Friday, 3 May 2024
อนุทินชาญวีรกูล

‘ลุงหนู’ ลุยหาเสียง อ้อนขอคะแนนชาวภูเก็ต ชูนโยบายยกระดับภูเก็ตสู่เมืองสุขภาพระดับโลก 

(24 เม.ย.66) ที่ยิมเนเซียม บริเวณสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยผู้บริหาร และแกนนำพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรค และน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง ได้แก่ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายนิพนธ์ เอกวานิช เบอร์ 3 เขตเลือกตั้งที่ 2 นายวงศกร ชนะกิจ เบอร์ 5 และเขตเลือกตั้งที่ 3 นายวิวัฒน์ จินดาพล เบอร์ 9

โดย นายอนุทิน กล่าวว่า การเลือกตั้งปี 62 ไม่มีใครคิดว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีส.ส. จากภาคใต้ได้กว่า 10 ที่นั่ง แต่ที่สุดแล้วมันก็เกิดขึ้น เพราะความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ตรงส่วนนี้ตระหนักอยู่ในหัวคิดของพรรคภูมิใจไทยตลอดเวลาว่าจะต้องตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจที่ประชาชนมอบให้ ที่ผ่านมา เราพัฒนาถนนหนทางให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ไปจนถึงขยายบริการด้านสาธารณสุข ล่าสุดเราประสบความสำเร็จในการผลักดันสะพานเชื่อมพัทลุง-สงขลา และสะพานข้ามเกาะลันตา จ.กระบี่ อนาคต เราจะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมต่ออ่าวไทยกับทะเลอันดามัน ผ่านจังหวัดชุมพร-ระนอง 

นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับ จ.ภูเก็ต ท่านพิสูจน์ศักยภาพของท่านมาแล้ว จากการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่เราจะเพิ่มโอกาสให้พวกท่านมากขึ้นด้วยการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Hub หลายชาติกำลังเข้าสังคมผู้สูงวัย เขาต้องมองภูเก็ตในฐานะเป้าหมายของเขา 

‘อนุทิน’ โพสต์เฟซบุ๊ก โชว์บัตรประจำตัว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ 

26 มิ.ย. 2566-นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย(ภท.) และหัวหน้าพรรค ภท. โพสต์เฟซบุ๊ก Anutin Charnvirakul โชว์บัตรประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมระบว่า “เริ่มต้นการเป็น ส.ส. สมัยที่สอง”

‘เสี่ยหนู’ ย้ำ!! จุดยืนภูมิใจไทยไม่เปลี่ยนแปลง ไม่หนุนพรรคแก้ ม.112 - ไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

(19 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ว่า ของพรรคภูมิใจไทยยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเหมือนเดิม คือไม่แก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยจะมีเงื่อนไขอะไรหรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า มีแนวทางอยู่ 2 ข้อ ที่เป็นเรื่องหลัก คือ เรื่องมาตรา 112 และไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะไม่ทำ

เมื่อถามว่า มีการมองว่าหากพรรคลำดับที่ 2 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และเป็นพรรคลำดับที่ 3 มองอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า รอให้เกิดขึ้นก่อน ซึ่งตอนนี้มันยังไม่เกิด ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการที่พรรคอันดับ 1 ยังจัดตั้งรัฐบาลอยู่ ยังมาไม่ถึงพรรคลำดับที่ 2 เลย

เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังจับมือกับพรรคก้าวไกลอยู่ พรรคภูมิใจไทยจะร่วมด้วยได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็พูดไปแล้ว คือไม่เอา ซึ่งตนก็ยังอยู่ในแนวทางไม่แตะมาตรา 112 และไม่เอาเสียงข้างน้อย

เมื่อถามย้ำว่า แต่หากไม่มีพรรคก้าวไกลจะพิจารณารับข้อเสนอใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าเพิ่งแต่ อย่าเพิ่งถ้า

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีชื่อของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาแทนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล รับได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่มีแคนดิเดตนายกฯ ตนขอบอกว่าทุกคนที่แต่ละพรรคเสนอมีความเหมาะสมตามเหตุผลของพรรคนั้น ถ้าเราไปบอกคนนู้นไม่เหมาะคนนี้ไม่เหมาะ ซึ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพูด ถ้าเราไปบอกไม่เหมาะเดี๋ยวเขาจะบอกว่าเราฝั่งเราไม่เหมาะก็ยุ่งตาย

เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวพร้อมชิงตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เอาไว้ให้มีความชัดเจนก่อน ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมสนับสนุนให้พรรคที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลทำได้สำเร็จ

‘เศรษฐา’ ร่อแร่!! ‘ชัยเกษม’ วอร์มอัป!! จับตาเกมไหล ‘อนุทิน’ แหกโค้งเข้าป้าย

‘เล็ก เลียบด่วน’ แห่ง ‘เลียบการเมือง’ มาตามกำหนดครับ… ทุกวันพุธและเสาร์… ไม่มีการเลื่อน… หนำซ้ำท่านบรรณาธิการบอกห้ามเบี้ยวอีกต่างหาก… อ้าว!! จัดปายยย… 

เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา หากไม่มีการเลื่อนวาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีออกไป… ป่านนี้คงได้รู้กันไปแล้ว ว่าคนชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ จะได้สักกี่คะแนน จะถึง 375 พอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่… 

แต่ข่าวของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ยืนยันนอนยันและตีลังกายันมาว่า… ไม่ผ่าน!!

ไม่ผ่านด้วยเหตุผลหลัก 3-4 ประการ… 

ประการแรก – พรรคเพื่อไทยไม่สะเด็ดน้ำเรื่องโครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาล

ประการที่สอง – จุดยืนเรื่องไม่แตะมาตรา 112 ตามแถลงการณ์ของพรรคนั้นพอฟังได้ แต่ยังกำกวมอยู่บ้าง ยิ่งไปพ่วงเอาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปฏิรูปกองทัพ โน่น นี่ นั่น คล้ายๆ นโยบายพรรคก้าวไกลเข้ามาอีก ทำให้คุณพี่ สว.หลายท่านละล้าละลัง

ประการที่สาม – เรื่องความโปร่งใสธรรมาภิบาลด้านธุรกิจของคุณเศรษฐา ที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์’ แฉรัวๆ ก็มีผลไม่น้อย และ… 

ประการที่สี่ – สว.ส่วนหนึ่งกลัวว่าเพื่อไทยแอบเล่นละคร ‘ลับ ลวง พราง’ กับพรรคก้าวไกล… สว.บางกลุ่มถึงขนาดเล็งเป้าตอนโหวตว่า ในจำนวนสมาชิกรัฐสภา 10 ชื่อแรก ที่มี สส.ก้าวไกล 4 คน คือ ลำดับ 1 นางสาวกมลทรรศน์ กิตติสุนทร, ลำดับ 7 นายกรุณพล เทียนสุวรรณ, ลำดับ 8 นายกฤช ศิลปะชัย และ ลำดับ 10 นางสาวกฤษฎ์ ชีวะธรรมานนท์… หาก 4 คนนี้โหวต ‘เห็นชอบ’ นายเศรษฐา… พวกเขาจะโหวตสวน หรือ งดออกเสียงทันที

นั่น… เขาตั้งป้อมปฏิเสธพรรคก้าวไกล แต่กระทบถึงพรรคเพื่อไทยกันถึงขนาดนั้น!!

ถึงตอนนี้คำถามมีอยู่ว่า… หลังวันที่ 16 ส.ค.หากพ้นผ่านศาลรัฐธรรมนูญต้องโหวตนายกฯ กันต่อ... ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ยังจะเป็นนายกฯตัวจริงของพรรคเพื่อไทยหรือไม่… ตอบได้เพียงว่าในห้วงสี่ซ้าห้าวันนี้พรรคเพื่อไทยก็คงจะผลักดันต่อ… ดูกระแสสังคม ดูกระแสลมและพายุคลั่งจากชูวิทย์… ถ้าดูแล้ว ‘เสี่ยนิด ณ แสนสิริ’ ไปไม่ไหว ก็คงต้องหันไปใช้บริการชายชื่อ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ แคนดิเดตคนที่สามของพรรค… 

