Saturday, 18 May 2024
เศรษฐา_ทวีสิน

'เศรษฐา' เยือน!! 'เยอรมนี' ใต้อุณหภูมิ 2 องศา หยอดหวาน 'ผ้าขาวม้าร้อยเอ็ด' ช่วยให้อบอุ่น

(7 มี.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่าน X หรือทวิตเตอร์ ภายหลังเดินทางถึงสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระบุว่า “เดินทางถึงเยอรมันแล้วครับ ลงเครื่องมาอุณหภูมิอยู่ที่ 2 องศา ได้ผ้าขาวม้าสวย ๆ จากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดนี่แหละครับช่วยให้อบอุ่น”

“วันนี้ผมมีภารกิจที่กรุงเบอร์ลินช่วงสั้น ๆ คือการเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2024 งานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจัดในเดือนมีนาคมของทุกปี พร้อมพบผู้บริหารบริษัทเอกชนของเยอรมนี ก่อนจะเดินทางต่อไปยังสาธารณรัฐฝรั่งเศสครับ” นายเศรษฐา ระบุ

'ดร.เอ้' ยัน!! นายกฯ เดินทางไปต่างแดน เป็นสิ่งจำเป็น แต่ต้องหมั่นโฟกัสเรื่องใหญ่ ไม่ใช่แค่รับมาแล้วก็เงียบไป

เมื่อไม่นานมานี้ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (ดร.เอ้) รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้โพสต์วิดีโอในช่องติ๊กต็อก @aesuchatvee พร้อมระบุแคปชันว่า “นายกรัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์ ‘IGNITE Thailand’ มุ่ง 8 เป้าหมายพัฒนาประเทศ ในงาน ไม่มีเรื่อง ‘เป้าหมายการศึกษา’ และ ‘การพัฒนาทักษะคนไทย’ แม้แต่ข้อเดียว น่าเสียใจ” 

โดยภายในวิดีโอได้พูดและแนะนำถึงสิ่งที่นายกรัฐมนตรีควรให้ความสำคัญ ไม่น้อยกว่าการไปเยือนต่างประเทศ โดยกล่าวว่า… “สําหรับการเดินทางไปต่างประเทศของนายกฯ คนใหม่เป็นสิ่งจําเป็น เพราะต้องแนะนําตัวและนโยบายของประเทศตอนนี้ว่าเป็นอย่างไร ผมว่าเรื่องพวกนี้มีความจําเป็น แต่ท่านต้องไม่ฉาบฉวย มีภาพท่านที่ออกมาในลักษณะที่มีคนร้องเรียนทีนึง เมื่อไปดู แล้วก็หาย ไปอีกตรงหนึ่ง ท่านก็หาย กลายเหมือนกับว่า ไม่ได้โฟกัสอะไร…”

ดร.เอ้ กล่าวต่อว่า “จริง ๆ แล้วท่านต้องโฟกัส และต้องจัดอันดับเรื่องของปัญหา ยกตัวอย่างเช่น วันนี้ประเทศไทยไม่พ้นความยากจน ประเทศไทยมีปัญหาหลายเรื่องที่มาจากเรื่องของการศึกษา แต่ท่านไม่พูดเลย”

ดร.เอ้ ได้ยกตัวอย่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ที่กำลังจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ ‘ลอว์เลนซ์ หว่อง’ ที่ได้พูดเรื่องการศึกษามาเป็นเรื่องแรก ๆ 

ดร.เอ้ ระบุต่อว่า “แต่นายกฯ เศรษฐาไม่พูดเลย ท่านไปดูตรงไหน ท่านก็พูดแต่เรื่องฉาบฉวย แต่ความสามารถในการแข่งขัน การสร้างคนซึ่งเป็นเรื่องที่จําเป็นที่สุด ท่านไม่เคยพูด”

สุดท้ายดร.เอ้ ได้พูดถึงประเด็นที่นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งว่า “เรื่องท่านไปต่างประเทศ ผมไม่ว่า แต่งานที่สําคัญที่สุดคือ ‘เรื่องของรากลึกของสังคมไทย’ เรื่องการศึกษา ท่านไม่พูดเลย อีกทั้งเรื่องการแก้ปัญหา ท่านต้องไม่โยนให้กับกระทรวงอื่น แต่ท่านต้องแสดงบทบาทผู้นําว่าท่านหยิบจับอะไรมันก็สําเร็จ ไม่ใช่จับแล้วปล่อย ๆ แบบนี้ ผมว่าท่านจะต้องปรับปรุง”

'เทสลา' ตั้งเงื่อนไข ลงทุนไทย ต้องได้ที่ดิน 2 พันไร่แปลงเดียว ด้าน 'เศรษฐา' มอบ 'รมว.ปุ้ย' ถกผังเมืองอุตฯ เอื้อลงทุน

(12 มี.ค. 67) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า เมื่อไม่นานมานี้ นายเศรษฐา ได้สั่งการให้ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าหารือเพื่อแก้ปัญหาผังเมืองอุตสาหกรรมไม่เอื้อการลงทุนอย่างจริงจัง พร้อมให้หารือกับกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่อปลดล็อกอุปสรรคครั้งนี้ เพราะจากตัวเลขการลงทุนปี 2566 ที่เติบโตต่อเนื่องถึงปีนี้ จากยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ตลอดจนยอดการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และยอดเช่า/ซื้อที่ดินของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และนิคมอุตสาหกรรมของเอกชน ที่เป็นผลจากการเคลื่อนย้ายลงทุน และรัฐบาลนำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐบาลออกไปชักจูงการลงทุนในประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน 

ล่าสุดได้รับเสียงสะท้อนจากนักลงทุนจำนวนมากแต่ผังเมืองภาคอุตสาหกรรมของไทยที่พบปัญหาไม่เอื้อต่อการลงทุน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหา

