Friday, 3 May 2024
อนุทินชาญวีรกูล

‘อนุทิน’ นำทีมเบิร์ธเดย์ ‘เนวิน’ ครบ 65 ปี บอกอวยพรตามประเพณีด้วยจิตใจที่รักเคารพ

(7 ต.ค.66) ที่ จ.บุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย (มท.) ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยถึงการอวยพรวันเกิดนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มีอายุครบ 65 ปี เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 6 ต.ค. ภายหลังการสัมมนาสส.ของพรรค นายอนุทิน และแกนนำพรรค พร้อมด้วยสส.ของพรรค ได้อวยพรวันเกิดนายเนวิน ว่า เราอวยพรตามประเพณีด้วยจิตใจที่เรารักเคารพ

เมื่อถามว่า นายเนวินฝากอะไรบ้างหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราทำงานกันเป็นทีมอยู่แล้ว ซึ่งการเป็นพรรคการเมือง เราต้องทำงานให้ประชาชน

เมื่อถามว่า นายเนวินได้พูดถึงเป้าหมายจำนวน สส.ของพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความขยันของผู้สมัครแต่ละคนด้วย แต่ว่าผู้ปฏิบัติที่บริหารราชการแผ่นดิน ก็ต้องทำงานเต็มที่

‘ชัยวุฒิ’ โพสต์ดีใจได้พบ ‘อนุทิน - พีระพันธุ์’ หลังเข้าร่วมยินดีครบรอบ 27 ปี ‘ไทยโพสต์’

บรรยากาศสุดชื่นมื่น ‘ชัยวุฒิ’ เข้าแสดงความยินดี ‘เปลว สีเงิน’ ในโอกาสครบรอบ 27 ปี ‘ไทยโพสต์’ พร้อมเผยดีใจที่ได้พบกับคนคุ้นเคย ทั้ง ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ และ ‘พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค’

(20 ต.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โพสต์ภาพพร้อมข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ในโอกาสเข้ามอบกระเช้าดอกไม้ให้กับคุณเปลว สีเงิน คอลัมนิสต์ชื่อดัง ในโอกาสครบรอบหนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ โดยระบุว่า “ขอบคุณอาเปลว ที่เมตตาผมครับ และขอบคุณไทยโพสต์สื่อคุณภาพที่อยู่คนไทยมาอย่างยาวนาน”

พร้อมกันนี้ ยังได้โพสต์คลิปบรรยากาศ การพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ซึ่งเดินทางมาร่วมยินดีกับไทยโพสต์ด้วยเช่นกัน โดยระบุข้อความว่า “ดีใจที่ได้เจอพี่ ๆ ทั้งสองท่านครับ… เก่งทั้งคู่ครับ”

'อนุทิน' ชื่นชมหนัง 'สัปเหร่อ' ยกของดีที่ควรต้องโชว์  ตัวอย่างความสำเร็จซอฟต์พาวเวอร์ผ่านวิถีชาวบ้าน

(24 ต.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกระแสภาพยนตร์เรื่อง ‘สัปเหร่อ’ ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ คือตัวอย่างความสำเร็จจากการนำเสนอสิ่งที่เป็นวิถีของชาวบ้าน หลายสิ่งหลายอย่างเราเคยสงสัย หนังเรื่องนี้ เฉลยไว้หมดแล้ว แล้วยังให้แง่คิดเรื่องชีวิต ครอบครัว ความรัก ไว้ด้วย หนังทำให้เราเห็นว่า วิถีไทย ไทยสไตล์ ไม่ว่าจะรูปแบบไหน ก็ต่างมีเสน่ห์ทั้งนั้น ไม่ต้องไปทำตามแบบใครเลย ภูมิใจในความเป็นเรานี่เอง ดีที่สุด ต้องชื่นชมคนนำเสนอที่ภูมิใจในวิถีของตัวเอง กล้านำเสนอ อย่างตรงไปตรงมา กินใจผู้ชม ของอะไรก็ตาม มันมีดี ให้โชว์ทั้งนั้น ขอแค่ภูมิใจ แล้วกล้าโชว์ อย่าไปมองว่า เราด้อยกว่าเขา เราอ่อนกว่าเขาเด็ดขาด กับของไทยๆ สินค้าไทย กับฝีมือคนไทย มั่นใจว่าไม่แพ้ใครในโลก“อย่าง OTOP สำหรับผม ผมว่าหลายอย่างงดงามระดับโลกเลยนะ ผ้าไทย ผมใส่โชว์เลย ก็มันสวย แล้วผมก็เป็นคนที่ภาคภูมิใจในการใช้ของไทยอยู่แล้ว ถ้า

