Thursday, 23 May 2024
เศรษฐา_ทวีสิน

'นายกฯ' เผยข่าวดี บิ๊กธุรกิจบันเทิงต่างชาติตบเท้าเข้าไทย ปักหมุดเดือนสอง!! จอง 'สมุย-ภูเก็ต-กรุงเทพ' ถ่ายทำหนัง

(24 ม.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เผยว่า วันนี้คณะผู้บริหาร HBO, warner bros และคณะผู้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง White Lotus ได้เข้ามาพูดคุยถึงแผนในการถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองไทย ที่จะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทั้งที่เกาะสมุย ภูเก็ต และกรุงเทพ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองไทย โดยทางรัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ครับ

‘นายกฯ-ปธน.เยอรมนี’ ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศผสม ก่อนหารือข้อราชการเต็มคณะ ในฐานะแขกของรัฐบาล

(25 ม.ค. 67) ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมภริยา ให้การต้อนรับ ต้อนรับ ดร.ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็น
โดยทันทีที่เดินทันถึง นายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ พร้อมนำประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม และเมื่อเสร็จสิ้นพิธีต้อนรับและตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ นายกรัฐมนตรีเชิญประธานาธิบดีเยอรมนี และภริยา เข้าสู่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อถ่ายภาพร่วมกัน ณ บันไดโถงกลางตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเชิญประธานาธิบดีเยอรมนี และภริยา ไปยังห้องสีม่วง เพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี และลงนามในสมุดเยี่ยมของรัฐบาล

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีเยอรมนี พร้อมบุคคลสำคัญฝ่ายไทย ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวมทั้งบุคคลสำคัญฝ่ายเยอรมนี ได้แก่ นาย Hubertus Heil รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและกิจการสังคม และนาย Michael Kellner รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศ ร่วมหารือข้อราชการ ณ ห้องสีงาช้าง ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะหารือร่วมกับภาคเอกชน ณ ตึกภักดีบดินทร์ ถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจ และแนวทางส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน

เมื่อเสร็จสิ้นการหารือกับภาคเอกชน นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีเยอรมนี ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ก่อนร่วมกันเยี่ยมชมนิทรรศการ ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี และช่วงเที่ยง นายกรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีเยอรมนี และภริยา 

‘เศรษฐา’ รอลุ้น!! เผยเชิญ ‘สี จิ้นผิง’ เยือนไทย ด้านจีนระบุสนใจ ‘แลนด์บริดจ์’ ทั้งรัฐ-เอกชน

(29 ม.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลัง นายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ ว่า ได้มีการประชุมชั่วโมงกว่ากับ นายหวัง อี้ ซึ่งท่านได้มาตั้งแต่ช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา และมีการพูดคุยกันในหลายมิติ โดยมีการเซ็นสัญญาระหว่าง นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าฟรีของทั้งสองประเทศในการเดินทางไปมา เริ่มต้นวันที่ 1 มี.ค. เป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เป็นความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ที่ทั้งสองประเทศมีให้กันและมิตรภาพที่มีต่อกันมา ซึ่งจะครบ 50 ปีในปีหน้านี้ ถือเป็นมิติที่ดีในการที่เราจะสนับสนุนการไปมาหาสู่กันระหว่างสองประเทศ 

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เรื่องการท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องความสำคัญกับเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างสูง ได้มีการพูดคุยกัน นายหวัง อี้ บอกว่าประเทศจีนมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย อยากให้นักท่องเที่ยวไทยไปด้วย ซึ่งตรงนี้ตนยืนยันว่าเราสนับสนุนการเดินทางไปมาของประชาชนทั้งสองประเทศ อีกทั้งยังบอกไปด้วยในเรื่องของจำนวนเที่ยวบินที่ยังไม่กลับเข้ามาสู่จำนวนปกติ ซึ่งก่อนโควิด-19 ไม่แน่ใจจำนวนอาจจะประมาณ 2,000 ไฟล์ท ปัจจุบันเหลือแค่ 1,200 ไฟล์ท ก็จะมีการยกระดับการเดินทางสองประเทศเพื่อให้การไปมาหาสู่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และเริ่มมั่นใจว่าอนาคตอันใกล้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาสูงขึ้น ขณะที่ประเทศไทยจะไปท่องเที่ยวประเทศจีนที่มีวัฒนธรรมอันดีงามด้วย จะเป็นผลดีของทั้งสองประเทศ 

นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเทศไทยยืนยันเจตนารมณ์ว่าเราให้การสนับสนุนการเป็นประเทศกลาง ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนได้มีการพูดคุยกันในหลาย ๆ มิติ และต่อไปในอนาคตก็ยินดีสนับสนุนให้มีการเจรจาในลักษณะนี้เกิดขึ้น โดยตอนที่ดำริว่าจะมีการพูดคุยกันก็บอกให้เป็นประเทศในเอเชีย ซึ่งจีนเลยบอกว่าเป็นประเทศไทย นั่นบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่เรามีมิตรไมตรีที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ทำให้เขาเลือกประเทศไทย ถือเป็นการประชุมประวัติศาสตร์ครั้งแรกก็ว่าได้ เป็นที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทย

นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนเรื่องการค้าระหว่างประเทศได้มีการพูดคุยกันในหลายมิติ ทั้งเรื่องการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆไม่ใช่แค่รถอีวีอย่างเดียว เรื่องการไปมาหาสู่รถไฟความเร็วสูง ที่จะมีขึ้นจากประเทศไทยผ่านหนองคาย ผ่านลาว และเข้าประเทศจีน ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าเรื่องการเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าได้มีการพูดคุยกัน โดยให้คณะทำงานของสองประเทศมาทำงานร่วมกันต่อ รวมถึงการค้าขายด้านการเกษตรกรรม ทั้งเรื่องการค้าโค ซึ่งจีนมีความต้องการอย่างมาก แต่ด่านกักกันตรวจเชื้อโรคอยู่ที่ลาว ทำให้การค้าระหว่างสองประเทศไม่สะดวกจึงได้ขอร้องอย่าให้มีด่านกักกัน และตรวจโรคนี้เกิดขึ้นในไทย ซึ่งประเทศจีนก็รับปากที่จะดำเนินการในเรื่องนี้

นายกฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีการเซ็นสัญญาด้านเกษตรกรรมระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และทูตจีนด้วย 

เมื่อถามว่า คาดว่ามูลค่าทางการค้าจะเพิ่มกี่เปอร์เซ็น นายเศรษฐา กล่าวว่า คาดเดาไม่ได้จะเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะนี่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้นจากการที่เรามีความสัมพันธ์กันดีมาอย่างยาวนาน และปีหน้าจะครบ 50 ปี ตนได้เรียนเชิญ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มาเยือนประเทศไทยด้วย

เมื่อถามถึงความคืบหน้ารถไฟไทย-จีน นายเศรษฐา กล่าวว่า มีแผนงานอยู่แล้ว ขอให้แผนงานทั้งหมดออกมาเป็นรายละเอียดแล้วจะแถลงให้ทราบอีกที

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า นายหวัง อี้ได้พูดขึ้นมาเองว่า ทางการจีนสนใจโครงการแลนด์บริดจ์และต้องการข้อมูลเพิ่ม และไม่ใช่เพียงแค่รัฐบาลจีนเพียงอย่างเดียว แต่เอกชนจีนก็สนใจที่จะส่วนร่วม เพราะเขาทราบดีว่าหนึ่งในเหตุผลหลักที่เราดำริขึ้นมาว่าควรจะมีแลนด์บริดจ์ เพราะการลงทุนที่จะข้ามมาจากประเทศจีนในช่วงหลายปีหลังบริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศจีนมาลงทุนสร้างโรงงานผลิตและโรงงานอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากในเมืองไทย และไม่ใช่แค่มาสนองตอบแค่ความต้องการของคนในประเทศไทยอย่างเดียว แต่จะเป็นศูนย์กลางการส่งออกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องมีท่าเรือน้ำลึก มีโครงการเมกกะโปรเจกใหญ่ ๆ อย่างแลนด์บริดจ์ ที่จะมาซับพอร์ตตรงนี้ ซึ่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ก็จะเดินทางไปประเทศจีนในเร็ว ๆ นี้ เพื่อจัดทำโรดโชว์