“ตัวอย่างนักลงทุนที่ร้องเรียน อาทิ ญี่ปุ่นที่มีที่ดินติดปัญหาเคยมีลำน้ำสาธารณะที่ปัจจุบันไม่มีน้ำแล้ว นักลงทุนเสนอขุดลำน้ำให้ใหม่แต่ชุมชนไม่ยอม นอกจากนี้ยังพบว่า เทสลา ต้องการที่ดินลงทุนผลิตรถอีวีจำนวนมากถึง 2,000 ไร่ แต่ผังเมืองไม่เอื้อ” รายงานข่าวระบุ

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ปลายปีที่ผ่านมา เทสลาได้เข้ามาดูพื้นที่ลงทุนในไทย หลังนายเศรษฐา โรดโชว์สหรัฐอเมริกา และได้เชิญชวนเทสลาเข้ามาลงทุน โดยเงื่อนไขการลงทุนของเทสลาคือ ต้องใช้พื้นที่ลงทุน 2,000 ไร่ เป็นผืนเดียวกัน แต่พื้นที่ลงทุนของไทยในนิคมฯ ไม่เพียงพอ ทั้งของ กนอ.และนิคมฯเอกชน เพราะปกติการจัดตั้งนิคมฯ จะใช้พื้นที่ประมาณ 1,000-2,000 ไร่ และการลงทุนจะใช้หลักร้อยไร่ต่อราย อาทิ บีวายดี ใช้ 600 ไร่จึงสามารถหาได้ทันที

รายงานข่าวระบุว่า เบื้องต้นมีรายงานเทสลากำลังพิจารณาที่ดินย่านลาดกระบัง 2,000 ไร่ แต่ไม่ใช่นิคมฯ จึงต้องดูว่าจะปิดดีลได้หรือไม่ และพื้นที่ดังกล่าวจะไม่เกิดปัญหาผังเมืองตามมา

'นายกฯ เศรษฐา' ขึ้นปกนิตยสาร TIME ฉบับเผยแพร่ 25 มีนาคมนี้

(13 มี.ค. 67) ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา เว็บไซต์นิตยสารดังอย่าง ไทม์ (TIME) เผยแพร่ภาพหน้าปกนิตยสารลงวันที่ 25 มีนาคม ซึ่งปรากฎภาพของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมข้อความระบุว่า “เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย เดอะ เซลส์แมน ที่เปิดกว้างสำหรับธุรกิจในประเทศ”

โดยในเว็บไซต์ยังได้เผยแพร่บทความการให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐาซึ่งให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตการเมือง และการพัฒนาเศรษฐกิจในไทย ทั้งนี้ สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ ได้ที่ >> https://time.com/6899782/thailand-prime-minister-srettha-thavisin-business-hub/ 

'อัษฎางค์' เหน็บ 'นายกฯ' เดินสายเล่นตลกไปทั่วโลก หวังจะสร้างอิมแพคผู้นำแฟชัน เอาอะไรคิด?

(13 มี.ค. 67) เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า.. “ใคร….? ใคร… สามารถสร้างอิมแพค เกิดอิทธิพลเป็นผู้นำแฟชั่นกับโลกได้

เศรษฐา Vs ลิซ่า !
ใคร….สามารถสร้างกระแส จนกระแสกลายเป็น soft power ได้

เศรษฐา Vs ลิซ่า !
ผู้นำรัฐบาลอย่างนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดี กับ ผู้นำแฟชั่น มันคนละคนกัน

น้องลิซ่า สวมเสื้อผ้ารองเท้าตัวไหน ถือกระเป๋าอะไร ของแทบจะขายหมดในวันรุ่งขึ้น

แต่คุณเคยเห็นคนแต่งตัวตามนายกรัฐมนตรีหรือผู้นำทางการเมืองประเทศไหนบ้าง ?

คิดว่า นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักการเมือง ที่เคยเป็นนักธุรกิจ คือผู้นำแฟชั่นของโลกหรือ? เอาอะไรคิด? คิดว่า นายกรัฐมนตรี ที่มีรสนิยมสวมถุงเท้าสีฉูดฉาดข้างละสี คือผู้มีรสนิยมที่จะเป็นผู้นำแฟชั่นระดับโลกได้ด้วยหรือ? เอาอะไรคิด?

นี่หรือนักการเมืองจากพรรคที่สาวกเชิดชูว่า เก่งเศรษฐกิจการค้า!

เสนอนโยบาย Soft power ก็ผิดตั้งแต่ความเข้าใจเรื่องคำนิยามของ Soft power แล้ว

นี่ก็คงฝันว่า จะให้นายกรัฐมนตรีไทยไปเยือนต่างประเทศแล้วเกิดกระแสจนกลายเป็น Soft power ที่ทำให้คนหันมาสนใจผ้าขาวม้าของไทย

เลือก Presenter ก็ผิดตัวแล้ว
ยังเลือกผลิตภัณฑ์ผิดอีก
หนำซ้ำ ผิดกาลเทศะ อีกต่างหาก

เวลาคุณขายบ้าน คุณให้เซลส์แมน แต่งตัวยังไง

คุณว่า ถ้าเซลส์แมนของคุณแต่งตัวเสร่อ ๆ ไปขายบ้านระดับ 100 ล้าน จะมีใครซื้อบ้านหรือคุยกับเซลแมนของคุณหรือไม่?

