Saturday, 18 May 2024
เศรษฐา_ทวีสิน

'ชัยธวัช' โพสต์เดือด!! "ประยุทธ์คิด เศรษฐาทำ ไอ้โม่งสั่ง" หลังนายกฯ ไม่ตอบกระทู้ก้าวไกล เอาแต่ตอบเรื่องที่ตัวเองเตรียมมา

(26 ต.ค. 66) นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ไม่มาตอบกระทู้ถามสดของพรรคก้าวไกล แต่มาตอบกระทู้ของ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยระบุว่า วันนี้เป็นที่ชัดเจนว่า นายกฯ เจตนาไม่ตอบกระทู้ถามสดของพรรคก้าวไกล ต้องการจะตอบกระทู้ถามสดเฉพาะที่ตนเองเตรียมมาตอบ หรือชงให้โฆษณารัฐบาลเท่านั้น

จริง ๆ ประเด็นสำคัญของปัญหาที่ผมต้องการถามนายกฯ จะเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจที่มีลักษณะ “ประยุทธ์คิด เศรษฐาทำ ไอ้โม่งสั่ง” ด้วย

นายชัยธวัช ระบุเพิ่มเติมว่า น่าผิดหวังที่นายเศรษฐา กล้าใช้อำนาจในลักษณะที่อาจผิดกฎหมาย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่ควรปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ และเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง แต่ไม่กล้าเผชิญหน้าการตรวจสอบจากฝ่ายค้านในสภา ตั้งใจไม่มาตอบกระทู้ถามสดของก้าวไกลแล้วเข้ามาตอบกระทู้ถามอื่นได้ในเวลาติดกัน

หลังจากเผยแพร่โพสต์ดังกล่าวปรากฏว่า มีชาวเน็ตแห่เข้ามาคอมเมนต์ถาม ไอ้โม่งคือใคร

‘นายกฯ’ ปักหมุดไทยศูนย์กลางผลิตรถ EV - ชิ้นส่วนในอาเซียน พร้อมหนุนสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เฟส 2

(26 ต.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงเรื่องการเร่งเครื่องลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งแบบสันดาปและอีวี ว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยเป็นเบอร์ 1 ที่มีโรงงานผลิตรถยนต์อีวี และมีอัตราการใช้รถอีวีที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด ซึ่งตนได้ให้ความมั่นใจกับนักลงทุนในสหรัฐฯ ไปว่า มีการสนับสนุนการประกอบรถยนต์อีวีอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่ทราบว่าสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีจะให้ได้นานขนาดไหน ซึ่งไทยจำเป็นต้องดูแลพาร์ตเนอร์เก่ารายใหญ่ที่สุดในรอบ 50-60 ปี คือญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรถแบบสันดาป แต่ก็กำลังค่อย ๆ เฟดลงไป

ส่วนการขับเคลื่อนโครงการสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ที่เป็นสนามทดสอบสมรรถนะและความเร็วของรถซึ่งสร้างที่จังหวัดฉะเชิงเทราไปแล้วเฟสแรก เพื่อรองรับ จะสนับสนุนการลงทุนในเฟสที่ 2 ต่อหรือไม่ อย่างไรนั้น นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของโครงการนี้ จึงต้องขอดูเรื่องก่อน แต่ยืนยันว่า ถ้าเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนดีขึ้นก็พร้อมสนับสนุน

สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ซึ่งสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นผู้ดำเนินโครงการดังกล่าว โดยดำเนินอยู่บนพื้นที่ 1,235 ไร่ บริเวณเขตสวนป่าลาดกระทิง ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยการลงทุนของภาครัฐทั้งหมดภายใต้กรอบวงเงิน 3,705.7 ล้านบาท  

ซึ่งเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการ พบว่าได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 55% ใช้งบประมาณไปแล้ว 2,038 ล้านบาท คงเหลือการดำเนินงานอีก 45% ในวงเงินประมาณ 1,667.69 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 หากแล้วเสร็จสมบูรณ์ ศูนย์ทดสอบแห่งนี้จะกลายเป็นฮับการทดสอบมาตรฐานอันดับ 1 ในอาเซียนและอันดับที่ 11 ของโลก