ทราบว่าตอนนี้อาการด้านสุขภาพของชัยเกษมทำท่ากลับมาฟิตปั๋งอีกครั้ง… ปูมประวัตินอกเหนือจากถูกครหาเรื่องช่วยเหลือเอื้ออวยให้ทักษิณตอนเป็นอัยการสูงสุดแล้ว นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรเสียหายมากนัก… แต่ถ้าจะให้แน่ก็ต้องรอวันที่ถูกพรรคประกาศว่าจะเสนอชื่อโน่นแหละ รับรองว่าลำไส้กี่ขดต่อกี่ขดถูกสาวออกมาให้เห็นจนหมดสิ้นแน่… 

ว่ากันว่ากรณีของพรรคเพื่อไทย หากยังเก้ๆ กังๆ ผสมข้ามขั้ว แต่ยังท่องคาถา “มีเราไม่มีลุง” รับรองว่า… เกมจะไหลไปสู่พรรคที่สามอย่างพรรคภูมิใจไทย… ซึ่ง ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็ใช่คนอื่นคนไกล เป็นอดีตศิษย์เก่า ได้ดิบได้ดีมาก็เพราะพรรคเพื่อไทยเมื่อครั้งเป็นพรรคพลังประชาชน… ถ้าพรรคเพื่อไทยไปต่อไม่ได้… ก็คงไม่เป็นอย่างอื่น… นายกฯ คนที่ 30 จะจอดป้ายที่ชายชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล ตามที่แม่หมอสมัครเล่น… ฟองสนาน จามรจันทร์ พยากรณ์ยืนยันมาแล้วหลายเพลา… และบรรดาเหล่า สว.เองก็แอบเชียร์อนุทินอยู่ครึ่งค่อนวุฒิสภา

ส่วนโอกาสของ ‘ลุงป้อม – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น ฐานเสียง สว.เหลืออยู่ในระดับ 50 เสียงเท่านั้น หากยังดำรงจุดมุ่งหมายที่จะเป็นายกฯ ให้ได้ ก็ต้องไปเจรจาล็อกคอพรรคเพื่อไทยมาให้ได้เป็นลำดับแรก…

ครับ!! ว่ากันอย่างถึงที่สุด… ทุกอย่างยังไม่ง่าย… โอกาส ‘เศรษฐา’ มีน้อยลง เริ่มน้อยกว่า ‘ชัยเกษม’ ที่เริ่มถูกพูดถึง ขณะที่ ‘อนุทิน’ ปัจจัยชี้ขาดอยู่ที่ความกล้า ในจังหวะที่ดวงดาวเป็นใจ เรียกว่ามีโอกาสมาก ส่วนลุงป้อมโอกาสน้อยกว่าอนุทินหลายเท่า…

ปล. กรณีทักษิณเลื่อนการกลับบ้านจากกำหนดเดิม 10 ส.ค. ออกไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ อ้างว่าหมอขอตรวจร่างกายนั้น… เป็นใบเสร็จยืนยันว่าทักษิณรอความชัดเจนว่า นายกฯ คนที่ 30 เป็นของพรรคเพื่อไทยหรือไม่?... ถ้าไม่ใช่ อาจต้องเลื่อนต่อไปและต่อไป… รอจนกว่าจะถึงช่วงปลอดภัยปลอดโปร่งตามคำทำนายของแม่หมอฟองสนาน คือ หลัง เม.ย. 2567

แต่ถ้าให้ดีกว่านั้นอีกคือ ช่วง พ.ค.2568 - พ.ค.2569

เลื่อนไหวไหม… โทนี่

'เสี่ยหนู' ชูไอเดียรับมือ 'สังคมผู้สูงวัย' พุ่ง!! ดัน 1 ตำบล 1 บ้านพักคนชรา เป็นวาระแห่งชาติ

(7 ส.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์สังคมผู้สูงวัย ที่ควรผลักดันให้เป็น ‘วาระแห่งชาติ’ ระหว่างการเป็นประธานในงานเปิดการประชุมวิชาการด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุและวิทยาการผู้สูงวัย มหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุ ครั้งที่ 4 ‘The 4th Thailand Elderly Health Service Forum 2023’ ณ อาคารอิมแพคฟอรัม เมืองทองธานี 