เรากล้าอวดซะอย่าง ของที่เราอวดมันก็มีคุณค่าขึ้นมาแล้ว เหมือนหนังเรื่องไทบ้าน ก่อนที่จะมีสัปเหร่อ คนทำเขากล้า หนังมันก็ได้ฉาย อย่างน้อยที่สุด สมมติ ถ้าไม่ได้กำไร ขาดทุน แต่เรื่องราววิถีไทบ้านที่เขาอยากนำเสนอมันก็ไปถึงคนอื่นๆ แล้ว ใครอยากจะปั้น Soft Power ไทยต้องกล้าทำ กล้าโชว์ก่อน ถ้ามานั่งกล้าๆ กลัวๆ ที่แย่กว่าคือด้อยค่ากันเอง แบบนั้นไปไม่รอด ถ้วยกาแฟใบโปรดของผมก็ซื้อจากงาน OTOP สวยงามมาก ผมยังโพสต์อวดอยู่เลย” นายอนุทิน กล่าว

'อนุทิน' ยัน 320 เสียงพรรคร่วมฯ หนุนดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 แต่หากในอนาคตมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ก็ต้องตรวจสอบ

(24 ต.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสพรรคร่วมรัฐบาลพยายามลอยแพพรรคเพื่อไทย หลังมีกระแสด้านลบเกี่ยวกับเงินดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่า ยืนยันว่าไม่มีการลอยแพ ตนเองก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ และเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะมีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่หากในอนาคตมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็ต้องตรวจสอบ เพราะไม่เช่นนั้นจะมาเป็นนโยบายรัฐบาลไม่ได้ และเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาลพรรคร่วมจะต้องช่วยกันสนับสนุน แต่ก่อนจะออกเป็นนโยบายจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และการตราเป็นพระราชบัญญัติ อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้วเราก็มีหน้าที่ในการทำให้นโยบายของรัฐบาลได้รับการผลักดัน พร้อมย้ำว่าไม่มีการลอยแพอยู่แล้ว แต่อยู่ในเรือนแพ

เมื่อถามว่า กรณีที่นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่าอยากให้เป็นการใช้เงินเฉพาะกลุ่ม จะมีผลกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่ารัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อนำมาพิจารณาว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสม ตามรัฐธรรมนูญและทำได้จริง ขออย่าไปมองว่า มีนโยบายอะไรที่เป็นพิเศษขึ้นมา เพราะนโยบายนี้ถือเป็นนโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่าการนำไปใช้ ต้องไม่ขัดแย้งกับหลักกฎหมาย ส่วนที่ขณะนี้มีแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยังขาดเสียงสนับสนุนนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาล 320 เสียง ต้องสนับสนุน 

เมื่อถามว่า ในฐานะคณะรัฐมนตรีหากในท้ายที่สุดนโยบายนี้มีปัญหาจะต้องรับผิดชอบร่วมกันหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า นโยบายนี้ไม่ใช่ว่าจะนำออกมาใช้ได้เลย ยังต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณา แต่ในขณะนี้ก็ยังสนับสนุนในฐานะเป็นรัฐบาล แต่หากดูแล้วมีอะไรที่เป็นปัญหาขัดต่อรัฐธรรมนูญ ระเบียบ ก็ต้องคุยกันเพื่อหาทางออกให้ได้

‘อนุทิน’ แจง ‘มท.’ ร่อนหนังสือถึงครอบครัวแรงงานคนไทยในอิสราเอล ขอช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้กลับบ้าน ยัน!! นายกฯ รับปากรัฐบาลเยียวยาเต็มที่

