดยใน e-mail ทางบริษัท Apple ระบุชัดว่าแฮกเกอร์เหล่านี้เป็น State-sponsored attackers หรือแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ 

“เรื่องนี้ไม่ใช่การกล่าวหาลอย ๆ เพราะทาง บริษัท Apple กำลังฟ้องร้อง nso group บริษัทเทคโนโลยีจากอิสราเอลผู้อยู่เบื้องหลัง ‘สปายแวร์พีกาซัส’ ซอฟต์แวร์สอดแนมข้อมูลซึ่งใช้เทคโนโลยีระดับสูงเกรดกองทัพในข้อหาคุกคามผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการของ Apple" ณัฐชา ระบุ 

เขายังกล่าวอีกว่า ผู้ได้รับอีเมลดังกล่าวประกอบด้วยกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง อาทิ กลุ่มศิลปะปลดแอก, กลุ่ม WeVo, แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, FreeYouth, ศาลายาเพื่อประชาธิปไตย 

Apple ซุ่มเงียบ พัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ตั้งเป้าเปิดตัวเต็มรูปแบบภายในปี 2025

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Apple นั้นกำลังเร่งมือกับโปรเจกต์รถยนต์อย่างเต็มที่ และเล็งไปที่ก้าวต่อไปอย่าง ยานยนต์ไร้คนขับ แบบเต็มรูปแบบ (Fully Autonomous Vehicle) โดยมีแผนจะเปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติ ภายในปี 2025

ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือหนาหูมากว่า Apple ให้ความสนใจที่จะผลิต ยานยนต์ไร้คนขับ แบบจริงจัง โดยมีข้อมูลเป็นจำนวนมากที่ระบุว่า Apple ได้เริ่มเดินหน้าคุยกับทางผู้ผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อ เพื่อที่จะนำเทคโนโลยีจากแบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ มาพัฒนาและต่อยอด Project Titan และยานยนต์ของบริษัท

ปัจจุบัน Apple ได้แต่งตั้งและมอบหมายงานด้านยานยนต์และรถยนต์ไร้คนขับให้กับทาง Kevin Lynch ผู้บริหารด้านซอฟต์แวร์ของ Apple Watch เป็นผู้ดูแล โดยวางแผนว่าโปรเจกต์จะสำเร็จภายในเวลา 4 ปี

คอนเซปต์ยานยนต์ไร้คนขับที่ Apple ตั้งใจจะพัฒนานั้น มีประมาณนี้

เป็นรถที่ไม่มีพวงมาลัย

ไม่มีคันเร่ง

ภายในจะถูกออกแบบให้ผู้นั่งได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด คล้ายกับรถของ Canoo Inc.

มาพร้อมแผงหน้าจอสัมผัส คล้ายกับมี iPad ขนาดใหญ่ อยู่ที่แผงคอนโซลของรถ ใช้แทนพวงมาลัยและคันเร่ง

ที่นั่งโค้ง นั่งสบายสไตร์รถลีมูซีน

มาพร้อมกับโหมดฉุกเฉิน ให้ผู้นั่งสามารถดึงการควบคุมคืนจาก AI ได้ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น

‘Apple’ ขอซัปพลายเออร์ไต้หวันติดฉลาก ‘ผลิตในจีน’ เหตุหวั่นถูกปรับ - ปฏิเสธการนำเข้าสินค้า

แอปเปิล (Apple) ได้แจ้งไปยังซัปพลายเออร์ในไต้หวันให้ติดฉลากบนผลิตภัณฑ์ที่จะส่งไปจำหน่ายในจีนแผ่นดินใหญ่ว่า ‘ผลิตในประเทศจีน’ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหากับด่านศุลกากรจีน หลังการไปเยือนไทเปของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ทำให้ประเด็นข้อพิพาทไต้หวันกลับมาร้อนระอุหนัก

