Saturday, 4 May 2024
เพื่อไทย

'อรุณี' จี้ นายกฯ สั่งเปิดวิธีเฉลยข้อสอบ GAT หลังข้องใจ คะแนนปีนี้ ต่ำกว่าเกณฑ์

(21 เม.ย. 65) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้ประกาศผลสอบและความถี่ของช่วงคะแนนสอบรายวิชาต่างๆ เมื่อวันที่ 18 เมษายน พบว่า คะแนนในปีการศึกษา 2565 มีนักเรียนสอบ GAT ได้คะแนน 270 ขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 300 คะแนน เพียงแค่ 15 คน แตกต่างจากปีการศึกษา 2564 ที่ได้คะแนนเกิน 270 คะแนน ที่ 2,541 คน 

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นักเรียนในปีการศึกษานี้ (#dek65) ตั้งคำถามถึงเกณฑ์การออกข้อสอบ และมาตรฐานในการตรวจข้อสอบของ ทปอ. เป็นอย่างมาก แม้ ทปอ. จะเปิดให้นักเรียนยื่นคำร้องให้ทบทวนผลสอบได้ตั้งแต่ 21-28 เมษายน 2565 แต่เป็นเพียงการยื่นคำร้องให้ตรวจดูคำตอบกับเฉลยเท่านั้น ไม่ได้เปิดให้ดูโจทย์และวิธีคิดคำตอบ และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการยื่นคำร้อง 100-300 บาท ซึ่งถือว่าเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้เด็ก อยากเรียกร้องให้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และ ทปอ. เร่งดำเนินการดังนี้...

1.) เปิดวิธีคิดและการหาคำตอบของข้อสอบอย่างเปิดเผยผ่านเว็บไซต์กลาง ให้เด็กนักเรียนสามารถตรวจสอบวิธีการหาคำตอบได้อย่างกว้างขวาง เด็กจะได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ ไม่ควรปิดกั้นการเข้าถึงการได้มาของคำตอบในข้อสอบนั้นๆ

2.) ทปอ. ไม่ควรเรียกเก็บเงินในการยื่นคำร้องขอดูคะแนนสอบและเฉลยในทุกกรณี เพราะเด็กเสียเงินค่าสมัครสอบเป็นรายวิชาให้กับ ทปอ. ไปก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นหากเกิดความเคลือบแคลงสงสัย ทปอ. ก็ควรรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้เด็กเกิดคำถามต่อระบบการออกข้อสอบ การเฉลยคำตอบ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อระบบความเชื่อมั่นในการสอบเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาในปีต่อไป

3.) กระทรวง อว. และ ทปอ. ต้องถือเป็นบทเรียน คือมาตรฐานการออกข้อสอบต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่นักเรียนเรียนออนไลน์เกือบ 100% การออกข้อสอบเพียงแต่มุ่งหวังความเป็นเลิศทางวิชาการ จะยิ่งผลักให้เด็กกลุ่มที่มีฐานะยากจนให้ขาดโอกาสในการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยมากขึ้น เพราะไม่สามารถแข่งขันได้ ไม่มีเงินจ่ายค่าติวเตอร์ ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน ขาดแคลนอินเทอร์เน็ต

‘อุ๊งอิ๊ง’ โชว์ 5 นโยบาย หากมีอำนาจ พร้อมทำทันที มั่นใจ!! จะไม่มีใครอยากย้ายประเทศ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ขอใช้โอกาสในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย 2565 ส่งการบ้าน หลังจากที่ได้เริ่มเข้ามาทำงานการเมืองอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันได้ทำงานร่วมกับผู้ใหญ่ในพรรคและคนรุ่นใหม่ เพื่อหาแนวทางพัฒนา แก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชนให้หลุดพ้นจากความยากจน ยืนยันว่า จะไม่ทิ้งคนรากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ พรรคเพื่อไทยจะใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาประเทศ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าชีวิตจะดีขึ้น ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ ที่เข้ามา โดยเฉพาะการกอบโกยหาผลประโยชน์ที่กำลังดำเนินการกันอยู่อย่างมากมายเพื่อพวกพ้องของตัวเอง โดยไม่คำนึงความต้องการและชีวิตของประชาชน

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า วันนี้คนไทยส่วนใหญ่ยากจนลง จากที่เคยลืมตาอ้าปากได้ เพราะนโยบายที่กินได้ของไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย คนไทยส่วนใหญ่ ยังต้องการพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง อนาคตของลูกหลานที่ไม่มีหนี้ และมีเงินเหลือเฟือ จากนโยบายและการบริหารของผู้มีประสบการณ์จากพรรคเพื่อไทย ดังนั้นเพื่อเป็นการบรรลุไปสู่เป้าหมายนั้น จึงขอส่งการบ้าน 5 ข้อ ได้แก่

