Friday, 3 May 2024
อนุทินชาญวีรกูล

'อนุทิน' จ่อเปิดตัว 'พุทธิพงษ์' 11 ม.ค.นี้ เสริมแกร่ง ภท. เลือกตั้งสนามเมืองหลวง

(10 ม.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุถึงความคืบหน้าการเปิดตัวนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อมาดูแล กทม. ว่า วันที่ 11 ม.ค.นี้ พรรคจะมีการประชุมและสรุปนโยบายการดำเนินงาน และแนะนำให้เห็นว่าใครคือว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. ของพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนได้คุยกับนายพุทธิพงษ์ มาระยะหนึ่งแล้ว และแสดงเจตจำนงมาช่วยงานการเมืองให้พรรคภูมิใจไทย โดยจะมารับผิดชอบพื้นที่กทม. ซึ่งนายพุทธิพงษ์ได้เตรียมการมาระดับหนึ่งแล้ว

ส่วนคาดหวังจะปักธง ส.ส.กทม.อย่างไร เพราะที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย ไม่เคยมีส.ส.มาก่อน นายอนุทิน ระบุว่า เราส่งใครลงสมัครก็อยากให้ชนะหมด ซึ่งนโยบายพรรคต้องดี การสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ ของพรรคต้องดี มีความพร้อมและความใกล้ชิดประชาชน ผู้สมัครก็ต้องดี ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่ามีปัจจัยเหล่านี้ นอกจากนี้มีการคุยกับส.ส.บางคนที่ลาออก ถ้าจะมาสมัครพรรคภูมิใจไทย ก็พร้อม

‘อนุทิน’ เปิดบ้านต้อนรับ ‘วีระกร-ฑีฆะพล’ ชี้!! อุดมการณ์เดียวกัน - พร้อมรับใช้ปชช.

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค ร่วมต้อนรับนายวีระกร คำประกอบ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขต 2 จ.นครสวรรค์ และนายฑีฆะพล ทวีเกื้อกูลกิจ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขต 2 จ.ตาก ที่ได้เดินทางสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยเป็นการสมัครสมาชิกพรรคแบบตลอดชีพ ก่อนที่นายอนุทิน จะสวมเสื้อแจ็คเก็ตพรรคภูมิใจไทยให้กับนายวีระกร และนายฑีฆะพล เพื่อเป็นการต้อนรับในฐานะสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ

จากนั้น นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังมีสมาชิกเข้ามาเพิ่มเติมอีก 2 คน ว่า เราต้องไม่พูดว่ามีผู้สนใจเข้ามา แต่เราต้องพูดว่ามีผู้ที่พร้อมจะดูแลรับใช้พี่น้องประชาชน คนที่จะเข้ามาทำงานที่พรรคภูมิใจไทยต้องศึกษานโยบาย และเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย ใครก็ตามที่มีความตั้งใจจะรับใช้บ้านเมือง รับใช้ประชาชนก็ถือว่าเป็นที่ต้อนรับของมวลหมู่สมาชิกพรรคภูมิใจไทยทุกคน

เมื่อถามว่า จะมีสมาชิกเข้ามาเพิ่มหลังจากนี้อีกหรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคเราเปิดรับผู้ที่พร้อมรับใช้บ้านเมือง และประชาชน ซึ่งตามกฎหมายได้กำหนดชัดเจนว่า จะต้องเป็นสมาชิกพรรคภายในกี่วัน คนที่เข้ามาเป็นสมาชิกไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สมัครอย่างเดียว แต่เรายังมีเรื่องที่ต้องขับเคลื่อนเพื่อบ้านเมืองอีกด้วย

เมื่อถามถึงการทาบทามนายวีระกร นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของการทาบทามคงไม่มี เพียงแต่ได้พบเจอกันที่รัฐสภา และมีโอกาสไปเปิดโรงพยาบาลที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ และนายวีระกรก็ได้พาตนไปแนะนำให้รู้จักกับคนนครสวรรค์จำนวนมาก ต่างฝ่ายต่างเห็นการทำงานให้กับประชาชน ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