ยกเว้นว่าขายทาวน์เฮาส์ไม่เกินล้านต้นๆ คนเขาจะมองข้ามรสนิยมเสร่อ ๆ ของเซลส์แมนของคุณอย่างแน่นอน

ทำการบ้านให้เยอะ ๆ เปลี่ยนทีมที่ปรึกษาและทีมทำงานใหม่ทั้งหมด อาจช่วยอะไรๆ ให้ดีขึ้น

แต่ถ้าให้ดี ต้องเปลี่ยน CEO และ Executive board ที่พากันหลงทิศหลงทางเข้ารกเข้าพง คือสิ่งที่ดีที่สุด

เดินสายเล่นตลกไปทั่วโลก ด้วยเงินภาษีกู สมเพชตัวเองกันบ้างมั้ย

อัษฎางค์ ยมนาค

'จุรินทร์ ซัด!! 'เศรษฐา' มีผลงานเดียว สร้าง 'นักโทษเทวดา' หยัน!! อาสาเป็นเซลส์แมน ปิดการขายได้บ้างหรือยัง

‘จุรินทร์’ จัดให้! ซัด ‘เศรษฐา’ มีผลงานเดียวสร้าง'นักโทษเทวดา' เย้ยขยันบินต่างประเทศไปทำตลาดหรือตลก วันๆ ทำแต่อีเวนต์ ถามอาสาเป็นเซลส์แมน ปิดการขายได้บ้างหรือยัง อัดคนในรัฐบาลโป๊ะแตก ปมทูมอร์โรว์แลนด์ เตือนพฤติกรรม ‘ได้คืบเอาศอกลามได้ศอกจะเอาวา’ ระวังพังเหมือนอดีต 

(3 เม.ย. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ตามที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และคณะจำนวน 98 คน เป็นผู้เสนอ

โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ก่อนเสนอญัตติฯม.152 รัฐบาลสร้างกระแสจะอภิปรายทำไมยังไม่ใช่งบสักบาท ถือว่าตีหน้าซื่อกลางแดดชัด ๆ เพราะแม้งบยังไม่บังคับใช้แต่สามารถใช้งบไปพลางก่อนได้ระหว่าง1 ต.ค. 2566 - 31 เม.ย. 2567 ใช้งบประจำและงบลงทุนไปถึง 43.79% ของงบปี 2567 ที่บอกไม่ใช้งบสักบาทถือเป็นการแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกประชาชนชัด ๆ 

คำถามคือทำไมใช้เงินไปมากขนาดนี้แต่ยังสอบตก คำตอบคือรัฐบาลมัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร วัน ๆ มีแต่อีเวนต์ เช้า สาย เที่ยง เย็น ดึก ๆ ยังอีเวนต์ จนคนไทยสำลักอีเวนต์ 6 เดือน นายกฯ อยู่เมืองนอก 52 วัน มีคนถามบินไปทำการตลาดหรือทำการตลก เพราะอยู่เมืองไทยบอกเศรษฐกิจวิกฤติ แต่ไปเชิญต่างประเทศ มหาเศรษฐีที่ไหนจะมาลงทุนในประเทศที่เศรษฐกิจวิกฤติ ถ้ามาเพราะไม่เชื่อนายกฯ แต่เชื่อในระบบเศรษฐกิจของไทย 

ที่นายกฯ ที่อาสาเป็นเซลส์แมนประเทศ ถามว่าปิดการขายได้บ้างหรือยัง หรือมีแต่สัญญาจะซื้อจะขายดอกไม้กับสายลม ที่เห็นชัดคือเรื่อง ทูมอร์โรว์แลนด์ คนในรัฐบาลโพสต์ผ่านเว็บทางการของรัฐบาลว่า ทูมอร์โรว์แลนด์ จะมาจัดงานที่เมืองไทยในปี 2569 และอาจจัดต่อเนื่อง 10 ปี ปรากฏว่า โฆษกของเขาแถลงชัดเจนยังไม่ยืนยันมาจัดที่ไทยและยังมีอะไรต้องพิจารณาอีกมาก ที่พูดก็อยากให้สำเร็จ แต่สิ่งที่อยากบอกคือ คนไทยอยากได้ของจริงมากกว่าการตลาด อะไรยังไม่ใช่ไม่ต้องตีปี๊ปก็ได้มันเสียเหลี่ยม

“คนไทยไม่ได้กินแกลบ พูดอะไรไม่จริง ก็จับได้ คนไทยอยากให้นายกฯ บินเหมือนเหยี่ยวมากกว่าแมลงวัน ที่บินทั้งวันแต่ไม่ได้อะไรนอกจากสร้างภาพบินไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เหยี่ยวบินไม่พลาดเป้า เพราะเหยี่ยวไม่ทำการตลาด” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ตราบใดที่รัฐบาลก้าวไม่พ้นคนชอบอวดบารมี รัฐบาลจะมีปัญหาทางการเมืองตลอดไป และอยากไปโทษคนอื่นว่าก้าวไม่พ้นคน ๆ นี้เสียที คนแรกที่ก้าวไม่พ้นคือนายกฯ เพราะวันแรกที่เกิดเหตุการณ์นายกฯ ถึงขั้นลงทุนนั่งรถประจำตำแหน่งไปสโลซบถึงบ้าน แถมบอกว่ายินดีให้รัฐมนตรีไปเยี่ยมได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหานายกฯ หลายคน นี้คือปัญหาใหญ่ทางการเมืองที่รัฐบาลกำลังเผชิญ มันสะท้อนความไม่เชื่อมั่น ทำให้คนเข้าใจว่านายกฯ ไม่ได้มีแค่นายกฯ นิด ยังมีนายกฯ ใหญ่ และนายกฯ เล็ก ทำให้เกิดปัญหาการบริหาร และปัญหารัฐบาลเต็มไปด้วยรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพ มีทั้งโลกลืม ผิดฝาผิดตัว ต่างตอบแทน ทำการเฉพาะกิจ และรัฐมนตรีที่โลกเซ็ง ไม่ลืมแต่เซ็ง 