1.) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการกระจายอำนาจสู่ระดับประชาชน พรรคไทยรักไทยเคยทำมาแล้ว โดยการจัดงบประมาณภาคประชาชน ลงไปในระดับหมู่บ้านให้ประชาชนตัดสินใจร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาส่วนรวมของหมู่บ้าน รวมทั้งกระจายอำนาจทางการศึกษา การสาธารณสุข การเกษตร และการปกครองท้องถิ่น ให้ตัดสินใจในระดับจังหวัด ไม่ต้องขึ้นกับส่วนกลาง โดยจะทำให้กระทรวงต่างๆ เล็กลง ไม่อุ้ยอ้ายเหมือนในปัจจุบัน รวมทั้งจัดให้มีการรายงานปัญหาของประชาชน และรับฟังข้อเสนอแนะ ผ่านแอปพลิเคชัน แบบ real time เพื่อจะได้วิเคราะห์และแก้ปัญหาให้ถูกทาง และใช้งบประมาณให้คุ้มค่าที่สุด

2.) ดึงศักยภาพคนไทยด้วยการใช้ soft power 1 คน ต่อ 1 ครอบครัว พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ซึ่งถูกกดให้ไม่มีโอกาสและพัฒนาศักยภาพมานาน จึงไม่มีโอกาสทำรายได้ให้สูงขึ้น จัดให้มีระบบค้นหาศักยภาพของคนไทยให้ได้อย่างน้อย 1 คน ต่อ1 ครอบครัว ประมาณ 16 ล้านครอบครัว เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพ มีส่วนร่วมและหาโอกาสทั้งระดับท้องถิ่น หัวเมืองใหญ่ในกรุงเทพฯ และในต่างประเทศ ตามศักยภาพหลังการฝึกฝนและพัฒนา เมื่อได้รับการฝึกฝนมีงานทำที่มีระดับค่าแรงงานที่สูงขึ้น คนเหล่านี้จะเป็นหลักในการหาเงินเลี้ยงครอบครัวให้หายจน มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะเทรนด์โลกสมัยใหม่ คือการต่อสู้กันด้วยอำนาจของวัฒนธรรม soft power คือพลังหรืออำนาจ ที่ทำให้คนทั่วโลกโอบรับวัฒนธรรมอื่นๆ หากเกิดพลังนี้ขึ้นกับวัฒนธรรมใด จะนำมาซึ่งมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

3.) ใช้เทคโนโลยี Ai เพื่อการเกษตร เพื่อเกิดการวิเคราะห์แม่นยำ และผลผลิตสูง โดยการศึกษาดิน น้ำ ลมฟ้าอากาศ ด้วยเทคโนโลยี Ai ปลูกพืชตามฤดูกาลที่เหมาะสม ลดการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ระบบวิเคราะห์ข้อมูลและวิทยาศาสตร์การเกษตร ตลอดจนการถนอมผลิตภัณฑ์ และการกระจายการจัดจำหน่ายที่รวดเร็ว จะเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรไทยได้ พรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมให้ การเกษตรแบบวิถีชีวิต เกิดขึ้นอีกต่อไป

4.) ปรับเปลี่ยนภาครัฐและภาคเอกชนด้วยระบบ Digital Transformation ครั้งใหญ่ ด้วยการสร้างรัฐบาลดิจิทัล (Platform digital Government) ที่ใช้ได้จริง เพื่อแก้ปัญหาระบบราชการใหญ่โตและคอร์รัปชันมากมาย และขาดประสิทธิภาพ ระบบราชการไทยต้องเป็นใช้กระดาษลดลง (paperless) ให้บริการประชาชนผ่านระบบแอปพลิเคชัน เช่น การขอใช้บริการสาธารณสุขในโครงการ 30 บาท ประชาชนสามารถขอเวลานัดหมายทางออนไลน์ได้โดยไม่ต้องรอคิว จะใช้เทคโนโลยีการออกแบบและการทำโมลผลิตจากระบบเครื่องพิมพ์สามมิติ และการตลาดแบบ E-Commerce มาฟื้นคืนชีวิตให้กับสินค้า OTOP กลับมามีคุณภาพที่เป็นสากลมากกว่าเดิม ขายดีกว่าเดิมยิ่งกว่าสมัยไทยรักไทย

