Saturday, 20 April 2024
อนุทิน

กระบี่ - “อนุทิน” อนุมัติวัคซีน sinovac - AstraZeneca จำนวน 500,000 โดส พร้อมส่งมอบพื้นที่เป้าหมาย เพื่อเปิดเมืองพื้นฟูเศรษฐกิจ - การท่องเที่ยว พร้อมให้กำลังใจข้าราชการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด-19

วันนี้ (7 ตุลาคม 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตรวจเยี่ยมการดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID -19) พื้นที่จังหวัดกระบี่  โดยมี  นายพุฒิพงศ์  ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวต้อนรับ เข้าร่วมประชุม รับและส่งมอบวัคซีนจาก ผู้บริหารจากทั้ง 2 กระทรวง โดยมี องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพนมเบญจา (ชั้น) 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่

จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 2019 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกนับตั้งแต่ เดือนมกราคม 2563 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ชะลอตัวไปจนถึงหยุดชะงัก ร้านอาหาร ห้างร้าน โรงแรม และกิจกรรมการท่องเที่ยวต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว รัฐบาลได้ประกาศ "เปิดประเทศ" ไว้เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 เดินหน้าแผนระยะที่ 1 โดยทำการทดลองเปิดพื้นที่นำร่องในรูปแบบ Sandbox ซึ่งจังหวัดกระบี่ เริ่มเปิดเกาะพีพี เกาะไหง หาดไร่เล  ก่อนแผนระยะที่ 3 เป็นการผ่อนผัน ในเรื่องของระยะเวลาในการทำกิจกรรมในสถานที่ต่าง ๆ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 และแผนระยะที่ 3 การเปิดจังหวัด เปิดประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2564

จังหวัดกระบี่ เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว พื้นที่นำร่องระยะแรกที่พร้อมจะเปิดจังหวัด  จึงกำหนดเป็นนโยบายให้ประชาชนได้รับวัคซีนอย่างน้อย ร้อยละ 70 หรือประมาณ 352,653 คน จากประชากรทั้งหมดประมาณ 504,00 คน ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มหนึ่งแล้วทุกคนจะได้รับวัคซีนเข็มสองภายใน เดือนตุลาคมนี้ คิดเป็นร้อยละ ๓๘ กระทรวงสาธารณสุขยังคงเร่งให้วัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ครบตามเป้าหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อเปิดเมือง  พื้นฟูเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว พร้อมส่งมอบวัคซีน จำนวน 500,000 โดส

  

กระทรวงสาธารณสุขมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะให้การเปิดประเทศครั้งนี้ ไม่ก่อให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับทั้งสุขภาพประชาชนควบคู่ กับเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 จึงเป็น "วาระแห่งชาติ"ที่ประชาชนในแผ่นดินไทยจะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 70% หากประชาชน มีความประสงค์จะเข้ารับวัคซีนมากกว่านั้น กระทรวงสาธารณสุขก็ได้เตรียมวัคซีน สำหรับปี 2564 ไว้ถึง 125 ล้านโดส วัคซีนทางเลือก 27 ล้านโดส รวมถึง การได้รับบริจาคจากประเทศต่าง ๆ มาเป็นระยะ 

 

“อนุทิน” ขานรับ เปิดประเทศ 1 พ.ย.ลั่น ถูกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ชี้ เปิดได้ปิดได้ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องโรค 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้จะดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างไร ว่า เราเตรียมความพร้อมไว้ระดับหนึ่งและ
หารือในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสนองนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่แจ้งไว้ต่อประชาชน ส่วนการจะเปิดให้ 10 ประเทศเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัวนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องของประเทศ รอให้ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.)หารือก่อนที่จะนำเสนอศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ก่อน 

ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีปัญหากับการเปิดประเทศ และยังสามารถรองรับเรื่องการรักษาได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯให้เหตุผลความสำคัญต่างๆไปแล้ว กระทรวงสาธารณสุข ต้องปฏิบัติตามนโยบายด้วยความระมัดระวังและเตรียมการให้มากที่สุด 