คนหนึ่งคือรมว.คลัง จ้องแต่แยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าแบงก์ชาติ แต่งานในหน้าที่ทำได้ไม่เข้าเป้า รายได้ 4 เดือนต่ำกว่าเป้า ฝากนายกฯ ปรับครม.เที่ยวนี้ช่วยดูแลรมต.ที่โลกเซ็งด้วย ปัญหาดิจิทัลวอลเล็ต คนไทยหลายคนเลิกเชื่อเบื่อทวง แต่ที่บอกว่าจะทำงบปี 2568 ขาดดุล 1.5 แสนล้าน แปลว่าไม่มีอะไรใหม่ยังกู้มาแจกเหมือนเดิมเปลี่ยนแต่วิธีการ

ส่วนที่บอกราคายางดีขึ้นนั้น ขอแสดงความยินดีรัฐบาล เข้ามาไม่กี่วันบุญหล่นทับถุงเท้าบวม แต่ที่ยางขึ้นไม่ใช่ปราบยางเถื่อนอย่างเดียว แต่มีสาเหตุอื่นอีก อาทิ ผลผลิตยางในตลาดน้อย ยุโรปออกระเบียบห้ามนำเข้ายางในพื้นที่ทำลายป่าในปลายปี 2567 ที่สำคัญตอนนี้ยางในประเทศไทยอยู่นอกฤดู ก็อยากให้รัฐบาลเตรียมการรับมือดูแลราคายางด้วย 

นายจุรินทร์ อภิปรายอีกว่า ปัญหาใหญ่ที่สุด ที่รัฐบาลต้องแก้ เพราะสร้างความเสื่อมให้รัฐบาล เซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลมากที่สุด คือการสร้างยุติธรรมสองมาตรฐาน เป็นผลงานชิ้นเดียวที่รัฐบาลทำได้เร็วที่สุด เป็นคำตอบว่ารัฐบาลนี้เพื่อใคร นั่นคือการสร้างนักโทษพันธ์ุใหม่ ที่แม้แต่เทวดาต้องยอมให้ใช้ชื่อ คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ สำนึกทิพย์ จนถึงได้คืบเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา ซึ่งเกิดขึ้นไม่ได้ถ้านายกฯ รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่รู้เห็นเป็นใจ 

เชื่อว่าคนไทยเข้าใจเรื่องบุญคุณต้องทดแทน แต่ต้องไปตอบแทนกันเองส่วนตัว ไม่ใช่เอาบ้านเมืองไปตอบแทน คนหนึ่งได้อำนาจ อีกคนได้อภิสิทธิ์จากการใช้อำนาจ อาจยุติธรรมกับคนสองคนแต่ไม่ยุติธรรมกับประเทศ ว่าแต่การที่นายกฯ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ใครคือผู้บังคับใช้กฎหมาย นายกฯ ตั้งใจอยู่ 4 ปีถ้าอยู่เพื่อทำความดีไม่มีใครว่า แต่ถ้าอยู่เพื่อทำความชั่วร้ายให้แผ่นดินปีเดียวก็ไม่ควรอยู่ ตนไม่มีอคติกับนายกฯ เป็นแค่คนไทยคนหนึ่งที่มีหน้าที่มาพูดแทนคนรับความยุติธรรมที่น้ำตาตกในต้องทนอยู่กับบาปที่รัฐบาลนี้ก่อขึ้น

“ผมขอตั้งคำถามว่า นายกฯ มีนโยบายนำคุกทิพย์โมเดลที่ทำลายหลักนิติธรรมยับเยินมาใช้ซ้ำสองหรือไม่ คำถามที่สองคือ ระเบียบใหม่ที่กระทรวงยุติธรรมจะออกเรื่องการกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิคุมขังนอกเรือนจำ ขอถามว่าระเบียบดังกล่าวรวมคดีทุจริต คดี 157 ได้ด้วยหรือไม่ และรวมหรือไม่ ถ้าให้นักโทษ 157 ติดคุกที่บ้านได้ เท่ากับรัฐบาลส่งเสริมการทุจริตมุมกลับ ระบบนิติธรรมจะเกิดวิกฤติอีกครั้ง เพราะเกิดจากนักโทษเทวดาตัวใหม่ คำถามที่สามเรื่องนิรโทษกรรม ขอถามนายกฯ ในฐานะผู้คุมเสียงข้างมาก และนั่งหัวโต๊ะในคณะรัฐมนตรี เพราะนิรโทษกรรมเป็นดาบสองคมใช่หรือไม่ ถ้าผิดทางสร้างความแตกแยกครั้งใหม่ ขอถามว่ารัฐบาลนี้มีนโยบายที่จะนิรโทษ คดีทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ด้วยหรือไม่ ที่ถามเพื่อส่งสัญญาณเตือนนายกฯ และพวกพ้องว่าอย่าได้คืบเอาศอก เพราะในอดีตเคยมีคนพังเพราะไม่รู้จักพอมาแล้ว เพราะวันนี้มีคนร้ององค์กรต่าง ๆ เรื่องนักโทษเทวดาทั้งหมด 24 เรื่อง ผมพูดเพื่อเตือนนายกฯ และรัฐบาล ว่าสิ่งที่นายกฯ และพวกทำกับหลักนิติธรรมประเทศไว้จะเป็นระเบิดเวลาระเบิดใส่ตัวเองในอนาคต ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้ทุกท่านดวงตาเห็นธรรมด้วย” นายจุรินทร์ กล่าว

‘นายกฯ เศรษฐา’ เผย ส่วนตัวชื่นชอบ ‘แกงไตปลา’ มาก ส่วนต่างชาติจัดเป็น ‘อาหารยอดแย่’ ถือเป็นสิทธิ์ในการวิจารณ์