5.) เตรียมคนไทยเข้าสู่ยุค Metaverse โลกเสมือนจริงจะนำโลกที่เป็นจริง ซึ่งจะประกอบด้วย NFT (Non-Fungible Token) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่แสดงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ รวมถึง Games และ E-Sports เพื่อพัฒนาทักษะให้กับเด็กและเยาวชน ตลอดจนเทคโนโลยี AR (Augmented reality) หรือเทคโนโลยีผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน รวมถึง VR (Virtual reality) หรือ การจำลองสภาพแวดล้อมจริงให้เสมือนจริง โดยผ่านการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัส

'หมอวรงค์' วิเคราะห์ เหตุเพื่อไทยตีปี๊บ เปิดตัว 'อุ๊งอิ๊ง-แลนด์สไลด์' ยุทธการเคาะกะลา ดึงสติ ส.ส.ลังเล ย้ายไม่ย้ายพรรค

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ว่า

#แลนด์สไลด์จริงหรือ

ทำไมเพื่อไทยจึงตีปี๊บ เคาะกะลาเรื่อง "แลนด์สไลด์" ตั้งแต่ไก่โห่ ก็เพราะมันไม่เกิดแลนด์สไลด์ ถ้าเขาประเมินว่าจะเกิดขึ้นจริง ช่วงเวลาที่เหมาะสม ต้องไม่ใช่ช่วงนี้

คำถามถามว่า ทำไมจึงรีบตีปี๊บเคาะกะลาเร็วจัง แถมรีบเปิดตัวลูกสาวเสียด้วย อย่างน้อยข่าวที่ออกมา บ่งบอกชัดเจน ถึงความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย มีการขับคนออกจากไลน์กลุ่ม รวมทั้งกระแสย้ายพรรค ของ ส.ส. อีกหลายคน

ยุทธการของเพื่อไทยจึงต้อง รีบเปิดตัวลูกสาว และตีปี๊บเคาะกะลาให้เร็วและแรง เพื่อดึง ส.ส. กลุ่มหนึ่งให้ลังเล ในการตัดสินใจเรื่องย้ายพรรค

ลองวิเคราะห์ในรายละเอียด กติกาเบอร์ผู้สมัครเขต กับเบอร์บัญชีรายชื่อคนละเบอร์ ก็ไม่เอื้อให้เกิดแลนด์สไลด์ การคิดจำนวน ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อก็ยังไม่ชัดเจน แถมมีการร้องศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องบัตรใบเดียว ต้องรอดูว่าศาลจะตัดสินอย่างไร 

จึงไม่แปลกที่มีพื้นที่ให้ อดีตอัยการ มาพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่า ต้องการป้องกันรัฐประหาร แต่ถ้าคนเข้าใจบริบท จะรู้เลยว่า เขาต้องการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อแก้กติกาการเลือกตั้ง ที่พวกเขาได้ประโยชน์มากกว่า คือรัฐธรรมนูญ 2540 ที่เอื้อให้เกิดแลนด์สไลด์

‘อรุณี’ โวย!! ‘บิ๊กตู่’ แบ่งงบให้การศึกษาบ้าง อย่ามองอาวุธสำคัญมากกว่าอนาคตเด็ก

(28 เม.ย. 65) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในต้นเดือนมิถุนายนนี้ โดยคาดว่าสำนักงบประมาณจะส่งร่างคำขอจัดทำงบประมาณของกระทรวงต่างๆ เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ซึ่งงบประมาณปี 2566 จะมีวงเงินรวม 3,185,000 ล้านบาท เพิ่มจากงบประมาณปี 2665 เกือบ 85,000 ล้านบาท แต่ดูเหมือนว่าภายใต้การบริหารงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี การจัดสรรงบฯ จะยังคงฉายหนังวนซ้ำ คือ จัดงบแบบไม่ได้มุ่งเน้นประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน เพราะอิงกับความเคยชินในการจัดทำงบประมาณในโครงการเดิมของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2566 ลดลงถึง 4,526 ล้านบาท หรือลดลง 1.37% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ในช่วงปี 2563-2566 จะมีการปรับลดงบฯ กลาโหม ลงในภาพรวม เพราะเกิดกระแสต่อต้านจากประชาชน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแต่ละกองทัพกลับพบว่า กองทัพอากาศยังคงได้รับการอนุมัติงบฯ ซื้อเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่จำนวน 4 ลำ วงเงินกว่า 13,800 ล้านบาท โดยเป็นงบผูกพันงบประมาณปี 2566-2569 ยิ่งตอกย้ำว่า “อาวุธสำคัญมากกว่าอนาคตของเด็กไทย”

