Sunday, 19 May 2024
พิธา_ลิ้มเจริญรัตน์

ลงชื่อในแถลง ‘ก้าวไกล’ ค้านย้าย ‘หมอสุภัทร’ เสี่ยงผิด รธน.ฐานแทรกแซงแต่งตั้ง โทษถึงขั้นพ้น ส.ส.

'ก้าวไกล' แถลงคัดค้านย้าย 'หมอสุภัทร' จาก ผอ.รพ.จะนะ ไป รพ.สะบ้าย้อย อ้างเป็นเรื่องการเมือง พร้อมจี้ สธ.ทบทวนคำสั่ง ขณะที่ 'พิธา' ลงชื่อในแถลงการณ์เอง เสี่ยงทำผิด รธน.มาตรา 185 แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย ส่อโดนศาลสั่งพ้นสภาพ ส.ส.

เมื่อวานนี้ (26 ม.ค. 66) ที่ผ่านมา หลังจาก นพ.สวัสดิ์ อภิวัจนีวงค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปฏิบัติราชการแทนปลัด สธ. ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 125/2566 เรื่อง ย้ายข้าราชการ โดยการย้ายครั้งนี้ มี นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผอ.รพ.สะบ้าย้อย ในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สงขลา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนาม คือ วันที่ 25 ม.ค. 2566 เป็นต้นไปแล้วนั้น

พรรคก้าวไกลได้ออกแถลงการณ์ ลงชื่อโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อแสดงจุดยืนต่อเรื่องดังกล่าว มีรายละเอียดระบุว่า “จากกรณีมีคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขโยกย้ายข้าราชการ นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา มีผลตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

“พรรคก้าวไกลขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว และขอตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการโยกย้ายด้วยเหตุผลทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากนายแพทย์สุภัทรเป็นข้าราชการที่ทำงานเป็นปากเสียงแทนประชาชน มีความกล้าหาญในการแสดงความเห็นคัดค้านผู้มีอำนาจ และเปิดเผยข้อมูลสาธารณสุขที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขทบทวนคำสั่งดังกล่าวโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การออกแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลคัดค้านการย้าย นพ.สุภัทร และขอให้กระทรวงสาธารณสุขทบทวนคำสั่งย้ายดังกล่าว มีความสุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 185 ที่ระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ใช้สถานะหรือตําแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภากระทําการใด ๆ อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่าย หรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในเรื่องดังต่อไปนี้

‘พิธา’ ชี้แก้ฝุ่นพิษ PM 2.5 ต้องกล้าชนกลุ่มทุน ต้นตอนำเข้า ‘ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์’ ที่เผาป่าเพิ่มพื้นที่ปลูก

‘พิธา’ ชี้แก้ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่ต้นตอ ต้องกล้าชนกลุ่มทุน ยกข้อมูลพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เติบโตสัมพันธ์กับจุดความร้อน ลั่น ‘ก้าวไกล’ เป็นรัฐบาล ใช้สิงคโปร์โมเดล ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-สินค้าเกษตรนำเข้า ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน GAP กำหนดกฎหมาย ผู้มีส่วนสร้างหมอกควันพิษ ต้องรับผิดชอบทั้งทางอาญา-แพ่ง

(27 มี.ค. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤติในหลายจังหวัดภาคเหนือว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ PM2.5 ในภาคเหนือรุนแรงมาก บางจังหวัดเช่นเชียงใหม่ กลายเป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก บางวันสถานการณ์รุนแรงเกินกว่าที่เครื่องวัดฝุ่นละอองจะวัดได้ ข้อเสนอในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ โดยเฉพาะด้านการป้องกัน บรรเทา และเตือนภัย คงมีคนพูดถึงไปเยอะแล้ว ตนจึงขอพูดอีกประเด็นสำคัญที่ยังไม่ถูกพูดถึงมากนัก นั่นคือต้นตอของสาเหตุที่ทำให้ PM2.5 รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

