Sunday, 19 May 2024
พิธา_ลิ้มเจริญรัตน์

'พิธา' เยือนมาเลย์ ตามหาอนาคตให้เศรษฐกิจภาคใต้ ยกบทเรียนปีนังสร้างอุตสาหกรรมไฮเทค ฟื้นเมือง

หลังจบสมัยประชุมสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เดินทางไปเมืองจอร์จทาวน์ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าพบนาย Chow Kon Yeow มุขมนตรี ผู้นำฝ่ายบริหารรัฐปีนัง และเข้าร่วมประชุมกับสภาอุตสาหกรรมรัฐปีนังและสถาบัน Penang Institute ที่เป็นสถาบันการวิจัยการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐปีนัง

พิธากล่าวว่า วาระในการเยือนปีนังในครั้งนี้คือการตามหาอนาคตให้กับอุตสาหกรรมไทย และเศรษฐกิจภาคใต้ของประเทศไทย หลายคนอาจทราบอยู่แล้วว่า ปีนังที่เคยเป็นท่าเรือส่งออกดีบุกและยางพาราของไทยมานับร้อยปี จนทุกวันนี้ไทยไม่เหลือดีบุกแล้ว เหลือแต่ยางพารา แต่ปีนังที่ผูกพันกับภาคใต้ของไทยมายาวนานได้ยกระดับตัวเองเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมไฮเทคระดับโลกไปแล้ว มีสมญานามว่า 'ซิลิคอนวัลเลย์' แห่งตะวันออก

“ผมเลือกมาปีนังเป็นที่แรกๆ หลังจากประกาศวิสัยทัศน์ ‘จากน้ำสะอาดสู่ชิพคอมพิวเตอร์’ เพราะปีนังมีความ ‘เหมือน’ และความ ‘ต่าง’ กับประเทศไทยที่ทำให้ผมเชื่อว่าการสร้างอุตสาหกรรมอนาคตที่ไฮเทคให้กับเมืองไทยยังเป็นไปได้” พิธากล่าว

ในส่วนความเหมือน พิธาขยายความว่าอยู่ที่ความสำคัญของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E&E สำหรับปีนังอุตสาหกรรม E&E มีมูลค่าการส่งออกปีละ 3 ล้านล้านบาท จ้างงาน 300,000 คน สำหรับประเทศไทย E&E ก็สำคัญมากเช่นกันด้วยมูลค่าส่งออกปีละ 2 ล้านล้านบาท จ้างงาน 750,000 คน ซึ่งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งที่ไทยและปีนัง เริ่มสร้างมา 40 ปีก่อนเหมือนกัน เริ่มสร้างจากการเป็นฐานการประกอบชิ้นส่วนที่มูลค่าเพิ่มต่ำ และเน้นแข่งขันกับโลกด้วยราคาแรงงานที่ต่ำ แต่เมื่อจีนและเวียดนามเปิดประเทศในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ก็ทำให้ทั้งไทยและปีนังสูญเสียศักยภาพการแข่งขันเรื่องค่าแรงไปช่วงหนึ่งเลยทีเดียว

แต่สิ่งที่แตกต่าง พิธากล่าวว่า คือการที่ปีนังสามารถที่จะปรับตัว ยกระดับอุตสาหกรรม และคว้าโอกาสจากสงครามการค้าและวิกฤติภูมิรัฐศาสตร์จนสามารถดึงนักลงทุนที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมาได้อย่างมหาศาลจนในปี 2564 การลงทุนในปีนังเติบโตถึง 440% สามารถกลับมาเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมไฮเทคระดับโลกได้อีกครั้ง มีโครงการลงทุนที่เป็นข่าวเช่น การลงทุนโรงงานประกอบและทดสอบเซมิคอนดักเตอร์ของ Intel มูลค่า 2.5 แสนล้านบาท

“สินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทยไปมาเลเซียก็คืออิเล็กทรอนิกส์ สินค้าส่งออกอันดับ 1 จากมาเลเซียมาไทยก็อิเล็กทรอนิกส์เหมือนกัน มาเลเซียเป็นผู้ผลิต Magnetic Disk มาผลิตเป็น Hard Disk Drive ส่งให้ไทยไปขายทั่วโลก แต่ถ้าเราจะยังเชื่อมโยงกันมากขึ้นต่อไปในอนาคต ประเทศไทยก็ต้องพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน ความเร็วของบริการภาครัฐ กฎระเบียบภาครัฐ และศักยภาพบุคลากร เพื่อให้ตอบโจทย์นักลงทุนไฮเทค” พิธากล่าว

'นักวิชาการ' ชำแหละ!! 'พระเอกลิเก' นักด้อยค่าความเป็นไทย ฝันจะเป็นนายกฯ

เมื่อไม่นานมานี้ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความในเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า...

สถานะ:
•พระเอกลิเก 
•นักด้อยค่าความเป็นไทย
•ฝันจะเป็นนายกฯ

รถไฟไทยที่ทันสมัยมีให้พูดถึง
แต่นักด้อยค่าความเป็นไทย เลี่ยงที่จะพูดถึง เพราะกลัวคนรู้ความจริงว่า 8 ปีกับรัฐบาลประยุทธ์ พัฒนาไทยก้าวไกลไปสูดกู่

รถไฟฟ้า BTS และ MRT ก็คือรถไฟ

'พิธา - ศิริกัญญา' เข้าพบกลุ่มไฟฟ้าฯ สอท. ร่วมหาแนวทางยกระดับเทคโนโลยีประเทศไทย

ในวันที่ 20 กันยายน 2565 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลในฐานะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจของสภาผู้แทนราษฎรได้เข้าพบ ดร.ขัติยา ไกรกาญจน์ ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยกระดับเทคโนโลยีของประเทศ

พิธากล่าวว่า หลังจากปิดสมัยประชุมสภาตนก็ได้นั่งรถไฟไปพบกับมุขมนตรีและสภาอุตสาหกรรมของปีนัง เพื่อถอดบทเรียนความสำเร็จของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ต่อเนื่องกันในวันนี้จึงได้ขอเข้าพบประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ฯ ซึ่งภาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญกับประเทศ เนื่องจากมีมูลค่าการส่งออกกว่า 2.2 ล้านล้านบาท และจ้างงานถึง 750,000 คน ในวันนี้จึงได้มาหารือถอดบทเรียนการพัฒนาอุตสาหกรรมตลอด 40 กว่าปีที่ผ่านมา และทำให้ได้เข้าใจถึงสิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมในไทยต้องสู้มาตลอดหลายสิบปี ในเรื่องเช่น

‘พิธา’ วอนขอ ส.ส. โหวตหนุน ‘สุราก้าวหน้า’ ชี้!! เพื่ออนาคตเกษตรกร-ผู้ประกอบการรายย่อย

พิธา อภิปรายโค้งสุดท้าย ‘สุราก้าวหน้า’ เทียบกฎกระทรวงกับร่างสุราก้าวหน้าแตกต่างชัดเจน ยังคงกีดกันการค้ารายย่อยหนุนทุนใหญ่ผูกขาดเหมือนเดิม พร้อมกระตุกจิตสำนึก ส.ส. โหวตเสร็จคงจะกลับไปกินเหล้านอกต่อไม่ว่ากัน แต่ขอโหวตเพื่ออนาคตของเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยด้วย

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนร่างแก้ไข พ.ร.บ.สรรพสามิต หรือร่างกฎหมาย ‘สุราก้าวหน้า’ ที่กำลังมีการอภิปรายในวาระ 2 และจะมีการลงมติวาระ 3 ในวันนี้ พร้อมชี้ข้อเปรียบเทียบกับกฎกระทรวง ว่าด้วยการผลิตสุรา ที่ออกมาใหม่โดยรัฐบาลเมื่อวานนี้

พิธาระบุว่าหลักการที่สำคัญที่สุดในการพิจาราเรื่องนี้ คือการเอาสภาพข้อเท็จจริงและศักยภาพของผู้ประกอบการ มาเทียบกับร่างกฎหมายสุราก้าวหน้า และกฎกระทรวงที่ออกมาเมื่อวานนี้ ว่าสิ่งใดที่เหมาะสมกับข้อเท็จจริงของประเทศและศักยภาพของผู้ประกอบการมากกว่ากัน