หนังสือพิมพ์นิกเกอิของญี่ปุ่นรายงานว่า แอปเปิล ได้แจ้งกำชับไปยังซัปพลายเออร์ในไต้หวันให้ปฏิบัติตามระเบียบของจีนอย่างเคร่งครัด โดยระบุแหล่งผลิตสินค้าที่จะส่งไปจีนว่ามาจาก 'Chinese Taipei’ หรือ ‘Taiwan, China’ เนื่องจากการติดฉลาก ‘Made in Taiwan’ นั้นอาจจะทำให้สินค้าถูกกัก ถูกสั่งปรับ หรือแม้กระทั่งถูกปฏิเสธการนำเข้าจีน

ในส่วนของไต้หวันเองนั้นกำหนดให้ผู้ส่งออกสินค้าระบุแหล่งผลิตว่ามาจาก ‘Taiwan’ หรือ ‘Republic of China’ ซึ่งเป็นชื่อทางการของเกาะแห่งนี้

นโยบายล่าสุดของแอปเปิลเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากพอสมควร โดย GreatFire.org ซึ่งรณรงค์ต่อต้านมาตรการเซ็นเซอร์สื่อออนไลน์ของจีน ระบุว่า แอปเปิลใช้มาตรการที่หนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ โดยก่อนหน้านี้ก็เคยเอา emoji รูปธงไต้หวันออกจากคีย์บอร์ดสำหรับผู้ใช้สินค้าแอปเปิลในจีนและฮ่องกงมาแล้ว

Apple เตรียมย้ายฐานผลิตออกจากจีน จ่อผลิต Apple Watch-MacBook ในเวียดนาม

กลายเป็นข่าวดีสำหรับแวดวงอุตสาหกรรมไฮเทคของเวียดนาม หลังมีรายงานว่า 'แอปเปิล' อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเตรียมสร้างฐานการผลิต Apple Watch และ MacBook ในเวียดนามเป็นครั้งแรก

หนังสือพิมพ์นิกเกอิเอเชียอ้างแหล่งข่าวที่ทราบข้อมูลโดยตรง 3 ราย ซึ่งระบุว่า บริษัท Luxshare Precision Industry และฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ซึ่งเป็นซัปพลายเออร์หลักของแอปเปิล ได้เริ่มทดสอบสายการผลิต Apple Watch ในภาคเหนือของเวียดนามแล้ว โดยตั้งเป้าหมายที่จะผลิตสินค้าตัวนี้ภายนอกจีนให้ได้เป็นครั้งแรก

เวียดนามเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดของแอปเปิลรองจากจีนอยู่แล้วในปัจจุบัน โดยมีการผลิตสินค้าเรือธงให้แอปเปิลมากมายหลายตัว รวมถึง iPad และ AirPod เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมชี้ว่า กระบวนการผลิต Apple Watch นั้นจะต้องอาศัยทักษะแรงงานและเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อนมากขึ้นไปอีก และการถูกเลือกให้เป็นฐานผลิตอุปกรณ์ตัวนี้ก็ถือว่าเป็น 'ชัยชนะ' ครั้งสำคัญของเวียดนาม ซึ่งมุ่งมั่นที่จะยกระดับภาคการผลิตสินค้าไฮเทคของตนเองอยู่แล้ว

นิกเกอิรายงานด้วยว่า แอปเปิลยังกระจายสายการผลิต iPad จากจีนมายังเวียดนาม หลังจากมาตรการล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อห่วงโซ่อุปทาน และยังอยู่ระหว่างพูดคุยกับซัปพลายเออร์เพื่อทดสอบสายการผลิตลำโพงอัจฉริยะ HomePod ในเวียดนามเช่นกัน