โดยนายอนุทินได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า “กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้ปี พ.ศ. 2566 เป็นปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย เนื่องด้วยเราได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ เรียบร้อยแล้ว และแนวโน้มของอัตราส่วนผู้สูงวัยในโลก จะมีแต่เพิ่มขึ้น ไม่ลดลง

สำหรับประเทศไทย ประชากรผู้สูงอายุของเราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นร้อยละ 20 ของประชากรรวม หรือประมาณ 13.5 ล้านคน เรากำลังเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ด้านระบบสวัสดิการสังคม ระบบบริการสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ ค่าใช้จ่ายด้านบริการสุขภาพและสังคม เป็นต้น”

พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพ ตลอดจนการเพิ่มความมั่นคงในชีวิตให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งจะต้องอาศัยองค์ประกอบทุกมิติ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

นอกจากนี้ นายอนุทินได้กล่าวถึงแนวคิดว่าการรับมือกับสังคมผู้สูงวัยในระยะยาวนั้นควรเป็น ‘วาระแห่งชาติ’ ที่จะต้องมีแนวทางอย่างบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานที่อาจต้องมีการเอื้อให้มีแรงงานต่างชาติเข้ามาเติมส่วนขาดในประเทศได้ดีขึ้น ขณะที่คุ้มครองสิทธิของแรงงานไทยไปด้วย กฎหมายสวัสดิการผู้สูงวัย การพัฒนาการออกแบบเมืองและที่อยู่อาศัยให้ตอบรับกับวิถีชีวิตของผู้สูงอายุ งานด้านสาธารณสุข การดูแลกันในชุมชน ซึ่งในอนาคตอาจมีความต้องการบริการแบบ 1 ตำบล 1 บ้านพักคนชรา เป็นต้น

สุดท้ายรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้พูดถึงบทบาทของตนในช่วงรัฐบาลรักษาการว่า ตนได้หารือกับผู้บริหารกระทรวงตลอดเวลาว่าต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานในระดับของส่วนราชการให้มีความมั่นคงเข้มแข็ง แล้วฝ่ายบริหารที่จะเข้ามาจะได้สามารถไปต่อยอดในส่วนของนโยบายเพื่อให้การดูแลผู้สูงอายุสามารถดำเนินการไปได้อย่างบูรณาการและมีประสิทธิภาพสูงสุดได้

'มท.1' ขึงขัง!! สั่ง 'พ่อเมือง' ทำแบล็กลิสต์ 'ผู้มีอิทธิพล' หลังเกิดเหตุ 'กำนันดังนครปฐม' ลั่น!! จะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้

(8 ก.ย.66) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กทม. มีการประชุมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนางทรงศักดิ์ ทองศรี นายชาดาไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เป็นประธาน เข้าร่วมพบปะผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศที่มาเข้าร่วมการประชุม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการประชุมขับเคลื่อนฯว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนครปฐม ที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเป็นเหตุให้มีเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ที่บ้านกำนันดัง นั้น ทุกคนก็เห็นและทราบดีว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรไม่ให้มีระบบเช่นนี้มาทำร้ายชีวิต ทำลายความเป็นอยู่ของประชาชน ลูกน้องผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งถือปืนเข้ามาสังหารประชาชนชาวบ้านหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ สิ่งเหล่านี้ภายใต้ความเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะพ่อเมืองจะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้เราต้องไปดูว่า คนเหล่านี้เข้ามาเป็นกำนัน มาเป็นหัวหน้าผู้นำมวลชนได้อย่างไร และจะปล่อยให้มวลชนเดินตามสไตล์คนเหล่านี้แล้วชุมชนและประเทศจะเป็นอย่างไร

“เรื่องเหล่านี้ภายใต้การบริหารงานของพ่อเมืองจะยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศของเราหรือ เราต้องไปดู ไปขึ้นบัญชี ไปดูประวัติและดูพฤติกรรม ใครที่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ จะมาเป็นผู้นำมวลชนไม่ได้ มีที่เดียวที่คนเหล่านี้จะอยู่ได้ซึ่งสมัยก่อนอยู่ในสังกัดของกระทรวงมหาดไทยแต่ตอนนี้อยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมแล้ว เราต้องส่งไปอยู่ตรงนั้น ซึ่งปลายทางเขายินดีที่จะรับคนเหล่านี้ ไม่ให้ออกมารบกวนวิถีชีวิตของประชาชนคนไทยที่เรารักสงบและมีแต่ความร่มเย็น” รมว.มหาดไทย กล่าว