หลายคนรู้ปัญหาดีว่าต้นเหตุของฝุ่น PM2.5 ที่มากขนาดนี้มาจากการเผา โดยเฉพาะการเผาเพื่อขยายพื้นที่เกษตรกรรม แต่เบื้องหลังของการเผาเพื่อขยายพื้นที่เกษตรกรรม คือธุรกิจการเกษตรที่ทำธุรกิจอย่างไม่รับผิดชอบ ข้อมูลจาก GISTDA เปิดเผยว่าวันที่ 26 มีนาคม 2566 เพียงวันเดียว ประเทศเมียนมาพบจุดความร้อน 10,563 จุด สปป.ลาว 9,652 จุด และไทยพบจุดความร้อนถึง 5,572 จุด สูงที่สุดในรอบ 5 ปี จำนวนจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้น สัมพันธ์กับจำนวนพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 10.6 ล้านไร่ ในรอบ 7 ปีที่ผ่านมาของประเทศลาว เมียนมา และไทย

สาเหตุของการเผาไม่ต้องไปหาอื่นไกล เกิดจากประเทศไทยของเราเอง ดังจะเห็นได้จากข้อมูลการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน คือเมียนมา ลาว กัมพูชา ที่เพิ่มขึ้นจากประมาณ 770 ล้านบาท ในปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 14,325 ล้านบาทในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 18 เท่า การขยายตัวของกลุ่มทุนไทยที่เข้าไปรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้าน คือต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเผาป่าเพื่อขยายพื้นที่เกษตรกรรมในลาวและเมียนมา และเป็นที่มาของฝุ่น PM2.5 ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในภาคเหนือของประเทศไทย

“ทุกตันข้าวโพด-ปาล์มน้ำมันที่มาจากการเผาป่า แลกมาด้วยอากาศบริสุทธิ์และอายุขัยคนไทย จะแก้ปัญหา PM2.5 นอกจากต้องมีมาตรการผ่านกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศแล้ว สิ่งสำคัญที่จะแก้ได้จากใจกลางของปัญหา คือต้องกล้าจัดการกับต้นตอที่ทำให้เกิดการก่อมลพิษในประเทศของเราเองด้วยการประกาศนโยบาย ‘ไม่ยอมรับการเผาทุกกรณี’ ” พิธากล่าว

พิธากล่าวต่อว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะประกาศทันทีว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสินค้าเกษตรที่นำเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะที่ผ่านด่านการค้าในภาคเหนือ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) เป็นอย่างน้อย เพื่อไม่ให้นำเข้าสินค้าเกษตรที่มีที่มาจากการเผาเหล่านี้เข้าสู่ประเทศไทย ตัดวงจรการเผา ลบจุดแดงบนแผนที่ทางอากาศ

บัญชีทรัพย์สิน ‘พิธา’ ส่อเค้ามีปัญหา หลังไม่แจ้งถือหุ้นบริษัท ‘พรพนา พลัส’ ต่อป.ป.ช.

เจาะบัญชีทรัพย์สิน ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’  ที่แจ้งป.ป.ช. หลังพ้นตำแหน่งส.ส. พรรคก้าวไกล 20 มี.ค. 2566 ส่อวุ่น พบไม่แจ้งการถือหุ้นในบริษัท ‘พรพนา พลัส’ ธุรกิจครอบครัวของตระกูล ลิ้มเจริญรัตน์

หลังจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 มีทรัพย์สิน 85,023,720.18 บาท หนี้สิน 20,740,176.02 บาท

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ว่านายพิธาอาจยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินไม่ถูกต้องครบถ้วน เนื่องจากในรายละเอียดประกอบรายการเงินลงทุน 65 รายการ ที่นายพิธายื่นต่อป.ป.ช. ไม่พบว่าได้มีการยื่นการถือหุ้นในบริษัท พรพนา พลัส จำกัด ที่มีชื่อนายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นลำดับที่ 3 จำนวน 1,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท รวมเป็นเงิน 100,000 บาท แต่อย่างใด

สำหรับข้อมูล บริษัท พรพนา พลัส จำกัด จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าในแบบ บอจ 5 ได้ระบุการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2566 มีชื่อนายพิธา ถือหุ้นในบริษัท พรพนา พลัส จำนวน 1,000 หุ้น เลขที่หมายเลขหุ้น 02001-03000 ลงวันที่ 9 มกราคม 2550 