‘วีระกร’ เชื่อ ‘ภูมิใจไทย’ กวาด ส.ส.เกิน 120 คน ชี้!! ‘เสี่ยหนู’ นั่งนายกฯ ต่อจาก ‘บิ๊กตู่’ แน่นอน

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายวีระกร คำประกอบ อดีตส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ว่า คงไม่มีการชวนใครมาจากพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคเก่าที่อยู่กับเขามาถึง 4 ปี เป็นพรรคที่ดี ไม่ใช่ว่าเราออกมาด้วยเหตุผลเป็นพรรคที่ไม่ดี หัวหน้าพรรคก็ใจดี แต่สิ่งที่ตนต้องขออนุญาตว่าทำไมต้องย้ายมาพรรคภูมิใจไทยขอให้เหตุผล 2 ข้อ เรามีความคล่องตัวการทำงานการเมืองมากกว่า เราเจอกันในสภา เป็นนักการเมืองด้วยกันเจอกันอยู่ตลอด มีอะไรปรึกษาหารือกันได้ตลอด แต่ถ้าอยู่พรรคเดิมอาจจะต้องใช้เวลาที่จะพบกับหัวหน้าพรรค ไม่ได้พบกันแบบง่าย ๆ ข้อที่ 2 ตนมั่นใจในนโยบายพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะเรื่องที่ตนชอบใจมาก และสนับสนุนมาตลอดก็คือเรื่องที่ไม่ยอมขายหรือต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับผู้ถือสัปทาน เพราะอีกไม่กี่ปีจะกลับมาเป็นของประชาชนแล้ว

เมื่อถามว่า ได้ลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเก่าหรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า จริง ๆ ตนคุยกับพล.อ.ประวิตรมา 2-3 เดือนแล้ว ตนพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจแล้วว่าตนมีปัญหาอะไรในเรื่องงาน อย่างที่เล่าว่าตนไม่ค่อยคล่องตัวในการที่จะทำงานอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ หลาย ๆ เรื่องจะทำอะไรต้องรอฟังหัวหน้าพรรคก่อน การรอบางทีมันนานเกินไปมันไม่คล่องตัว ต้องเข้าตามระเบียบเขา ซึ่งไม่เหมือนนักการเมืองจะเจอกันทุกวันในการประชุมสภา 

เมื่อถามว่า แต่ช่วงหลังพล.อ.ประวิตร ได้แต่งตั้งเป็นรองผอ.พรรค นายวีระกร กล่าวว่า เมื่อตนพูดไปแล้วหัวหน้าพรรคคงเข้าใจแล้วว่าตนจะลาออกท่านจึงให้ตำแหน่งนี้มา ตนก็เรียนกับท่านว่าอย่างนั้นตนจะเริ่มทำงานเลย เพราะตนเข้าใจว่าจะเข้าพบได้ง่ายแล้ว 

เมื่อถามว่า แล้วฟางเส้นสุดท้ายคืออะไร นายวีระกร กล่าวว่า ฟางเส้นสุดท้ายคือท่านบอกว่า “จะทำอะไรให้มาขอผมก่อน” ตนเข้าใจการไปพบผู้ใหญ่ต้องรอ แต่นักการเมืองด้วยกันไม่ต้องรอ คล่องตัวกว่า แต่สิ่งที่คุยหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้ความเมตตา เข้าใจในเรื่องของเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องโรงงานปุ๋ย ตนมาคุยกับนายอนุทินเรื่องนี้เลยชวนตนมาช่วยพรรค

‘พุทธิพงษ์’ นำทัพ ‘อดีตส.ส.-คนรุ่นใหม่’ สมัครเข้าภท. พร้อมย้ำอุดมการณ์ ขอทำเพื่อคนกทม. ตลอด 24 ชม.