(29 ต.ค. 66) ที่ท้องสนามหลวง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งไปแต่ละจังหวัดให้ญาติของแรงงานไทยในอิสราเอล เกลี้ยกล่อมแรงงานให้กลับประเทศ ว่า ก็ต้องช่วยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านกรุณาสั่งการด้วยตนเอง เพราะมีความเป็นห่วงพี่น้องแรงงานชาวไทยในอิสราเอล และหลายคนก็เป็นตัวประกันด้วย ท่านคงมีความกังวลว่า ถ้าหากมีการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินแล้ว จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับพี่น้องประชาชน จึงตัดสินใจว่า อย่างไรก็ขอให้พี่น้องคนไทยได้กลับมาสู่มาตุภูมิก่อน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ทางรัฐบาลจะเร่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้มีการทำเรื่องเสนอในการเยียวยาให้กับพี่น้องแรงงานชาวไทยในอิสราเอล เพียงแต่ขอให้กลับมาสู่ประเทศไทยให้ปลอดภัยก่อน ซึ่งนี่คือความเป็นห่วงของนายกรัฐมนตรี และท่านก็ขอให้เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยได้ทำหนังสือไปยังแต่ละจังหวัด และเราสำรวจแล้วว่าแต่ละจังหวัด แต่ละอำเภอ มีครอบครัวผู้ใช้แรงงานอิสราเอลจำนวนเท่าไหร่ จึงช่วยกันให้ญาติๆ ชวนกันกลับมา เพื่อให้ความมั่นใจว่าเอาชีวิตปลอดภัยไว้ก่อน แล้วรัฐบาลจะเยียวยาช่วยเหลือให้มากที่สุด ย้ำว่านี่คือความประสงค์ของนายกฯ

มีดีต้องกล้าโชว์!! ‘อนุทิน’ ชม สินค้าไทยคือของดีน่าอวด แนะ รัฐบาลเร่งหาตลาดส่งออกเพิ่ม ปั้นสินค้าไทย สู่ Soft Power ระดับโลก

เมื่อไม่นานนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวชื่นชมสินค้าไทย โดยฝีมือของคนไทย มั่นใจว่าไม่แพ้ใครในโลก

“อย่าง OTOP สำหรับผม ผมว่าหลายอย่างงดงามระดับโลกเลยนะ ผ้าไทย ผมใส่โชว์เลย ก็มันสวย แล้วผมก็เป็นคนที่ภาคภูมิใจในการใช้ของไทยอยู่แล้ว ถ้าเรากล้าอวดซะอย่าง ของที่เราอวดมันก็มีคุณค่าขึ้นมาแล้ว ใครอยากจะปั้น Soft Power ไทย ต้องกล้าทำ กล้าโชว์ก่อน ถ้ามานั่งกล้าๆ กลัวๆ หรือที่แย่กว่าคือการด้อยค่ากันเอง แบบนั้นไปไม่รอด ถ้วยกาแฟใบโปรดของผมก็ซื้อจากงาน OTOP สวยงามมาก ผมยังโพสต์อวดอยู่เลย” นายอนุทินกล่าว

‘อนุทิน’ เคาะ!! ‘TCAS 67’ รอบแอดมิชชั่น สมัครเลือกคณะฟรี  หวังช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง - นักเรียนกว่า 125,000 คน

(13 พ.ย.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้ตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมีนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. พร้อมผู้บริหาร และบุคลากรให้การต้อนรับ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยนายอนุทิน ได้เข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) จากนั้นขึ้นรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า EV ( MuvMi) ที่ผลิตโดยคนไทยเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และลดการใช้พลังงานน้ำมันที่กระทรวง อว.ให้การสนับสนุนภาคเอกชนเพื่อมาชมนิทรรศการการจัดแสดงผลงานเด่นของหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวง อว. ก่อนมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวง อว.