ล่าสุดทางสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดให้มีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างสนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ และการป้องกันดินสไลด์สู่สนามทดสอบยางล้อ ตามมาตรฐาน UN R117 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา 1 สนาม ได้โดยมีข้อมูลอยู่ในระบบอีบิดดิ้ง มีผู้แข่งขัน 2 รายและมีผู้รับการคัดเลือก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทผู้รับคัดเลือกมีราคาต่ำสุด อยู่ที่ 844,230,000 บาท  

โดยคาดว่าจะมีการประกาศรายชื่อบริษัทที่ชนะการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเดินหน้าก่อสร้างโครงการดังกล่าวในเร็ว ๆ นี้ ให้สามารถดำเนินโครงการในแต่ละระยะให้แล้วเสร็จทั้งโครงการและเปิดใช้บริการได้ในปี 2569 ตามกรอบเวลาของโครงการ

‘ธนกร’ ยัน!! ‘ลุงตู่’ ไม่ยุ่งการเมือง ไม่ข้องแวะรัฐบาลเศรษฐา วอน!! หยุดพาดพิง-ด้อยค่า ขอให้นึกถึงผลงาน 9 ปีที่ผ่านมา

(27 ต.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายคนในบางพรรคการเมือง ยังพูดพาดพิง ไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศวางมือทางการเมืองและลาออก จากการเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรครวมไทยสร้างชาติไปนานแล้ว ขอทุกคนทุกฝ่าย อย่าพูดพาดพิง ด้อยค่า หรือ ดึงเข้ามาเกี่ยวโยงการเมือง

เมื่อถามว่า แต่ก็ยังมีคนเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ อยู่เบื้องหลังคอยแนะนำรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อยู่ นายธนกร กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงเลย นายเศรษฐา มีคณะที่ปรึกษากว่า 10 คน ทำงานมีความเป็นตัวของตัวเอง ที่จะบริหารประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลอย่างที่ถูกพาดพิงกล่าวหา และมั่นใจว่าประชาชนเห็นผลงานตลอด 9 ปีที่ผ่านมาของพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้า การขนส่งคมนาคม ความมั่นคงด้านพลังงาน การวางรากฐานการเงินการคลัง พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี วางโครงการแลนด์บริดจ์ สร้างระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง และผู้มีรายได้น้อยมาตลอด ฯลฯ ทั้งหมด เป็นการเดินตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศไทย 

“การที่พล.อ.ประยุทธ์ ทุ่มเททำงานหนักมาตลอดกว่า 10 ปีตั้งแต่สมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก ต่อเนื่องมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีเวลาไปพักผ่อนเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวเลย ในช่วงที่วางมือทางการเมืองก็ถือเป็นโอกาสดีได้ใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัวบ้าง เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ส่วนฝ่ายการเมืองก็ว่ากันไป แต่ขอให้ใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎรอย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้งจะดีกว่า ผมไม่เข้าใจจริง ๆ คนประเภทไหนที่เห็นคนดีมีความสุขแล้วเป็นทุกข์ หรืออาจจะเป็นคนบกพร่องทางสติปัญญาป่วยทางจิตหรือไม่” นายธนกรกล่าว

5 นโยบายเร่งด่วนรัฐ เรื่องไหนกระตุ้น ศก. เรื่องไหนกระตุ้นความกังวล ‘แก้รธน.-ส่งเสริมท่องเที่ยว-แก้หนี้-ลดราคาพลังงาน-แจกเงินดิจิทัล’

คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา สรุป 5 ประเด็นสำคัญ ที่ประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วน

1.เติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet

2.แก้ปัญหาหนี้สิน เช่น พักหนี้เกษตรกร ช่วยประคองหนี้สิน ลดต้นทุนทางการเงิน

3.ลดภาระค่าใช้จ่ายราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าน้ำมัน

4.สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ตั้งเป้าอำนวยความสะดวก ปรับปรุงขั้นตอนขอ-เก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า ปรับปรุงระบบคมนาคม

5.หารือแนวทางนำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ให้คนไทยมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และไม่แก้ในหมวดพระมหากษัตริย์