‘อนุทิน’ เชื่อมือ ‘ชาดา’ ปราบผู้มีอิทธิพลได้ พร้อมเผย บัญชีมาเฟียมีความคืบหน้าแล้ว

(11 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลและมาเฟีย ว่า ตนมอบหมาย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทยไปแล้ว ซึ่งความคืบหน้าการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.นี้ ตนก็จะมีอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อนายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายจบ เราก็จะเริ่มทำงานได้เต็มตัว

เมื่อถามว่า จะมั่นใจว่านายชาดาจะจัดการบริหารเรื่องนี้ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องมั่นใจเพราะทุกคนมีระยะทดลองงาน

เมื่อถามว่า ตั้งกรอบระยะเวลาการทำงานไว้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า งานและปัญหาประชาชนมีอยู่ตลอดเวลา เราจะไปตั้งกรอบเวลามันไม่เกิดประโยชน์ เราต้องแก้ปัญหาไปทุกวันๆ

เมื่อถามกรณี ความคืบหน้าการสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดจัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพล นายอนุทิน กล่าวว่า ก็คืบหน้าไปเรื่อยๆ และตอนนี้ได้มอบหมายนายชาดาไปแล้ว

เมื่อถามว่า การอภิปรายในสภาฯ เป็นอย่างไรบ้าง หากเทียบกับบรรยากาศการอภิปรายในอดีตที่ผ่านมา นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯ พูดถึงเนื้อหาได้ดี

เมื่อถามว่า คิดว่าจะนำเงินงบประมาณมาจากไหนเพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เราก็จะหาเงินก้อนนั้นมาให้ได้

‘มท.1’ กร้าว!! จะใช้กลไกอำนาจรัฐเพื่อบ้านเมือง เร่งปราบมาเฟีย - กำจัดผู้มีอิทธิพลให้สิ้นซาก

(18 ก.ย. 66) ที่ รร.รามาการ์เดนส์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งถึงนโยบายการจัดระเบียบสังคมและผู้มีอิทธิพลว่า เมื่อพูดถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล คนส่วนใหญ่คิดไม่ออกว่าต้องทำอย่างไร เราต้องมาตั้งหลักกันใหม่ สำหรับกระทรวงมหาดไทย ผู้มีอิทธิพลหมายถึงคนที่ใช้อำนาจที่มีอยู่ในทางมิชอบ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักเลงหัวไม้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอันธพาล คนดี ๆ แบบนี้ที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ ข่มเหงคนอื่น และก่อประโยชน์ส่วนตน ทำให้คนอื่นเดือดร้อน กีดกันคนอื่นไม่ให้ได้รับโอกาสเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นอำนาจรัฐ อำนาจบารมีในท้องถิ่น อำนาจเงิน และอำนาจสายสัมพันธ์ต่าง ๆ ถ้าใช้อิทธิพลประกอบคุณงามความดี เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญ แต่ใช้อิทธิพลก่อให้เกิดความเดือดร้อน เสียหายต่อสังคมและประเทศชาติ นี่คือสิ่งที่ต้องกำจัด หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยมุ่งจัดระเบียบสังคมให้สงบสุข ทำบ้านเมืองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดอบายมุข ยาเสพติด ประชาชนมีความมั่นคง ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีทัศนคติที่ดีต่อบ้านเมือง สิ่งใดที่ขัดต่อความมุ่งหมายนี้ เราจะใช้กลไกของรัฐที่พวกท่านทั้งหลายถืออยู่ในมือต้องกำจัดให้สิ้นซากไป