(4 เม.ย. 67) ที่อาคารรัฐสภานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ‘แกงไตปลา’ ถูกจัดอันดับให้เป็นเมนูยอดแย่ที่สุดในโลก จากเว็บไซต์ TasteAtlas แต่สำหรับคนในภาคใต้ เมนูนี้เป็นเมนูคู่ครัวและเป็นเมนูที่อร่อยที่สุด ว่า 

“เรื่องนี้เป็นเรื่องของลิ้นใคร ลิ้นมัน ซึ่งเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเขียนอะไรก็ได้ แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยว่าความจริงอาหารไทยหลาย ๆ ชนิด ก็ติดอันดับท็อปเท็นของโลกเหมือนกันและส่วนตัวผมเชื่อว่าแม้แกงไตปลาจะมีรสเผ็ด แต่ก็มีความเข้มข้นส่วนตัวผมเองผมชอบมาก”

ถามว่าอยากให้ทุกคนเปิดใจกับรสชาติของอาหารไทยหรือไม่เนื่องจากแต่ละชาติก็มีอาหาร ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “อาหารไทยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นมัสมั่นไก่ ขนมครก ต้มยำกุ้ง ผัดไทย แม้แต่ผัดกะเพรา ก็เป็นที่ชื่นชอบของต่างชาติ แต่เราเองก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า การวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นสิทธิเสรีภาพของเขา อีกทั้งรสชาติอาจจะแรงเกินไป ต่างชาติอาจจะไม่คุ้นชิน เพราะแกงไตปลาหากทำไม่เผ็ดก็ไม่ใช่แกงไตปลา ซึ่งมันก็ต่างกันแต่ตนเชื่อว่า รัฐบาลนี้และคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ มีการส่งเสริมเรื่องอาหารอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางอย่างอาจจะไม่ถูกปากชาวต่างชาติ”

‘เศรษฐา’ ประกาศพา ‘เพื่อไทย’ คว้าชัยชนะเลือกตั้งหนหน้า ฟาก ‘อุ๊งอิ๊ง’ ยัน!! ‘เพื่อไทย’ จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงประเทศ

(5 เม.ย. 67) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) อาคารโอเอไอทาวเวอร์ ชั้น 7 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กทม. พรรคเพื่อไทยได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 โดยบรรยากาศที่พรรคเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดาแกนนำ สมาชิกพรรค และตัวแทนพรรคประจำจังหวัด เดินทางเข้ามาที่พรรคตั้งแต่ช่วงเช้า

ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการเปิดคลิปวิดีโอสั้น ความยาว 18 นาที รวบรวมบทสัมภาษณ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย, นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ

โดยเนื้อหาบางส่วนของ นายทักษิณ กล่าวว่า ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ 2540 ส่งผลให้พรรคการเมืองเดิมปรับตัวไม่ทัน ตนได้ตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้น ชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย และสร้างการเปลี่ยนแปลงหลายด้านให้กับประเทศไทย พรรคไทยรักไทย คือพรรคที่เข้ามา Reform ประเทศ เป็นผู้นำเปลี่ยนแปลงและกระจายอำนาจ ผ่านนโยบายกองทุนหมู่บ้าน และ 30 บาทรักษาทุกโรค พร้อมกล่าวชื่นชมนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นโครงการที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยเช่นกัน

ส่วนที่หลายฝ่ายกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทย ที่มีดีเอ็นเอมาจากพรรคไทยรักไทย เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ นั้น นายทักษิณ ยืนยันว่า ไม่ได้อยู่ในดีเอ็นเอของพรรคไทยรักไทย และเชื่อว่าไม่ได้อยู่ในดีเอ็นเอของพรรคเพื่อไทยด้วย

ทั้งนี้ นายทักษิณ มั่นใจว่า ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีดีเอ็นเอ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ซึ่งมีความมั่นคง ตัดสินใจเด็ดขาด และดีเอ็นของนายทักษิณ ที่มีจุดแข็งในการพูดคุย พบปะกับผู้คน เข้าใจถึงจิตใจของพี่น้องประชาชน เชื่อว่าจะเป็นผู้นำที่ดีได้ "ผมทำได้ เขาก็ทำได้"

"ระบบทุนนิยมที่ไร้ความเมตตาธรรม จะทำให้ประชาชนไม่มีความสุข การเข้าถึงประชาชนคือหัวใจสำคัญ การทำงานในสภาให้เข้มแข็ง การเป็นนักการเมืองที่ดี คือรักประชาชน ประชาชนมองตานักการเมือง ก็รู้สึกได้ ต้องอยู่กับชาวบ้าน ผมเชื่อมั่นในนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำในช่วงเปลี่ยนผ่าน สามารถทำงานประสานงานกับหลายพรรค หลายภาคส่วนได้ดี" นายทักษิณ กล่าว

เนื้อหาในคลิป โดย น.ส.แพทองธาร ระบุว่า การแพ้เลือกตั้งที่ผ่านมา ทำให้รู้ถึงเงื่อนไขและการเปลี่ยนแปลง การแพ้เลือกตั้งที่ผ่านมา เมื่อผ่านการดูแลตัวเองและจิตใจคนในพรรคแล้ว ต้องไปต่อ พร้อมยืนยันเดินหน้าสร้างรายได้ประชาชนผ่านนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและมีโอกาสที่ดีขึ้น พร้อมระบุจะเป็นผู้นำพรรคที่เข้าใจคนในพรรค ผู้สนับสนุนพรรค และประชาชนทุกคน อยากให้ผู้ที่ทำงานร่วมกันมีความสุข รู้สึกปลอดภัยและมีส่วนร่วมในพรรค