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 12.55 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.กทม. นำอดีต ส.ส.กทม. ประกอบด้วย นายจักรพันธ์ พรนิมิตร, น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์, นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์, น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ และนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา รวมถึงทีมคนรุ่นใหม่ เช่น น.ส.พีร์ปภาอร เสถียรไทย หลานสาวนายสุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นางศลิษา สิงหเสนี, น.ส.พิชามญช์ ชมะนันทน์, น.ส.อัชญา จุลชาต และนายพศิน ชาญศิลป์ นั่งรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามาตาม ถ.พหลโยธิน เข้ามายังที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรค และเปิดตัวทีม ‘ภูมิใจไทย ภูมิใจกรุงเทพฯ’ 

ทั้งนี้ เมื่อเดินทางมาถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งขอเป็นคนทดลองขับรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า โดยมีนายพุทธิพงษ์ และว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. บางส่วน ร่วมนั่งบนรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าด้วย ซึ่งนายอนุทินได้ขับวนรอบพรรคหนึ่งรอบก่อนนำทั้งหมดขึ้นมาบริเวณชั้น 2 ของที่ทำการพรรค เพื่อทำกิจกรรมเปิดตัว

ต่อมาเวลา 13.48 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ยินดีต้อนรับครอบครัวภูมิใจไทย พี่น้องภูมิใจไทยในเขตกทม. สู่บ้านหลังนี้ ความสัมพันธ์ของตนกับนายพุทธิพงษ์ มีมายาวนานตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ คุณแม่ จนถึงรุ่นลูก ซึ่งนายพุทธิพงษ์ มีความทุ่มเท เสียสละ ทำงานรับใช้บ้านเมือง ตรงตามเจตนารมณ์ของพรรค วันนี้ดีใจที่ท่านมาเป็นตัวแทนพรรคเสนอเป็นทางเลือกให้ประชาชนในเขตกทม. ต้องถือว่าท่านเป็นผู้เติมเต็ม เราพยายามรับใช้ประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ แต่พรรคเราเริ่มต้นมาจากต่างจังหวัด ไม่มีพื้นฐานในกทม. เราอาจจะประหม่าในการเข้าถึงจิตใจคนกทม. แต่ช่วงที่ผ่านมา 4 ปี ที่เราได้ร่วมบริหารราชการแผ่นดิน เรามองว่ากทม. เป็นหัวใจของประเทศอีกหนึ่งจังหวัด เราไม่เคยมองข้าม ตนเชื่อว่า นายพุทธิพงษ์ และทุก ๆ คน คงมองว่าถึงเวลาที่พรรคภูมิใจไทยจะเข้า พื้นที่กทม.แล้ว เราจะทำจนสุดความสามารถที่ทำให้คนกทม. เชื่อมั่นในพรรค เหมือนกับคนทั่วประเทศที่เชื่อมั่น และให้โอกาสพรรคมาทำงาน 

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า พรรคนี้เข้าถึงทุกคน ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค และผู้บริหารพรรค เดินไปเดินมาตลอดไม่มีห้องกั้น ไม่ต้องแลกบัตร ปั๊มบัตร ปั๊มมือ ไม่ต้องเขียนชื่อเข้าพบ เราอยู่กันแบบพี่น้อง แบบครอบครัวที่อบอุ่น นี่คือจุดแข็งของพรรค ความเป็นเอกภาพถือเป็นเอกลักษณ์ของพรรค ขอให้ท่านนำสิ่งเหล่านี้มาสิงในตัวเอง หรือเรียกว่าองค์ลง สิ่งที่คนเชื่อว่ายากก็จะขับเคลื่อนได้ ถ้าเรามีประชาชนเป็นเป้าหมายก็จะประสบความสำเร็จ สุดท้ายขอแสดงความยินดีกับตัวเอง และผู้บริหารพรรคทุกคน ที่ได้คนดี ๆ มาร่วมงาน ขอคารวะทุกท่านที่มาร่วมงานด้วยกัน 

ด้านนายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้น และยินดีที่ได้มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย วันนี้นำทีมคนรุ่นใหม่ 60-70 คน มาเป็นทีมทำงานร่วมกัน ครั้งนี้ตนจึงไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับทีมกทม. ทั้งนี้ หากย้อนดูตลอด 3 ปีที่ป่านมา พรรคภูมิใจไทย ไม่มีส.ส.กทม แต่ผลงานในหลายกระทรวงจากรัฐมนตรีของพรรค ทำประโยชน์สร้างโครงการต่าง ๆ ในกทม.จำนวนมาก ผลงานที่ทำไว้ แม้พรรคจะไม่มีส.ส.กทม.เลย แต่ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าเราเสนอคนดี คนเก่ง มาเป็นจุดกลางทำนโยบายให้เกิดขึ้นจริง ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นในกทม. นี่คือเหตุผลว่าทำไมตนต้องมาพรรคภูมิใจไทย