นายอนุทิน กล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทของรัฐบาลว่า เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่าไม่ใช่เงินสด มันมีวงเงิน เป็นการใช้ที่มีข้อกำหนด เช่น ใช้ในรัศมี 4 กม. แต่อาจจะเพิ่มเป็นหมู่บ้าน ตำบล อำเภอก็ว่าไปตามความเหมาะสม ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังดำเนินการอยู่ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ได้หาเสียงเรื่องนี้เอาไว้ เราก็ต้องเข้าใจ ตนก็เคยหาเสียงมาก่อนในส่วนของตน เมื่อเราหาเสียงอะไรแล้ว หน้าที่คือต้องทำให้สำเร็จ ถ้าหาเสียงมาแล้วไม่ทำเท่ากับเราหลอกลวงประชาชน ที่เราเข้ามาทุกวันนี้ได้เพราะไปสัญญากับประชาชนไว้ ที่บอกว่าสิ่งนี้ทำไม่ได้ เป็นการมอมเมาประชาชน เราก็มองว่าต่างคนต่างความคิด แต่เราก็น้อมรับรับฟัง ถ้าคิดโดยหลักการมันก็เป็นเงินบาท ซื้อของไทย ใช้ของไทย หมุนเวียนอยู่ในระบบของเรา และต้องสร้างการป้องกันเพื่อป้องกันการหักหัวคิวด้วย เราจะปล่อยให้เกิดไม่ได้

“ผมชื่อเล่นชื่อหนู ภารกิจของท่านคือราชสีห์ แต่สำหรับผมราชสีห์คือประชาชน ให้หนูช่วยเถอะครับ อะไรที่ติดขัดก็มาบอก แล้วก่อให้เกิดผลประโยชน์ประชาชน ผมยินดีทำและรับผิดชอบร่วมกับ พวกเราทุกคนไปช่วยราชสีห์กัน ราชสีห์ก็คงไม่ตะปบเรา ราชสีห์ก็คงอยู่กับเราด้วยความสง่างาม ด้วยความสมบูรณ์ เราก็เป็นหนูที่ช่วยราชสีห์ มันก็อยู่กันได้ด้วยความสุข ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ในนิทานอีสปหรอกครับ” นายอนุทิน กล่าว

‘อนุทิน’ ตั้ง คกก. ลุยสอบโครงการฮั้วประมูล ‘กำนันนก’ ลั่น!! ใครมีเอี่ยว เอาผิดตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด

(18 ก.ย. 66) ที่ รร.รามาการ์เด้นส์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบโครงการที่อาจเข้าข่ายฮั้วประมูล ที่มีความเกี่ยวข้องกับนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ ว่า ตนเชื่อว่าคดีดังกล่าวจะนำมาสู่การขยายผล ตอนนี้จะต้องตรวจสอบโครงการต่าง ๆ ทั้งหมดของกระทรวงมหาดไทย ว่าตรงไหนเข้าข่ายฮั้วประมูล ซึ่งตนจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาและลุยเรื่องนี้

ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้ว แต่ในทางราชการมีข้อเสียว่าต้องมีหลักฐานมาประกอบ จะใช้ความรู้สึกไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ท้าทาย เป็นสิ่งที่ยาก และจำเป็นต้องขอข้อมูลหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นต้น ขณะนี้โครงการใหญ่ ๆ ได้รับการร้องเรียนเป็นจำนวนมากบางโครงการมีการทักท้วงแล้วแต่ยังเดินหน้าโครงการต่อ ซึ่งเราจะเข้าไปดำเนินการ ยืนยันว่าตนจะพยายามดำเนินการด้วยการหาพยานหลักฐานต่าง ๆ ว่ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง ขณะนี้ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่ผมมีหน้าที่ติดตามตรวจสอบ เร่งรัดให้การตรวจสอบเกิดขึ้นโดยเร็ว

เมื่อถามว่าถ้ามีคนในเข้าไปเกี่ยวข้อง จะมีการคาดโทษหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งการทุจริตจะทำเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องมีคนเข้ามาเอี่ยว

เมื่อถามว่าจะวางแนวทางการป้องกันในอนาคตอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด สิ่งใดไม่ดีต้องใช้กฎหมายดำเนินการให้เฉียบขาดโดยเร็วที่สุด ซึ่งคดีทุจริตไม่มีอายุความ 

‘อนุทิน’ ปลื้ม!! ‘OTOP Midyear 2023’ โกยรายได้ทะลุ 400 ล้าน ชวนซื้อของไทย-ใช้ของไทย หนุนเงินทองหมุนเวียนในประเทศ

