Saturday, 4 May 2024
อนุทิน

“อนุทิน” เผย “นายกฯ” สั่งดึงราคาน้ำมันให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร พร้อมเร่ง ปิดจ็อบฉีดเข็ม 1 เชื่อ สิ้นเดือนพ.ย.นี้ ตัวเลขเฉียด 100 ล้านโดส วอน ทิ้งวัคซีนจองรพ.เอกชน มารับของรัฐบาลก่อน  

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรื่องการแก้ปัญหาพลังงาน ว่า ขอให้ฟัง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ชี้แจง 

เมื่อถามว่าโยงถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มรถบรรทุกด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พยายามตอบสนองข้อเรียกร้องของสมาพันธ์ต่างๆ เราฟังเสียงทุกเสียง ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีสั่งการอะไรพิเศษหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องการสั่งการเชิงนโยบาย ให้รัฐมนตรีและปลัดกระทรวงพลังงาน ดำเนินการ เมื่อถามว่านายกฯกังวลเรื่องกลุ่มรถบรรทุกที่ออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้กังวลตรงนั้น แต่กังวลความเดือดร้อนของผู้ประกอบการมากกว่า ก็พยายามหาวิธีแก้ไข

เมื่อถามว่า ได้มีมาตรการออกมาแล้วด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มี จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งปลัดกระทรวงพลังงานระบุว่าอาจจะหลังต้นเดือนธ.ค. แต่นายกฯกำชับให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เมื่อถามอีกว่าราคาน้ำมันดีเซลจะต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตรใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใช่ ต้องเป็นอย่างนั้น ส่วนจะต่ำกว่าเท่าไหร่ก็พยายามให้เยอะที่สุด นี่คือสิ่งที่รัฐบาลรับฟัง 

"อนุทิน" สั่งระดมฉีดเข็ม 3 รับมือ "โอมิครอน"

ที่โรงพยาบาลราชวิถี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า

ตอนนี้เรากำลังเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ประชาชน ส่วนกลุ่มที่จะไปต่างประเทศไม่ต้องกังวล เพราะวัคซีนที่ไทยนำมาให้บริการนั้นผ่านการรับรองจากนานาชาติแล้ว ล่าสุด เพิ่งได้หารือกับอธิบดีกรมควบคุมโรค สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม หรือ แอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม ถึงเดือนสิงหาคม สามารถขอรับวัคซีนเข็มที่ 3 ได้ ขอให้ประชาชนมารับบริการกันมากๆ โดยวัคซีนที่ได้รับ อาจจะเป็นวัคซีนแอสตร้าเซเนกา หรือ แบบ mRNA เนื่องจากตอนนี้ต้องเร่งรักษาระดับภูมิคุ้มกันให้สูงไว้ เพื่อรับมือการระบาดของโอมิครอน ที่ค่อยๆ กระจายไปทั่วโลก 

สำหรับประเทศไทย เมื่อประชาชนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง ครบถ้วน และประชาชนใช้มาตรการ Universal Prevention ก็จะสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้แน่นอน นอกจากนี้ ระบบคัดกรองของไทยยังนับว่าเข้มข้นและมีประสิทธิภาพ เราพบผู้ติดเชื้อชาวสหรัฐเดินทางมาจากสเปนและดูไบ และตอนนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนโรคและควบคุมโรค ส่วนที่มีข่าวว่า พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงติดเชื้อไปแล้วนั้น ขอให้รอรายละเอียดจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แต่จากข้อมูลขณะนี้ พบว่าเป็นการติดเชื้อในลักษณะที่เป็นหางเชื้อ ต้องค้นหาเชื้อถึง 36 รอบจึงจะพบ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันว่า เป็นเชื้อชนิดไหน