จากวันที่แถลงนโยบาย มาจนถึงปัจจุบัน  นโยบายที่เห็นเป็นรูปธรรม ลำดับแรก คงเป็น นโยบายที่ 3 คือ การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน อันเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตและเศรษฐกิจ ซึ่งมีการปรับลดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เริ่มจากน้ำมันดีเซล ให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร และ ลดน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ลง 2.50 บาทต่อลิตร จากโครงสร้างราคาเดิม เป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่ง ครม. ก็ได้ให้ไฟเขียวในการประชุมไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา รวมทั้งปรับลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.99 บาท/หน่วย มีผลตั้งแต่รอบบิลเดือนกันยายน 2566 จนถึงรอบบิลเดือนธันวาคม 2566

นอกจากนี้ รัฐบาลจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ โดยวางแผนความต้องการและสนับสนุนการจัดหาแหล่งพลังงานอย่างเหมาะสม ส่งเสริมการผลิต และการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เร่งเจรจาการใช้พลังงานในพื้นที่อ้างสิทธิกับประเทศข้างเคียง และสำรวจแหล่งพลังงานเพิ่มเติม รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดการจัดหาแหล่งพลังงานใหม่ๆ ภายใต้กลไกตลาด เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยจะมีความมั่นคงทางพลังงานที่จะขับเคลื่อนประเทศต่อไป

นโยบายเร่งด่วนถัดมา ที่เริ่มดำเนินการ คือ นโยบายที่ 2 การแก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน รัฐบาลจะลดภาระพี่น้องเกษตรกรด้วยการพักหนี้เกษตรกรตามเงื่อนไขและคุณสมบัติที่เหมาะสม รวมถึงมาตรการช่วยประคองภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงินสำหรับภาคประชาชนที่ครอบคลุม ถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้ได้มีโอกาสในการฟื้นตัวและกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง ซึ่งในส่วนการพักชำระหนี้เกษตรกร ระยะเวลา 3 ปี เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เมื่อ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีเกษตรกรที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่าน BAAC Mobile ของ ธ.ก.ส. มากกว่า 2.5 แสนราย

นโยบายอีกด้านที่ลงมือดำเนินการแล้ว คือ นโยบายที่ 4 ผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น และสร้างงานให้กับประชาชน ซึ่งภาคเอกชน ร่วมกันขานรับ ทั้งมาตรการการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า และมาตรการยกเลิกการออกวีซ่าประเทศเป้าหมายชั่วคราว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่ท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 30-40% โดยเริ่มใช้นโยบายวีซ่าฟรีกับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่ 25 ก.ย. 2566-29 ก.พ. 2567 รวมระยะเวลา 5 เดือน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

จากนโยบาย ทั้ง 3 ที่ 'ลด แลก แถม' ในแพ็กเก็จต่างๆ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หลัง Covid-19 ให้ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง กระทบฐานะทางการคลังของประเทศไม่มากนัก และส่งเสริมให้ภาครัฐ สามารถจัดเก็บภาษีกลับคืนได้พอสมควร 

แต่ที่ประเด็นใหญ่ ที่ยังหาช่องทางดำเนินการไม่ได้ คงไม่พ้น นโยบาย 'แจก' เงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่นักเศรษฐศาสตร์ของไทยเกือบ 100 คน ลงชื่อคัดค้านไม่เห็นด้วยในการดำเนินการ เนื่องจากจะกระทบกับเสถียรภาพทางด้านการคลังเป็นอย่างมาก โดยมี 2 อดีต ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมคัดค้านในนโยบาย ที่จะ 'ได้ไม่คุ้มเสีย' ฟากรัฐบาลก็ยังไม่มีทีท่าจะยกเลิก โดยพยายามหาแนวทางในการดำเนินการ และจุดสำคัญ คือ จะจัดหาเงินงบประมาณ 560,000 ล้านบาท มาจากที่ไหน อย่างไร เพื่อมาแจกให้กับประชาชน

สำหรับอีก 1 นโยบายเร่งด่วนที่แถลงต่อรัฐสภา คือ การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แน่นอนว่า ประเด็นนี้ ไม่ช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเพียงการแก้ไข ที่จะเปิดช่อง กำหนดกติกาให้นักการเมืองในฝ่ายตน ได้เปรียบในการแข่งขันลงเลือกตั้ง เพื่อถืออำนาจรัฐในมือมากกว่า 