ซึ่งหากเป็นกฎกระทรวงที่ออกมาเมื่อวานนี้ กล่าวได้ว่าเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนจากล็อกเก่ามาเป็นล็อกใหม่เท่านั้น หากพิจารณาตามข้อเท็จจริง ผู้ประกอบการจินหรือรำ ทั้งที่เชียงใหม่ หนองคาย สงขลา สุราษฎร์ธานี ที่เป็นผู้ประกอบการระดับโลก ส่งออกไปได้ 17 ประเทศ ชนะการประกวดทั้งที่ปารีส โตเกียว ฮ่องกง ชนะคู่แข่งจากออสเตรเลีย อาร์เจนติน่าจะไม่ได้รับการปลดล็อกจากกฎกระทรวงฉบับนี้ ด้วยการกำหนดกำลังการผลิตขั้นต่ำ 30,000 ลิตรต่อวันที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย รวมทั้งการที่ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความจำเป็น

'ก้าวไกล' จัดเต็ม!! เปิดนโยบายสวัสดิการชุดใหญ่ ครอบคลุมทุกวัย ตั้งแต่เกิดจนตาย มีเงินจ่าย ทำได้จริง

(5 พ.ย. 65) บริเวณศูนย์เด็กเล็กในวัดลาดพร้าว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดงานแถลงนโยบายชุดที่สอง ‘สวัสดิการไทยก้าวหน้า’ ความตอนหนึ่งว่า ชุดนโยบาย ‘สวัสดิการไทยก้าวหน้า’ เป็นหนึ่งใน 9 ชุดนโยบายของพรรคก้าวไกล เสมือนจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่ต้องนำมาต่อกับชิ้นอื่นๆ จึงจะกลายเป็นภาพประเทศไทยก้าวหน้าที่สมบูรณ์ จะขาดชิ้นใดชิ้นหนึ่งไม่ได้ โดยเหตุผลที่เลือกบริเวณศูนย์เด็กเล็กและวัดลาดพร้าวเป็นสถานที่เปิดนโยบายสวัสดิการ เพราะเป็นสัญลักษณ์ของวงจรชีวิตที่คนไทยจำนวนมากมาเริ่มที่นี่และจบที่นี่ เสมือนจุดที่สวัสดิการเริ่มต้นและจุดที่สวัสดิการสิ้นสุด

ชุดนโยบายสวัสดิการไทยก้าวหน้านั้น เกี่ยวข้องกับปากท้องโดยตรง แต่ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงกับนโยบายด้านอื่นๆ เช่น การเมือง เพราะการทำสวัสดิการต้องใช้งบประมาณมาก ต้องอาศัยการจัดสรรงบประมาณใหม่ เอางบความมั่นคงมาเป็นงบสวัสดิการ เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้ ประเทศก็ต้องเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ อำนาจต้องเป็นของประชาชน หรือ เช่น เศรษฐกิจ เพราะการทำให้ประชาชนมีความมั่นคง จะทำให้เขากล้าเดินตามความฝันในสายอาชีพที่อาจมีความเสี่ยง แต่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลให้กับประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์

พิธา ยกตัวอย่างสถิติในปี 2564 ที่เป็นปีแรกที่มีจำนวนเด็กเกิดใหม่น้อยกว่าคนเสียชีวิต โดยส่วนหนึ่งสังคมที่สูงวัยขึ้นก็มาจากการที่คนอายุยืนเพราะระบบสาธารณสุขไทยเข้มแข็ง สะท้อนถึงความสำเร็จของประกันสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งเป็นสวัสดิการ แต่จำนวนเด็กที่เกิดน้อยลงส่วนหนึ่งก็มาจากความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและความมั่นคงของชีวิตในอนาคต ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องแก้ด้วยสวัสดิการเช่นกัน 

บุคคลหนึ่งที่พูดถึงสวัสดิการมานาน ที่เรียกว่า ‘ตั้งแต่ครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน’ คือ ศ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ แต่ผ่านมาหลายสิบปี สังคมไทยวันนี้ยังมีสวัสดิการที่ไม่ครอบคลุม ในวันที่ประชาชนมีความตื่นตัวสูงขึ้นเรื่องสวัสดิการ พรรคก้าวไกลจึงขอใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้รัฐสวัสดิการเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย 