เมื่อถามว่านายกฯระบุว่าเมื่อเปิดไปแล้ว อาจมีความเสี่ยงแพร่ระบาด และอาจมีโควิด-19สายพันธุ์ใหม่ ต้องมีมาตรการเข้ามารองรับหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯพูดเผื่อ ถ้าหากมีสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาและสถานการณ์ไม่ดีก็ค่อยว่ากัน พูดง่ายๆว่าเปิดได้ แต่ถ้าดูแล้วไม่ดีก็พร้อมจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาต่อไป เราต้องยืดหยุ่นถ้าไปกำหนดไว้หมดว่าพูดอย่างนี้ต้องทำอย่างนั้นเท่านั้น ถอยหลังไม่ได้ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็รออย่างนี้ไปดีกว่าซึ่งก็ไม่ดี เพราะรัฐบาลต้องการจะแก้ปัญหาในทุกมิติ 

เมื่อถามว่าหากเปิดสถานบันเทิงและร้านเหล้าคนจะเข้าไปใช้บริการได้เหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กรมควบคุมโรคคงต้องหามาตรการ แต่เราต้องดูว่าเปิดแล้วมีความเสี่ยงหรือไม่ ถ้าเสี่ยงก็ต้องหามาตรการมาดูแล เช่น covid free settingคือทุกคนต้องฉีดวัคซีนทั้งผู้ให้บริการ ลูกค้า และสถานที่นั้นต้องปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรค แต่เวลานี้ยังไม่ได้หารือในส่วนการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนสถานบันเทิงก็ต้องปฏิบัติในแนวเดียวกัน

‘หมอศุภกิจ’ แย้ม ‘อนุทิน’ ผู้อยู่เบื้องหลัง ผลักดันอังกฤษปลดไทยพ้นพื้นที่สีแดง

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2564 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีที่สหราชอาณาจักร ปลดไทยออกจากบัญชีแดง พื้นที่เสี่ยงสูงจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่สามารถเดินทางเข้าสหราชอาณาจักรได้ ยกเว้นผู้ได้รับอนุญาตตามเกณฑ์ เป็นเรื่องน่ายินดี และเป็นผลมาจากการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมตรีและรมว.สาธารณสุข ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ซึ่งมีข้อสงสัยว่า เรื่องการรายงานการตรวจสายพันธุ์เข้าระบบ GISAID ในการหารือ

“อนุทิน”แจง ตั้ง”บิ๊กเล็ก” คุม ศบค.ส่วนหน้า ไร้ปัญหา  เชื่อ มีแต่ได้กับได้ ชี้ ให้มองเจตนารณ์คำสั่งนายกฯ เพื่อประโยชน์ปชช. ติง “ศุภชัย” หารือก่อนแสดงความเห็น 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แต่งตั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด - 19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศบค. ส่วนหน้า เพราะเป็นการใช้การทหารนำการสาธารณสุข ว่า นายศุภชัย ใช้ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการแสดงความเห็นส่วนตัว ซึ่งตนได้ชี้แจงกลับไปว่าเรื่องมีมากกว่านั้น ไม่ใช่เรื่องของแพทย์อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของความมั่นคง การควบคุมสถานการณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้แพทย์และพยาบาลเข้าถึงคนไข้ และได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งตนก็ได้ทำความเข้าใจกับ นายศุภชัย เรียบร้อยแล้ว โดยแจ้งไปว่าก่อนจะเขียนแสดงความเห็นอะไรให้โทรมาถามตนก่อน 

เมื่อถามว่ายืนยันว่าการแสดงความคิดเห็นของนายศุภชัย ไม่เป็นการขัดแย้งต่อคำสั่งฯ ของนายกฯ และสามารถทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขได้  นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีแต่ได้เพราะการทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากไม่มีหน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมจะลำบาก ดังนั้นการที่หลายกระทรวง เช่น กระทรวงมหาดไทย และกองทัพ เข้ามาทำงานก็ถือว่าเป็นการร่วมกันทำงานเพื่อประชาชน และพล.อ.ณัฐพล ที่ที่ปรึกษานายกฯก็มีประสบการณ์ควบคุมสถานการณ์โควิด-19 และเคยเป็น ผอ.ศบค. ศปก.มาทั้งปี