สุดท้าย นโยบายเร่งด่วน ที่รัฐบาลปัจจุบันแถลง ฐานะทางการเงินของประเทศไทย จากที่เคยมีทุนสำรองระหว่างประเทศรวม (Gross Reserves) อยู่ที่ 2.46 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทที่ 8.17 ล้านล้านบาท ณ เดือนตุลาคม 2564 สูงเป็นลำดับที่ 12 ของโลก หลังจากนี้ไป จะเป็นอย่างไร คงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

'เศรษฐา' เท้าลอย!! 'อุ๊งอิ๊ง' สุกงอม ต่อคิวสอยนายกฯ ขุนพลชกเปิดหน้า!! ในจังหวะ 'พท.-ก้าวไกล' มิตรสะบั้น



และแล้วสภาผู้แทนราษฎร ก็ปิดสมัยประชุมสามัญครั้งที่ 1 ปี 2566 ลงอย่างเป็นทางการวันที่ 31 ต.ค. แต่การประชุมสั่งลานัดสุดท้ายจริงๆ เกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา...

ต้องบันทึกไว้สักนิดว่า...นัดสั่งลาที่ว่าพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทย ได้สำแดงความเก๋าความเขี้ยวทางการเมืองอยู่พอประมาณ...

เรื่องแรก บริหารจัดการเวลาให้ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ไปตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาเป็นผลสำเร็จ ทั้งนี้ด้วยความร่วมไม้ร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างรวมไทยสร้างชาติ และพรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ เป็นอย่างดียิ่ง...

รวมไทยสร้างชาติ ส่ง อัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ มาถามชง...ขณะที่ประชาธิปัตย์ 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช ที่กำลังคั่วรัฐมนตรีสมัยแรกมาเอง แกล้งแซวนายกฯ ว่า ระวังจะเป็นเบาหวาน เพราะคำถามของ สส.อัครเดช...

แต่ไฮไลต์สำคัญ มันอยู่ตรงที่ว่า ผู้ที่ตั้งกระทู้ถามสดอีกคน คือ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน ไม่ได้ถามนายกฯ ด้วย เพราะรัฐบาลบอกว่านายกฯ มาไม่ทัน ส่งนายทวี สอดคล้อง มาตอบแทน แต่ 'ชัยธวัช' ไม่ยอมถามด้วย...สุดท้ายก็กินแห้ว เลยต้องโพสต์ออกมาดังๆ ว่า สิ่งที่ตัวเองจะถามนั้นมันคือสิ่งที่ "ประยุทธ์คิด เศรษฐาทำ ไอ้โม่งสั่ง..." ทำเอาโซเชียลร้อนฉ่า...อดิศร เพียงเกษ ประธานวิปเพื่อไทยต้องออกมาโพสต์โต้ทำนองว่า ... (กู) ไม่กลัว (มึง) ... ประมาณนั้น

อีกเรื่องหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยดันจนผ่านฯ ทั้งๆ ที่พรรคก้าวไกลไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะสภาฯ ชุดที่แล้วได้ศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นคือ ญัตติด่วนตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบริการบันเทิงแบบครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) เพื่อแก้ปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมายฯ...ที่ประชุมลงมติผ่าน ตั้ง 60 กมธ.วิสามัญ เรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทย...

ดูเหมือนว่าสัมพันธภาพระหว่างพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล เริ่มแยกห่างออกไปเรื่อยๆ...สมัยประชุมหน้าตั้งแต่กลาง เดือน ธ.ค. เป็นต้นไป รับประกันซ่อมฟรีว่าต้องปะฉะดะกันมันหยด...และก็เป็นจังหวะที่พอเหมาะพอดีที่พรรคเพื่อไทยได้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

แม้หัวหน้าพรรคคนใหม่ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายห้างไม่ได้อยู่ในสภาฯ ด้วย แต่กรรมการบริหารพรรคส่วนใหญ่ก็นั่งอยู่ในสภา คงจะต้องโชว์ฟอร์มโชว์หน้าโชว์ตา ออกมาประกาศตัวตนความเป็นคนการเมืองรุ่นใหม่...ไม่ใช่ปล่อยให้ สส.เด็กพรรคก้าวไกลโหวกเหวกโวยวายยึดสภาอยู่พรรคเดียวอย่างที่ผ่านมา...

สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคคนใหม่, ดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค, จิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรค, ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รองเลขาธิการพรรค และ ฯลฯ...ถึงเวลาต้องจูงมือดาวรุ่งดวงใหม่ออกมาพูดจาแสดงกึ๋นแสดงตัวตนให้ประชาชนชื่นชมกันได้แล้ว...

ส่วน 'อุ๊งอิ๊ง' ก็ต้องบำเพ็ญเพียรโชว์กึ๋นและวุฒิภาวะ โดยเฉพาะฝีมือให้เห็นกันจะ-จะ โดยเฉพาะงานช้างงานใหญ่ที่รัฐบาลมอบหมายให้คือ...ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ...

สองตำแหน่งนี้ถ้าไปได้ถูกทาง เห็นแววสำเร็จ ปีหน้าปรับ ครม.ก็เข้าไปเป็นรัฐมนตรี...เพื่อลุ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจาก เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงแต่ขาลอย...'อุ๊งอิ๊ง' สุกงอมวันไหนก็วันนั้น...คุณพ่อแม้วซึ่งถึงวันนั้นก็คงออกมาจ้ออยู่นอกคุกแล้วก็คงส่งลูกสาวถึงฝั่งฝัน...นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ภายในสภาฯ ชุดนี้

แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็อยู่ที่เหตุปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย...โดยเฉพาะผลงานและของพรรคเพื่อไทย ถ้าทำเพียงเพื่อให้ทักษิณพ้นโทษ ลูกสาวนายห้างได้เป็นนายกฯ 'วิน' อยู่สองคน...เห็นท่าจะลำบากครับ!!

‘นายกฯ เศรษฐา’ ขอบคุณนิด้าโพล เผย ปชช. พอใจผลงาน ชี้!! เหมือนได้พลังใจทำงาน-สร้างผลสำเร็จให้พี่น้องคนไทย

(30 ต.ค. 66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับทราบผลนิด้าโพล ‘สนใจเรื่องนายกฯ เศรษฐา เยือนต่างประเทศหรือไม่’ โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณประชาชนที่พอใจการทำงาน เป็นเสมือนกำลังใจในการทำงาน พร้อมพิสูจน์ผลงานกับคนที่ยังไม่พอใจ

โดยต่อคำถามเรื่อง ‘ความพอใจ’ ในบทบาทและผลงานของนายกรัฐมนตรี มีผู้พอใจมากร้อยละ 18.40 ค่อนข้างพอใจร้อยละ 36.87 และเรื่อง ‘ความพอใจ’ ต่อบทบาทของนายกฯ เกี่ยวกับการเดินทางเยือนต่างประเทศ มีผู้พอใจมากร้อยละ 23.40 ค่อนข้างพอใจร้อยละ 46.31

นายชัย กล่าวว่า ความพึงพอใจของประชาชนนี้เป็นพลัง เป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีพร้อมตั้งใจทำงานต่อไปเพื่อให้ผลของการทำงานที่ผ่านมาออกดอกออกผล เห็นเป็นความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีเป้าหมายในการทำงานเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ลดหนี้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ฟื้นฟูเศรษฐกิจภาพรวมให้ประเทศไทยเติบโตพัฒนาเท่าทันโดดเด่นในภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลพร้อมทำงานเพื่อพิสูจน์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน

“นายกรัฐมนตรีตั้งใจทำงานตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเพื่อเศรษฐกิจภาพรวม และชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน แก้ไขปัญหา พัฒนาเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาอย่างเท่าทันกระแสโลก 

ทั้งนี้ ในการเดินทางของนายกรัฐมนตรีทุกครั้ง ตั้งใจให้ได้ผลสำเร็จมากกว่าการผูกสัมพันธ์ทวิภาคี และพหุภาคี ต้องการให้เกิดมิติความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ในด้านที่เป็นประโยชน์ อุตสาหกรรมอนาคต อุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพ เพื่อพัฒนาประเทศและคนไทย” นายชัย กล่าว

'เศรษฐา' หารือทวิภาคี 'นายกฯ ลาว' ถก 5 ประเด็นยกระดับสัมพันธ์ ศก. ยาหอม!! 'ลาว' เสมือนครอบครัว พร้อมเชิญบุคคลสำคัญเยือนไทย

(30 ต.ค. 66) ภายหลังเดินทางกลับจากการเยือน สปป.ลาว ลายเซ็นทวีศิลป์นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทวีตข้อความผ่าน X ว่า...