นโยบายสวัสดิการของเรา เชื่อในการที่คนไทยพร้อมช่วยเหลือกันในยามลำบาก การเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข เพียงแต่ที่ผ่านมายังขาดการออกแบบอย่างเป็นระบบ

นโยบายสวัสดิการของพรรคก้าวไกลจะสร้างประเทศที่ ‘เป็นธรรม’ โดยการลดความเหลื่อมล้ำที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น สร้างประเทศที่ ‘ปลอดภัย’ สำหรับทุกคนโดยการวางตาข่ายรองรับคุณภาพชีวิตและโอกาสที่เท่าเทียมกันของประชาชน และสร้างประเทศที่ ‘ปลดปล่อย’ ศักยภาพของคนไทยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไปข้างหน้า คนรุ่นใหม่จะกล้าเสี่ยงสร้างธุรกิจหรือไล่ตามความฝันของตัวเองมากขึ้น เพราะรู้ว่าถ้าพลาดไป ล้มแล้วยังลุกได้

“เรามาเสนอรัฐสวัสดิการที่ทำได้จริง ไม่ได้ขายฝัน สามารถหาเงินมาจ่ายรัฐสวัสดิการได้ทุกบาททุกสตางค์ เป็นนโยบายสวัสดิการก้าวหน้า ตั้งแต่เกิดจนตาย” พิธากล่าว

'พิธา' นำทีม 'ก้าวไกล' พบปะปชช.เสนอสวัสดิการก้าวหน้า กร้าว!! ขอสร้าง ปท.ที่ 'เป็นธรรม - ปลอดภัย - เท่าเทียม'

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลเขตลาดพร้าว พบปะประชาชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนรอบวัดลาดพร้าว เพื่อสำรวจความเดือดร้อนและสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายสวัสดิการก้าวหน้าที่พรรคเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565

ประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะในส่วนของสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง ที่ในขณะนี้ถือว่ามีจำนวนมากในชุมชน และครอบครัวเห็นว่าการดูแลจากภาครัฐในปัจจุบันนั้นยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละเดือน ทั้งยังจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนวัยทำงานในการแบ่งเบาภาระต้องเลี้ยงดูพ่อแม่อีกด้วย

สำหรับชุดนโยบายสวัสดิการไทยก้าวหน้าที่พรรคก้าวไกลเสนอเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน แบ่งตาม 5 ช่วงวัย และมีทั้งหมด 19 นโยบาย ได้แก่...

วัยเกิด ประกอบด้วย...
(1) ของขวัญแรกเกิด 3,000 บาท ให้พ่อ-แม่ซื้อสิ่งของจำเป็นในการเลี้ยงลูก
(2) เงินเด็กเล็กเดือนละ 1,200 บาท
(3) สิทธิลาคลอด 180 วัน พ่อแม่แบ่งกันได้
(4) ศูนย์ดูแลเด็กใกล้บ้านและที่ทำงาน

วัยเติบโต ประกอบด้วย...
(5) เรียนฟรี อาหารฟรี มีรถรับส่ง
(6) คูปองเปิดโลก ให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้นอกห้องเรียน
(7) ยกเลิกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มผ้าอนามัยและนำร่องแจกผ้าอนามัยฟรีในโรงเรียน

'พิธา' มั่น!! ผลงานท้องถิ่นคณะก้าวหน้า หนุนคนร้อยเอ็ดมั่นใจพรรคก้าวไกล

'พิธา' เชื่อ ผลงานท้องถิ่นคณะก้าวหน้า หนุนคนร้อยเอ็ดยิ่งมั่นใจก้าวไกล ยก 'อาจสามารถ' น้ำประปาดื่มได้ ช่วยประชาชนเข้าใจ 'ประชาธิปไตยกินได้'

ไม่นานมานี้ ที่จังหวัดร้อยเอ็ด พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมพบปะสมาชิกและผู้สนับสนุนที่ศูนย์ประสานงานพรรค จ.ร้อยเอ็ด รวมทั้งลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชนและนำเสนอแนวนโยบายพรรคในหลายจุดทั่วจังหวัด