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เราเชื่อตรงกันว่าคนกทม.มีปัญหามาก สิ่งที่คนกทม. รอคอยไม่ค่อยได้รับการแก้ไขได้ตรงจุด และทันเวลา วันนี้เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยให้โอกาสพวกเราได้คิดเป็นนโยบาย และนำกลับไปทำประโยชน์ให้ประชาชน คำว่า ‘พูดแล้วทำ’ มีความหมายมาก เราจะนำคำนั้นกลับไปในกทม. ว่าพวกเราพูดแล้วทำ เราไม่ได้มาแค่ให้ท่านสวมแจ็คเก็ตให้เรา แต่เราเตรียมนโยบายที่คิดว่านำไปปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่นโยบายเมกะโปรเจกต์ แต่เป็นนโยบายบ้าน ๆ เรียบง่าย มาจากปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ทำได้จริงไม่เพ้อฝัน 

'อนุทิน' มั่นใจ เปิดรับ นทท.จีน ไทยได้ประโยชน์มหาศาล ยัน!! ไม่มีสองมาตรฐาน ขอให้เชื่อมั่นระบบ สธ.ไทย

(14 ม.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีนตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า เราติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศจีนมาโดยตลอด เมื่อทางการจีนคลายล็อก เปิดประเทศ แล้วมีการทำสำรวจว่าชาวจีนต้องการมาประเทศไทย ทำให้เรารู้สึกยินดี และได้มีการเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว เราต้องทำให้เขามั่นใจว่ามาเที่ยวเมืองไทย มีความปลอดภัย และต้องทำให้คนไทยรู้สึกปลอดภัย ที่ไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน การที่ชาวจีนเลือกเดินทางมาที่ไทย ย่อมเป็นประโยชน์มหาศาล เพราะภาคการท่องเที่ยว คือเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญมาก ก่อนมีโรคระบาด ประเทศไทย ได้ต้อนรับคนจีนที่หลั่งไหลเข้ามายังประเทศ ความคึกคักเกิดขึ้น เม็ดเงินสะพัด แล้วสิ่งเหล่านี้ก็หายไปร่วม 3 ปี วันนี้เรามีโอกาสที่จะกลับไปอยู่จุดที่เราเคยอยู่ ส่วนตัวมองว่า ไทยมีความเข้มแข็ง มีจุดขายมากมาย อาหารอร่อย งานบริการยอดเยี่ยม การอำนวยความสะดวกไม่เป็นรองใคร ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจ

เมื่อถามถึงมาตรการการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่แบ่งแยก นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน โรคระบาดเกิดขึ้นทั่วโลก แล้วทำไมเราต้องมีเงื่อนไขเฉพาะกับบางประเทศ 

ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นในระบบการแพทย์ไทย มาตรการคัดกรองทั้งหลายมาจากทีมวิชาการ ในนั้นมีผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์แพทย์ ช่วยกันคิดออกมา ซึ่งเราให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ แต่ต้องบาลานซ์กับเรื่องเศรษฐกิจ 

“เรื่องไทยกับจีน ผมขอย้อนไปเล่าตั้งแต่ที่โควิด-19 เริ่มระบาด แล้วไทยตรวจพบคนจีนติดเชื้อเข้ามาในประเทศ ตอนนั้นเรารีบรักษาจนหาย และส่งตัวกลับประเทศ ซึ่งต่อมานักเดินทางจากประเทศอื่นเราก็รักษาเช่นกัน แน่นอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ทางการจีนประทับใจมาก จากนั้น ตอนที่ไทยประสบปัญหา ก็ได้ทางการจีนนี่ที่เข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ทั่วโลกไขว่คว้าหาวัคซีน ไทยก็ได้รับการสนับสนุนจากจีน ไมตรีที่เรามีให้จีน เขามองเห็นแน่นอน และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาเลือกที่จะเข้ามาเที่ยว และเข้ามาร่วมมือในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ กับประเทศไทย” นายอนุทิน กล่าว