‘นายกฯ เศรษฐา’ ป่วยเสียงแหบแห้ง ผลเจาะเลือด ชี้ ติดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ

(30 ม.ค. 67) ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างเดินทางมาร่วมประชุมสมาชิกพรรคเพื่อไทย ประจำสัปดาห์ ว่า ตนเพิ่งไปเจาะเลือดมา เนื่องจากไม่สบายมา 2 สัปดาห์ นึกว่าหายไปแล้วเมื่อวานนี้ (29 ม.ค.67) วันนี้ก็เลยไปเจาะเลือด หมอก็ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร เดี๋ยวรอผลครับ วันนี้มาประชุมพรรคเพราะนัด สส.ไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ฟุตบอลทีมชาติไทย จะแข่งขันกับทีมชาติอุซเบกิสถาน ในศึกเอเชียนคัพ 2023 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เวลา 18.30 น. นายเศรษฐา กล่าวว่า เดี๋ยวกลับบ้านก่อน ถ้าตื่นไหวก็เชียร์

ต่อมานายเศรษฐา กล่าวภายหลังประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เสร็จ ว่า ผลการตรวจเลือดออกแล้ว เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ

‘นายกฯ’ พร้อม!! 2 ก.พ.67 กลับทำเนียบลุยงาน หลังรับยาครบตามแพทย์สั่ง-พ้นภาวะแพร่เชื้อแล้ว

(1 ก.พ. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ป่วยไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A และแพทย์รักษาโดยให้ยาต่อเนื่อง 3 วัน และให้พักผ่อนให้เพียงพอ วันนี้ (1 ก.พ. 67) นายกรัฐมนตรีรับยาครบ 3 วันตามแพทย์สั่งและ พ้นภาวะแพร่เชื้อแล้ว จึงจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในวันพรุ่งนี้ (2 ก.พ. 67) ทันที ซึ่งมีนัดหมายและประชุมตลอดทั้งวัน

ในช่วงพักรักษาตัวที่บ้าน นายกรัฐมนตรียังคงปฏิบัติหน้าที่เหมือนปกติ ติดตามสถานการณ์ และสั่งการต่าง ๆ เช่น จากกรณีปรากฏภาพถ่ายทางดาวเทียมจุดความร้อนจากการเผาไหม้ (hot spot) ในกัมพูชาจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับฝ่ายกัมพูชา และในวันพรุ่งนี้ (2 ก.พ. 67) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะโทรศัพท์พูดคุยกับนาย Eang Sophalleth รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของกัมพูชา เพื่อเร่งแก้ไขปัญหา PM 2.5 ร่วมกัน

นอกจากนี้ ยังได้ติดตามผลการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายหลังมาตรการยกเว้นวีซ่า โดยในกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทยในรูปแบบ Live Streaming ผ่านแพลตฟอร์ม CTrip ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงผ่านระบบวีดิทัศน์ด้วยนั้น มียอดนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยวันที่ 31 ม.ค. 67 เพียงวันเดียวมียอดขายรวมกว่า 600 ล้านบาท

“นายกรัฐมนตรียังคงทำงานปกติแม้ในช่วงที่ป่วย และพักรักษาตัว ทั้งประชุมติดตามสถานการณ์ สั่งการผ่านการประชุมระบบ Zoom เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาของประชาชนให้ลุล่วงได้โดยรวดเร็ว เพื่อแบ่งเบาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน” นายชัย กล่าว 

จับตา!! ก้าวใหม่ ‘นายกฯ เศรษฐา’ ปรับแก้เงินดิจิทัลฯ ข้ามกับดัก ป.ป.ช.