‘เพื่อไทย’ ท้านายกฯ แจง5นโยบายที่อ้างทำแล้ว แต่ปชช.ไม่รู้สึกถึงการพัฒนา หวังรอแค่เลือกตั้งใหม่

(2 ..65) นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้ปราศรัยถึงแนวทาง 5 ข้อในการพัฒนาประเทศซึ่งได้รับความสนใจและได้รับความชื่นชมอย่างมาก ซึ่งได้แก่เรื่อง การกระจายอำนาจ / ดึงศักยภาพคนไทยด้วย Soft Power / การใช้ Ai เพื่อการเกษตร / การปรับภาครัฐและภาคเอกชนเข้าสู่ Digital Transformation และ การเตรียมคนไทยเข้าสู่ Metaverse

แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ออกมาชี้แจงว่า ทั้ง 5 เรื่องนี้พลเอกประยุทธ์ได้ดำเนินการอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ออกมาชี้แจงว่า ได้เข้าใจทั้ง 5 นโยบายนี้ดีพอ และได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และทำไปถึงไหนและมีผลการดำเนินการอย่างไร เหตุใดประชาชนถึงไม่รู้สึกถึงการพัฒนาเลย

ทั้งนี้ ถ้ามั่นใจว่าได้ทำจริง ตนอยากขอให้ออกรายการทีวีแล้วขอให้ตนได้ซักถามอย่างสุภาพเพื่อให้พลเอกประยุทธ์ได้อธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ไม่อยากให้พลเอกประยุทธ์เข้าใจไปเองว่าได้ทำแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้ทำและอาจจะยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ เพราะถ้าหากทำแล้วจริง ประเทศไทยน่าจะต้องพัฒนาไปกว่านี้มาก ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่แบบนี้มา 8 ปีตั้งแต่มีการปฏิวัติแล้ว แถมล่าสุดพลเอกประยุทธ์ยังจะกล้าขายฝันประกาศว่าจะพลิกโฉมประเทศไทยอย่างก้าวกระโดดไปสู่ประเทศชั้นนำของโลก ทำให้ยิ่งดูกลายเป็นเหมือนตัวตลกในสายตาของประชาชน จากผลงานบริหารเศรษฐกิจที่ยิ่งกว่าล้มเหลวสวนทางย้อนแย้งกับที่ขายฝันไว้มาตลอด

นอกจากนี้ รมว. ดีอีเอสยังได้โจมตีความนิยมของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน โดยเรียกร้องประชาชนชาวอีสานอย่าได้ยึดติดนโยบายพรรคเพื่อไทยในอดีต ซึ่งเป็นเรื่องน่าขบขันอย่างมาก ทั้งนี้เพราะนโยบายในอดีตของพรรคไทยรักไทย สืบทอดมาถึง พรรคเพื่อไทย เป็นที่นิยมของคนอีสานและคนทั้งประเทศอย่างมากเพราะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างมาก ในขณะที่นโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่หาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้งยังไม่ได้ทำเลยสักนโยบายเดียว เช่น ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400-425 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 20,000 บาท ข้าวเจ้าตันละ 12,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 18,000 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ ฯลฯ แต่กลับไม่มีความละอายใจเลย แถมยังโฆษณาว่าจะออกนโยบายใหม่ซึ่งประชาชนคงไม่โง่ และน่าจะไม่มีใครเชื่อถืออีกแล้วเพราะขนาดนโยบายเก่าที่เคยหาเสียงไว้ยังไม่ได้ทำเลย

นายพชร กล่าวว่า ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อถือของพรรคเพื่อไทยด้านการบริหารเศรษฐกิจและทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี พัฒนาเศรษฐกิจปากท้องเป็นที่ยอมรับกันอย่างมากตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย และต้องขอขอบคุณ พรรคก้าวไกล ที่ช่วยยืนยันเรื่องนี้ โดยการนำภาพอดีต นายกฯทักษิณ ชินวัตร ขึ้นในเวทีประชุมใหญ่ของพรรค อีกทั้งยังมีภาพคนเสื้อแดงที่เป็นสัญลักษณ์และฐานเสียงสนับสนุนของพรรคเพื่อไทย ยิ่งเป็นการยืนยันประวัติศาสตร์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศจะเห็นด้วยและช่วยกันเลือกพรรคเพื่อไทยให้ถล่มทลายในการเลือกตั้งคราวหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้

‘เพื่อไทย’ โว!! ‘ท่อส่งน้ำอีอีซี’ หมัดน็อกรบ. จุดแตกหัก!! ‘กลุ่ม 16’ ไม่ยกมือให้ 'บิ๊กตู่'

(2 ..65) พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส..มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงถึงความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา151ว่า...