อย่างไรก็ตาม มีความหวังจากองค์การอนามัยโลก และนักวิชาการด้านการแพทย์ ว่า เชื้อโอมิครอน แพร่ง่าย แต่ไม่รุนแรงนัก ขอให้ความหวังนี้เป็นจริง แต่ที่แน่นอนคือวัคซีนที่ใช้กันอยู่สามารถป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายอนุทิน เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมกับการเผชิญหน้ากับเชื้อสายพันธุ์ใหม่ๆ อยู่ตลอด โดยการสั่งซื้อวัคซีนที่จะได้รับในปีหน้านั้น มีเงื่อนไขว่าเราสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นวัคซีนตัวใหม่ๆ ให้ทันสถานการณ์ได้ และตอนนี้ต้องเตรียมยา เตรียมแพทย์ เตรียมสถานที่ และที่สำคัญ คือ ต้องเร่งฉีดวัคซีน  ทั้งนี้ ตนพบว่า มีบางคน เพิ่งได้รับเข็มแรก ทั้งที่มีสิทธิ์ฉีดมานานแล้ว แต่ยังลังเล จึงเพิ่งมารับการฉีด ขอย้ำว่าการฉีดวัคซีนดีกว่ากันไม่ฉีดนับ 10 เท่า 

"อนุทิน" ย้ำต้องออกมาตรการคุมเข้มสกัดโอมิครอน แต่ต้องกระทบศก.น้อยที่สุด ยึดความปลอดภัย-ปชช.เป็นหลัก ยังไม่รู้ข่าว WHO ขอทั่วโลกงดจัดงานฉลองปีใหม่ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายกสมาคมโรงแรมไทย ไม่เห็นด้วยกรณีสาธารณสุขเตรียมเสนอ ศบค.ยกเลิก Test&Go ว่า กำลังให้ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พิจารณาหาแนวทางที่ดีที่สุดและเกิดผลกระทบน้อยที่สุด โดยเราจะต้องคิดถึงทุกมิติรวมถึงมิติด้านเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือคำนึงความปลอดภัยของประชาชนและประเทศไทย เมื่อมีเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเข้าประเทศและล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 97 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบสายพันธุ์ว่าเป็นโอมิครอนหรือไม่ ทำให้เราต้องเพิ่มความระมัดระวัง ซึ่งตนได้กำชับกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกรมควบคุมโรค รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องหาวิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันและสกัดการระบาด 

เมื่อถามว่า จะต้องออกมาตรการเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวหรือประกาศไม่รับนักท่องเที่ยวจากบางประเทศหรือไม่ เพราะการกักตัวระยะเวลาสั้น ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์โอมิครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ นายอนุทิน กล่าวว่า จากนี้ไปนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศและยังค้างท่อ เราจะเพิ่มบุคลากรเข้ามาดูแลในส่วนนี้ โดยจะให้นักท่องเที่ยวส่วนนี้เข้ามาก่อน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการ RT-PCR หลายครั้ง และรายงานตัว ซึ่งเราพยายามทำทุกอย่างในการตรวจสอบส่วนนี้ และเมื่อเสร็จสิ้นในส่วนนี้แล้วก็คงต้องมีการปรับเปลี่ยนมาตรการ ทั้งนี้ ขอย้ำว่าแนวทางของรัฐบาลคือประชาชนคนไทยต้องปลอดภัย ต้องลดความเสี่ยงทุกมิติ และต้องทำให้เกิดผลกระทบกับประเทศน้อยที่สุด ซึ่งฝ่ายบริหารให้นโยบายแบบนี้ฝ่ายปฏิบัติต้องหาวิธีการ และฝ่ายบริหารต้องรับฟังผู้ปฏิบัติด้วยว่าเขาสามารถปฏิบัติตามที่เราสั่งการได้มากน้อยแค่ไหน และถ้าเขาปฏิบัติแล้วจะเกิดผลดี ผลเสียอย่างไร ถ้าเขาเห็นว่ามีผลเสียมากกว่าก็มีสิทธิโต้แย้งเราซึ่งเราต้องรับฟังเขา 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังปีใหม่ต้องกลับมาเข้มงวดมาตรการหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องเข้มงวดตลอด ทุกคนต้องระมัดระวัง ขณะเดียวกันสิ่งสำคัญที่สุดคือเรากำลังเร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้ประชาชนเพื่อสกัดการแพร่กระจายเชื้อพร้อมกับเสริมภูมิคุ้มกันให้คนไทยก่อน ขณะที่ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เรากังวลโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เพราะเป็นสายพันธุ์ใหม่ เราดูข้อมูลต่างๆทั้งจากเอกสารวิชาการที่ตีพิมพ์โดยสถาบันทางการแพทย์รวมถึงข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า เชื้อดังกล่าวแพร่กระจายเร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้า แต่พิษความรุนแรงจะเท่ากับเดลต้าหรือไม่นั้น กำลังตรวจสอบอยู่ ถ้าไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์เดลต้าก็จะทำให้วัคซีนที่เรามีอยู่และกำลังฉีดเข็ม 3 ให้ประชาชน จะสามารถเอาอยู่ แต่เราต้องไม่ประมาท เพราะเราเปิดประเทศเพียงแค่ 20 วัน ยังไม่ได้เปิดเต็มรูปแบบก็ยังดักและตรวจพบผู้ติดเชื้อนี้ไว้ได้หลายคน ซึ่งผลยืนยันเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.มีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 63 คน และล่าสุดที่ตรวจพบผู้มาจากต่างประเทศและติดเชื้อ 97 คน ต้องมาลุ้นว่ามีกี่คนที่เป็นสายพันธุ์โอมิครอน เราต้องระมัดระวังขั้นสูงสุด แต่ไม่ต้องตระหนกเกินไปจนทำอะไรไม่ได้ 
 