ด้วยการทำหน้าที่ประธานวิป ครม. กับรัฐสภาอย่างแข็งขันของ ‘รัฐมนตรีเดือน’ มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ด้วยการปรับวิธีคิดวิธีมองของเจ้าตัว และด้วยแรงเชียร์ของ สส.พรรคเพื่อไทย ทำให้เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่าน นายกรัฐมนตรีสูงยาวถุงเท้าแดง…นายกฯ คนที่ 30 นาม ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ย่างสามขุมไปตอบกระทู้ถามสดกลางสภาฯ

คนถามเป็นอดีตนายกฯ คนที่ 20 นาม ‘ชวน หลีกภัย’ อีกคนคือ อดีตรมว.คมนาคม จากค่ายภูมิใจไทย นาม ‘โสภณ ซารัมย์’

ประธานสภาฯ  วันมูหะหมัดนอร์ มะทา เอ่ยปากขอบคุณและชื่นชมนายกฯ และ ครม. อยู่พักใหญ่

‘เล็ก เลียบด่วน’ นั่งฟังอยู่กลางสี่แยกไฟแดงพอดี ต้องบอกตรง ๆ ว่าขอกดไลก์ให้นายกฯ สักครั้ง ทั้งการตัดสินใจไปตอบกระทู้และเนื้อหาตอบกระทู้ที่ฟังดูมีความเร่าร้อนที่จะแก้ปัญหา...ก็โอเค…

สายข่าวพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า...บัดนี้นายกฯ เศรษฐาพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าเข้าสู่โหมดผู้นำที่จะลืมตาดวงโตทั้งสองข้างเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต…เริ่มตั้งแต่การประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้า อาจจะเป็นวันที่ 15 ก.พ. หรือถ้าติดขัดก็เป็นสัปดาห์ต่อไป...เพื่อหาบทสรุป และจะได้รู้กันว่ากรรมการแต่ละคนคิดอ่านกันอย่างไร...ก่อนที่จะได้สรุปและนำเสนอ ครม. ต่อไป หากว่าไม่มีบทสรุปเป็นอย่างอื่น…

ว่ากันตามเนื้อผ้าก็ระทึกใจดี เพราะไม่ว่าจะอย่างไร คำเตือนจากป.ป.ช. ภายใต้บทสรุป ‘4 ความเสี่ยง 8 ข้อเสนอแนะ’ นั้น อ่านแล้วอาจจะไม่เห็นด้วยแต่มันก็ชวนหลอกหลอนอยู่ไม่น้อย ‘เล็ก เลียบด่วน ขอคัดลอกข้อเสนอแนะข้อที่ 8 ข้อสุดท้าย มาเป็นตัวอย่างไว้ ณ ที่นี้

“7.8 หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องการช่วยเหลือประชาชน รัฐบาลควรช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่มีฐานะยากจน ที่เปราะบาง ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่านั้น โดยแจกจากแหล่งเงินงบประมาณปกติ มิใช่เงินกู้ตามพระราชบัญญัติเงินกู้ และจ่ายในรูปเงินบาทปกติในอัตราที่เหมาะสม เพื่อพยุงการดำรงชีวิตของกลุ่มประชาชนที่ยากจน โดยการกระจายจ่ายเงินเป็นงวด ๆ หลายงวด ผ่านระบบแอปเป๋าตังที่มีประสิทธิภาพ และมีฐานข้อมูลครบสามารถทำได้รวดเร็ว การดำเนินการกรณีนี้หากใช้แหล่งเงินงบประมาณปกติ มิใช่จากการกู้เงินตามพระราชบัญญัติเงินกู้จะลดความเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ ขัดพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 และขัดพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 ประการสำคัญ ไม่สร้างภาระหนี้สาธารณะของประเทศ ในระยะยาว”

ก็ต้องตามไปดูว่าจะมีการปรับแก้อะไรกันบ้างก่อนจะเดินหน้าก้าวข้ามไปให้ได้....เพราะนาทีนี้ถ้าถอยหลังต้องบอกว่าเสียรังวัด เสียฟอร์มพรรค ที่ว่า ‘คิดใหญ่ทำเป็น’

แต่ก็นั่นแหละผู้สันทัดกรณีชี้ว่า…งานนี้พรรคเพื่อไทยลุยพรรคเดียวก็ไปไม่ได้ ต้องถามพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นด้วย วันไหนนำเข้า ครม. วันนั้นจะได้รู้กัน...แต่ถ้าถามภายใต้เงื่อนไขวันนี้ วันที่ยังไม่มีการปรับแก้อะไรกัน ‘เล็ก เลียบด่วน’ ฟันธงให้ได้เลยก็ได้ว่า...