พรรคเพื่อไทยได้นัดหารือกับ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส..บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 เมื่อวันที่ 28 เม..65 โดยมีนายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่, นายดล เหตะกูล รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาร่วมด้วย โดยพรรคเล็กได้สอบถามความพร้อมของพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งได้บอกไปว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมมาก

มีเรื่องใหญ่หลายเรื่อง เช่น การจัดซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์, เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว, เรื่องท่อส่งน้ำอีอีซี โดยหัวหน้ากลุ่ม 16 เป็นบอร์ดการประปา เป็นหน่วยงานที่ถือหุ้นบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกมาก่อน แบบนี้เป็นการปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน ถ้าพรรคเพื่อไทยมีข้อมูล และอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นจุดแตกหักของรัฐบาล ยกมือให้ไม่ได้ หากในสัปดาห์นี้ ถ้าบริษัท วงศ์สยาม ก่อสร้าง จำกัด เซ็นสัญญากับกรมธนารักษ์ วันที่ 3 .. จากนั้นวันที่ 4 .. ผมและกลุ่ม 16 นัดทานข้าวเย็น ขณะนี้นายพิเชษฐ และนายมนูญ ยืนยันนัดหมายมาแล้ว ยืนยันว่า มีความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล สามารถน็อกรัฐบาลพล..ประยุทธ์ได้แน่ อย่าชิงยุบสภาไปก่อน” นายยุทธพงศ์ ระบุ

เมื่อถามว่า ถ้าไม่ใช่ พล..ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จะเป็นพล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า หน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน คือการล้มรัฐบาล เมื่อ พล..ประยุทธ์ไป จะมีช่องทางตามกฎหมาย ต้องนำรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ มาดูก่อน พรรคเพื่อไทยยังเหลือชื่อแคนดิเดตนายกฯ อยู่ ต้องมาในระบบกติกาก่อน แต่ถ้ายังเลือกนายกฯ ในกติกาไม่ได้ ต้องใช้ข้อยกเว้นพิเศษตามรัฐธรรมนูญ ก็ว่ากันไป งานนี้ถ้ายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว จะยุบสภาไม่ได้ มั่นใจว่าถ้า พล..ประยุทธ์ไม่รีบยุบสภาหนีไปก่อน อาจจะตายกลางสภาได้

'เพื่อไทย' อัด ‘บิ๊กตู่’ แก้ปัญหาของแพงล้มเหลว แนะถอยได้แล้ว ก่อนประชาชนลุกฮือไล่

เมื่อวันที่ 3 พ.ค. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยทั้งประเทศตกทุกข์ได้ยากอย่างแสนสาหัส จากการที่รัฐบาลนิ่งเฉย ปล่อยปละละเลย ไม่สนใจดูแลราคาสินค้าและค่าครองชีพ ในภาวะที่ประชาชนตกงาน เรียนจบไม่มีงานทำมาตั้งแต่ปี 63 จนถึงสิ้นปี 64 รวมมากกว่า 2 ล้านคน ขณะที่ในเดือนนี้รัฐทยอยเลิกอุดหนุนค่าพลังงาน ทั้งราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับขึ้นลิตรละ 2 บาท กระทบกับต้นทุนค่าขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก๊าซหุงต้มราคาปรับขึ้นอีก 15 บาทต่อถัง (15 กก.) และจะปรับขึ้นอีกในเดือนมิ.ย. อีก 15 บาท ทำให้ราคาอาหารปรับเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ส่วนค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือนนี้จนถึงส.ค.จะปรับขึ้นอยู่ที่หน่วยละ 4 บาทเป็นค่าไฟที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ต้นทุนการใช้ชีวิตของประชาชนแพงขึ้นทั้งหมด ปัญหากำลังทับถมรุมเร้าคนไทยให้จนมุม ไม่สามารถจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ แม้ทำงานมีรายได้ต่อวันหรือทำการเกษตร ก็ล้วนต้องทำมาเพื่อจ่ายไป ซ้ำที่หามาได้ยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าอาหารต่อวันด้วยซ้ำ ขณะที่รัฐบาล คณะรัฐมนตรีหรือแม้แต่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ตามปกติ 