“อนุทิน” มองบวก “ฉายา ว้ากซีน” ดี ทำติดหูคนจะได้ฉีดวัคซีนเยอะ เผย หลังปีใหม่ แนะหน่วยงานเวิร์กฟรอมโฮม 7วัน -สลับคนมาทำงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)กรณีที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายา “ว้ากซีน”ว่า “ก็ดี จะได้เป็นคำติดหู คนจะได้มาฉีดวัคซีนกันเยอะๆ”

"อนุทิน" ขอทุกฝ่าย ฟังข้อเสนอ สธ.ย้ำ เข้มมาตรการเพื่อความปลอดภัยของ ปชช.

ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมคณะผู้บริหาร ถึงสถานการณ์ การระบาดของโควิด 19 ว่า 

ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลปีใหม่ เป็นสิ่งที่อยู่ในการประเมิน ซึ่งเรามีแผนจัดการในหลายระดับของความรุนแรงของการระบาด เราได้ปรับมาตรการทุกด้าน  เช่น มาตรการการคัดกรอง การควบคุมโรค การแยกกักตัว 

จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น ก็ต้องสังเกต และวิเคราะห์ในรายละเอียด ว่า จากยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น ในนั้น อาการเป็นอย่างไรบ้าง มีอาการหนักเท่าไร ต้องใช้ห้องไอซียูเท่าไร ซึ่งก็หวังว่าจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะได้ฉีดวัคซีนแล้ว การระบาดระลอกนี้ ต้องขอเวลาประมาณ 7-10 วัน เพื่อดูรายละเอียดที่ชัดเจน อาทิ วันนี้ ป่วยไป 5.7 พันร้าย แต่ความสูญเสียไม่ถึง 20 ราย  ในอนาคต อัตราส่วนจะยังคงที่หรือเพิ่มขึ้น เราอยู่กับข้อมูล และปรับแผนต่อเนื่องให้ทันกับสถานการณ์ของโรค

สำหรับการรักษา ขอให้เป็นดุลย์พินิจของแพทย์ ถ้าอาการไม่รุนแรง แล้วแพทย์ ให้กักตัวที่บ้าน ก็ต้องเข้าใจว่า เพราะเราต้องเตรียมอุปกรณ์ และทรัพยากรอื่น ไว้รักษาผู้ที่มีอาการปานกลาง ไปจนถึงหนัก เพื่อจำกัดยอดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องมาตรการ ขอย้ำว่า เราคำนึงถึงในทุก มิติ 

ทางกรมควบคุมโรค จะยกระดับบางพื้นที่ให้ขึ้นเป็นสีส้ม ซึ่งจะมีการจำกัดการบริโภคของมึนเมา นอกจากนั้น ก็ยังมีเรื่อง Test And Go ที่ผู้ลงทะเบียนไว้ ต้องกลับมาในเวลาที่กำหนด และต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เรากำลังจัดการปัญหาเรื่องนี้อยู่ ล่าสุด ได้เสนอให้เลื่อนเดดไลน์การเข้าประเทศไทย จากวันที่ 10 มกราคม ไปเป็นวันที่ 15 มกราคมแทน