'อนุทิน' สั่งเร่ง คุมระบาดเชียงใหม่ จ่อลงตรวจพื้นที่เอง เชื่อ จว.มีความพร้อมรับมือ ยังไม่ถึงขั้นตั้งศบค.ส่วนหน้า 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ (สสจ.) ได้รายงานสถานการณ์ในพื้นที่อย่างไรบ้าง หลังเพื่อติดเชื้อจำนวนมาก และจำนวนเตียงรองรับคนไข้ไม่พอ ว่า ในจังหวัดเชียงใหม่ ยังมีความพร้อมทางด้านการแพทย์อยู่ มากกว่าหลายๆ จังหวัด และได้เร่งให้เข้าไปแก้ปัญหาให้มากที่สุด เรื่องของวัคซีนก็รีบนำเข้าไปแก้ปัญหาการระบาดให้มากที่สุด เหมือนที่เราได้จัดการในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของประเทศ

เมื่อถามว่า จำเป็นที่จะต้องตั้งศบค.ส่วนหน้าในพื้นที่ภาคเหนือเพิ่มเติมเพื่อคุมการระบาดใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ให้รอดูสถานการณ์สักพักหนึ่ง อย่างน้อยเรื่องการเตรียมพร้อม เรื่องการดูแลผู้ป่วยก็มีความพร้อมอยู่ ในสัปดาห์หน้าตนคงจะไปดูสถานการณ์ แต่ทราบว่าส่วนใหญ่ติดมาจากคนที่เข้ามาค้าขายในเมือง และกลับออกไปในพื้นที่ก็นำเชื้อไปติด ซึ่งต้องเร่งแก้ไข แต่ในจังหวัดเชียงใหม่มีสถานพยาบาลค่อนข้างที่จะครบถ้วนสมบูรณ์ และโรงบาลสนามก็มีความพร้อมอยู่เรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขรับทราบแล้ว กำลังเร่งแก้ไขปัญหาอยู่

รองโฆษกรัฐ เผย 'อนุทิน' ไม่รู้รายละเอียด ดีล 'ลิซ่า' โยนเป็นหน้าที่ 'ททท.' จัดการ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุเกี่ยวกับค่ายวายจีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ บริษัทต้นสังกัดของ ลิซ่า น.ส.ลลิษา มโนบาล สมาชิกวงแบล็กพิงก์ ชาวไทย ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 28 ตุลาคม ระบุว่า ลิซ่า ไม่สามารถเดินทางมาโปรโมทการท่องเที่ยวไทยได้นั้น โดยนายอนุทิน แจ้งว่า เรื่องดังกล่าวได้รับการรายงานจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่จะมีการจัดกิจกรรม โดยมีลิซ่ามาร่วมงานด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ แต่นายอนุทิน ไม่ได้รับรายงานในส่วนรายละเอียดเรื่องการติดต่อประสานงานให้ ลิซ่า แบล็กพิงก์ มาร่วมกิจกรรมเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ จ.ภูเก็ต โดยกระบวนการดังกล่าวทาง ททท.เป็นผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ เมื่อต้นสังกัดของศิลปินแจ้งว่าไม่สามารถเดินทางมาร่วมกิจกรรมได้ จึงเป็นหน้าที่ของ ททท.ที่จะดำเนินการต่อไป

'เสี่ยหนู'ยัน 'สภาล่ม' ไม่เกี่ยว 'พรรคภูมิใจไทย'

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่การเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันแรก แล้วสภาฯ ล่มทันที พรรคร่วมรัฐบาลต้องกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ว่า ไม่ใช่พรรคภท. แต่คุยกันอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า พรรค ภท. อยู่ครบหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "อยู่ๆ พรรคภท. อยู่กันเกือบครบ"