นายอนุทิน กล่าวมอบนโยบายว่า ได้เน้นย้ำให้กระทรวง อว. ให้ความสำคัญในการตอบโจทย์ ความต้องการของประเทศและของโลก และให้ความสำคัญกับ ‘การพัฒนาที่ยั่งยืน’ ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดยดําเนินการภายใต้หลักการ ‘เอกชนนํา รัฐสนับสนุน’ ที่สำคัญวาระเร่งด่วนที่กระทรวง อว. ต้องดำเนินการทันที คือ การลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายโอกาสการเข้าถึงการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยการให้กระทรวง อว. และที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง และนักเรียน ในการสมัครคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยผ่านระบบการรับสมัครสอบกลาง ประจําปี 2567 หรือ ‘TCAS 67’ ในรอบแอดมิชชั่น ซึ่งเป็นรอบที่มีนักเรียนจํานวนมากที่สุดกว่า 125,000 คนต่อปี เข้ามาสมัคร

“ผมขอประกาศข่าวดีว่ากระทรวง อว. และ ทปอ. จะนํางบประมาณมาอุดหนุนการสมัครในรอบแอดมิชชั่น โดยจะเริ่มตั้งแต่ ‘TCAS 67’ ในเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยให้นักเรียน แต่ละคน สามารถสมัครเลือกคณะ 1 - 10 อันดับได้ฟรี เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระได้สูงสุดคนละ 900 บาท ถือเป็นหนึ่งในความพยายามระยะสั้นในการลดค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงการศึกษา ขณะที่รัฐบาลกําลังพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอย่างแข็งแรง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับเยาวชนไทย ได้มีทางเลือกในการศึกษา ในระดับอุดมศึกษามากขึ้น” นายอนุทิน กล่าว 

พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนในฐานะกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวง อว. กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญในการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมวิทยาศาสตร์ สังคมแห่งการเรียนรู้ สังคมแห่งเหตุผล และ สังคมแห่งปัญญา โดยกระทรวง อว. มีองค์ความรู้มากมายที่พร้อมจะถ่ายทอดให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพ แต่การถ่ายทอดนั้นยังเป็นไปอย่างจำกัด องค์ความรู้เหล่านั้นจึงอยู่ในกระทรวง แต่ไม่ได้รับการนำเสนอ และถ่ายทอดไปถึงประชาชนกลุ่มเป้าหมาย อย่างทั่วถึง ดังนั้น กระทรวง อว. ต้องรับเป็นนโยบายให้ความสำคัญกับการเผยแพร่องค์ความรู้ ในรูปแบบ และช่องทางที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในภาพรวม

“เมื่อครั้งที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองในการทำงานของกระทรวงให้เป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจเพราะความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนคือรากฐานที่สำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวง อว. ก็เช่นกัน ภายใต้การนำของรมว.ศุภมาส อิศรภักดี กระทรวง อว. จะก้าวสู่ความ เป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่จะเป็นเสาหลักทางปัญญา และนำพาโอกาสทางเศรษฐกิจสู่ประชาชนต่อไป” นายอนุทิน กล่าว

‘อนุทิน’ ชื่นชม ‘นายกฯ’ ทำงานเร็ว-ตัดสินใจเฉียบขาด ย้ำ!! ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมหนุนทุกนโยบาย

(19 พ.ย.66) ที่ไบเทคบางนา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 41 และมอบรางวัลสำเภาทอง ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ได้รับรางวัล โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า รางวัลนี้นอกจากจะเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญ ที่แสดงถึงการให้ความสำคัญต่อความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นายอนุทิน กล่าวถึงการทำงานร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าจากการที่ได้ร่วมงานมา 3 เดือน เห็นถึงความพร้อมจะพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นคนทำงานรวดเร็ว ว่องไว และตัดสินใจเฉียบขาดทุกเรื่องที่ได้รับนโยบายมาก็มีความสบายใจว่านโยบายหรือคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชนกับวิถีชีวิตของคนไทยและเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ได้นึกถึงเรื่องของพรรคการเมือง ทุกเรื่องคือเรื่องของรัฐบาลในการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลที่แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา เป็นคำมั่นสัญญาว่าจะปฏิบัติตาม สิ่งที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน ตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้ง

นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในการแถลงนโยบาย ที่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่คณะรัฐมนตรี และข้าราชการ ต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะมีอุปสรรคปัญหาใดๆ ต้องหาหนทางที่จะแก้ไข และดำเนินการให้นโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาบรรลุผลสัมฤทธิ์ให้ได้ 

“นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจที่จะทำนโยบายให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย มั่นใจว่าภารกิจที่ได้ให้สัญญาเอาไว้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ขอให้คำยืนยันจะให้ความร่วมมือกับนายกรัฐมนตรีในทุกๆ นโยบาย ที่จะทำให้ประเทศเกิดประโยชน์” นายอนุทิน กล่าว

‘อนุทิน’ ยก ‘แก้จน’ เป็นวาระแห่งชาติ ขจัดปัญหาปากท้องคนไทย ชี้!! ไม่ใช่ทำให้ทุกคนรวย แต่ ปชช.ต้องพ้นทุกข์-คุณภาพชีวิตดีขึ้น

(20 พ.ย. 66) ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องวาระแห่งชาติ ‘นโยบายแก้จนของประเทศ’ ในงานสัมมนาเรื่องการแก้ปัญหาความยากจน วิถีความสำเร็จและความเป็นอยู่ที่ดี จัดโดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำวุฒิสภา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตอนหนึ่งว่า นโยบายแก้จน ต้องเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ที่ผ่านมาในการหาเสียงไม่มีรัฐบาลใดไม่คิดแก้ปัญหาความยากจน ดังนั้น เมื่อประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้วต้องแก้ไขให้ได้ ไม่ใช่ให้เป็นวาระที่ต้องทำแบบถาวร เมื่อตนมีโอกาสทำงานที่กระทรวงมหาดไทย ต้องทำทุกอย่างเพื่อกำจัดความยากจน และเป็นภารกิจและวาระแรกของตนที่ตั้งใจจะทำ

“ถ้าตั้งใจแก้ปัญหา โดยให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำปัญหาปากท้องให้ดีขึ้นเยอะๆ เมื่อมีคนพูดว่ามาแก้ความจน ผมก็ท้อ เพราะต้องแก้ทุกอย่างจะแก้ได้อย่างไร มีแค่พูดกันไป โยนกันมา แต่ผมมองว่าการแก้ปัญหาความยากจน ไม่ใช่ให้ทุกคนรวย เพราะความรวยมีหลายระดับ แต่ต้องทำให้ประชาชนพ้นทุกข์ขั้นพื้นฐาน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พ้นความลำบาก ซึ่งนโยบายแก้จนของประเทศไทยต้องเป็นวาระแห่งชาติ โดยสนับสนุนสวัสดิการด้านต่างๆ ยกระดับการศึกษา เพิ่มรายได้ด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย ผมเชื่อว่าจะสามารถลดความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และพัฒนาให้เติบโตที่ยั่งยืนได้” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า กระทรวงมหาดไทยพร้อมสนับสนุนภารกิจต่างๆ รวมถึงนโยบายที่จะแก้ปัญหาตามอำนาจและหน้าที่ โดยตนขอให้สัญญาประชาคม และยืนยันความพร้อมทำเรื่องดังกล่าวให้สำเร็จ ทั้งนี้ แผนการทำงานนอกจากต้องสนับสนุนเรื่องปัจจัย 4 ให้ประชาชนแล้ว ยังต้องเติมเต็มปัจจัยที่ 5 คือการศึกษาของเยาวชนที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันต้องหาทางลดรายจ่ายของประชาชน เช่น สนับสนุนให้น้ำประปาดื่มได้ เพื่อประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อน้ำบริโภค นอกจากนั้นแล้วตนยังมองในประเด็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการอพยพย้ายถิ่นที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเปิดกว้างให้ประชากรคุณภาพจากต่างชาติเข้ามาในประเทศ

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า สำนักสถิติระบุว่า ประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีมากที่สุดและเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยที่สุด ดังนั้น การแก้ปัญหา คือ การหาที่ดินทำกินและพัฒนาแหล่งน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรม โดยตนฐานรองนายกฯ ที่ดูแลกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมจะใช้นวัตกรรมเพื่อใช้การบริหารจัดการน้ำ อีกทั้งต้องทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย

“ผมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ถือเป็นเพื่อร่วมรุ่นกันที่มีสายสัมพันธ์ ได้พูดคุยกันและมีแนวคิดแนวทางเดียวกัน ซึ่งจะใช้เวลาเท่ากับอายุของรัฐบาลนี้ ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากที่สุด ผมอาจจะขอเยอะ อาจจำเป็นต้องแลกกัน ทั้งงบประมาณที่ใช้ หรือโครงการที่ใช้ ผมจะใช้ความสัมพันธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและบ้านเมือง” นายอนุทิน กล่าว

‘อนุทิน’ เยือน ‘สิงคโปร์’ ร่วมถก รมต.อาเซียน ด้านการพัฒนาชนบท พร้อมชู ‘ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้-ขยายโอกาส-ขจัดความยากจน’

(22 พ.ย. 66) ที่แซนด์ เอ็กซ์โป แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ (Sands Expo & Convention Centre) สาธารณรัฐสิงคโปร์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน ด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 13 (13th AMRDPE) ‘การเสริมสร้างความเข้มแข็งโดยใช้ชุมชนเป็นฐานราก และการคุ้มครองทางสังคม เพื่อการบรรเทาความยากจน’

นายอนุทิน กล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ครั้งที่ 13 โดยได้นำเสนอความคืบหน้าของประเทศไทยในการดำเนินนโยบายเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งนับแต่ปี 2021 ประเทศไทยมีสถิติประชากรในกลุ่มผู้ยากไร้ลดลง และมีพัฒนาการด้านรายได้ การศึกษา การสาธารณสุข และคุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้นโดยลำดับ เมื่อพิจารณาจากดัชนีชี้วัดความยากจนหลายมิติ (Multidimensional Poverty Index – MPI) สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยได้ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด และผ่านช่วงเลวร้ายที่สุดมาแล้ว

นายอนุทิน ย้ำว่า อย่างไรก็ดี ไทยยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำเพื่อขจัดความยากจน โดยแนวทางนโยบายของรัฐบาลจะเน้นเรื่องการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ซึ่งในส่วนของการลดภาระด้วยสวัสดิการต่าง ๆ ก็ได้มีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับค่าน้ำ ค่าไฟ ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษา และขยายสิทธิด้านการสาธารณสุข รวมถึงสวัสดิการผู้สูงวัยมาโดยลำดับ

ในส่วนของการเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน นายอนุทินได้ย้ำถึงภาคส่วนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ คือ ‘ภาคเกษตรกรรม’ ซึ่งรัฐบาลมีแผนที่จะเน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี มาสนับสนุนการเพิ่มผลผลิตในแนวทางสมาร์ตฟาร์มมิ่ง นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการจับคู่การลงทุน เพื่อสนับสนุนให้เกิดกิจการสตาร์ตอัปขึ้น เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจให้กับประชาชนด้วย

สุดท้ายในด้านการขยายโอกาสสำหรับประเทศไทย นายอนุทิน ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า นอกจากโอกาสทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดเด่นตลอดมา ประเทศไทยกำลังอยู่ในกระบวนการของการทำงานเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยการพิจารณาต้นทุนทางวัฒนธรรมเพื่อนำมาต่อยอด สร้างประสบการณ์ต่อประชาคมโลกผ่านการท่องเที่ยว สินค้า บริการ และความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ 

รองนายกรัฐมนตรีของไทย ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลต่อที่ประชุมถึงกลไกการดำเนินนโยบาย ผ่านเครือข่ายการปกครองของกระทรวงมหาดไทยที่มีอยู่ทั่วประเทศ และให้ความมั่นใจว่า ไทยยินดีให้ความร่วมมือกับประเทศอาเซียนทั้งในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และต่อยอดความเป็นหุ้นส่วนในด้านต่าง ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการประชุม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้ยืนยันถึงความพร้อมของประเทศไทย ในการเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน ด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 14 ในปี พ.ศ. 2568 อีกด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top