บริษัท พรพนา พลัส จำกัด จดทะเบียน เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2550 วัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจการซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเอง เพื่อการพักอาศัย

ผู้ถือหุ้น บริษัท พรพนา พลัส มีจำนวน 6 คน ประกอบด้วย
นางอัญชลี ลิ้มเจริญรัตน์
นางเปล่งศรี ลิ้มเจริญรัตน์
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
นายบรรลือ ลิ้มเจริญรัตน์
นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์
นายแสง ลิ้มเจริญรัตน์

ทั้งนี้ นายพิธา ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.ว่า มีรายได้เงินเดือน 1,362,720 บาท รายได้จากการขายทรัพย์สิน ขายคอนโดปี 2563 จำนวน 13,673,506 บาท ขายรถ 2 คันปี 2565 จำนวน 936,000 บาท ขายหนังสือ 431,712 บาท

ส่วนค่าใช้จ่ายประกอบด้วย ค่าอุปโภคบริโภค 2,400,000 บาท ค่าเบี้ยประกัน 80,973.4 บาท ค่าท่องเที่ยว 100,000 บาท เงินบริจาค 5,193,000 บาท รวมค่าใช้จ่าย 3,879,223.4 บาท

นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายบุตร  ประกอบด้วย ค่าอุปโภคบริโภค 120,000 บาท ค่าเบี้ยประกัน 28,985.48 บาท ค่าเล่าเรียน 413,000 บาท รวม 561,985.48 บาท

นายพิธา แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.ว่า มีทรัพย์สิน ประกอบด้วยข้อมูลรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เงินสด 1,800,000 บาท เงินฝาก 286,045.70 เงินลงทุน 1,346,698.98 บาท เงินให้กู้ยืม 15,000,000 บาท ที่ดิน 18,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 15,000,000 บาท ยานพาหนะ 2,140,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 19,413,985.50 บาท ทรัพย์สินอื่นๆ 12,036,990 บาท เช่น โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง สูท 16 ตัว เนคไท 76 เส้น รองเท้า 21 คู่ นาฬิกา 10 เรือน พระเครื่อง 8 องค์ รวมทรัพย์สิน 85,023,720.18 บาท

ส่วนหนี้สิน ที่นายพิธา แจ้งต่อป.ป.ช.ประกอบด้วย เงินเบิกเกินบัญชี 807,414 บาท หนี้สินอื่น 19,932,762 02 บาท รวมหนี้สิน 20,740,176.02 บาท

การยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ครั้งนี้นายพิธาได้แจ้งถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) 42,000 หุ้น มูลค่า 44,100 บาท และบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสทรี จำกัด(มหาชน) 880 หุ้น 41.50 บาท โดยหมายเหตุว่า ผู้ยื่นในฐานะผู้จัดการมรดก ตามคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ 1860/2550 ได้รับมอบหมายจากทายาทผู้มีสิทธิรับมรกดกของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ตาย ให้รับโอนหลักทรัพย์หุ่นนี้อันเป็นกองมรดกถือครองไว้แทนทายาทอื่น

นอกจากนี้ นายพิธายังแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ว่าได้ให้เงินกู้ยืมแก่นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ 15 ธ.ค. 2563 จำนวน 15,000,000 บาทอีกด้วย

'พิธา' ถึงนิวยอร์ก โพสต์ภาพแต่งสูทจัดเต็ม เตรียมร่วมกาลาดินเนอร์ นิตยสาร TIME

(24 ต.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ภาพชุดในเมืองนิวยอร์ก ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pita Limjaroenrat พร้อมระบุว่า “New York Minute” หลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีคนเข้าไปกดไลก์และแสดงความคิดเห็น รวมทั้งแชร์ต่อออกไปอย่างต่อเนื่อง

โดยก่อนหน้านี้ นายพิธา มีกำหนดการเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 24-31 ตุลาคมนี้ มีกำหนดการดังนี้ โดยในช่วงเย็นวันที่ 24 ต.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) นายพิธาจะเข้าร่วมงานกาลาดินเนอร์ ซึ่งได้รับเชิญจาก TIME เนื่องในโอกาสที่ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน TIME 100 NEXT ผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลง ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต

วันที่ 25 ตุลาคม เวลา 13.00-14.00 น. มีกำหนดการพบปะคนไทยในสหรัฐอเมริกา ที่วัดพุทธไทยถาวรวนาราม นครนิวยอร์ก

วันที่ 26 ตุลาคม เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป เดินทางไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อบรรยายหัวข้อ Moving Forward: Thailand, ASEAN & Beyond (ภาษาอังกฤษ) ที่ Tsai Auditorium, CGIS South Building, 1730 Cambridge Street, Cambridge, MA

วันที่ 28 ตุลาคม เวลา 10.00-12.00 น. ร่วมวง ‘Fireside Chat with Pita Limjaroenrat’ ในฐานะศิษย์เก่า MIT (พูดคุยภาษาไทยเท่านั้น) โปรดสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ http://bit.ly/tim_pita ที่นั่งมีจำนวนจำกัด

นักเขียนดัง ยก 'พิธา' ร่วมงานกาล่า Time100 ที่ NYC ทรงเกียรติ เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลังยิ่งกว่า 'ลิซ่า-มิลลิ' หลายเท่า

(25 ต.ค. 66) จากเฟซบุ๊ก 'Veeraporn Nitiprada' โดย วีรพร นิติประภา นักเขียนนวนิยายและเรื่องสั้นชาวไทย ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

คุณทิมไปร่วมงานกาล่า Time100 ที่ NYC ในฐานะ 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลของโลก ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่และทรงเกียรติที่สุดในโลกค่ะ 

คุณแกไปในฐานะหัวกะทิของโลก เป็นบุคคลสร้างชื่อเสียงให้ประเทศนะคะ ความจริงเรื่องนี้สื่อมวลชนควรตีฟูหรูหราด้วย มันเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าลิซ่ากับมิลลิหลายเท่า (จำไม่ผิดลิซ่าก็เคยเป็นหนึ่งใน Time100 ด้วย)

ระหว่างทางยังแวะพูดที่ ม.ชั้นหนึ่ง Harvard กับ MIT ด้วย อันนี้โก้จริงค่ะ หน้าตาประเทศมากมาย

คนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร หรือไม่ชอบก็เฉย ๆ เถิด ไม่มโนว่าแกไปเดินเล่นถ่ายรูปสร้างภาพ แล้วก็ด่าๆๆ เลอะเทอะนะคะ 

ส่วนน้องบริคช่างภาพเธอก็เป็นนิวยอร์คเกอร์ อยู่ที่นั่นมาตั้งแต่อายุสิบแปด สามอาทิตย์ก่อนตอนเธอรู้ว่าวอนรพีไป NYC เธอก็หลังไมค์มาขอถ่ายรูป…ทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊กนี่แหละ

ช่างภาพพอร์ตเทรตเขาจะชอบคนคาร์แร็คเตอร์ชัดเจน แตกต่าง แล้วเธอยังเป็นแฟนขลับตลก69  ฮ่าๆๆ พอน้องบอกใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที วอนรพีก็ยอม ใครรู้จักจะรู้ว่าชีไม่ชอบปฏิเสธคน ถ่ายจริงน่าจะครึ่งชั่วโมงแค่นั้นจริง ๆ แต่รูปออกมาคือโคตรดี น้องเก่งมาก

พอรู้ว่าคุณทิมไป NYC เธอก็น่าจะอยากถ่ายเหมือนกัน ก็คุณคาร์แร็คเตอร์ขนาดนั้น แล้วเธอก็น่าจะแฟนคลับคุณทิมด้วยอีกคน คนรุ่นใหม่ก็ชอบคุณแกทั้งนั้นนิ ที่แน่ ๆ คือคุณแกไม่ได้ลงทุนเอาช่างภาพไปเองเพื่อการสร้างภาพหรอกค่ะ

คนอย่างคุณพิธาแกไม่ต้องสร้างภาพอย่างใคร ๆ แล้วมั้งคะ

'พิธา' พบคนไทยในนิวยอร์ก เจอถือป้ายขับไล่ "คนโกหกเชื่อถือไม่ได้" ร้อนถึงพระคุณเจ้าต้องห้ามทัพ หวั่นกระทบกระทั่ง 'ด้อมส้ม'