'ภูมิใจไทย' เสนอนโยบาย 'ภูมิใจกรุงเทพ 24/7' ยึดหลัก 'เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ให้โอกาส'

(14 ม.ค. 66) หลังจาก บี พุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ ประกาศเข้าร่วมทัพภูมิใจไทย และได้มีงานเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ในวันเดียวกันก็ยังได้ประกาศนโยบายขับเคลื่อนกรุงเทพมหานคร ภายใต้ชื่อ 'ภูมิใจกรุงเทพ' โดยยึดหลักการ 'เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ให้โอกาส' พร้อมแสดงจุดยืนขอรับใช้พี่น้องประชาชนกรุงเทพฯ ตลอด 24 ชม. 

สำหรับนโยบาย 'ภูมิใจกรุงเทพ' มีรายละเอียดดังนี้

>> เพิ่มรายได้ <<

-การหารายได้เพิ่มได้ 3 กะ เปิดพื้นที่ใหม่ๆ ส่งเสริมกิจกรรมใหม่ๆ เพราะวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ หมุนตลอด 24 ชม. เปิดพื้นที่การค้าขาย ที่ขายได้ตลอดวัน เน้นการสร้างงาน กระจายรายได้ เพิ่มกิจกรรมที่สามารกรองรับนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชม. คล้ายตลาดนัด ที่ได้รับความนิยมที่ประเทศไต้หวัน หรือประเทศเกาหลี และเราต้องจัดระบบดูแลความปลอดภัยทั้งแสงสว่าง กล้องวงจรปิด รวมทั้งระบบการขนส่งเพื่อรองรับ คนทำงานช่วงกลางคืน

-พันธบัตรรัฐบาล (Thai Power Bond) พันธบัตรรัฐบาลที่ประชาชนมีสิทธิซื้อก่อนนิติบุคคล หรือสถาบันการเงินต่างประเทศ เป็นการส่งเสริมการออม และ ประกันเงินฝาก สามารถเพิ่มรายได้จากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และเพิ่มความมั่นคงในการออมเงิน และเศรษฐกิจของประเทศ

>> ลดรายจ่าย <<

-พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอก ไม่เกินคนละ 1 ล้านบาท หากเปรียบเทียบกับเงินกู้นอกระบบที่คิดร้อยละ 3 ต่อเดือน ถือได้ว่า สามารถช่วยผู้กู้ประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยตรงนี้ได้ถึง 30,000 บาทต่อเดือน

-One day Pass Ticket ตั๋ววัน ค่าเดินทางที่เป็นต้นทุนของการดำเนินชีวิต หากเราสามารถล็อกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่ให้แพงเกินไป

◇รถ เรือ เริ่มต้น 15 บาท ตลอดวัน ไม่เกิน 50 บาท

◇รถไฟฟ้า เริ่ม 15 บาท ตลอดสายไม่เกิน 40 บาท

-เครื่องกรองน้ำดื่มทุกชุมชน น้ำดื่มเป็นต้นทุนที่สูงประชาชนส่วนหนึ่งเพื่อมาซื้อน้ำดื่ม จ่ายเงินเพื่อเติมเงิน เพื่อกรองน้ำไปใช้ ส่วนนี้จะต้องไม่เป็นภาระของประชาชนในทุกขุมชนอีกต่อไป

-ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ภูมิใจไทย จะนำนโยบาย ติดโซลาร์ รูฟ ฟรี ทุกครัวเรือน เพื่อให้ประชาชนสามารถนำส่วนนี้มาเป็นการลดภาระของค่าไฟ

-ลดภาษี 2 ทาง ผู้ให้/ผู้รับ

◇ วัยทำงานต้องไม่เสียภาษีซ้ำซ้อน (ใช้ VAT เพื่อหักภาษีส่วนบุคคลสูงสุด 150,000 บาท/ปี) วัยทำงานที่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อนจะต้องหมดไป และจะได้นำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายส่วนอื่นในการสร้างเนื้อสร้างตัว