"อนุทิน" ย้ำ แม้สถานการณ์โควิดฯ คลี่คลาย แต่ยังวางใจไม่ได้ เผย หารือผู้ผลิตนำเข้าวัคซีน Gen2 แล้ว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายตามลำดับว่า 

ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มอนิเตอร์สถานการณ์อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคเหนือไปจนถึงภาคใต้ มีรายงานการติดเชื้อเข้ามาทุกวัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นตัวชี้วัดว่าสถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้น คือยอดผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนั้นลดน้อยลง เช่นเดียวกับยอดสูญเสียก็ลดลงเช่นกัน แม้ว่าจะมีการเปิดเมือง คลายล็อกแล้วก็ตาม 

ส่วนสำคัญมาจากการฉีดวัคซีนได้ตามเป้า วันนี้น่าจะฉีดได้ถึง 83 ล้านโดส การฉีดในปัจจุบัน มีความครอบคลุมมากขึ้น เราให้บริการไปถึงเด็กอายุ 12 - 17 ปี และในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ก็ได้ฉีด มีสูตรวัคซีนหลายชนิด ให้เหมาะสมกับประชากร ต้องขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือ ตนลงพื้นที่ภาคใต้ ทราบมาว่า ผู้นำชุมชน ช่วยสร้างความเข้าใจกับคนในพื้นที่ ให้เข้ารับวัคซีน ถือเป็นเรื่องงดงามที่ทุกคนช่วยกัน ขณะที่ อสม.ก็รณรงค์กันทุกวัน 

ทิศทางไปในทางบวก แต่ยอมรับว่า ยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ ยิ่งเมื่อคลายล็อก ก็ต้องคิดเผื่อไว้ ได้สั่งการให้จัดหายา และวัคซีนเข้ามาสต็อก พร้อมการเร่งฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ ส่วนยา ก็ได้ศึกษาความคืบหน้าจากทีมผู้ผลิตทั่วโลก ตัวไหนดี มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ต้องพิจารณานำเข้ามา เราต้องมีทางเลือกหลายๆ ทาง

 

“อนุทิน” ย้ำ ศบค.พยายามผ่อนคลายให้มากที่สุด วอน อย่าด้อยค่าวัคซีนทุกชนิด ยืนยันช่วยชีวิตประชาชนได้ ระบุ ปม ผ่อน นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ตรวจ  ATKแทนRT-PCR รอชัดเจน หลัง 16 ธค.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นเพียงการสรุปที่นายกฯสั่งการในศบค.ว่าจะปฏิบัติอย่างไรให้รวดเร็ว 
    
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการเสนอให้ยกเลิกการตรวจโดยRT-PCR ให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย และใช้วิธีการตรวจATK แทน เพื่อลดระยะเวลาการรอผล นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้เบื้องต้นเรื่องการใช้ATK ต้องรอให้พ้น วันที่ 16 ธันวาคมไปก่อน ทุกอย่างเราพยายามผ่อนคลายเพื่อให้เกิดความสะดวกมากที่สุด แต่เราก็ไม่ละเลย ความปลอดภัยของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด 