(1 ต.ค. 66) ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย คุณสุภานัน นิราษิท ภริยา เยี่ยมชมและให้กำลังใจผู้ประกอบการ OTOP ในงาน OTOP Midyear 2023 โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุลชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านบริหาร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศศิธร จันทมฤก อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมให้การต้อนรับและนำชม

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับงาน ‘OTOP Midyear 2023’ โดยตลอด 8 วันที่ผ่านมา ได้รับความเมตตาและการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนร่วมจับจ่ายใช้สอยและเลือกซื้อเลือกหาอุดหนุนสินค้าชุมชนของผู้ประกอบการ จนมียอดจำหน่ายสูงถึง 375 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 300 ล้านบาท คาดว่าก่อนปิดงานในช่วง 21.00 น.วันนี้ จะมียอดจำหน่ายไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท

ซึ่งการจัดงาน ‘OTOP Midyear 2023’ ในครั้งนี้ เป็นการกระตุ้นให้คนไทยเชื่อมั่นในสินค้าที่เกิดจากภูมิปัญญาพี่น้องประชาชน ไม่มีอะไรดีหรือประเสริฐไปกว่าคนไทยเราช่วยกัน เงินทองก็ไม่รั่วไหลไปไหน หมุนเวียนอยู่ภายในประเทศ

“ผมกล้าการันตีว่า สินค้า OTOP นี้ดีกว่าสินค้าแบรนด์เนมแน่นอน ดีกว่า ทนกว่า คุ้มค่ากว่า เกิดประโยชน์ เกิดคุณค่ามากกว่า และในด้านการส่งเสริม Soft Power เรามีกรมการพัฒนาชุมชน มีทีมไปเสริมทักษะ เสริมเรื่องคุณค่า คุณภาพ มูลค่าเพิ่มให้กับพี่น้องประชาชน เราช่วยยกระดับทำให้สินค้าของไทยที่ทำด้วยคนไทย ได้รับการเสริมสร้างความรู้ให้เขารู้ว่าตลาดในประเทศและต่างประเทศ ณ เวลานี้เป็นยังไง ดังสโลแกน ‘ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที’ ที่สอดคล้องกับทุกสถานการณ์ ณ วันนี้เรามีผ้าไทยลายแบบไหนที่คนชื่นชมชื่นชอบ ออกแบบยังไง ใช้ยังไง ใช้วัสดุอะไร ใช้เส้นด้ายยังไงที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศคนไทย ใส่แล้วไม่ร้อน ไม่อึดอัด ดูแลรักษาง่าย เรามีกรมการพัฒนาชุมชนไปช่วยในเรื่องของการ สร้างเสริมการเรียนรู้ให้กับชาวบ้าน เพื่อทำให้สินค้า OTOP เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ได้รับความนิยมชมชอบในระดับสากล” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมอุดหนุน ร่วมให้กำลังใจ ผู้ประกอบการ OTOP ในงาน ‘OTOP Midyear 2023’ ที่มีร้านค้ามากกว่า 2,000 ร้าน ทั้งของกิน ของใช้ และเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มจากทั่วฟ้าเมืองไทย 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ในวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายยังมีของดีๆ อีกจำนวนมาก มีร้านอาหารโซน OTOP ชวนชิม ซึ่งโซนนี้ขอการันตีว่าของกินเด็ดๆ ที่ไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินหรือขับรถยนต์ไปกินทั่วประเทศ ได้มารวมที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี และวันนี้เอง พี่น้อง OTOP จะได้จำหน่ายสินค้าในลักษณะ ลด แลก แจก แถม โปรโมชั่นมากมาย โดยสามารถเดินทางมาเลือกซื้อสินค้า OTOP กันได้ถึงเวลา 21.00 น.วันนี้

โดยตลอดการเยี่ยมชมงาน นายอนุทินฯ ได้สาธิตตีขิม และเป่าขลุ่ย บริเวณโซนศิลปิน OTOP และเดินพบปะให้กำลังใจผู้ประกอบการ เลือกซื้อสินค้า พร้อมทั้งทักทาย และขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาเที่ยวชมงานด้วยความเป็นกันเอง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top