◇ วัยเกษียณที่ยังคงทำงานจะต้องมีนโยบายในการปรับเพดานภาษีเงินได้ เงินส่วนนี้ต้องเสียน้อยที่สุด เพื่อนำเงินส่วนต่างมาเป็นเงินออมเก็บไว้ใช้จ่ายดูแลตัวเอง

‘อนุทิน’ นำทัพ คณะ สธ. ร่วม 2 เวทีใหญ่ ประชุม WEF ที่สวิส - ลงนามจีโนมิกส์ที่ลอนดอน

‘อนุทิน’ นำคณะสธ. ร่วม 2 เวทีใหญ่ - ประชุม WEF ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส - การลงนามความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร 17-22 ม.ค. นี้

(16 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 17-22 ม.ค. 66 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข มีกำหนดการนำคณะผู้บริหารจากกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วม 2 ภารกิจสำคัญใน 2 ประเทศ ประกอบด้วยการเข้าร่วมประชุม World Economic Forum (WEF) ณ เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส และการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับการประชุม WEF ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส ปีนี้จัดการประชุมขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 ม.ค. 66 ภายใต้หัวข้อ ‘Cooperation in a Fragmented World’ มีผู้นำระดับสูงทางการเมือง อาทิ ผู้นำรัฐบาล รัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีการค้า รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ว่าการธนาคารกลาง และภาคธุรกิจจากทั่วโลกตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วม ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนอกจากนายอนุทินพร้อมคณะแล้ว นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง จะเข้าร่วมในการประชุมด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยนายอนุทินพร้อมคณะจะเข้าร่วมประชุมในวันที่ 17-18 ม.ค. 66 ในหัวข้อ Health Systems Transformation ซึ่งที่ประชุมจะหารือกันถึงความร่วมมือระดับโลกทั้งภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับระบบดูแลสุขภาพที่มีความยั่งยืน และหัวข้อ The Pulling Power of ASEAN เกี่ยวกับบทบาทของอาเซียนท่ามกลางการแข่งขันทางภูมิเศรษฐศาสตร์ที่รุนแรง และบทบาทการมีส่วนช่วยสร้างเสถียรภาพและความมั่งคั่งของโลกตลอดจนความร่วมมือในภูมิภาค

'อนุทิน' ตอบคำถามโควิด บนเวที World Economic Forum ชี้!! ไทยไม่เลือกปฏิบัติรับ นทท. หลังมีแผนพร้อมรับมือโควิดรัดกุม

'อนุทิน' ขึ้นเวที World Economic Forum โชว์วิสัยทัศน์ ยกบทบาทอาเซียนพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของประชาคมโลก เผย ศักยภาพไทยบริหารโควิด19 หนุนประเทศเปิดรับนักท่องเที่ยวทุกชาติแบบไม่เลือกปฏิบัติ

(18 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้นำคณะเข้าร่วมการประชุมในหัวข้อที่หลากหลายภายในการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF) และได้รับเชิญให้ขึ้นเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ความสำเร็จทางนโยบายของประเทศไทย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยนายอนุทิน ได้รับเชิญให้ร่วมเวทีแสดงมุมมองรัฐบาลไทยในการประชุมหัวข้อ 'The Pulling Power of ASEAN' โดยมีผู้ร่วมเวทีจากทั้งภาครัฐและเอกชนภายในและนอกอาเซียน ได้แก่ นาง Merit Janow ประธานกรรมการอิสระ มาสเตอร์การ์ด, นาย Luhut B. Pandjaitan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประสานงานกิจการทางทะเลและการลงทุน อินโดนีเซีย และ นาง Teresita Sy-Coson รองประธานกรรมการ  SM Investment Corporation, ฟิลิปปินส์