“อนุทิน” ยันสัมพันธ์รัฐยังดี อ้างลาครม. เพราะไม่อยากโต้เถียงจึงสงวนสิทธิ แต่ครั้งหน้าหากโหวตปมรถไฟฟ้าไม่ลาแล้ว แจงไม่ร่วมประชุมเตรียมเอเปคเพราะติดประชุม กก.ยา ยังอุบ เปิดดีล "ธรรมนัส" รอผลหลังเลือกตั้ง แต่ที่เจอทักทายเรื่องปกติของเพื่อนที่รู้จักกันกว่า 20

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ “มุมการเมือง” ทางThaiPBS กรณี 7 รัฐมนตรีบอยคอตเรื่องต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยยืนยันความสัมพันธ์ กับพรคร่วมรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ไม่มีปัญหา สิ่งที่แสดงออกเป็นการพิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชน การทำงานยังเป็นมืออาชีพไม่เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ เพราะการทำงานร่วมกันในเรื่องนี้ มีความเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ ไม่เกี่ยวข้องความสัมพันธ์ หรือขัดแย้งใดๆ ทำงานได้ตามปกติ เรื่องอื่นๆนายกฯยังคงสั่งงาน และได้รายงานนายกฯ ตามปกติ 

ส่วนจุดยืนโหวตเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้ขัดแย้งที่จะให้ปรับแก้สัญญารถไฟฟาสายสีเขียว แต่กระทรวงคมนาคมมีข้อกังวลที่ขอให้ปรับปรุง ชี้แจง ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ทำหนังสือไป

ส่วนปฏิกิริยางัดข้อของภูมิใจไทย จะกลายเป็นระเบิดลูกใหม่ของรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เวลาไม่ปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ก็ถูกว่า ถูกตำหนิ หรือวิพากษ์วิจารณ์ เวลาปกป้องก็ผิดอีก ก็จะไม่ใช่การทำงาน ตนไม่ใช่พวกลากมากไป ไม่ต่างจากระบบสภา ถ้าถึงเวลาจริงๆตกลงกันไม่ได้ ความเห็นขัดแย้ง ทิศทางยังจูนกันไม่ได้ ก็จะใช้วิธีโหวต ตามระบอบประชาธิปไตย และเมื่อผลโหวตออกมาอย่างไรทุกฝ่ายก็ต้องตามนั้น

นายอนุทิน ย้ำว่าการที่รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม. เพราะเราแจ้งนายกฯ ทุกครั้งว่า ถ้าประเด็นรถไฟฟ้านี้ไม่ได้คำตอบจากกทม. เราขอสงวนสิทธิ์ เราไม่อยากโต้เถียง เพราะคนที่ลำบากใจที่สุดคือประธานในที่ประชุม ดังนั้น เมื่อทราบว่าจะมีวาระจรเรื่องนี้บรรจุเข้ามาทันที เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศการประชุม เราเลยถอยออกมา และก็ได้ส่งหนังสือชี้แจงไป

ส่วนที่มีการเขียนข่าวกันไปว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ร่วมประชุมก็ต้องรับมตินั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่เราจะต้องรับมติครม. แต่มีการทำหนังสือให้ความเห็นเป็นการสงวนสิทธิตรงนี้ไว้ และเรา 7 คนคิดว่าถ้าเรื่องนี้มีความสมบูรณ์ ก็น่าจะผ่านไปได้ และเราก็สบายใจที่สงวนสิทธิ ไม่เข้าประชุม ไม่โต้แย้ง ไม่ถกเกียง แต่รมว.คมนาคม มีจดหมายแสดงเจตจำนงค์ ข้อคิดเห็นข้อสังเกต ถึง 8 ฉบับไปแล้ว เราหลีกเลี่ยงการปะทะ ไม่ต้องการโต้คารมกัน 

เมื่อถามว่า หากมีการประชุมครม. เพื่อโหวตครั้งต่อ พรรคภูมิใจไทยจะสงวนสิทธิไม่เข้าประชุมอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้ามีคำตอบ และดำเนินการตามกฎหมายขั้นตอนที่ชัดเจนแล้ว เราไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ายังคงเดิมก็จะไม่ลาประชุมแล้ว เพราะถือว่าแสดงท่าทีไปแล้วว่าถ้าไม่มีการแก้ไขตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอก็จะใช้สิทธิในการพิจารณา