เมื่อวานนี้ (25 ต.ค. 66) ช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่นของมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางไปพบปะพี่น้องคนไทยในเขตควีนส์ของมหานครนิวยอร์ก ทันทีที่นายพิธา มาที่วัดพุทธไทยถาวร ในเขตชุมนุมชาวไทยที่ eimhurst queens ny กับย่านไทยทาวน์ที่อยู่ใกล้เคียงกับวัด โดยมีทั้งฝ่ายสนับสนุนมาต้อนรับ กับฝ่ายตรงข้ามมาไล่ต้อน

ทั้งนี้ มีฝ่ายสนับสนุนรายหนึ่งเผยว่า ตนและเพื่อน ๆ ยอมหยุดงานมาให้กำลังใจพิธาในวันนี้ พร้อมชี้ว่าหากวันหนึ่งเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี เธอจะเดินทางกลับไปบ้านเกิดอีกครั้ง เราต้องการนายกฯ คนรุ่นใหม่ไฟแรงเพื่อมาพัฒนาประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มของฝ่ายตรงข้ามที่มาถือป้ายไล่ต้อนนั้น ได้นำป้ายที่มีข้อความว่า L I A R คนโกหกเชื่อถือไม่ได้ หลอกลวง ท่ามกลางผู้สนับสนุนที่มาต้อนรับ งานนี้ร้อนถึงพระคุณเจ้าต้องเข้ามาห้ามทัพและพูดคุยทั้งสองฝ่าย โดยไม่มีรายงานว่ามีการปะทะหรือกระทบกระทั่งแต่อย่างใด ทั้งนี้ นายพิธา มีกำหนดเดินทางไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

‘คนวงใน’ จวก!! ‘พิธา’ จัดแฟนมีต ฉบับหลงตัวเองกลางนิวยอร์ก ทำตัวเป็นเซเลป ขอคัดเลือกคนเข้าพบผ่านการส่ง CV

(27 ต.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘Street Hero V3’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ยังไงๆ” พร้อมรูปภาพที่เป็นคำกล่าวอ้างในฐานะคนทำงาน และโหวตเตอร์ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า…

คุณพิธาคะ วิธีการทำงานกับชุมชนของคุณพังนะคะ 

เข้าใจว่ามานิวยอร์กอยากพบปะคนทำงานประสบความสำเร็จใน ตปท. แต่ทีมไม่ทำการบ้านมาเลย เล่นหว่านอินไวท์ไปทั่วสารทิศ แถมยังบอกให้คนส่ง CV ไปให้ตัวเองเลือกว่าจะคุยกะใคร เพ้อเจ้อมาก แอพโพรชแบบนี้มันมีฐานคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลาง เป็นเซเลป ใครๆ ก็ต้องอยากเข้าพบ ดิฉันติดตรงนี้มาก นี่ไม่ใช่ปัญหาลอจิสติก แต่เป็นปัญหาปรัชญาการทำงาน ไม่เล็กสำหรับดิฉัน

เอาใหม่นะคะ วันหลังอยากคุยกับใครให้นัด ไม่ใช่ให้เขาออดิชั่นเข้าพบ แสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วไม่ได้รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร ไม่มีอเจนด้า เป็นงานออปติก แล้วนัดล่วงหน้านะคะ ไม่ใช่มาบอกภายในวีคเดียวกัน คนประสบความสำเร็จ เขามีงานมีการทำ ไม่ได้ว่างไปเจอได้ตามสะดวกคุณเสมอ

ทำงานชุมชนต้องให้เกียรติคนในชุมชนที่คุณทำงานกะเขาด้วย วางตัวให้อยู่ในระนาบเดียวกันให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาคุยกันค่ะ

ผิดหวังในฐานะคนทำงานและในฐานะโหวตเต้อค่ะ

'พิธา' จ้อ!! เวทีคาร์เนกี้ฯ ด้อยค่ารัฐบาลหลังเลือกตั้ง แค่มติคนชั้นบน 1% ซัด!! 10 ปีที่ผ่านมาเป็นทศวรรษที่สูญหายของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่กำลังอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐอเมริกา ได้เข้าร่วมรับเชิญให้เป็นผู้บรรยายสถานการณ์ประเทศไทย โดยองค์กรกองทุนคาร์เนกี้เพื่อสันติภาพโลก (Carnegie Endowment for International Peace) ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในหัวข้อ ‘What’s Next for Thailand’ (ก้าวต่อไปสำหรับประเทศไทย)