รังสิมันต์ กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้ต้องการแค่ผลคะแนน ไม่ได้ต้องการแค่เป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ แก่นแกนของพรรคก้าวไกล คือการต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมไม่ว่าจะยุคสมัยไหนหรือรูปแบบใด ผ่านนโยบายต่าง ๆ เช่น การปฏิรูปที่ดินให้เป็นธรรม การปฏิรูปกองทัพ ที่ไม่ได้มีเป้าหมายแค่เพื่อป้องกันรัฐประหารเท่านั้น แต่คือการคิดว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น รวมทั้งการปลดล็อกท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็มที่และมีงบประมาณเพียงพอในการดูแลชีวิตประชาชน

โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ยกตัวอย่างเงินผู้สูงอายุ 3,000 บาท ไม่ใช่แค่นโยบายกู้มาแจกตามที่บางฝ่ายกังวล แต่คือนโยบายที่คิดมาเป็นอย่างดีว่านอกจากจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ยังช่วยเหลือประชาชนวัยทำงานที่ต้องดูแลลูกและพ่อแก่แม่เฒ่า ให้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง สามารถใช้ชีวิต กล้าลอง กล้าฝัน ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชุดนโยบาย 'สวัสดิการไทยก้าวหน้า' ที่จะดูแลประชาชนทุกช่วงวัย โดยจากการพบปะประชาชน สามารถบอกได้ว่านโยบายนี้เป็นนโยบายที่ได้รับเสียงตอบรับดีที่สุดจากประชาชนทุกช่วงวัย

‘พิธา’ นำทีมผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกลฝั่งธนฯ ประกาศความพร้อมสะบัดธงส้มทั้งธนบุรี มั่นใจประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ส่ง ส.ส.เข้าสภากวาดที่นั่งครบทุกเขต

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมนำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ในฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานคร ร่วมเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวผู้สมัคร ทั้ง 9 คนใน 10 เขต และแสดงความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ พร้อมมั่นใจว่าชาวฝั่งธนบุรีมีความต้องการเปลี่ยนแปลง และพร้อมสนับสนุนว่าที่ผู้สมัครทั้ง 9 คนของพรรคก้าวไกลให้เข้าไปเป็นผู้แทนของทุกคน

พิธา ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนก่อนการเดินสายพบปะประชาชน โดยระบุว่าพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจต่อผลการเลือกตั้งในฝั่งธนบุรีเป็นพิเศษทโดยเฉพาะเมื่อดูจากผลการเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมา คือในปี 2562 เมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ ที่พรรคก้าวไกลได้ ส.ส. 6 จาก 9 เขต ส่วนในการเลือกตั้ง สก. พรรคก้าวไกลก็ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งไม่ก็อันดับสองอยู่หลายเขต ซึ่งทำให้เห็นว่าธนบุรีเป็นพื้นที่ที่ประชาชนมีความต้องการเปลี่ยนแปลงสูง

โดยที่บัดนี้ พรรคก้าวไกลได้ตัวว่าที่ ส.ส. ครบทั้ง 10 เขตแล้ว และเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อม โดยมีทั้งอดีต ส.ส. ที่ทำงานได้ดีทั้งในพื้นที่และในประเด็นระดับชาติและยังมีผู้สมัครหน้าใหม่จากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคสังคม การเมืองภาคประชาชน อดีตผู้บริหาร ผู้ประกอบธุรกิจส่งออก ผู้จัดการธนาคาร อดีตพนักงานสายการบิน และอดีตบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจว่าจะผู้สมัครทั้ง 10 คนนี้ จะเป็นผู้แทนที่มีคุณภาพและสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ฝั่งธนบุรีในอนาคตได้