Apple ขยับไทยขึ้นเทียร์ 1 แล้ว สั่งซื้อ iPhone 14 ได้พร้อมกับสหรัฐฯ

สาวกไม่ต้องรอนานเมื่อ Apple ประกาศวางจำหน่าย iPhone 14 และ iPhone 14 Pro ในประเทศไทย วันที่ 16 ก.ย.นี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีที่ไทยได้กลับมาอยู่ในลิสต์เทียร์ 1 ของแอปเปิล ทำให้มีการจำหน่ายพร้อมกับออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, สเปน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 30 ประเทศและภูมิภาคอื่น ๆ

โดยย้อนกลับไปในปี 2014 เกิดเหตุการณ์ข่าวรั่ว iPhone 6 จากคนใน กสทช.เอง ทำให้แอปเปิลปรับลดประเทศไทยลงไปอยู่ที่เทียร์ 6 ในการวางจำหน่ายสินค้าใหม่ ทำให้สาวกต้องรอนานกว่าประเทศอื่นมาโดยตลอด

สาวก iPhone ต่อคิวรับเครื่องพรึ่บ! หลัง Apple เปิดขายในไทยอย่างเป็นทางการวันแรก

สาวก iPhone เข้าคิวรอรับเครื่องวันแรกคึกคัก หลัง Apple ขยับประเทศไทยขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม Tier-1 เป็นครั้งแรกที่วางขายพร้อมอเมริกา และเริ่มส่งมอบสินค้าวันที่ (16 ก.ย.) เป็นต้นไป ให้กับคนสั่งจองล่วงหน้า

ภายหลังจาก Apple ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ "iPhone 14" และ "iPhone 14 Plus"  ในงาน ‘Apple Event’ ไปเมื่อวันที่ (8 ก.ย.) ที่ผ่านมาตามเวลาในไทย โดยเปิดจองตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน เวลา 19.00 น. และจะเริ่มส่งมอบสินค้าตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ยกเว้น iPhone 14 Plus เริ่มส่งมอบ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยวางขายพร้อมกับในสหรัฐ อเมริกา 

สำหรับสินค้าอื่นๆ ที่เปิดตัวพร้อมกันในงานนี้ยังมี Apple Watch Series 8, Apple Watch SE, Apple Watch Ultra และ AirPods Pro เจนใหม่

'EU' สั่ง 'Apple' เปลี่ยนที่ชาร์จ iPhone เป็นแบบ USB-C ขีดเส้นตาย 2024 | THE STATES TIMES Y WORLD EP.46

ไม่เต็มใจก็ต้องยอม
'EU' สั่ง 'Apple' เปลี่ยนที่ชาร์จ iPhone เป็นแบบ USB-C ขีดเส้นตาย 2024
.
ติดตามได้ใน THE STATES TIMES Y World x New Paper Today
.
#THESTATESTIMES
#THESTATESTIMESYWORLD
#Apple
#iPhone
#สายชาร์จไอโฟน

‘Apple’ จ่อปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ เล็งลดตำแหน่งงานบางส่วนออกเป็นครั้งแรก 

เมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 บลูมเบิร์ก รายงานว่า Apple Inc. (AAPL) กำลังปรับโครงสร้างภายในทีมค้าปลีกของบริษัท ซึ่งถือเป็นการลดตำแหน่งงานภายในบริษัทเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการรัดเข็มขัดเมื่อปีที่แล้ว

ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว Apple มีพนักงาน 164,000 คน และตรึงอัตรากำลังไว้ต่อเนื่อง ต่างจากบิ๊กเทคอื่นที่ขยายกำลังพนักงานเร็วในช่วงโควิด เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจนถึงปลายปีที่แล้ว ทำให้ความจำเป็นในการเลิกจ้างพนักงาน เช่น Amazon.com Inc. (AMZN) และ Google ของ Alphabet Inc. (GOOGL) ได้ปลดพนักงานหลายหมื่นคน

แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา Apple จะรัดเข็มขัด ลดงบประมาณและตัดทอนพนักงานรับเหมาจำนวนมาก รวมถึงวิศวกรสัญญาจ้าง นายหน้า และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และให้พนักงานเหล่านั้นกลับมาสมัครงานใหม่ในตำแหน่งที่คล้ายกัน ซึ่งอาจจะได้รับค่าตอบแทนต่ำกว่าเดิม