ส่วนเนื้อหาในคลิปของ นายเศรษฐา ระบุถึงชีวิตส่วนตัวก่อนเข้าสู่การเมือง ยอมรับว่าชีวิตส่วนตัวก่อนเข้าสู่การเมือง อยู่จุดสูงสุดของพีระมิด แต่อยากนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่พี่น้องประชาชน จึงตัดสินใจลงการเมือง ทั้งนี้ ในวันที่ 10 เมษายน 2567 จะประกาศรายละเอียดนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เชื่อว่าจะทำให้ภาคการผลิตสินค้า การจับจ่าย และการจ้างงาน จะปรับตัวดีขึ้น สึนามิทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นแน่นอน

ต่อจากนั้น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวบรรยายพิเศษบนเวที เรื่อง ภารกิจของวิปพรรคและแนวทางการทำงานในสภาฯ ว่า "สภาที่เข้มแข็ง คือ รัฐบาลที่เข้มแข็ง" การบริหารประเทศ ทั้งสองสถาบัน ต้องเกื้อกูลกันและกัน โดยมีประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง การขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ปัจจัยสำคัญเพราะมีฝ่ายนิติบัญญัติ ที่เข้มแข็ง เป็นเอกภาพ ปัจจุบัน รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยทำงานร่วมกับหลายพรรค งานในสภาเป็นเรื่องที่ท้าทาย จึงมีการจัดตั้งส่วนประสานงานการเมืองและกิจการสภา ทั้งในส่วนวิชาการและฝ่ายสื่อสาร ขึ้นในพรรคเพื่อไทย เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ทั้งนี้ การลงพื้นที่เพื่อพบปะกับประชาชนของ สส.มีหลายวิธี ทั้ง offline และ online เป็นเรื่องจำเป็น

"ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย การบริหารและความร่วมมือร่วมใจของ สส.ของเรา จะเป็น ผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้รัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน บริหารประเทศ อย่างตั้งใจ เพราะพรรคเพื่อไทย หัวใจ คือ ประชาชน" นายวิสุทธิ์ กล่าว

จากนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง ‘เพื่อไทย จะไปต่อยังไง’ ว่า ภารกิจต่อไปของพรรคเพื่อไทย คือ การเป็นพรรคที่เร็วขึ้น ตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนได้ดีขึ้น พรรคเพื่อไทยกำลังเปลี่ยนแปลงจากข้างใน ด้วยการเติมคนใหม่เข้ามาทำงานเติมองค์ความรู้ใหม่ สร้างการบริหารงานที่เร็วขึ้น เพื่อให้พรรคเพื่อไทย อยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเปลี่ยนไปอีกกี่คน บริบทประเทศในอนาคตจะเป็นอย่างไร พรรคเพื่อไทยจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ให้กับประเทศไทยได้เสมอ พร้อมให้กำลังใจกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน 

พร้อมย้ำว่า พรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ เพราะ DNA ของเราคือการเปลี่ยนแปลง ทุกครั้งที่เป็นรัฐบาล เราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทย เช่นในอดีต มี 30 บาท รักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ และปัจจุบัน มีนโยบายที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง คือ ดิจิทัลวอลเล็ต และซอฟต์พาวเวอร์ เราคือพรรคที่มาปฏิรูป ทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าด้วยนโยบาย โดยมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

"หลังงบประมาณผ่านแล้ว เชื่อมั่นว่ารัฐบาลคุณเศรษฐา จากที่วิ่งเร็วอยู่แล้ว จะเร็วขึ้นอีก หลายนโยบายที่เคยติดขัดเพราะงบประมาณ จากนี้จะผ่านฉลุย หลายนโยบายจะสำเร็จได้เห็นผลเร็วๆ นี้แน่นอน และพบกับการสรุปผลงานของ รัฐบาลเพื่อไทยที่ไม่ต้องรอ 10 เดือน ในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้" น.ส.แพทองธาร กล่าว

ด้าน นายเศรษฐา กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง ‘สร้างความมั่นใจให้ สส.เพื่อไทย การทำงานของรัฐบาล สร้างความมั่นใจให้ ส.ส.รู้สึกว่า นโยบายที่เราสัญญาไว้ จะทำได้จริง’ ว่า ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นน้องใหม่ที่เข้ามาเพียง 13 เดือน ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากคนในพรรคอย่างอบอุ่น จริงใจ และได้รับคำแนะนำที่ดีมาโดยตลอด 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการเรียนรู้เรื่องใหม่ในอายุ 60 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เราแพ้เลือกตั้ง พูดแบบนี้อาจฟังแล้วบีบหัวใจ แต่เป็นความจริง ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น รู้สึกเจ็บปวด แต่ยืนยันว่าเราจะไม่แพ้ตลอดกาล การก้าวเข้ามาในจุดนี้ มีเรื่องเดียวที่ปรารถนาคือการนำชัยชนะมาให้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไป และจะไม่มีอะไรมาทำให้ตนไม่สามารถคว้าชัยชนะนี้ได้

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศที่ผ่านมา อาจจะถูกมองว่าเป็นแมลงวันบินไปมา แต่การที่ต่างประเทศจะมาลงทุนในไทยมูลค่ากว่าแสนล้านบาท ไม่สามารถตัดสินใจได้ในเวลาเพียง 7 - 8 เดือน แต่ยืนยันได้ว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีสึนามิของการลงทุนครั้งใหญ่เข้ามาให้กับคนไทยได้ผลิตสินค้า สร้างซัพพลายเชน ให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าได้ ในด้านการคมนาคม เรามีนโยบายชัดเจน ทั้งการลงทุนขนส่งทางถนน ราง เรือ สนามบิน เพื่อรองรับความต้องการของประชาชน ไม่ได้โฟกัสแค่สุวรรณภูมิหรือดอนเมือง แต่เป็นสนามบินในจังหวัดต่าง ๆ เช่น สุรินทร์​ รวมถึงผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลึก เฟส 3 ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้