โดยนายพิธา ได้ตอบคำถามแรกเริ่มของพิธีกร ที่ขอให้พิธานิยามสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยหลังการเลือกตั้งว่าเป็นอย่างไร ซึ่งนายพิธาระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งคือการสร้างฉันทมติร่วมของคน 1% ด้านบนสุด ในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันยุติความขัดแย้งระหว่างเสื้อเหลือง-เสื้อแดงที่ดำเนินมาตลอด 17 ปี โดยแลกกับการผิดสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดการจัดแนวร่วมใหม่ระหว่างประชาชนที่อยู่ในส่วนล่างของทั้งสองข้าง จนกลายเป็นการแบ่งขั้วใหม่ในปัจจุบัน

นายพิธา ยังกล่าวต่อไปว่าผู้นำมีฐานของการใช้อำนาจได้สองอย่าง คืออำนาจ (authority) ความชอบธรรม (legitimacy) หรือมีทั้งสองอย่าง แน่นอนว่าผู้ที่ไม่ชนะการเลือกตั้งแต่ได้โอกาสในการปกครอง ก็คือผู้ที่มีอำนาจแต่ไม่มีความชอบธรรมจากประชาชน ผู้ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเลือกแล้วว่าอยากให้มีการทำตามสัญญาในนโยบายใด การใช้งบประมาณแบบใด การจัดลำดับความสำคัญสิ่งที่จะทำก่อน-หลังอย่างไร ซึ่งในฐานะฝ่ายค้าน ตนจะพยายามทำงานอย่างสร้างสรรค์โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มอบทางเลือกให้กับประชาชน โดยไม่ใช่การจ้องจะล้มรัฐบาลทุกวัน เพราะตนสามารถรอได้

พิธีกรได้ถามต่อถึงกรณีการเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ที่มีการหารือถึงประเด็นเศรษฐกิจเป็นหลัก ในยามที่โลกกำลังเผชิญความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ แล้วนายพิธามองกรณีดังกล่าวว่าเป็นโอกาสของประเทศไทยเช่นกันหรือไม่

นายพิธา ระบุว่า โดยพื้นฐานประเทศไทยเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในอาเซียนในด้านขนาดเศรษฐกิจ แต่เป็นประเทศที่เติบโตต่ำที่สุดเป็นอันดับสองเช่นกัน สิบปีที่ผ่านมาเป็นทศวรรษที่สูญหาย เศรษฐกิจที่ดีอาจดีสำหรับ 1% แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่เหลือ สำหรับวิกฤติเซมิคอนดักเตอร์ ตนเห็นว่ามาเลเซียมีโอกาสมากที่สุดในการได้ประโยชน์จากกรณีเซมิคอนดักเตอร์ ผู้ว่าการรัฐปีนังเคยให้ข้อมูลแก่ตนว่า 40% ของรายได้จากการลงทุนต่างชาติของมาเลเซีย มาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมาเลเซียมีความได้เปรียบกว่าประเทศไทย ทั้งในด้านทรัพยากรมนุษย์ ทักษะ และภาษา ดังนั้น จึงเป็นการยากสำหรับประเทศไทยที่จะแข่งขัน แม้แต่ประเทศในอาเซียน ในการตักตวงประโยชน์จากวิกฤติห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์

นายพิธา กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ตนเสนอ คือ การหาสิ่งที่ ‘นิช’ กว่า สิ่งที่เป็นโอกาสให้กับประเทศไทยได้ก็คือซิลิคอนคาร์ไบด์ ที่เป็นอะไรที่เล็กเกินไปสำหรับสหรัฐอเมริกา อินเดีย หรือญี่ปุ่น แต่ใหญ่พอที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ประเภทอีวี โซลาร์เซลล์ ฯลฯ ได้ และนั่นคือสิ่งที่เราพอจะแข่งขันได้ เมื่อพิจารณาถึงความพร้อมและงบประมาณที่ประเทศไทยมีอยู่ 