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าค่ายรวมไทยสร้างชาติ...ไม่เอาด้วยแน่นอน… 

ดังนั้นจะแก้อะไรก็รีบแก้ พูดเป็นอย่างเดียวไม่พอ คิดดีอย่างเดียวไม่ได้ต้องทำเป็นด้วย..

วันนี้มาเอาใจช่วยนายกฯ ให้โชคดี เฮงๆ หลังตรุษจีนครับ

'เศรษฐา' เฉลย!! ทำไม ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ถึงไม่มาไทย ส่งสัญญาณถึงผู้จัดงาน ปลายปีขอระดับเอลิสต์มาเลย

(16 ก.พ. 67) ที่ห้อง Meeting Room ชั้น 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาในงาน iBusiness Forum 2024 หัวข้อ RESHAPING THAILAND FOR A SUSTAINABLE FUTURE พลิกเศรษฐกิจไทย ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน แนะพลิกรายได้เกษตรกร แก้หนี้ ยกฐานรากพีระมิด

โดยช่วงตอนหนึ่ง นายเศรษฐา ได้พูดถึงคอนเสิร์ตระดับโลกอย่างของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่ไม่เดินทางมาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย โดยระบุว่า หลาย ๆ ท่านอยู่ในวัยของการดูคอนเสิร์ต สิงคโปร์ เขาจัดเทย์เลอร์ สวิฟต์ เดือนหน้า อาจจะมีบางท่านไปดู ก็สงสัยว่าทำไมไม่มาเมืองไทย ก็ไปเชิญผู้จัดมาเมื่อ 2 วันก่อนนี้ เขาพูดชัดเจน ถ้าจัดคนมาถล่มทลาย Coldplay มา Ed Sheeran มา 70% เป็นนักท่องเที่ยว ที่บินเข้ามาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้ามาดูคอนเสิร์ตเหล่านี้ เป็นเรื่องน่ายินดี

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า แต่ว่าทำไม เทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่มา บียอนเซ่ ยังไม่มา ทำไม Coldplay มาแค่ 2 วัน เขาบอกแบบนี้ ฟังแล้วอาจจะตกใจ เขาว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ มา จัด 5 โชว์ ไม่บอกตัวเลขที่แน่นอน เขาบอกโชว์หนึ่ง รัฐบาลให้เงินอุดหนุน 2-3 ล้านเหรียญ 5 โชว์ ประมาณ 500 ล้านบาท แต่รัฐบาลสิงคโปร์เขาฉลาด เขาบอกห้ามจัดที่อื่นเลยในเอเชีย

“500 ล้าน ผมว่าเป็นเงินที่เล็กน้อยมาก ถ้ารู้งี้ ผมว่า ผมดึงมาประเทศไทย ต่อโชว์ต่ำกว่า 2 ล้านเหรียญอีก เขาสามารถดึงดูด สปอนเซอร์ได้ นักท่องเที่ยวมาไทยได้เยอะกว่า แม้ต้องสนับสนุน 500 ล้านสำหรับโชว์ วงการโรงแรม หมูปิ้งข้างถนน หลาย ๆ อย่างเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราอยากจะทำ”

นายกฯ กล่าวต่อว่า แต่ให้โจทย์ไปว่า ปลายปีตนก็อยากทำแบบนี้เหมือนกัน ขอให้เอา A-list มาเลยแล้วกัน และมาคุยกัน ไม่แน่ใจทำได้ไหม เพราะต้องแพลนล่วงหน้านาน เรามีศักดิ์ศรีที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เป็นโอกาสเป็นจุดหมายทั่วโลก