นอกจากนี้ ยังมีโครงการแลนด์บริดจ์ ที่จะแล้วเสร็จในอีก 10 - 15 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการค้าโลกที่จะขยายตัวมากขึ้น แลนด์บริดจ์จะทำให้ประเทศต่าง ๆ เข้าหาประเทศไทยจากการเดินทางขนส่งระหว่างอันดามันกับอ่าวไทย ทำให้เราเป็นมหาอำนาจเล็ก ๆ ที่ทุกคนมาพึ่งพิง ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันมีการทำงานอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่า ไม่ได้พายเรือในอ่างแน่นอน

"อยากให้ทุกท่านเลือกมองอนาคตที่สดใสดีกว่า เรามาร่วมใน mission ที่ยิ่งใหญ่ ด้วย 141 เสียงจาก 500 เสียง เราจะมีเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน เพราะเรามีหัวหน้าพรรคที่มีความมุ่งมั่น มีผู้อาวุโสในพรรคที่ช่วยประคอง มีคนรุ่นใหม่ที่พร้อมแสดงศักยภาพ และมีผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา และท่านมีนายกรัฐมนตรีที่มีจุดประสงค์เดียวในวันนี้คือ ชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป ขอให้มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีคนนี้จะทุ่มเททำงานในช่วงเวลา 3 ปีครึ่งข้างหน้า จะทำงานเพื่อคนไทยทุกคน และเพื่อให้พรรคของเราเจริญเติบโต" นายเศรษฐา กล่าว

ผลพวงศึกอภิปรายม.152 เสริมแกร่ง 'เศรษฐา-รัฐบาลตีตั๋วยาว' หลังลีลาเชิงชั้นทางการเมืองกล้าแกร่งกว่าเก่าก่อนหลายเท่าตัว

ก็ต้องยอมรับว่าแม้ศึกอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตาม รธน.มาตรา 152 จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยวาทกรรม และสำนวนโวหาร...แต่ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลก็ห้ำหั่นกันด้วยข้อมูลข้อเท็จจริง...กันไม่น้อย

เกือบ ๆ 20 ชั่วโมงของการพ่นน้ำลายพ่นไฟใส่กัน...ชาวบ้านไม่เสียเวลาเปล่า ได้รู้เช่นเห็นชาตินักการเมืองแต่ละคนว่า ใครทำการบ้าน-ไม่ทำการบ้าน ใครแผ่นเสียงตกร่อง ใครเป็นนักฉวยโอกาส

ขออนุญาตให้คะแนนส่วนตัว บวกลบคูณหารแล้ว ฝ่ายค้านชนะเฉียดฉิว 51 ต่อ 49 นี่ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ป๊อดเรื่องประเด็นนักโทษเทวดา คะแนนอาจไหลไปที่ 55 ต่อ 45 ทีเดียว...น่าเสียดาย ปล่อยให้หมอวาโย อัศวรุ่งเรือง อธิบายเรื่องโรคกระดูกคอเสื่อม เส้นเอ็นแขนเปื่อยยุ่ย ฯลฯ อยู่นานสองนาน...แม้จะพูดดี แต่มันยังไม่ Hit the Point...

กล่าวสำหรับพรรคก้าวไกล...ก็ต้องยอมรับว่าสส.หน้าใหม่แถวสามหลายคน ทั้งหญิงชายได้แจ้งเกิดอย่างสมบูรณ์บนวิถีวิธีคิดแบบก้าวไกล...ส่วนเป็นใครบ้าง 'เล็ก เลียบด่วน' จะยังไม่ขอเอ่ยนาม...

สำหรับพรรคฝ่ายค้านเก่าแก่อย่าง 'ประชาธิปัตย์'...งานนี้พระแม่ธรณีบีบน้ำตาฝากขอบคุณรุ่นเก๋าอย่าง 'ชวน หลีกภัย' ที่อุตส่าห์เปลืองเนื้อเปลืองตัว โดดมาเคียงข้าง 'อู๊ดด้า' จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค ที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน และเหนือชั้นในลีลาอภิปราย...

ไม่มี 'ชวน-จุรินทร์' งานนี้ประชาธิปัตย์ตายสนิทศิษย์ส่ายหน้าแน่นอน...

สรุปชัดเจน...ปชป.สายผู้อาวุโส 4 คน นำโดย 'ชวน-จุรินทร์' ยังไงก็ไม่ร่วมรัฐบาล ที่เหลือนำโดย 'เฉลิมชัย-เดชอิศม์-ชัยชนะ' ชัดเจนว่าได้เปลี่ยนสัญชาติเป็นพรรครอร่วมรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว...ฟันธง !!

สำหรับพรรคเพื่อไทย...รายการนี้ก็ต้องยกให้ 'เศรษฐา ทวีสิน' ที่แม้ว่าผลงานยังไม่ค่อยเข้าตานัก แต่ลีลาเชิงชั้นทางการเมืองกล้าแกร่งกว่าเก่าก่อนหลายเท่าตัว...

กล้าสวนหมัดจุรินทร์เรื่องแมลงวันแมลงหวี่ และย้อนเกล็ดฝ่ายค้านที่โลกงง...รวมทั้งกล่าวหาท่านชวน  หลีกภัย ว่าหากินกับมุกเดิมนั้น ข่าวแจ้งว่าทำเอากรี๊ดกันทั้งพรรคและบ้านจันทร์ส่องหล้า...