สปป. ลาวเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสำคัญลำดับต้น ๆ ของไทย ชาวลาว-ชาวไทยเปรียบเสมือนครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นยาวนานครับ 

ในทางภูมิศาสตร์ ลาวเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าหลักระหว่างไทย จีน และเวียดนาม เป็นฐานการลงทุนสำคัญของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านพลังงาน 

การเยือนลาวอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ประเด็นหลัก ๆ ที่ผมได้หยิบยกมาหารือทวิภาคีกับท่านสอนไซ สีพันดอน นายกฯ สปป. ลาว คือ...

1.ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นตรงกันที่จะผลักดันให้บรรลุเป้าหมายการค้าที่ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 68  

2.ด้านความเชื่อมโยง ได้เร่งรัดการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 หนองคาย-เวียงจันทร์ และเร่งการเริ่มเดินรถไฟเส้นทางท่านาแล้ง-เวียงจันทร์ (คำสะหวาด) ภายในต้นปี 67  

3. ด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ให้กระชับความร่วมมือเพื่อส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางการค้าระหว่างกันมากยิ่งขึ้น เช่น มีการกำหนด handling charge ในการเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ Vientiane Logistics Park ที่ชัดเจน หารือให้รถบรรทุกหัวลากตู้คอนเทนเนอร์ของไทยวิ่งเข้าลาวจนถึงชายแดนลาว-จีน และลาว-เวียดนาม และเร่งจัดทำ Common Control Area (CCA) เพื่อลดขั้นตอนพิธีศุลกากรที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2   

4.เราเห็นตรงกันที่จะทำแผนงานร่วมกันเพื่อเพิ่มการท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากภายนอกด้วย

5.ด้านปัญหาหมอกควันข้ามแดน ได้เร่งจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม 'ลาว-เมียนมา-ไทย' ให้เสร็จทันในปี 66    

ทั้งนี้ ผมยังได้เข้าเยี่ยมคารวะท่านทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศลาว และท่านไซสมพอน พมวิหาน ประธานสภาแห่งชาติลาวด้วย ซึ่งต้องขอขอบคุณทางการลาวที่ให้การต้อนรับผมและคณะอย่างอบอุ่น ที่ผ่านมา นายกฯ ลาว ยังไม่ได้มีโอกาสมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ผมจึงได้เรียนเชิญท่านมาเยือนบ้านเราครับ

‘เศรษฐา’ โพสต์ตอบ ‘สุทธิชัย หยุ่น’ แล้ว ปมประเทศไทยมีนายกฯ กี่คน

‘เศรษฐา’ โพสต์ตอบ ‘สุทธิชัย หยุ่น’ ปมประเทศไทยมีนายกฯ กี่คน ชี้!! ทุกประเทศมีนายกฯ คนเดียวทั้งนั้น

เมื่อวันที่ 29 ต.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ทวิตเตอร์ (X) ในชื่อบัญชี ‘Srettha Thavisin’ เป็นคลิปวิดีโอของ ‘สุทธิชัย หยุ่น’ กรณีที่ออกมาตั้งคำถามผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตัวเองว่า “วันนี้ ประเทศไทย มีนายกฯ กี่คน?” พร้อมกับโพสต์ภาพที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยกมือไหว้ทักทายกับ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

โดยนายเศรษฐา ระบุข้อความด้วยว่า “ประเทศไหนเค้าก็มีนายกคนเดียวทั้งนั้นแหละครับ มีแต่คุณสุทธิชัย เท่านั้นที่ อยากให้มีสองหรือสามคน มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ”

‘นายกฯ’ โต้ปม ไม่ยุบ กอ.รมน. เอาใจกองทัพ ยัน!! เอาประโยชน์ ปชช. เป็นที่ตั้ง ไม่ได้เอาใจใคร