'นายกฯ' ย้ำ!! ลงพื้นที่ไม่ต้องตามไปเยอะ  เน้นแค่คนที่จำเป็น ไม่ต้องสนเรื่องบารมี 

(20 ก.พ.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ว่า นายกฯ ระบุว่าก่อนหน้านี้เคยสั่งการไปแล้วว่าขอให้ลดจำนวนผู้ติดตามในการลงพื้นที่ตรวจราชการ แต่ปรากฏว่าขบวนก็ยังยาวอยู่ คนติดตามก็ยังเยอะอยู่ นายกฯ จึงขอย้ำว่าจากนี้ให้ลดจำนวนผู้ติดตามลง อย่าทำให้มันเกิดปัญหากับประชาชนในเรื่องการจราจร และเรื่องอื่น ๆ ซึ่งนายกฯ กังวลเรื่องนี้ ฉะนั้น ครม.ทุกท่านได้รับการย้ำแล้วว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องบารมีอะไร เอาคนไปเท่าที่จำเป็น อย่ายกกันไปเยอะเกินไป พี่น้องประชาชนจะไม่แฮปปี้

‘รมว.ปุ้ย’ นำ ‘นายกฯ เศรษฐา’ ดูบูธผลิตภัณฑ์ฮาลาล ชื่นชม!! เสื้อผ้า-อาหารว่างแปรรูป แนะต่อยอดสู่ออนไลน์

(27 ก.พ.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี ได้ชมบูธผลิตภัณฑ์ฮาลาล โดยศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล กระทรวงอุตสาหกรรม มี น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม นำคณะประชาสัมพันธ์แนะนำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มาจากการพัฒนาส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมฮาลาล 

โดยนายกฯ สนใจสอบถามเรื่องของแฟชั่นเครื่องแต่งกาย พร้อมแนะนำให้เปิดตลาดทางออนไลน์ และปรับปรุงการออกแบบดีไซน์ให้ทันสมัย จากนั้นได้ชมผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล ที่แปรรูปเป็นอาหารว่าง อาทิ ข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ มันฝรั่งทอด ทูน่าหยอง และชมการสาธิตการปรุงอาหารจากเนื้อแองกัส สายพันธุ์ไทย ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์พื้นเมืองสิชล จ.นครศรีธรรมราช กับสายพันธุ์ต่างประเทศ โดยเชฟชุมพล แจ้งไพร ย่างสเต็กเนื้อซอสคั่วกลิ้งฮาลาล เป็นการผสมผสานอาหารพื้นถิ่นมาเป็นเมนูใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล นายกฯ สนใจสอบถาม ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาเป็นอาหารว่าง 

สรุป 4 สถานการณ์เด่นการเมืองไทยฉบับ 'เล็ก เลียบด่วน' 'บิ๊กโจ๊กลุ้นเละ-บิ๊กแดงโรครุม-เศรษฐาใจชื้น-คปท.ฝืนต่อไม่ไหว'

นาทีนี้สถานการณ์เหตุบ้านการเมือง...ชี้เป็นชี้ตายมากมายหลายเรื่อง จนไม่รู้ว่าจะนำเสนออย่างไรในพื้นที่จำกัด...เพราะอยากให้มิตรรักแฟนข่าวได้...ทะลุคนทะลุข่าวกันในหลาย ๆ กรณี

วันนี้เลยขอเด็ดยอดข่าวมานำเสนอสัก 4 ประเด็น...

>> กรณีบิ๊กโจ๊ก - ขณะเขียน (สาย 27 ก.พ.) คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ตั้งวงประชุมพิจารณากรณีพนักงานสอบสวน กล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล 'บิ๊กโจ๊ก' รองผบ.ตร.กับพวกรวม 5 คน พัวพันเว็บพนันมินนี่...ราคาต่อรองก่อนประชุมแนวโน้มสูงที่ ป.ป.ช.จะขอดำเนินการเอง ไม่ส่งคืนให้พนักงานสอบสวน...ถ้าหวยออกอย่างนี้ 'บิ๊กโจ๊ก' โล่ง...กว่าคดีจะจบอีกนานแสนนาน...แต่ถ้าหวยพลิกส่งให้พนักงานสอบสวนที่ พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์, พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว 'บิ๊กเต่า' เป็นเจ้าภาพ...รับรองโจ๊กเละในเวลาไม่นานนัก...