นายอนุทิน ยังชี้แจงกรณีที่ไม่ได้ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมประชุมเอเปค ว่าเป็นคนละเรื่องกัน แต่เพราะตนติดประชุมคณะกรรมการยาแห่งชาติ  ซึ่งได้เขียนโน๊ตชี้แจงนายกฯแล้ว ขออย่าสังเกตท่าที และในวันพรุ่งนี้ (11 ก.พ.) มีการประชุม ศบค. เวลา 09.00 น. ที่ตนเป็นเจ้าภาพเป็นเรื่องใหญ่ ที่เกี่ยวกับสุขภาพคนก็จะเข้าร่วม  ย้ำไม่มีปัญหาเรื่องการทำงาน เพราะทราบดีว่ามีความสำคัญอย่างไร

ส่วนภาพที่ปรากฎภาพไปร่วมประชุมรัฐสภา และประชุมสภาผู้แทนราษฎร เจอและพูดคุยกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส พะเยา ถึง 2 วันติดต่อกันนั้น เป็นการเปิดดีลอะไรกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คุยกับใครไม่ได้เลยหรือ ร.อ.ธรรมนัส เข้ามาประชุมในนามพรรคใหม่ และเป็นช่วงจังหวะเวลาไปลงคะแนนในที่ประชุม ระหว่างนั้นทางเดินสายหลักในห้องประชุมสภามีเส้นเดียวเจอกันจึงทักทายกันปกติ และส่วนตัวเป็นเพื่อนกับร.อ.ธรรมนัสมา กว่า 20 ปี ถ้าเทียบก็รุ่นเดียวกัน โดยร.อ.ธรรมนัสเป็น ตท. รุ่นที่ 25 ตนก็รุ่น 25 มีเพื่อนกลุ่มเดียวกันมากมาย จึงเป็นเรื่องปกติที่เจอกัน เป็นคนละเรื่องระหว่างการทำงาน และการเมือง 

‘อนุทิน’ ยันไม่ถอนตัวรัฐบาล ลั่น สนับสนุน ‘บิ๊กตู่’ เต็มประตู

“อนุทิน” หยอดคำหวาน “หนู” ช่วยอยู่แล้ว ยัน ไม่ถอนตัวรัฐบาล ลั่น มาด้วยกันไปด้วยกัน กั๊ก ปมรถไฟฟ้าสายสีเขียวกระทบซักฟอก แย้ม ขอดูรายละเอียดก่อน

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่14 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า “หนูช่วยหน่อยนะ” หลังการประชุมศบค. เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามตนเรื่องนี้ว่า “พี่พูดกับหนูเมื่อไหร่” จึงตอบไปว่าจำไม่ค่อยได้ แต่เป็นธรรมดา หาก พล.อ.ประยุทธ์ บอกให้ช่วยก็ต้องช่วยกันทำงาน เป็นหน้าที่อยู่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ พูดทำนองนี้ แต่ไม่ได้บอกว่า หนูช่วยหน่อยนะ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าให้ช่วยเรื่องอะไร แต่เป็นการช่วยทำงาน ช่วยให้ทุกอย่างเกิดความเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การพูดคุยดังกล่าวยืนยันตัวเลข 260 เสียงรัฐบาล กับนายกฯ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตัวเลขนี้ไม่รู้มาจากไหน ยืนยันจะพยายามทำให้เกิดความมีเสถียรภาพให้ได้มากที่สุด

เมื่อถามว่าในการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 แม้ไม่มีการลงมติ พรรคภูมิใจไทยจะช่วยเหลือรัฐบาลอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องสนับสนุน นายกฯ เต็มประตูอยู่แล้ว นายกฯ ยังไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ผิดไปจากนโยบายที่ได้แถลง ทุกอย่างเป็นไปตามทำนองคลองธรรม สิ่งที่นายกฯ ทำทุกอย่างถ้าเป็นประโยชน์กับประเทศ เราเป็นรัฐบาลด้วยกันก็ต้องสนับสนุน ต้องช่วยกัน

เมื่อถามว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ก.พ.นี้ จะมีวาระพิจารณาประเด็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่เห็นวาระการประชุม เมื่อถามย้ำว่า หากครม. พิจารณา แล้วผลไม่เป็นไปตามที่พรรคภูมิใจไทยต้องการ จะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวย้อนว่า ให้เกิดขึ้นก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว หากพิจารณาแล้วไม่ว่าผลจะออกมาทิศทางใด จะยังสนับสนุนรัฐบาลอยู่ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูว่าจะเสนอเข้ามาในรูปแบบไหน จะไปพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิดไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคม ส่วนรายละเอียดต้องให้ผู้เกี่ยวข้องนำมาชี้แจงในที่ประชุมครม. 