‘Apple’ เปิดตัวบริการบัญชีเงินฝาก ให้กับผู้ใช้ไอโฟน ดอกเบี้ยสูงถึง 4.15% ต่อปี ไม่มีขั้นต่ำ-ปลอดค่าธรรมเนียม

(18 เม.ย.66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท แอปเปิล อิงค์ เปิดตัวบริการบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ดอกเบี้ยสูงถึง 4.15% ให้กับผู้ใช้ไอโฟน สามารถฝากถอนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีขั้นต่ำ และ ค่าธรรมเนียมบริการ โดยเริ่มให้บริการเฉพาะในสหรัฐฯ ก่อนเท่านั้น รายงานแจ้งว่า Apple Card บัตรเครดิตของบริษัทแอปเปิล ออกโดยธนาคารโกลด์แมน แซคส์ เปิดทางเลือกให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์จาก Goldman Sachs ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงถึง 4.15% ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สำหรับเงื่อนไขการให้บริการเมื่อมีการเปิดบัญชีแล้ว Daily Cash หรือ cash back จากการซื้อผลิตภัณฑ์แอปเปิลจะถูกโอนเข้าสู่บัญชีเงินฝากโดยอัตโนมัติ รวมถึงการโอนเงินจากบัญชีธนาคารเพิ่มเติมเข้าสู่บัญชีเงินฝากก็เป็นอีกช่องทางในการใช้บริการ

นอกจากนี้ การบริการดังกล่าวจะไม่มีค่าธรรมเนียม และไม่มีข้อกำหนดยอดเงินขั้นต่ำ ผู้ใช้สามารถตั้งค่าและจัดการบัญชีออมทรัพย์ได้โดยตรงจาก Apple Card ใน Wallet อย่างไรก็ตาม การบริการ Apple Pay บนอุปกรณ์แอปเปิล iPhone, iPad หรือ Mac และผู้สนใจสามารถเปิดบัญชีดังกล่าวจากแอปพลิเคชัน Wallet บนเครื่อง iPhone ที่มีระบบปฏิบัติการตั้งแต่ iOS 16.3 ขึ้นไป และจะเริ่มบริการเฉพาะในสหรัฐฯ ก่อนเท่านั้น

เมื่อตั้งค่าบัญชีออมทรัพย์แล้ว เงินสดในอนาคตทั้งหมด ที่ผู้ใช้ได้รับจะถูกฝากเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ ปลายทางของ Daily Cash สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และไม่มีข้อจำกัดว่าผู้ใช้ Daily Cash สามารถรับรายได้เท่าใด เพื่อเพิ่มเงินออมให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ผู้ใช้สามารถฝากเงินเพิ่มเติมในบัญชีออมทรัพย์ผ่านบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยง หรือจากยอดคงเหลือ Apple Cashผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงแดชบอร์ดการออมที่ใช้งานง่ายใน Wallet ซึ่งสามารถติดตามยอดเงินในบัญชีและดอกเบี้ยที่ได้รับเมื่อเวลาผ่านไปได้อย่างสะดวก ผู้ใช้ยังสามารถถอนเงินได้ตลอดเวลาผ่านแดชบอร์ด Savings โดยโอนไปยังบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงหรือไปยังบัตร Apple Cash โดยไม่มีค่าธรรมเนียม

สถาบันประกันเงินฝากแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เผยว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก APY สำหรับบัญชีเงินฝากทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาเฉลี่ยอยู่ที่ 0.35% ดังนั้น แอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น จ่ายอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ระดับ 4.15% จึงถึงได้ว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเฉลี่ย โดยธนาคารพาณิชย์ในระบบการเงินของสหรัฐอเมริกามีการแข่งขันที่สูงมากกับบัญชีเงินฝาก


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/725193


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top