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาค่าครองชีพมี 2 วิธี ทำได้ทันที คือ 1.) ปรับลดกำไรของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า 3 หน่วยงาน ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟน.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ลง โดยในปี 63 กฟผ. มีกำไรสุทธิ 31,311 ล้านบาท ปี 64 กำไรอยู่ที่ 33,486 ล้านบาท ส่วน กฟน. มีกำไรในปี 62 อยู่ที่ 5,356 ล้านบาท ปี 63 กำไรเพิ่มขึ้น 5,922 ล้านบาท ส่วน กฟภ.มีกำไรในปี 63 อยู่ที่ 9,986 ล้านบาท ปี 64 อยู่ที่ 15,694 ล้านบาท 

2.) กระทรวงพาณิชย์ต้องเข้าไปบริหารจัดการราคาสินค้าที่ปลายทางซึ่งมีราคาสูง ขณะที่ผู้ผลิตอย่างเกษตรกร ชาวไร่ ชาวสวน หรือผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคขายส่งสินค้าได้ในราคาที่ต่ำ ถูกกดราคา เรียกได้ว่าตอนนี้เป็นยุคคนผลิตขายจน คนซื้อของแพง

‘เพื่อไทย’ จี้ ‘บิ๊กตู่’ เร่งรถไฟความเร็วสูง ไทย-ลาว-จีน เย้ย ถ้าไม่มีรัฐประหารเสร็จนานแล้ว

‘เพื่อไทย’ จี้ ‘บิ๊กตู่’ เร่งรถไฟความเร็วสูง เชื่อมหนองคาย-เวียงจันทน์-จีน เย้ย หากไม่มีรัฐประหาร โครงการนี้เสร็จไปแล้ว ชี้ ยิ่งช้าไทยยิ่งเสียโอกาส แนะ เจรจาประเทศจีนหาทางเร่งเร็วขึ้น

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 65 นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ได้ให้ข้อมูลชี้ให้เห็นผลประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากโครงการรถไฟความเร็วที่เชื่อมต่อจากประเทศจีนมายังกรุงเวียงจันทน์ ซึ่งทำให้ประเทศลาวได้ประโยชน์อย่างมาก มีนักท่องเที่ยวจีนเข้าลาวเป็นจำนวนเป็นล้านคนแล้ว รวมทั้งยังมีการขนส่งสินค้าระหว่างกันจำนวนหลายแสนตัน ส่งเสริมการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวอย่างมาก แต่เพราะความล่าช้าและความด้อยประสิทธิภาพ ในการบริหารจัดการของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำให้โครงการรถไฟความเร็วสูงของประเทศไทยล่าช้าทำได้เพียง 3.5 กม. แต่ใช้เวลาในการสร้างนานถึง 2 ปี 6 เดือน เสียค่าใช้จ่ายไปมหาศาลแต่ไม่เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด เป็นความเสียโอกาสของประเทศไทยอย่างมาก 

หากเริ่มทำสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้ท่านอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ป่านนี้รถไฟความเร็วสูงของไทยคงเชื่อมต่อจากประเทศจีนถึงกรุงเทพมหานครแล้ว และ คงมีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเข้าประเทศไทยเป็นล้าน ๆ คนเช่นกัน ซึ่งจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยที่กำลังย่ำแย่ในปัจจุบันได้

‘พิชัย’ จี้ ‘ประยุทธ์’ เร่งเพิ่มรายได้คนไทยสู้เงินเฟ้อ ชี้ ฟื้นศก. ไทยต้องพึ่งต่างประเทศ หยุดขายฝันมั่ว

‘พิชัย’ จี้ ‘ประยุทธ์’ เร่งเพิ่มรายได้คนไทยสู้เงินเฟ้อก่อนจะอดตายกันหมด และหยุดขายฝันมั่ว ชี้ ฟื้นเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งต่างประเทศจึงต้องเข้าพบหลายสถานทูตสร้างความมั่นใจ แนะ หลักคิดเพื่อไทยฟื้นเศรษฐกิจได้แน่