‘อนุทิน’ ปราม ‘ครูแก้ว’ ปมขู่ถอนตัวร่วมรบ. ลั่น ถอนไม่ถอนตัว อยู่ที่หัวหน้าพรรค

‘อนุทิน’ เผย โทรปราม ‘ครูแก้ว’ แล้วหลังพูดไม่ร่วมรัฐบาลหากกฎหมายกัญชาไม่ผ่าน บอก ฟังหัวหน้าพรรคคนเดียว คนอื่นไม่ต้องพูด ย้อนถามใครจะกล้าขู่ ‘นายกฯ’ เดินผ่านยังก้มแล้วก้มอีก

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกมาปรามพรรคร่วมรัฐบาล ว่าขอให้เบาๆ เรื่องการเมืองกันหน่อย โดยเฉพาะนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ที่ระบุว่าภูมิใจไทยจะไม่ร่วมรัฐบาล หากกฎหมายกัญชาไม่ผ่าน ว่า นายศุภชัยพูดในพื้นที่ ตนและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ ได้โทรศัพท์ไปบอกแล้ว และตนเห็นว่านายศุภชัยพูดในฐานะ ส.ส. แต่ถ้าถามหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เรื่องนี้เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค สมาชิกคนอื่นไม่ต้องมาพูด ฟังหัวหน้าพรรคคนเดียวว่าจะมีท่าทีอย่างไรในการร่วมรัฐบาล

ครม. ให้ผู้ป่วยโควิด ใช้สิทธิ UCEP ได้ไม่มีกำหนด หลังสถานการณ์ โควิดกลับมาระบาดอีกรอบ

รมว.สาธารณสุข เสนอ ครม. ให้ผู้ป่วยโควิด ใช้สิทธิ UCEP ต่อไปไม่มีกำหนด หลังเกิดสถานการณ์ โควิด-19 ที่กำลังระบาด ในขณะนี้ 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ชี้แจง ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการใช้สิทธิ UCEP ยังจะให้ดำเนินการต่อไป เหมือนช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้มีการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน ตนจึงเสนอให้มีการเลื่อนการใช้สิทธิ UCEP ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด 

‘อนุทิน’ ดันต่อรักษาโควิดตามสิทธิ หวังสร้างระบบการรักษาที่ชัดเจน

‘อนุทิน’ ดันต่อประกาศรักษาโควิดตามสิทธิ หวังสร้างความชัดเจนระบบรักษา เพิ่มเตียงผู้ป่วยอาการหนัก ยัน ไม่ขัด ครม. พร้อมทำความเข้าใจปชช.

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอ สธ. ทำความเข้าใจประชาชน กรณีออกประกาศให้ผู้ป่วยโควิด-19 รักษาตามสิทธินั้น ประกาศดังกล่าว เป็นอำนาจของ สธ. ที่ต้องนำเข้า ครม. เพราะของบประมาณไว้ดูแลผู้ป่วยเกณฑ์สีเหลือง และเกณฑ์สีแดง แต่ในเมื่อมีการทักขึ้นมาว่าหากประกาศไปแล้ว จะทำให้สังคมวิตกกังวล และขอให้ไปทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงเหตุและผลของการออกประกาศ เราก็พร้อมปฏิบัติตาม 

ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวนั้น คือ การทำให้เรื่องของการรักษาผู้ป่วยเกณฑ์สีเขียว เหลือง แดง มีความชัดเจนขึ้น สำหรับผู้ป่วยเกณฑ์สีเขียว ต้องรักษาในระบบกักตัวที่บ้าน หรือในชุมชน ขึ้นอยู่กับความสะดวก ผู้ป่วยเกณฑ์สีเหลือง เกณฑ์สีแดง ถึงจะได้เข้ารักษาในสถานพยาบาล ต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของโรคก่อนว่า ปัจจุบัน ผู้ป่วย 80% ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการน้อยมาก หากเราให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ เข้าถึงเตียงได้หมด แล้วต่อมามีผู้ป่วยอาการหนักเข้ามา จะทำอย่างไร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top