(1 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รีโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ (X) ของ นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ที่ปรึกษาพิเศษเครือเนชั่น หลังได้แท็กถึง พร้อมระบุว่า ขอไม่เห็นด้วยกับ​ ที่ประกาศเอาใจทหาร​ ไม่มีแนวคิดยุบหน่วยงาน​ มิหนำซ้ำ ยังไปเพิ่มบทบาทที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานราชการอื่น ๆ 

โดย นายเศรษฐา ตอบกลับว่า “ไม่ได้เอาใจทหารครับ เอาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมก็พูดไปแล้ว ว่าการทำงานของหน่วยงานนี้ จะต้องเน้นเรื่องการพัฒนา ไม่ใช่แค่ป้องกันอย่างเดียว ตามที่ได้เสนอข่าวไป”

จากนั้น นายเศรษฐา ยังได้รีทวีต ข้อเขียนของ นายสุทธิชัย หยุ่น ผู้ดำเนินการรายการข่าวอาวุโส ที่ระบุว่า “สงครามเย็นหมดยุค คอมมิวนิสต์กลายเป็นมิตรสนิทของรัฐบาล SEATO ถูกยุบ มะกันจูบปากเวียดนาม แต่นายกรัฐมนตรีเศรษฐาบอกต้องมี กอ.รมน. เอาไว้ ไม่สนใจฟังเหตุผลของคนที่เสนอ (แม้คนในพรรคเพื่อไทยเอง) ให้ยุบ, ปรับ, แก้ไขกลไกที่เกิดจากยุคทหารครองเมือง!”

โดย นายเศรษฐา ตอบ นายสุทธิชัย หยุ่น ว่า “ไม่เคยไม่รับฟัง ไม่เคยไม่สนใจ แต่เป็นการเห็นต่างแล้ว จะพยายามพัฒนาทุก ๆ องค์กรให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเน้นย้ำ ให้หน่วยงานนี้ เน้นไปเรื่องการพัฒนา และดูแลพี่น้องประชาชน ทุก ๆ องค์กรก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแต่การที่โลกเปลี่ยนแปลงไปไม่ได้หมายความว่า ต้องยกเลิก องค์กรนั้นนั้น”

‘เศรษฐา’ โต้!! ไม่ใช่หุ่นเชิด ‘เพื่อไทย-ชินวัตร’ หลังบางสื่อโจมตี ชี้!! ‘อย่าดูหมิ่นประชาชน’

เมื่อวานนี้ (2 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงกรณีสื่อบางสำนักโจมตีว่า เป็นหุ่นเชิดของพรรคเพื่อไทย หรือตระกูลชินวัตร หรืออะไรก็แล้วแต่

“ผมขอชี้แจงดังนี้

1. พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายยุบ กอ.รมน.ในการหาเสียงของเรา และการยุบ กอ.รมน.ไม่อยู่ในนโยบายที่ผมแถลงต่อรัฐสภา

2. แต่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยมีความประสงค์/ความปรารถนาที่จะทำกองทัพให้ทันสมัย สอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น”

“ในส่วนของ กอ.รมน.นั้น เราตระหนักดีว่าบทบาทการปราบปรามศัตรูของรัฐในยุคสงครามเย็นได้จบลงแล้ว บัดนี้ในยุคของรัฐบาลพลเรือน โดยผมเป็นนายกฯจะทำให้ กอ.รมน.มีบทบาทในการเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงทางประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิ เสรีภาพของประชาชน และในยามวิกฤตก็พร้อมช่วยเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประชาชนด้วย”

“3. พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนี้เชื่อในเรื่องการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางความขัดแย้งทางอุดมการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาเกือบ 20 ปี เรายืนยันไม่เลือกหนทางที่จะหักโค่นทำลายกันและกัน แต่จะเลือกวิธีประสานแนวคิด วิธีการทำงานให้เป็นคุณต่อประชาชน เพราะเราตระหนักดีว่าความต่อเนื่องของการเมืองในระบอบการเลือกตั้งคือหัวใจของประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและสันติที่สุด”

“4. ผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย หาเสียงและขอฉันทามติจากเสียงของประชาชนและรัฐสภา ไม่ใช่หุ่นเชิดของใคร โปรดอย่าดูหมิ่นประชาชนครับ” นายเศรษฐากล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top