>> ข่าวร้อน ๆ กรณี 'บิ๊กแดง' พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่บางรายการทางช่อง 9 อสมท. ระบุว่า...จะกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง และรองผอ.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพราะมีปัญหาสุขภาพ เกรงจะถวายงานได้ไม่สมบูรณ์ นั้น...'เล็ก' วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารที่ใกล้ชิด 'บิ๊กแดง' ยืนยันผ่านรายการวิทยุ อสมท. และยูทูบว่า...บิ๊กแดงป่วยจริง ป่วยหลายโรคแต่ที่หนักคือ เส้นเลือดตีบ 2 เส้น จัดว่าอันตราย...

ทั้งหลายทั้งปวงข่าวนี้ต้องรอ ถ้ามีการทำหนังสือกราบบังคมทูลลาออกแล้วจริง ก็อยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัย...

>> ที่ยังร้อนเป็นผัดฉ่าปลาหมึก...ก็เรื่อง 'ดีลลับ' ชุดข้อมูลความเชื่อของ 'ตู่' จตุพร พรหมพันธุ์ นาทีนี้เจ้าตัวยังยืนยันนั่งยันว่า...ถ้าไม่เบี้ยวดีลลับทักษิณกลับบ้าน...ภายใน เม.ย.นี้ นายกฯ ต้องเปลี่ยนตัวเป็นคนใดคนหนึ่งใน 3 แคนดิเดต... อนุทิน ชาญวีรกูล, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค...  

ดีลลับดีลลึก อาจจะมีอยู่พอประมาณ...แต่ข่าวของ 'เล็ก เลียบด่วน' ยังเชื่อว่าจะไม่ไปถึงขนาดนั้น...เม.ย.นี้ นายกฯ สูงยาวเข่าดี 'เศรษฐา ทวีสิน' จะลากยาวประเทศไทยต่อไป เพราะภารกิจตรวจแฟลตตรวจที่พักทหาร-ตำรวจ ข้าราชการพลเรือนอีกหลายกระทรวงยังไม่แล้วเสร็จ...มีอีกหลายประเทศที่ยังจะต้องเดินทางไปขายของ อีกทั้งปัญหาหลักคือคุณหนู 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังไม่พร้อมที่จะรับช่วง...เธอยังอยู่ในโหมดครอบครัวอบอุ่น...วันก่อนยังโพสต์ดัง ๆ ว่าอยากจะมีน้องอีกสักคน...

>> ม็อบของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และกองทัพธรรม...ที่ปักหลัก SAVE กระบวนการยุติธรรม กรณีนักโทษเทวดามาตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. แม้จิตใจยังเปี่ยมสู้ แต่ก็มีล้า...ถึงที่สุดบวกลบคูณหาร ก็คงต้องพักรบ เดินหน้าต่อโดยไม่ต้องตั้งเวที สายข่าวแจ้งว่าไม่น่าเกินกลางเดือน มี.ค. ถ้าไม่มีอะไรร้อนแรง เลวร้ายไปมากกว่านี้ก็คงปิดเวที...

สถานการณ์ตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.ก็จะย้ายไปร้อนฉ่าที่เวทีรัฐสภาเป็นหลัก...25 มี.ค.สมาชิกวุฒิสภาจะอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายค้านนำโดยก้าวไกล ก็คงจะจอดป้ายที่อภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ (ตามรธน.มาตรา 152) เหมือนกัน...แบบว่าหาแสงหาเสียงตุนคะแนนกันไป...

ส่วนทำเนียบบ้านจันทร์ส่องหล้า ก็คงสำแดงความเป็นศูนย์กลางจักรวาลการเมืองไทยให้เห็นโดยชัดเจน และชัดเจนขึ้น...ก็ได้แต่หวังว่าภายใต้ความชัดเจนดังว่า...จะได้มีปฏิบัติการไถ่บาป ไม่เผลอไปทำบาปใหม่...สาธุ!!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top