สำหรับตนแล้ว เป้าหมายที่สำคัญเฉพาะหน้าคือสันติภาพของเอเชีย คำถามก็คือประเทศไทยจะอยู่ที่ไหนในการเดินหน้าสู่เป้าหมายนี้ ที่ผ่านมาประเทศไทยมีความสัมพันธ์กับมหาอำนาจแต่เพียงเรื่องพันธมิตรด้านความมั่นคง การค้า และการเป็นส่วนหนึ่งของโลกาภิวัตน์ จึงถึงเวลาที่จะจัดสรรสถานะของประเทศไทยใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีวาระมากมายทีประเทศไทยสามารถร่วมมือกับโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ต่อต้านคอร์รัปชัน การค้า สิทธิแรงงาน ฯลฯ และจะต้องมีการจัดสรรความสัมพันธ์ใหม่ให้ออกจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน

“สำหรับผมเมื่อประเทศไทยสามารถจัดการปัญหาภายในประเทศของเราได้แล้ว จะต้องทำงานกับอาเซียน โดยเริ่มที่ 5 ประเทศผู้ก่อตั้งอาเซียนเป็นขั้นต่ำ เพื่อเป้าหมายในการนำพาอาเซียนสู่การเป็นอำนาจกลาง ที่จะสามารถนำพาประโยชน์ร่วมกันได้ ประเทศไทยเป็นประเทศขนาดเล็ก หากไม่ทำงานร่วมกับประเทศอาเซียน เราก็จะยังคงเป็นแค่ประเทศหนึ่งในอาเซียนต่อไป ประเทศไทยจึงมีบทบาทที่จะต้องทำ ในการจัดการปัญหาในประเทศไทย แล้วค่อยก้าวขึ้นมาสู่การเป็นอำนาจกลางร่วมกับอาเซียน ที่จะมีบทบาทในการจัดสมดุลใหม่ให้กับโลกไม่มากก็น้อย” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ยังกล่าวต่อไปว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่ดูห่างไกลในความรู้สึกของคนไทยจำนวนมาก ทั้งที่ในความเป็นจริง มันล้วนเกี่ยวข้องกับต้นทุนปุ๋ยที่สูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน แรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส วิกฤติในแดนเมียนมาและการโยกย้ายถิ่นฐานทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ถ้าประเทศไทยไม่มีส่วนร่วมในความสัมพันธ์ต่างประเทศเลย เราจะยังคงต้องจ่ายต้นทุนจากการไม่มีส่วนร่วมและไม่ได้รับประโยชน์อะไรต่อไป และเราทำเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้ แต่ต้องทำด้วยกันในฐานะอาเซียน

ทั้งนี้ ประเทศไทยจะต้องมีการทบทวน จัดสมดุลใหม่ จัดสรรความสัมพันธ์ใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การพึ่งพาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากเกินไปในช่วงรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารทำให้หลายประเทศที่เคยเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งของประเทศไทยเริ่มเหินห่างไป แต่ตอนนี้เป็นยุคที่เราสามารถกลับเข้าสู่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหม่ได้อีกครั้ง ด้วยความระมัดระวังและท่าทีที่มีสมดุล และขึ้นอยู่กับหลักการมากกว่าข้างฝ่าย

‘ป.ป.ช.’ เผยทรัพย์สิน ‘พิธา’ รวย 65 ลบ. หนี้ลด 19 ลบ. ไม่พบถือหุ้น iTV แต่มีที่ดินเพิ่มอยู่ ‘ปทุมฯ-เชียงใหม่’

(3 พ.ย. 66) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ สส. กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 จำนวน 90 ราย โดยมีรายชื่อที่น่าสนใจคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โดยนายพิธา แจ้งสถานภาพโสด พร้อมกับระบุว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 65,530,955 บาท และมีหนี้สิน โดยเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 463,263 บาท