พิธา ยังกล่าวต่อไป ว่าจุดเด่นของฝั่งธนบุรี ซึ่งมีพื้นที่กว่า 450 ตารางกิโลเมตร มีประชากรกว่า 4.7 ล้านคน และอยู่ไม่ไกลจากฝั่งพระนครมากนัก คือศักยภาพทั้งในเรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการใช้ประโยชน์พื้นที่ริมน้ำ ขณะเดียวกันธนบุรีก็มีสิ่งที่เป็นความท้าทายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคมนาคม สิ่งแวดล้อม ความแออัด และการปะทะขัดแย้งกันระหว่างวิถีชุมชนเก่าริมน้ำกับวิถีชุมชนใหม่ที่มีทั้งหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมีเนียม ซึ่งควรจะต้องจัดสรรการพัฒนาให้มีควรมสอดคล้องและสมดุลกันได้

โดยเฉพาะในเรื่องของการคมนาคม ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกลในฝั่งธนบุรีหลายคน ได้เล็งเห็นถึงประเด็นดังกล่าวและมีแนวคิดร่วมกัน ว่าควรมีการพัฒนาระบบการคมนาคมทางน้ำขึ้นมาเสริมและชดเชย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าไม่ถึงระบบขนส่งสาธารณะเส้นเลือดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือถนนสายหลักต่างๆ

‘ก้าวไกล’ ชูนโยบาย “ลดงานครู คืนครูให้นักเรียน” พร้อมเดินหน้าแก้หนี้ครู - เพิ่มค่าตอบแทนครูบรรจุใหม่

‘ก้าวไกล’ ประกาศนโยบาย “ลดงานครู คืนครูให้นักเรียน” ยกเลิกครูนอนเวร ลดงานธุรการเอกสาร เพิ่มค่าตอบแทนครูบรรจุใหม่ ชวนเปลี่ยนวิธีปฏิรูปการศึกษา เลิกคิดจากหอคอยงาช้าง มาแก้ปัญหาที่ครู-นักเรียนเจอในชีวิตประจำวัน

(16 ม.ค. 66) พรรคก้าวไกล โดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยนโยบายของพรรคก้าวไกล ได้ประกาศนโยบายเนื่องในโอกาสวันครูแห่งชาติ “ลดงานครู คืนครูให้นักเรียน” เพื่อแก้ปัญหาภาระงานเอกสารและงานอื่น ๆ ที่ดึงครูออกจากห้องเรียน

พิธา กล่าวว่า มีงานวิจัยของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่ได้ทำการศึกษาเอาไว้ว่าใน 1 ปี มีวันเปิดเรียน 200 วัน แต่ครูต้องใช้เวลา 84 วัน หรือ 42% ไปกับงานนอกห้องเรียน ปัญหาเรื่อง งานที่ดึงครูออกจากห้องเรียนถูกพูดถึงกันมานาน คำถามคือทำไมเรื่องนี้ถึงยังแก้ปัญหาไม่ได้ ก้าวไกลจึงได้ตั้งโจทย์การทำนโยบายใหม่ ด้วยการที่ทีมนโยบายเราลงไปเก็บข้อมูลจากครูที่อยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร คือครูผู้ช่วยบรรจุใหม่ ที่เงินเดือนน้อยที่สุด แต่ต้องรับภาระงานแทบจะมากที่สุดในโรงเรียน

ปัญหาที่คุณครูเล่าให้เราฟัง หลายเรื่องนักปฏิรูป หรือผู้บริหารจากส่วนกลาง/ส่วนภูมิภาคอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็ก อย่างการจัดผ้า จับจีบ สร้างพิธีกรรมต้อนรับผู้บริหารกระทรวง หรือการเข้าเวรอยู่โรงเรียนในยามวิกาล แต่สำหรับครูระดับล่างสุดที่เป็นผู้ปฏิบัติงานที่ต้องรับผิดชอบห้องเรียน สิ่งเหล่านี้กินพลังงานและชั่วโมงการทำงานมหาศาล จนส่งผลกระทบกับการจัดการเรียนการสอน

