"อนุทิน" ย้ำต้องออกมาตรการคุมเข้มสกัดโอมิครอน แต่ต้องกระทบศก.น้อยที่สุด ยึดความปลอดภัย-ปชช.เป็นหลัก ยังไม่รู้ข่าว WHO ขอทั่วโลกงดจัดงานฉลองปีใหม่ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายกสมาคมโรงแรมไทย ไม่เห็นด้วยกรณีสาธารณสุขเตรียมเสนอ ศบค.ยกเลิก Test&Go ว่า กำลังให้ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พิจารณาหาแนวทางที่ดีที่สุดและเกิดผลกระทบน้อยที่สุด โดยเราจะต้องคิดถึงทุกมิติรวมถึงมิติด้านเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือคำนึงความปลอดภัยของประชาชนและประเทศไทย เมื่อมีเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเข้าประเทศและล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 97 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบสายพันธุ์ว่าเป็นโอมิครอนหรือไม่ ทำให้เราต้องเพิ่มความระมัดระวัง ซึ่งตนได้กำชับกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกรมควบคุมโรค รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องหาวิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันและสกัดการระบาด 

เมื่อถามว่า จะต้องออกมาตรการเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวหรือประกาศไม่รับนักท่องเที่ยวจากบางประเทศหรือไม่ เพราะการกักตัวระยะเวลาสั้น ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์โอมิครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ นายอนุทิน กล่าวว่า จากนี้ไปนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศและยังค้างท่อ เราจะเพิ่มบุคลากรเข้ามาดูแลในส่วนนี้ โดยจะให้นักท่องเที่ยวส่วนนี้เข้ามาก่อน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการ RT-PCR หลายครั้ง และรายงานตัว ซึ่งเราพยายามทำทุกอย่างในการตรวจสอบส่วนนี้ และเมื่อเสร็จสิ้นในส่วนนี้แล้วก็คงต้องมีการปรับเปลี่ยนมาตรการ ทั้งนี้ ขอย้ำว่าแนวทางของรัฐบาลคือประชาชนคนไทยต้องปลอดภัย ต้องลดความเสี่ยงทุกมิติ และต้องทำให้เกิดผลกระทบกับประเทศน้อยที่สุด ซึ่งฝ่ายบริหารให้นโยบายแบบนี้ฝ่ายปฏิบัติต้องหาวิธีการ และฝ่ายบริหารต้องรับฟังผู้ปฏิบัติด้วยว่าเขาสามารถปฏิบัติตามที่เราสั่งการได้มากน้อยแค่ไหน และถ้าเขาปฏิบัติแล้วจะเกิดผลดี ผลเสียอย่างไร ถ้าเขาเห็นว่ามีผลเสียมากกว่าก็มีสิทธิโต้แย้งเราซึ่งเราต้องรับฟังเขา 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังปีใหม่ต้องกลับมาเข้มงวดมาตรการหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องเข้มงวดตลอด ทุกคนต้องระมัดระวัง ขณะเดียวกันสิ่งสำคัญที่สุดคือเรากำลังเร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้ประชาชนเพื่อสกัดการแพร่กระจายเชื้อพร้อมกับเสริมภูมิคุ้มกันให้คนไทยก่อน ขณะที่ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เรากังวลโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เพราะเป็นสายพันธุ์ใหม่ เราดูข้อมูลต่างๆทั้งจากเอกสารวิชาการที่ตีพิมพ์โดยสถาบันทางการแพทย์รวมถึงข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า เชื้อดังกล่าวแพร่กระจายเร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้า แต่พิษความรุนแรงจะเท่ากับเดลต้าหรือไม่นั้น กำลังตรวจสอบอยู่ ถ้าไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์เดลต้าก็จะทำให้วัคซีนที่เรามีอยู่และกำลังฉีดเข็ม 3 ให้ประชาชน จะสามารถเอาอยู่ แต่เราต้องไม่ประมาท เพราะเราเปิดประเทศเพียงแค่ 20 วัน ยังไม่ได้เปิดเต็มรูปแบบก็ยังดักและตรวจพบผู้ติดเชื้อนี้ไว้ได้หลายคน ซึ่งผลยืนยันเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.มีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 63 คน และล่าสุดที่ตรวจพบผู้มาจากต่างประเทศและติดเชื้อ 97 คน ต้องมาลุ้นว่ามีกี่คนที่เป็นสายพันธุ์โอมิครอน เราต้องระมัดระวังขั้นสูงสุด แต่ไม่ต้องตระหนกเกินไปจนทำอะไรไม่ได้ 
 

ภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขคือการสร้างความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะไม่เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เราต้องใส่ยาแรงและต้องรับฟังว่าเศรษฐกิจจะกระทบอย่างไร จะรับได้หรือไม่ถ้าลดมาตรการด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งทุกอย่างสามารถพูดคุยกันได้ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า กรณีที่องค์การอนามัยโลกขอความร่วมมือประเทศทั่วโลก งดจัดงานปีใหม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้ข่าวนี้ แต่เราต้องหารือกับหลายๆฝ่ายและต้องฟังประชาชนทุกภาคส่วน  เมื่อถามว่าจะไม่ถึงขั้นล็อคดาวน์อีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราพยายามหลีกเลี่ยงในการออกมาตรการที่สร้างความเดือดร้อนในวงกว้าง 

เมื่อถามว่า ครั้งนี้เหมือนเป็นการพิสูจน์การตัดสินใจของรมว.สาธารณสุข ว่าจะสามารถประเมินและควบคุมสถานการณ์อย่างไร เพื่อไม่ให้เชื้อโควิดลุกลาม นายอนุทิน กล่าวว่า เวลาเราตัดสินใจเราต้องคำนึงถึงคนส่วนใหญ่ แต่ไม่มีใครได้ทั้งหมดหรือเสียทั้งหมด ขณะเดียวกันพวกตนก็ไม่ได้ตัดสินใจเพียงลำพัง อารมณ์หรือความรู้สึก แต่ต้องปรึกษาหารือและรับฟังด้วยเช่นกัน ตนรับฟังข้อมูลทางการแพทย์มาก็ต้องนำไปปรึกษาหลายฝ่ายๆพร้อมประสานงานจุดลงตัวให้ได้มากที่สุด ซึ่งถ้าเชื่อสาธารณสุขก็จะเข้มงวดเต็มที่ไปเลย  แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนโดยเราพยายามทำให้ดีที่สุด