ทรัพย์สินของนายพิธา ประกอบด้วย เงินสด 1,800,000 บาท เงินฝาก 22 บัญชี มูลค่ารวม 2,789,741 บาท เงินลงทุน 64 รายการ มูลค่ารวม 1,337,777 บาท ในจำนวนนี้ไม่พบหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เงินให้กู้ยืม 15,000,000 บาท โดยแจ้งว่า ให้กู้ยืมแก่ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นน้องชาย ที่ดิน 2 แปลงในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 2 ไร่เศษ และในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ 1 ไร่ แจ้งว่าได้มาในปี 66 มูลค่ารวม 11,776,000 บาท ซึ่งในจำนวนนี้ไม่พบที่ดิน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เป็นประเด็นก่อนหน้านี้ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นห้องชุดในเขตวัฒนา กรุงเทพ มูลค่า 15,000,000 บาท ยานพาหนะแจ้งว่า เป็นรถยนต์ Majesty รถจักรยานยนต์ และจักรยานไฟฟ้า รวม 4 คัน มูลค่ารวม 2,140,000 บาท

ส่วนสิทธิและสัมปทานเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิต 4 รายการ ได้แก่ ลิขสิทธิ์หนังสือ 4 รายการ นอกจากนั้นยังแจ้งว่ามีใบจองรถ Tesla และสมาชิกราชกรีฑาสโมสรมูลค่ารวม 3,650,446 บาท ทรัพย์สินอื่น 12,036,990 บาท โดยมีรายการที่น่าสนใจคือ โทรศัพท์มือถือ 3 รายการ เสื้อ 28 ตัว สูท 16 ตัว เนกไท 76 ชิ้น รองเท้า 21 คู่ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 28 รายการ ชุดเฟอร์นิเจอร์ 1 รายการ กล้อง 2 รายการ นาฬิกา 10 เรือน พระเครื่อง 8 รายการ

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับรายละเอียดทรัพย์สินที่นายพิธา ยื่นไว้กรณีพ้นตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 66 พบว่า นายพิธามีทรัพย์สินลดลง 19,192,765 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับรายการหนี้สินอื่นที่แจ้งไว้ 19,932,762 บาท ซึ่งไม่ปรากฏในการยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งล่าสุด

เปิดโปง!! สงคราม Wikipedia เปลี่ยนข้อมูล 'พิธา' ด้วยมือ 'ด้อมส้ม' สะท้อน!! หากคิดใช้เป็นเครื่องมืออ้างอิงเชิงวิชาการ คงต้องคิดให้ดีๆ

(20 พ.ย. 66) จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Chawalit Limsowan' ได้โพสต์ข้อความถึงสงครามบนโลก Wiki ในช่วงไม่กี่วันนี้ ว่า...

การต่อสู้กันบน Wiki ช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก 🤣🤣

19 พ.ย. สามทุ่มเศษ ด้อมส้มที่ใช้เน็ต TrueMoveH เข้ามาพยายามช่วยคุณพิธา โดยเปลี่ยนอายุตอนที่ไปนิวซีแลนด์จาก 11 ปี ไปเป็น 16 ปี

20 พ.ย. ตีหนึ่งเศษ มีคนมาเปลี่ยนกลับ

ต่อมา 20 พ.ย. 8 โมงเศษ ๆ มีอีกรายเข้ามาแก้ข้อความรายละเอียดให้ ‘ดราม่ายิ่งขึ้น’ (เพิ่มคำว่า ‘ด้วยความที่เป็นเด็กเกเรและมีพฤติกรรมหมิ่นเหม่ และเป็นภัยต่อสังคม’) ก่อนเปลี่ยนใจเปลี่ยนกลับไปใช้ข้อความดั้งเดิม

ใครใช้ Wikipedia เป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงเชิงวิชาการ น่าพิจารณาคุณสมบัติอันนี้ประกอบนะครับ ^_^

ใครสนใจติดตามดราม่าเรื่องนี้ เข้าไปดูได้ที่ลิงก์นี้ครับ

https://th.wikipedia.org/w/index.php?title=พิธา_ลิ้มเจริญรัตน์&diff=prev&oldid=11151193 

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02WJZnThauq83g3eVCS2Yz4xPpmSjcjrnuESbJo7D5b2SvSGg46CL7S8GBu7T8bi1Gl&id=100000686209796&mibextid=Nif5oz 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top