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินได้กล่าวท่ามกลางความสนใจของที่ประชุมต่อภูมิภาคอาเซียนว่า ทุกประเทศในภูมิภาคนี้มีจุดแข็งของตัวเองและมีจุดร่วมสำคัญความสามารถในการปรับตัว อาเซียนเคยเป็นและจะยังคงเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของมหาอำนาจ ทั้งไทยและประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนมีที่ตั้งอยู่ในเส้นทางยุทธศาสตร์ของจีน และนโยบายอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ แม้จะมีความตึงเครียดในภูมิภาคแต่ความสามารถในการปรับตัว และนโยบายที่ไม่แทรกแซงระหว่างกัน จะส่งผลดีต่อเสถียรภาพและประโยชน์ทางเศรษฐกิจของอาเซียน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรียังได้ชี้ให้ที่ประชุมเห็นถึงความร่วมมือที่แนบแน่นของอาเซียนในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด19 จนเป็นภูมิภาคที่ฟื้นตัวจากโควิด19 ได้เร็ว และได้มีการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านสาธารณสุขฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ (ACHPEED) ขึ้นที่ประเทศไทย ด้วยตระหนักว่าหากในภูมิภาครับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพได้ดีเท่าไร เศรษฐกิจก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้นเท่านั้น เพราะไทยและอีกหลายประเทศในอาเซียนคือ ฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก และขณะนี้อาเซียนกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้ BCG Model ตามที่ได้กล่าวไว้ที่ประชุม APEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนพ.ย. 65 ที่ผ่านมานั่นคือ ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งเสริมให้อาเซียนคงเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับประชาคมโลก

CGTN สื่อดังจีนถามเจาะนโยบายเปิดรับ นทท.ของไทย ด้าน 'อนุทิน' เปิดใจ!! ไทยไม่เลือกปฏิบัติ ทุกชาติเท่าเทียม

'อนุทิน' เนื้อหอม!! สื่อจีนขอสัมภาษณ์นโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของไทย ระหว่างถก World Economic Forum เมืองดาวอส - คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส

(19 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ร่วมเวทีการประชุมหัวข้อ 'The Pulling Power of ASEAN' ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF)  ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส สื่อที่มีชื่อเสียงจากประเทศจีน จากสถานีโทรทัศน์ CGTN ได้ขอสัมภาษณ์พิเศษรองนายกรัฐมนตรีของไทย ถึงนโยบายการท่องเที่ยว สาธารณสุข และการรักษาความสมดุลระหว่างการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกับการดูแลประชาชนและระบบสาธารณสุขจากโควิด-19

‘อนุทิน’ ลงนามร่วมมือ ‘สหราชอาณาจักร’ พัฒนาจีโนมิกส์ มุ่งเป้าวิจัยโรควินิจฉัยยาก - มะเร็ง - โรคติดเชื้อ

‘อนุทิน’ เป็นผู้แทนประเทศไทยลงนามความร่วมมือกับสหราชอาณาจักรพัฒนาด้านจีโนมิกส์ พุ่งเป้าวิจัยกลุ่มโรควินิจฉัยยาก มะเร็ง โรคติดเชื้อ สนับสนุนการให้บริการและส่งเสริมเป้าหมายศูนย์กลางทางการแพทย์ของไทย

(20 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 19 ม.ค. 66 ตามเวลาท้องถิ่น กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นผู้แทนประเทศไทยในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคม แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือว่าด้วยความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ ซึ่งในการนี้ Lord Nick Markham CBE รมช.สาธารณสุขและการดูแลทางสังคม ได้เป็นผู้แทนลงนามในฝ่ายของสหราชอาณาจักร

ทั้งนี้ การลงนามได้มีขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุขและการดูแลสังคม สหราชอาณาจักร โดยมีผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ประเทศเข้าร่วม ฝ่ายไทยมีผู้เข้าร่วม อาทิ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายธานี ทองภักดี เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส) ทางด้านสหราชอาณาจักรมีผู้เข้าร่วม อาทิ ผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคม, National health services (NHS), Genomics England, National health services (NHS), UK Health Security agency, และหน่วยงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

นายอนุทิน กล่าวว่า MOU ฉบับนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ทางการแพทย์ระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ซึ่งภายใต้ความร่วมมือจะมุ่งให้ความสำคัญกับการวิจัยโรคหายาก มะเร็ง เภสัชพันธุศาสตร์ โรคไม่ติดต่อ และโรคติดเชื้อ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top