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า เงินเฟ้อในเดือนเมษายนอยู่ที่ 4.65% ทำให้เงินเฟ้อของ 4 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 4.71% ซึ่งสูงมาก อย่างไรก็ตามในเดือนพฤษภาคมนี้เงินเฟ้อน่าจะสูงเพิ่มขึ้นอีกจากราคาน้ำมันดีเซลที่รัฐบาลปล่อยให้ทะลุเกินลิตรละ 30 บาท เป็นลิตรละ 32 บาทและ อีกไม่นานคงจะถึงลิตรละ 35 บาท (ทั้งที่ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ราคาน้ำมันโลกก็ประมาณ 100 กว่าเหรียญนี้ แต่ยังสามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลได้ลิตรละต่ำกว่า 30 บาทได้) อีกทั้งค่าไฟฟ้าปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 4 บาท และราคาก๊าซหุงต้มก็ปรับขึ้นอีก ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าปรับขึ้นแทบทุกชนิด ทั้งราคาไข่ ราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ราคาหมู ราคาน้ำมันปาล์ม อาหารแทบทุกชนิดราคาเพิ่มขึ้นมาก และจะเพิ่มขึ้นอีกจากที่สมาคมขนส่งประกาศขึ้นค่าขนส่ง 20% หลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลทะลุเกิน 30 บาท สถานการณ์เงินเฟ้อ ข้าวของแพง พลเอกประยุทธ์ ทำท่าจะเอาไม่อยู่ ซึ่งจะทำให้คนเดือดร้อนกันอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนมาก่อนเป็นเดือนๆ แล้วแต่พลเอกประยุทธ์ เหมือนไม่เข้าใจและทำเหมือนไม่เดือดร้อน

ล่าสุดพลเอกประยุทธ์ประกาศว่าจะเพิ่มรายได้ให้คนไทยเฉลี่ยปีละ 300,000 บาท ซึ่งไม่รู้เอาความคิดนี้มาจากไหน น่าจะฝันตื่นมาเห็นตัวเลขเหมือนฝันเลขหวย เพราะที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ บริหารเศรษฐกิจของไทยได้ย่ำแย่มาตลอด เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ จะไปเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนขนาดนั้นได้อย่างไร แนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจยังโบราณมาก และไม่รู้ว่าเมาหรือเครียด พลเอกประยุทธ์ ยังได้กล้าประกาศว่าคนจนจะหมดไปในวันที่ 30 กันยายน 2565 นี้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ไม่ต่างอะไรกับที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ได้เคยประกาศไว้เช่นกันว่าคนจนจะหมดไปตั้งแต่ปี 2561 แต่หลังจากประกาศเศรษฐกิจไทยก็เละเทะมาตลอด คนจนกลับเพิ่มขึ้นมาก จนสุดท้ายต้องถูกปลดออกไป ดังนั้นการที่พลเอกประยุทธ์เลียนแบบนายสมคิดและประกาศตามก็คงเละตามกันไปเหมือนกัน คนจนจะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกมาก และคนจะลำบากกันอย่างมากจนจะทนกันไม่ไหว 

จริงอยู่ สถานการณ์เงินเฟ้อเกิดขึ้นกับทั้งโลก แต่รัฐบาลที่ฉลาดและมีประสิทธิภาพเขาจะพัฒนาเศรษฐกิจให้ขยายตัวสูง ทำให้ประชาชนของประเทศเขามีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อรับมือกับภาวะข้าวของแพงได้ แต่ประเทศ ไทยกลับทำตรงกันข้าม พลเอกประยุทธ์ด้อยความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ทำให้คนไทยต้องเผชิญกับ เงินเฟ้อสูง ราคาข้าวของแพงแต่รายได้ไม่เพิ่ม ค่าแรงไม่เพิ่ม ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มน้อยมาก ยังไม่พอกับราคาค่าปุ๋ยที่แพงขึ้นมาก คนหาเช้ากินค่ำค้าขายฝืดเคืองเพราะขายของไม่ดีคนไม่มีเงินซื้อ พอแม่ค้าตอบพลเอกประยุทธ์ว่าขายไม่ดี พลเอกประยุทธ์กลับเสนอให้ไปขายของชนิดอื่น ซึ่งแสดงถึงความไม่เข้าเลยว่าเศรษฐกิจไม่ดี ขายอะไรก็ไม่ดี เปลี่ยนของขายก็จะขายไม่ดี ทางที่ดีที่สุดคือการต้องเปลี่ยนนายกฯ ทันทีอย่างเดียว และหานายกฯ ที่เก่งเศรษฐกิจมาบริหารถึงจะขายของได้ดี คนมีรายได้เพิ่ม 