พูดไปทำไมมี...หลังศึกอภิปรายทั่วไปหนนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทยกระซิบกระซาบมาว่า...นายใหญ่ต่อวีซ่าให้เศรษฐา...ยาวไป...อยู่ให้ครบเทอม...แต่รอบหน้าขอให้ลูกสาวนายใหญ่ 'อุ๊งอิ๊ง'

นายใหญ่ประเมินแล้ว...ยังไง ๆ ก้าวไกลก็ไม่แลนด์สไลด์ ตอนนี้สั่งปิดประตูรูรั่วสนามอีสาน รอบหน้าต้องอย่างน้อย 110 เสียง จากทั้งหมด 133 ซึ่งปี 2566 ได้มาแค่ 73 เท่านั้น

กระแสร้อนแรงเป็นแกงไตปลา เบียด 'แพทองธาร' ตกขอบ คะแนนพุ่ง!! ต่อวีซ่ายาว สวนดีลลับจบแค่ 10 เม.ย.นี้

แม้จะยังหลวม ๆ ไปบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าการเดินทางไปตรวจงานมอบนโยบายของนายกฯ เศรษฐา   ทวีสิน ที่สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 6-8 เม.ย.ที่ผ่านมา...ทำให้เรตติงคะแนนนิยมของ นายกฯ ถุงเท้าหลากสีร้อนแรงขึ้นมาไม่น้อย...น้อง ๆ แกงไตปลาเมืองคอนกันเลยทีเดียว

พูดกันแบบไม่ต้องเกรงใจและไม่ได้แซะเสี้ยม...นาทีนี้ 'นายกฯ นิด' เบียด 'หนูอิ๊ง' ตกขอบไปแล้ว...

ที่เกาะสมุยนายกฯ พัก 2 คืน...ทำการบ้านหลายอย่าง 6 สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จากสองค่ายบ้านใหญ่ 'ชุมพล กาญจนะ' และ 'พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว' (นายกอบจ.คนปัจจุบัน) คอยเป็นกำลังหลักเสริมให้ฝ่ายราชการ...งานนี้ลงตัวเป๊ะ...

แต่ที่ไม่ลงตัว...นับถอยหลังจะต้องพังกันไปข้างคือศึกบ้านใหญ่ 'กาญจนะ' กับ 'จ่าแก้ว' ต้นปีหน้าจะต้องสัประยุทธ์ห้ำหั่นประดาบกันในศึกชิง นายกอบจ. ซึ่งชัดเจนแล้วว่า คุณป้าโสภา กาญจนะ อดีตสส.ประชาธิปัตย์ ภรรยาชุมพลจะลงชนพงษ์ศักดิ์...

กลับไปที่นครศรีฯ แม้นายกฯ จะมีเวลาไม่มาก ก็ทำภารกิจครบ ทั้งสักการะและห่มผ้าพระบรมธาตุ กินแกงไตปลา-ขนมจีน และเปิดงานสัมมนาที่ อ.สิชล และแวะวัดเจดีย์ ปิดทองไอ้ไข่...โปรโมตการท่องเที่ยวสายมู...

ที่นครศรีฯ มีรองหัวหน้าพรรค รทสช. 'วิทยา แก้วภราดัย' และ รมว.อุตสาหกรรม พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล  สส.เขตสิชล ให้การต้อนรับโดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐมนตรีปุ้ย พิมพ์ภัทรานั้นแข็งขัน เอาการเอางาน นาทีนี้คนเมืองคอนยกให้เธอเป็นหญิงเหล็กหญิงเก่งหญิงกล้า...ปรับครม.เมื่อไหร่ถ้าชื่อเธอหลุดคนเมืองคอนมีเคืองแน่นอน...

อย่างไรก็ตามขณะคะแนนเศรษฐาดูร้อนแรงเป็นแกงไตปลาที่สุราษฎร์-นครศรีฯ แต่ที่กรุงเทพฯ-ทำเนียบ ต้องดูย่างก้าวสำคัญกับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งขณะเขียนต้นฉบับ 'เล็ก เลียบด่วน' ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลเศรษฐาผ่าทางตันนโยบาย 5 แสนล้านบาทด้วยสูตรไหน วิธีการใด...

ไม่ว่าจะอย่างไร ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ปรับแผนเรื่องงบประมาณประจำ 2568 โดยขอปรับเพิ่มงบขาดดุลอีก 157,200 ล้านบาท นั้น ทำให้งบ 2568 ขาดดุลรวม 870,000 ล้านบาท ก็ย่อมชัดเจนว่า...งบก้อนใหญ่ของดิจิทัล วอลเล็ตจะมาจากงบปี 2568...นั่นแล

ในขณะที่แนวโน้มการลดดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ก็น่าจะเกิดขึ้นตามที่นายกฯ เศรษฐา ตามจี้ตามไชท่านผู้ว่าฯ ธปท.แบบน่ารำคาญในช่วงก่อนหน้านี้ วันสองวันนี้หรืออีกไม่กี่เพลา การลดดอกเบี้ยก็คงจะช่วยผ่อนคลายให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้บ้างส่วนหนึ่ง...

กล่าวโดยสรุปสถานการณ์ในห้วงเวลานี้...เศรษฐาอยู่ในช่วงขาขึ้น...แบบว่าสวนทางดีลลึกดีลลับที่ 'ตู่' จตุพร พรหมพันธุ์ ได้ดักคอพยากรณ์เอาไว้ ว่าเศรษฐาหมดดีลแค่ 10 เม.ย.เท่านั้น

'เล็ก เลียบด่วน' ขออนุญาตคุณพี่ตู่ จตุพรต่อวีซ่าดีลให้อย่างน้อยถึง 10 เม.ย.ปีหน้าก็ล่ะกัน !!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top