“นี่จึงเป็นที่มาของการทำข้อเสนอ 10 ข้อ ที่ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราสามารถแก้ได้ทันที คือ 1) ยกเลิกให้ครูเข้าเวร ทันที! 2) ยกเลิกพิธีการ จัดจีบ จัดผ้า จัดโต๊ะ ตั้งบอร์ด ในการประเมินผล ทันที! 3) ห้าม ผอ. ใช้ครูทำผลงาน ให้ครูประเมินผล ผอ. 360 องศา 4) ลดงานธุรการครู เพิ่มงานบริหารให้ผู้บริหาร 5) ระบบกรอกต่าง ๆ ต้องไม่ล่ม จบในระบบเดียว 6) ยกเลิกการเขียนรายงานเมื่อไปอบรมหรือปฏิบัติราชการ 7) เลิกการส่งครูไปอบรม! เปลี่ยนเป็นให้เงิน เพื่อให้ครูเลือกไปเรียนรู้แทน  8) ห้าม! สพฐ. จัดอบรมในวันที่มีการเรียนการสอน 9) ระบบรับเรื่องร้องเรียนตรงถึงรัฐมนตรี 10) เพิ่มค่าตอบแทนครูบรรจุใหม่ให้มากกว่า 20,000+ บาท/เดือน"

‘พิธา’ ร่อนจดหมายรับ ‘วันกองทัพไทย’ ลั่น ‘ก้าวไกล’ เป็น รบ. เลิกเกณฑ์ทหารแน่นอน

‘พิธา’ ร่อนจดหมายรับวันกองทัพไทย ให้คำมั่นเลิกเกณฑ์ทหาร-วัฒนธรรมอำนาจนิยม เปลี่ยนให้เป็นกองทัพเพื่อปกป้องประชาชน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่อนจดหมายเปิดผนึกเนื่องในวันกองทัพไทย ความว่า

ถึงพี่น้องทหารไทยทุกคน อย่างที่หลายท่านทราบ พรรคก้าวไกลเรายืนยันมาตลอดตั้งแต่ครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ ถึงความจำเป็นของการ 'ปฏิรูปกองทัพ'

แน่นอนว่าในมุมหนึ่ง การปฏิรูปกองทัพ เป็นวาระระดับประเทศ ที่หมายถึงตั้งแต่การแยกทหารออกจากการเมือง การยุติวงจรรัฐประหาร การทำให้กองทัพมีความโปร่งใส-ตรวจสอบได้ รวมถึงการทำให้กองทัพมีขนาดและภารกิจที่เท่าทันต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งล้วนจำเป็นต่อการรักษาประชาธิปไตย ส่งเสริมเศรษฐกิจ และปกป้องผลประโยชน์ประชาชนในภาพรวม

แต่อีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับการปฏิรูปกองทัพ เพราะเราเชื่อว่าการปฏิรูปกองทัพเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพื่อคุ้มครองคุณภาพชีวิตของพลทหารทุกคน ทั้งที่ถูกบังคับเกณฑ์เข้ามา และที่สมัครเข้ามาเพราะรักในอาชีพทหาร แต่กลับถูกกดทับและเอารัดเอาปรียบด้วยค่าตอบแทนที่ไม่เพียงพอ อนาคตที่ไม่มั่นคง ภารกิจงานที่ไม่ตรงปก ชีวิตที่ไม่ปลอดภัยจากการถูกละเมิดสิทธิ และการถูกปฏิบัติโดยผู้บังคับบัญชาบางคนที่ไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

นักการเมืองในคราบทหารในรัฐบาลปัจจุบันและเครือข่ายผลประโยชน์ในกองทัพบางฝ่าย จะพยายามตีตราและตีขลุมว่าเรา - พรรคก้าวไกล - เป็นปฏิปักษ์ต่อกองทัพ แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

จริงอยู่ เรายืนอยู่ตรงข้ามกับ ทหารที่ล้มล้างประชาธิปไตย ผ่านการยึดอำนาจจากประชาชนและสืบทอดอำนาจตัวเอง
จริงอยู่ เรายืนอยู่ตรงข้ามกับ ทหารที่ถืออภิสิทธิ์เหนือประชาชน และใช้อำนาจโดยมิชอบกับคนที่เขาควรปกป้อง และจริงอยู่ เรายืนอยู่ตรงข้ามกับ ทหารที่กอบโกยผลประโยชน์จากภาษีประชาชน และปฏิเสธการตรวจสอบ แต่เรายืนยันว่าทั้งหมดที่ทำ เพราะต้องการยืนอยู่เคียงข้างประชาชนและทหารทุกคนที่ให้เกียรติประชาชน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top