โดยอยากให้พลเอกประยุทธ์ ไปศึกษา 5 แนวทางที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เสนอไว้แล้ว คือการกระจายอำนาจ ดึงศักยภาพคนไทยด้วย Soft Power การใช้ AI เพื่อการเกษตร การปรับภาครัฐและภาคเอกชนเข้าสู่ Digital Transformation และ การเตรียมคนไทยเข้าสู่ Metaverse ซึ่งสามารถเปลี่ยนประเทศ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต อีกทั้งจะเพิ่มรายได้ของประชาชนให้มากขึ้นได้อย่างแน่นอน อย่าอ้างแก้ตัวมั่วว่าได้ทำแล้วทั้งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจเลย แล้วจะทำได้อย่างไร และพรรคเพื่อไทยยังจะมีนโยบายเศรษฐกิจที่จะฟื้นฟูประเทศไทยออกมาอีกมากที่จะประกาศเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ โดยเศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจเล็กและเป็นเศรษฐกิจเปิด 

ครอบครัวเพื่อไทย สมุทรปราการ สุดคึก คนแห่ร่วมงานล้นฮอลล์ ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ สดุดีคนเสื้อแดงไม่เคยทิ้งกัน ปลุกร่วมกันสู้ศึกครั้งใหญ่ ชี้ บันไดขั้นแรกคือแลนด์สไลด์ พท.ต้องชนะถล่มทลาย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 พฤษภาคม ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง จ.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดงาน “ครอบครัวเพื่อไทย สมุทรปราการ บ้านหลังใหญ่ หัวใจดวงเดิม” นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วม และนวัตกรรมพรรค พท.ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค พท. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ ซึ่งทั้งหมดจะร่วมปาฐกถาด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนเริ่มงานเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนทยอยมาร่วมงานอย่างต่อเนื่อง โดยผู้จัดงานได้จัดเจ้าหน้าที่บริการตรวจ ATK ให้กับผู้ร่วมงานทุกคนและต้องมีการสแกนอุณหภูมิก่อนเข้างาน รวมถึงมีการลงทะเบียน และแจกเสื้อยืดสีแดงสกรีนคำว่า “ครอบครัวเพื่อไทย” ให้กับผู้เข้าร่วมงาน

จากนั้นเวลา 12.30 น. น.ส.แพทองธาร เดินทางมาถึงบริเวณที่จัดงาน ก่อนจะไปร่วมถ่ายรูป และพบปะพูดคุยทักทายกับผู้เข้าร่วมงาน โดยในงานได้มีการตั้งภาพพื้นหลังในการถ่ายภาพ AR ร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร แล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถพิมพ์ออกมาเป็นของที่ระลึกได้

จากนั้น เวลา 13.30 น. น.ส.แพทองธาร ปาฐกถาตอนหนึ่งว่า ครอบครัวเพื่อไทยเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยออกแบบมา เพื่อแก้ไขปัญหารัฐธรรมนูญที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างประชาชนกับพรรคการเมือง ทั้งที่สมัยรัฐธรรมนูญปี 40 เรามีสมาชิกพรรคมากกว่า 14 ล้านคน แต่รัฐประหารได้พรากประชาชนไปจากพรรค วันนี้เราจะมารวบรวมทุกคนอีกครั้ง เพื่อกลับมาอยู่ด้วยกัน และเตรียมพร้อมกับศึกครั้งใหญ่ที่เต็มไปด้วยกับดักจำนวนมาก ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศดีกว่านี้ เราต้องได้อำนาจรัฐจึงจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ บันไดขั้นแรกคือ แลนสไลด์ พรรคจะชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย แต่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าพี่น้องเสื้อแดงไม่ร่วม และพี่น้องไม่อยู่เคียงข้างพรรคเพื่อไทย

“สิบกว่าปีที่ผ่านมา การเมืองของประเทศนี้ไม่สร้างสรรค์ ทำลายครอบครัวมากมาย หลายคนเป็นผู้สูญเสีย อีกหลายคนไม่สามารถอยู่กับคนที่รัก ไม่ได้รับความยุติธรรม ซึ่งดิฉันเข้าใจดี เพราะอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ไม่ได้รับความยุติรรมเช่นกัน ดิฉันนับถือหัวใจพี่น้องเสื้อแดงที่ผ่านความเจ็บปวดมา แต่ยังมีหัวใจประชาธิปไตย และอยู่เคียงข้างมาตลอด เชื่อว่าทุกคนยังมีความหวัง อย่าลืมเราคือครอบครัวเสื้อแดง ครอบครัวเพื่อไทย อุดมการณ์ของเรายังเหมือนเดิม เป้าหมายคือต้องการให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้โอกาส ให้สิทธิบนพื้นที่ประเทศ ทำให้ประชาชนกลับมามีศักดิ์ศรีอีกครั้ง” น.ส.แพทองธารกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top