เมื่อถามถึงการผ่อนคลายมาตรการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีการเลื่อนไปเป็นปีหน้า นายอนุทิน กล่าวว่า เราประเมินและอยากให้ทุกอย่างราบรื่นไปถึงสิ้นปี ต้องคอยดูความเป็นไป เพราะเราเพิ่งเปิดประเทศมา 10 กว่าวันก็ต้องไม่ประมาท ตรงไหนผ่อนคลายได้ก็ทำอยู่แล้ว ส่วนการขายแอลกฮอล์ในพื้นที่สีฟ้า เรามีมาตรการอยู่แล้ว ส่วนที่มีนักท่องเที่ยวอยากให้มีการขายแอลกอฮอล์ในโรงแรมด้วยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ก็ผ่อนคลายไปมากแล้ว เราก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ได้ปรับตัวและสร้างความพร้อม เราต้องการเป็นผู้ให้บริการไม่ใช่ผู้ควบคุม เป็นผู้สนับสนุนให้ทุกอย่างมันไปได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเดินทางไปร่วมประชุมกับองค์การอนามัยโลกที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งยังไม่อนุญาตให้ผู้ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มเข้าประเทศ ทำให้มีกระแสในโซเชียลว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้อยค่าซิโนแวก  นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ว่ากันไปเรื่อย ตอนนี้บางประเทศเขาก็ยังไม่ได้รับซิโนแวก เขาก็ทยอยรับ ซึ่งเราจะต้องไปประชุมในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ก็คิดว่าเขาอาจจะยังไม่รับ ดังนั้นเราก็ต้องฉีดแอสตร้าเซนเนก้าให้ครบ 2 เข็มเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วไม่ต้องกักตัว สามารถทำงานได้เลย ก็เท่านี้เองไม่มีอะไร

“อนุทิน” เร่งให้บริการ 11 ล้านคน ที่ยังไม่ได้ฉีด  วางเป้าจบใน 30 วัน 

กรณีมีรายงานว่า ยังเหลือประชากร ประมาณ 11 ล้านคน ยังไม่ได้รับบริการวัคซีนเลย  ล่าสุด 18 พฤศจิกายน 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัด นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ในประเด็นดังกล่าวว่า ได้กำชับให้กรมควบคุมโรค เร่งให้บริการ และวางเป้า ต้องฉีดให้ครบใน 30 วัน นับจากนี้

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ให้มารับบริการด้วย เนื่องจาก มีบางคน ที่ยังไม่ยอมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เพราะมั่นใจว่าอยู่บ้าน มีความปลอดภัย ทั้งที่ สามารถติดจากสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ได้ ขอย้ำว่า วัคซีนที่ไทยนำมาให้บริการนั้น มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ป้องกันการป่วยหนัก และเสียชีวิตได้ เมื่อครั้งลงพื้นที่ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าผู้สูงอายุ รับเชื้อมาจากพี่เลี้ยง แต่เพราะการได้รับวัคซีน จึงไม่ป่วยหนัก ไปจนถึงเสียชีวิต ตรงนี้ เป็นอุทาหรรืว่า ถึงจะอยู่แต่กับบ้าน ก็มีโอกาสได้รับเชื้อจากคนอื่นเช่นกัน และวัคซีน ก็ช่วยป้องกันการสูญเสียได้จริง 

เมื่อถามถึงการออกกฎหมาย เพื่อบังคับให้คนมาฉีดวัคซีน นายอนุทิน กล่าวว่า  ไม่จำเป็นต้องไปถึงจุดนั้น เพราะสังคมจะเป็นฝ่ายกำหนดเอง เช่น เจ้าของกิจการ มีสิทธิ์ในการดูแลจัดการร้าน สามารถคัดกรองผู้ที่มาสมัคร เป็นพนักงานของร้านได้เอง ไปจนถึงการตรวจคัดกรองผู้ที่มาใช้บริการ ขอย้ำว่า การฉีดวัคซีน เป็นการเปิดโอกาสในการดำรงชีวิต ตอนนี้ วัคซีนเรามีเพียงพอ ก็ขอให้มารับบริการกันให้มากๆ เพื่อความปลอดภัยของท่าน เพื่อความปลอดภัยของคนรอบข้าง ขอให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งฝ่ายปกครอง และฝ่ายสาธารณสุข อาทิ อสม. ช่วยรณรงค์ด้วย  เมื่อก่อน เราจะกำหนดให้บางกลุ่มได้ฉีดก่อน อาทิ ผู้ป่วย ผู้สูงวัย ต้องได้ฉีดเป็นลำดับต้น ปัจจุบัน ขอให้ทุกคนมาฉีด ในอนาคต ถ้ามีวัคซีน ที่ฉีดให้เด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปได้ มีความปลอดภัยสูง ไทยก็ต้องขยายเกณฑ์ให้บริการครอบคลุมไปถึงจุดนั้น 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top